“น้อมส่งฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” หมิงอี้เป่าหลง“น้อมส่งฝ่าบาทเพคะ” หนิงเซียนทั้งคู่มองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง เป่าหลงจึงกล่าวขึ้น เพื่อทำลายความเงียบ“ข่าวว่าบุตรีแม่ทัพลู่ เป็นหญิงงามอันดับ 1วันนี้ข้าพบว่า ท่าน งดงามเกินคำชมเหล่านั้นมากนัก” เขากล่าวชม“องค์ชายกล่าวเกินไปเพคะ หม่อมฉันเพียงสตรีธรรมดาทั่วไปเพคะ”นางพูดอย่างเหนียมอาย นางคิดว่าองค์ชายเป่าหลงเองก็ดูงดงาม ไม่ต่างกับท่านอ๋อง ที่สำคัญ เป็นถึงองค์รัชทายาท ที่จะขึ้นครองพระราชบัลลังก์ ยังไงเสีย นางก็มีแต่ได้กับได้ ทั้งตำแหน่ง ทรัพย์สมบัติ และตำแหน่งแม่ของแผ่นดิน ยังไงก็เหนือกว่าพระชายาอ๋อง“องค์ชายมาที่แคว้นฉินสักพักแล้ว เป็นอย่างไรบ้างเพคะ ชอบที่นี่หรือไม่เพคะ” นางถาม“ที่นี่อากาศดี ผู้คนเป็นมิตร สตรีก็งดงาม อาหารอร่อย ข้า ถูกใจยิ่งนัก”เขาบอกหนิงเซียน นางถึงกับอาย และยิ้มตอบให้องค์ชาย“แต่อีกไม่กี่วัน องค์ชายก็ต้องเสด็จกลับแล้วมิใช่หรือเพคะ”นางเอ่ยถาม“เป็นดังที่คุณหนูเข้าใจ”เขาตอบกลับอย่างสุภาพ“เรียกหม่อมฉันว่าหนิงเซียนก็ได้เพคะองค์ชาย เสียดายที่รู้จักองค์ชายช้าไป หากมิเช่นนั้น หม่อมฉันจะได้พาองค์ชาย เที่ยวรอบๆ เมืองหลวงเพคะ”หนิงเซ
เมื่อฟางซิน และอ๋องเฉิงขึ้นรถม้าแล้ว เขาจับนางมานั่งใกล้ๆ เขา ไม่ยอมให้นั่งอีกฝั่ง นางตามใจเขา เพราะนางต้องการอยากรู้บางเรื่องที่เขาจะบอกนางมากกว่า“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์บอกว่า มีเรื่องจะคุยกับหม่อมฉัน”นางเริ่มถามทันที“เจ้าจะรีบร้อนไปไหน พักสักหน่อยไม่ได้หรือ”เขาพูด ตอนนี้ตัวเขามีกลิ่นสุราอ่อนๆ เนื่องจากดื่มกับแขกผู้ใหญ่ในงานมาพอสมควร“หากพระองค์ไม่พูด หม่อมฉันจะงีบนอนแล้วนะเพคะ หม่อมฉันง่วง ถึงแล้วเรียกก็แล้วกัน”นางบอกแบบฉุนเฉียวเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวว่าหากเจ้านอนแล้ว ตื่นมาอีกที ก็อยู่บนเตียงข้าอีกหรือ” เขาหยอกนางนางหันขวับมาค้อนเขา ความทรงจำครั้งก่อนกลับคืนมาในสมอง ไม่ นางจะหลับไม่ได้ อ๋องของนางเจ้าเล่ห์เพียงนี้ ถึงขั้นมาขออนุญาตท่านพ่อไปส่งนางดึกดื่นได้หน้าตาเฉย ยังมีเรื่องอะไรที่เขาจะทำไมได้อีกล่ะ“พระองค์รีบพูดธุระมาเถิดเพคะ หม่อมฉันเพลียมากจริงๆ อีกสักพักก็จะไม่มีสมาธิฟังแล้วจริงๆ” นางบอก ตอนนี้นางไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับเขาจริงๆ“ก่อนกลับ ข้าไปคุยกับฝ่าบาทมา เรื่องขอพระราชทานงานสมรสให้เรา”เขาบอกนาง นางหันมา ทำหน้าตกใจเล็กน้อย“จำเป็นด้วยหรือเพคะ จริงๆ ก็แค่จัดตามประ
รถม้าเคลื่อนมาถึงจวนแม่ทัพลู่แล้ว เฉิงอ๋องปลุกฟางซินให้ตื่น นางตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ“เจ้าเดินไหวหรือไม่ ให้ข้า พยุงเจ้าไปส่งที่เรือนดีไหม” “ไม่ต้องหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่เป็นไร เดี๋ยวชุนเอ๋อก็มารับ นี่ดึกมากแล้ว พระองค์รีบกลับไปพักเถอะเพคะ”นางบอกเขา ระหว่างที่เขา พยุงนางลงจากรถม้า“งั้น พรุ่งนี้ หากเสร็จธุระจากในวังแล้ว ข้าจะแวะมาหาเจ้านะ”“เพคะ กลับไปพักผ่อนเถอะเพคะ” นางบอก พร้อมกับได้ยินเสียงชุนเอ๋อเดินออกมารับนาง“ชุนเอ๋อมาแล้ว พระองค์ไม่ต้องห่วงเพคะ” นางกำชับเขา“เจ้าเดินเข้าไปเถอะ รอเจ้าเดินไป เดี๋ยวข้าจะกลับ”เขาบอกนาง ฟางซินเลยเดินเข้าจวนไปพร้อมกับชุนเอ๋อ เขาเลยกลับขึ้นรถม้า เพื่อจะกลับจวนวันต่อมาฟางซินกำลังจัดหาของขวัญสำหรับวันเปิดร้านให้กับเจียฟู่เฉิงในวันอีก 4 วันข้างหน้า นางเตรียมเครื่องหอมชุดใหญ่ และกำยานอีก 2 ชุด เพื่อประดับร้านของเขา สิ่งนี้น่าจะเหมาะกับร้านผ้าไหมของเขา ก่อนที่ชุนเอ๋อจะมาแจ้งว่า“คุณหนูเจ้าคะ ท่านอ๋องมาเจ้าค่ะ” นางแจ้งฟางซิน“เจ้าให้เด็กเตรียมชา และของว่าง แล้วตามข้าไปที่สระบัวกลางสวนทีนะ”ฟางซินสั่งชุนเอ๋อ ก่อนที่จะเก็บของ และเดินออกไปพบท่านอ
หลังจากส่งท่านอ๋องไปแล้ว ฟางซินก็กลับเข้ามาที่ห้องโถง ซึ่งตอนนี้องค์ชายเป่าหลง และหนิงเซียนนั่งอยู่“ทำไมท่านอ๋องดูรีบร้อนจัง มีอะไรด่วนหรือน้อง 3”หนิงเซียนเอ่ยถาม“มีคำสั่งด่วน เห็นว่าต้องรีบเข้าเฝ้าฝ่าบาทเจ้าค่ะ”นางพูด พร้อมนั่งลงเก้าอี้ว่าง“ด่วนขนาดไหนถึงต้องรีบขนาดนั้นกันเชียว”หนิงเซียนเกิดสงสัย“เห็นว่า องค์หญิงซีเหนียนกลับมาแล้วเพคะ” ฟางซินพูด พร้อมกับคิดถึงชื่อนี้ ที่ต้าหรงเอ่ยออกมา นั่นสิ แล้วทำไมต้องรีบขนาดนี้ล่ะ องค์หญิงเสด็จกลับมา ทำไมฝ่าบาทต้องเรียกท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าด้วย ฟางซินดูออกแค่เพียงเหตุผลเดียวแล้วลอบถอนหายใจ“เฮ้อ” ฟางซินถอนหายใจหนิงเซียนมองหน้าองค์ชายเป่าหลง“คุณหนู 3 เจ้าบอกว่า องค์หญิงซีเหนียน กลับมาแล้วงั้นหรือ” องค์ชายเอ่ยถาม“ใช่แล้วเพคะ” นางตอบสั้นๆ อย่างใจลอย“ข้ารู้จักนางนะ ข้าเคยเจอกับนาง ตอนไปเรียนที่สำนักศึกษาที่แคว้นจ้าว”เขาบอกนาง ฟางซินหันกลับมาที่องค์ชาย“นางเป็นองค์หญิงที่อายุน้อยที่สุดในสำนักศึกษา ดูแลโดยอาจารย์หญิง นางค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง เพราะมีโรคหอบ เป็นโรคประจำตัว ใครๆ ก็เลยเอาใจนาง กลัวโรคกำเริบ นางมักจะเอาโรคนี้ มาอ้างให้คนตามใจนาง
องค์หญิงซีเหนียน หลังจากถูกเฉิงอ๋องปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย นางก็เอาแต่ขังตัวเองไว้ในห้อง แม้ว่านางจะตกใจจนกระทั่งเข่าอ่อน ล้มลงต่อหน้าเขา เขายังไม่หันมาแลนางสักนิด เกิดอะไรขึ้น นี่เขาไปโดนสตรีผู้นั้นทำเสน่ห์มาอย่างนั้นหรือ เขาถึงได้ลุ่มหลงขนาดนี้ นางอยากจะเห็นนัก มันผู้ใดกัน ที่บังอาจมาแย่งผู้ชายกับนาง เห็นที งานเลี้ยงต้อนรับนางพรุ่งนี้ คงต้องจัดการสักหน่อยแล้ว“บ้าที่สุด เจ็บใจนัก ข้าจะต้องเอาท่านคืนมาให้ได้ พี่ลี่หมิง ท่านเป็นของข้า แค่ข้าคนเดียว”นางฉุนเฉียวอยู่ในห้อง จนกระทั่ง หน้าต่างห้องนางเปิดออก ลมพัดเข้ามา นางเดินไปปิดหน้าต่าง และ“เงียบ ข้ามาดี หากพระองค์ต้องการได้ท่านอ๋องคืน ต้องทำตามที่กระหม่อมพูด แต่พระองค์ จะกล้าหรือเปล่า” เงานั้นปล่อยนาง นางเห็นเพียงชุดดำๆ ในเงามืดในห้องเท่านั้น คนคนนี้ไปมาไร้ร่องรอย หากนางร้อง คงไม่มีใครช่วยนางทัน“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด แล้วข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร”นางบอกกับคนผู้นั้น และเขาก็ค่อยๆ เปิดหน้าออกมา“นี่ เจ้าเองเหรอ”เขาเอามือมาปิดปากนางเอาไว้“อย่าส่งเสียงดัง ข้ามาหาท่าน เพราะข้ามีข้อเสนอ”นางรับปาก พยักหน้า ให้เขาพูดต่อ“เจ้ามีอะไรก
“เจ้ามาแล้วเหรอ ข้ามารอเจ้าอยู่นานแล้ว ไปไหนมาหรือ”“พี่ใหญ่พึ่งกลับมาถึง เลยไปต้อนรับเพคะ”นางพูด หันหลังให้เขา อยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง“พระองค์มีธุระอะไรหรือเพคะ”นางถาม ยังคงหันหลังอยู่เหมือนเดิม เฉิงอ๋องเองรู้สึกแล้วถึงความผิดปกตินี้ คู่หมั้นของเขากำลังไม่พอใจเขาเป็นแน่ เรื่องเมื่อวานที่ไม่ได้มากินข้าวกับนาง เขาเดินมาจะกอดนาง นางเบี่ยงตัวทัน และมานั่งที่โต๊ะ กลางห้อง“หากท่านอ๋องมีธุระจะคุย ไปด้านนอกดีกว่าเพคะ อยู่ข้างในนี้คงไม่เหมาะสม เชิญเพคะ”นางเดินไปที่ประตู แต่เฉิงอ๋องถึงก่อนและใช้มือบังเอาไว้“ข้าไม่ได้เข้ามาทางประตู ออกไปคุยข้างนอก เกรงว่าจะหาเหตุผลให้ผู้อื่นยากนะ”เขาพูด พลางเห็นหูของสาวน้อยแดงเหมือนลูกตำลึง เขาเลยถือโอกาสกอดนางจากด้านหลัง สูดกลิ่นหอมจากตัวนางและแอบหอมแก้มนาง นางเบี่ยงหน้าหนี“ข้าขอโทษ ที่มาไม่ทันอาหารเย็นเมื่อคืนนี้ ข้าติดธุระ คุยกับแม่ทัพเนี่ย เขาบอกว่าพี่ชายเจ้าจะมาถึงวันนี้ ข้าเลยคุยกับเขาเรื่องชายแดนนานไปหน่อย เจ้า ไม่โกรธข้าได้ไหม นะ ฟางซิน”นางฟังเหตุผลจากเขา นางคิดไปเองคนเดียว นางคิดว่าเขาอยู่ทานข้าวกับองค์หญิงในวัง จึงไม่ได้มาหานาง นางไม่รู้ว่าเขา
ฟางซินแอ่นหลังเล็กน้อย จังหวะที่เฉิงอ๋องพรมจูบทั่วหลังของนาง เขาจับนางหันหน้ามา และรีบจูบนาง เขาจู่โจมเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกว่านางตื่นเต้นกว่าปกติ หรือน้ำนี่ร้อนเกินไปกันแน่ แต่ที่ร้อนกว่าน้ำในอ่างตอนนี้คือใจเขา เขาแทบจะทนไม่ไหว ยิ่งเห็นนางในอ่างน้ำแบบนี้ เขาจะอดใจไหวได้อย่างไร เขาค่อยๆ เลื่อนลงมาที่คอและไหล่ของนาง ก่อนที่จะชิมดอกบัวกลางอกของนาง นางส่งเสียงครางเบาๆ“อืออ ท่านอ๋อง เดี๋ยวคนได้ยินเพคะ อ๊ะ อย่าเพคะ”เขาเผลอเม้มปากเบาๆ ลงตรงและค่อยๆ ใช้ลิ้นชิมทีละส่วนมืออีกข้างของเขาล้วงลงไปข้างล่างอย่างเคยชิน ฟางซินดิ้นอย่างหมดทางหนีรอด นางบิดไปมาตามจังหวะที่เขาทำ“อ๊ะ อ๊าา ท่านอ๋อง อ๊า”เฉิงอ๋องไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เขากัดเบาๆ“เจ้าเรียกผิดนะน้องหญิง” เขาเตือนสตินาง ซึ่งตอนนี้แทบไม่มีสติเหลืออยู่แล้ว ตานางพร่ามัวไปหมด มือเขายังไม่หยุด และตอนนี้ลิ้นเขาเริ่มลงมืออีกแล้ว นางคงจะทนได้อีกไม่นานนัก“อ๊าา ท่านพี่ อ๊ะ ข้า ท่านพี่ ข้า ไม่ไหวแล้ว อ๊าา…” นางร้องออกมาสุดเสียง เขาต้องรีบผละจากหน้าอกนาง มาอุดปากนางไว้ด้วยจูบ เสียงนางดังเกินไปแล้ว ตัวนางเกร็งและกระตุกเบาๆ ในน้ำ เขาค่อยๆ เคลื่
ในงานเลี้ยง ดำเนินไปเรื่อยๆ ซีเหนียนลอบมองอ๋องเฉิงและฟางซินตลอดเวลาที่พิธีการเริ่ม ในสายตาของพี่ลี่หมิง ไม่สนผู้ใดเลย นอกจากนางที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา เขาคอยหันไปถามนางเกือบตลอดเวลา ถึงนางจะไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน แต่ความใส่ใจระดับนั้น นางไม่เคยได้รับจากเขาเลยสักครั้ง ทำให้นางยิ่งรู้สึกเจ็บใจ อิจฉาอย่างรุนแรง แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต นางจึงพยายามทำตัวให้เป็นปกติฟางซินเองก็แอบมององค์หญิงซีเหนียน ระหว่างที่นางเดินเข้ามาในห้องโถง เห็นท่านอ๋องบอกว่า นางอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนาง แต่ดูแล้ว องค์หญิงซีเหนียนน่าจะอายุน้อยกว่านาง 2-3 ปีเมื่อพิธีการต้อนรับอย่างเป็นทางการจบลง ก็ถึงช่วงเวลาตามอัธยาศัย ตอนนี้เองที่ซีเหนียน เดินเข้ามาทักทายองค์ชายเป่าหลง“คารวะองค์ชายเพคะ"นางทักทายเป่าหลง“คารวะองค์หญิง ท่านสบายดีนะ ไม่พบกันเสียนาน อาการป่วยของท่าน ตอนนี้หายดีแล้วหรือยัง”เป่าหลงทักทายและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบซีเหนียน เพราะเป็นศิษย์ที่เดียวกันตอนเรียนที่แคว้นจ้าว“สบายดีเพคะ ท่านพี่เป่าหลง อาการข้าหายดีเป็นปกติแล้ว ไม่ทันไรก็หาพี่สะใภ้ให้ข้าได้แล้วหรือเพคะ” นางแซว"ออ ใช่ ข้าลืมแนะนำ นี่ลู่ ลู่หนิง
“กรุบกรับๆๆๆ”เสียงม้าที่โดนเฆี่ยนเพื่อให้วิ่งเร็วที่สุดของอ๋องเฉิงและจินเยว่ วิ่งออกนอกเมืองมาอย่างสายลม“เร็วเข้าสิ เร็วอีก”“ท่านอ๋อง ท่านอย่าพึ่งรีบร้อน น้องสามไม่เป็นอะไรหรอก นางอยู่กับแม่นมเถา นางจะปลอดภัย ย่าส์....”จินเยว่รีบควบม้าให้ทันว่าที่ท่านพ่อหมาดๆที่ขี่ม้านำเขาไปอีกแล้ว ม้าของท่านอ๋องกลับไปต้องดูแลกันอย่างหนักเลยทีเดียวเหตุการณ์เริ่มจากเมื่อตอนสาย หลังจากที่เฉิงอ๋องออกมาจากจวนเพื่อจะมารับคำสั่งเพื่อจัดส่งเสบียงที่จะไปชายแดนฝั่งตะวันออก เมื่อเขามาถึงไม่นาน และรับจดหมายคำสั่ง จินเยว่ก็ขี่ม้ามาหาเขา เพื่อแจ้งข่าวด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก“ท่านอ๋อง เร็วเข้า ซินเอ๋อนางปวดท้อง จะคลอดแล้ว แม่นมเถาให้ข้ามาส่งข่าว”“ตุบ”หนังสือราชการในมือของเฉิงลี่หมิงตกจากมือ“ท่านอ๋องขอรับ ท่านอ๋อง รีบไปสิขอรับ”“ต้าหรง เจ้า ได้ยินเหมือนข้าใช่หรือไม่ พระชายา จะคลอดแล้ว ข้าจะเป็นพ่อคนแล้ว เร็วเข้า ไปเอาม้ามาให้ข้า เร็วๆ เข้า”จินเยว่ส่งข่าวให้เฉิงอ๋องทราบแล้ว เขากำลังจะวิ่งไปส่งข่าวที่จวนสกุลลู่ต่อ แต่วันนี้ แม่ทัพลู่ก็เข้าวังด้วย เขาเลยส่งข่าวที่ท่านพ่อแทน“เจ้าว่าไงนะเยว่เอ๋อ ซินเอ๋อจะคลอดแล
เรือนตากอากาศสกุลเฉิง“พระชายาเพคะ กลับเข้าไปข้างในจวนเถอะเพคะ เวลานี้ลมแรง เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะเพคะ”“รออีกสักครู่เถอะแม่นมเถา ข้าอยากรอท่านอ๋องกลับมาก่อน นี่ก็จวนจะได้เวลาแล้ว”“ก็ได้เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันเอาผ้าคลุมมาให้เพคะ พระชายาต้องเสวยยาบำรุงครรภ์แล้วนะเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันให้เด็กยกมาให้พร้อมกันเลย”“ขอบคุณแม่นมเถา”แม่นมเถา เป็นหมอตำแย และแม่นมให้กับท่านอ๋องเฉิง นางอยู่จวนอ๋องเฉิงมาพร้อมๆกับหมอตู้ ตอนนี้ นางมาประจำการอยู่ที่จวนตากอากาศ เนื่องจากพระชายาใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มที เฉิงอ๋องอยากให้พระชายาได้อยู่ในจวนนี้ เนื่องจากอากาศดี และนางก็ชื่นชอบที่นี่มาก ก่อนหน้านั้น เฉิงอ๋องได้ให้คนจัดเตรียมทุกอย่างที่นี่เอาไว้พร้อมสรรพ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการคลอด ของใช้สำหรับเด็ก ยารักษาโรคต่างๆ จวนตากอากาศตอนนี้เหมือนยกทั้งจวนอ๋องเฉิงในเมืองหลวง มาอยู่ที่นี่กันหมด เพราะแต่ละคนก็อยากมาดูแลพระชายาของพวกเขาทุกคนตื่นเต้นกับทายาทที่กำลังจะคลอดออกมา ท้องของฟางซินก็โตมาก หากไม่มีคนคอยพยุงเดิน นางแทบจะไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว ชุนเอ๋อเองก็ไม่เคยห่างนางไปไหนเลย เพราะต้องคอยพยุงนางเวลาเดินไปไหน ช่วง
จวนสกุลลู่ฮูหยินใหญ่ และฮูหยินรอง ต่างเข้มงวดกับการเตรียมตัว ฝึกซ้อมเจ้าสาวในพิธีสมรสพระราชทานครั้งนี้มาก ทั้งขั้นตอนการยกน้ำชา ทั้งมารยาทในพิธีการ ฮองเฮาทรงจัดให้นางข้าหลวงใหญ่ มาช่วยฝึกซ้อมให้องค์หญิงทั้งสองถึงที่จวน พวกนางแทบจะไม่มีเวลาได้พัก จนฟางซินบ่นกับหนิงเซียน“พี่รอง หากรู้ว่าแต่งงานในวังจะพิธีมากขนาดนี้ ข้าเริ่มไม่อยากแต่งแล้วเจ้าค่ะ เหนื่อยจังเลย”“เจ้าอย่าได้บ่นให้ท่านแม่ได้ยินเชียว ข้าขี้เกียจฟังนางบ่นเพิ่มอีก แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ไปเถอะ เรามาหลบดื่มชาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวพวกนางตามมาเจอ เราจะโดนดุกันอีก”“โอยย พี่รอง ข้าเหนื่อยแล้ว อยากนั่งพักอีกหน่อย ฮือออ”“เจ้านะ มาเลย ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฝึกอีกรอบเดียวก็จะได้พักแล้ว มาเถอะน่า ข้าก็อยากพักแล้ว เร็วๆ น้องสาม ลุกเลย”หนิงเซียนพยายามทั้งดัน ทั้งลากน้องสาวนางไปฝึกซ้อมพิธีการในวัง ฟางซินรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากแม้แต่จะลุกจากเก้าอี้ จินเยว่เดินมาหาพวกนางที่ทั้งลาก ทั้งดึงกันอยู่“นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่คงนึกว่าพวกเจ้าทะเลาะกันนะเนี่ย”“”พี่ใหญ่””ทั้งคู่หันมาหาจินเยว่“พวกเจ้าแอบหนีมาอยู่ที่นี่เอง ท่านแม่ทั้งสองให้สาวใช้หาพวกเจ้
จวนสกุลลู่“เร็วเข้าๆ ขบวนเจ้าบ่าวจะมาอยู่แล้ว คุณหนูแต่งตัวกันเสร็จหรือยัง ของมงคล 9 อย่างล่ะ แม่นมอู๋ ท่านเตรียมอั่งเปาหรือยัง หน้าประตูล่ะ”“ถังซิน ถังซิน เจ้ามาดูผ้าคลุมให้ซินเอ๋อที ข้าจะไปเอาต่างหูให้เซียนเอ๋อ เร็วเข้า”“เจ้าค่ะๆ ท่านพี่ มาแล้วๆ เจ้าค่ะ นี่ๆ แอปเปิลของเซียนเอ๋อ ให้ลูกถือเอาไว้”“ได้ๆ ตายแล้ว พี่ลืมรองเท้า รองเท้าพวกนางอยู่ไหน”“”ท่านแม่””ฟางซินและหนิงเซียน ร้องเรียกฮูหยินใหญ่พร้อมกัน“พวกเจ้าเรียกข้าทำไม ลืมเลยเนี่ยว่าจะทำอะไร”“ท่านแม่ รองเท้าน่ะ พวกข้าใส่แล้วเจ้าค่ะ ท่านดูสิ”หนิงเซียนบอกฮูหยินใหญ่ นางดูจะตื่นเต้นลนลานมากที่สุด กลัวว่าจะขาดอะไร กังวลว่าจะจัดของไม่ครบหนิงเซียนกับฟางซินมองหน้ากันและหัวเราะความรีบของฮูหยินใหญ่“ท่านพี่ ท่านพักก่อนนะเจ้าคะ เด็กๆพร้อมแล้ว ไม่มีอะไรขาดแล้วเจ้าค่ะ ข้ากับแม่นมอู๋ตรวจให้ท่านอีกที ดีหรือไม่”“ถังซิน ฝากเจ้าดูอีกทีนะ อย่าให้ขาดเชียวนะ เสียหน้าจวนแม่ทัพเราหมด”“เจ้าค่ะๆ ท่านนั่งพักก่อน เดี๋ยวเป็นลมก่อนส่งตัวเจ้าสาวนะ นี่ เจ้าน่ะ มาเติมหน้าให้ฮูหยินใหญ่ทีสิ ทำไมปากท่านพี่ข้าซีดแบบนี้ล่ะ เร็วเข้าๆ”“ฮูหยินรองร้องสั่งช่างแต
ฟางซินกะพริบตาถี่ๆรับแสงในตอนเช้า นางรู้สึกว่ามีมือหนักๆพาดอยู่ที่เอวนาง นางค่อยๆหันไป ใบหน้าที่คุ้นเคย คิ้วเข้มดั่งหมึก ขนตายาว จมูกเป็นสันเข้ากับรูปหน้า ฟางซินอดไม่ได้ที่จะใช้มือเขี่ยขนตาเขาเล่นเบาๆ“หากเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะลงโทษเจ้าเดี๋ยวนี้เลยนะพระชายา”ฟางซินตกใจเล็กน้อย“ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”“ข้าตื่นได้สักพักแล้ว ทำไม พระชายาอยากจะปลุกข้างั้นหรือ ไม่ต้องหรอก เพราะตอนนี้ ข้าตื่นเต็มที่แล้ว ไม่เชื่อ เจ้าลองจับดูสิ”เขาจับมือนางลงไปใต้ผ้าห่ม ฟางซินสะดุ้งเมื่อจับโดนบางอย่างด้านล่างนั่น“พระองค์ ทะลึ่งเกินไปแล้ว นี่มันเช้าอยู่นะเพคะ”“นี่มันเป็นเรื่องปกติของบุรุษ เจ้าทำใจให้ชินเสียเถอะ”ฟางซินหันหลังหนีเขา แต่ไม่ทันแล้ว เขาพลิกตัวนางนิดเดียว นางก็หันมาหาเขา“การตื่นนอนมา แล้วเห็นหน้าเจ้าเป็นคนแรกแบบนี้ ช่างเหมือนฝันจริงๆ ข้ารู้สึกว่า ตัวเองโชคดีที่สุดในโลกเลย”ฟางซินยิ้มให้เขา นางจุมพิตเขาเบาๆ เฉิงอ๋อง ที่ตื่นตัวอยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้า เขาจะทนไหวได้อย่างไร“พระชายา โทษข้าไม่ได้นะ เจ้าเริ่มก่อนเอง”ฟางซินยิ้มให้เขา นางพลิกตัวขึ้นบนตัวเขา เฉิงอ๋องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของนางที่
“เจ้าค่อยๆ กิน เลอะปากแล้ว”เฉิงอ๋องเช็ดปากให้นาง และมองนางกินผัดหมูเปรี้ยวหวานอย่างเอร็ดอร่อย“เพราะใครล่ะเพคะ หม่อมฉันหิวจนจะกินแพะได้ทั้งตัวแล้วเพคะ”ฟางซินมองเขาอย่างงอนๆ นางหิวมากจริงๆ นางกินข้าว ชามนี้เป็นชามที่ 2 แล้ว“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าหิวมากจริงๆ เป็นความผิดข้าเอง ข้าขอโทษเจ้าด้วย”เขามองนางแล้วเผลอยิ้มออกมา ทั้งสองทานข้าวเย็นด้วยกัน เฉิงอ๋องสั่งคนครัวทำอาหารที่ฟางซินชอบไม่ว่าจะเป็นขาหมูน้ำแดง ผัดหมูเปรี้ยวหวาน หรือแม้แต่ปลานึ่งแชบ๊วย เขาสั่งให้คน ยกอาหารมาไว้ให้ในศาลากลางสวน บรรยากาศยามค่ำคืนเย็นสบาย ทำให้ทานอาหารได้อร่อยมากยิ่งขึ้น กว่าฟางซินจะลุกจากเตียงได้ ใช้เวลานาน เขาเลยอุ้มนางมาที่นี่“อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไปว่า ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้องค์หญิงซีเหนียนไปเฝ้าศาลบรรพชน 2 ปี เป็นการทำโทษนาง ที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ขึ้นมา นางจะเดินทางพรุ่งนี้แล้วล่ะ ครั้งนี้ ฝ่าบาทโกรธนางมากจริงๆ” เขาบอกฟางซิน ระหว่างที่นางกำลังจิบชาหลังมื้ออาหารเย็นเสร็จ“ซีเหนียนเองก็ถูกหลอกใช้เหมือนกัน เสด็จพ่อไม่น่าจะลงโทษนางรุนแรงขนาดนั้น” ฟางซินพูด เพราะเรื่องคราวนี้ และเหตุการณ์ที่ซีเหนียนเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ท่านอ๋องเพคะ ท่านจะรีบไปไหนเพคะ” ฟางซินถามขณะที่ท่านอ๋องพานางมาที่จวนอ๋องเขาไม่ตอบนาง เขาแค่พานางเดินมาที่ห้อง และปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะช้อนร่างของสาวน้อย และพาเดินไปที่เตียง นางตกใจ“เดี๋ยวก่อนเพคะ ท่านอ๋อง นี่มันกลางวันแสกๆ พระองค์ไม่ควร...”ฟางซินห้ามเขา ไม่ทันที่นางจะพูดต่อ ท่านอ๋องของนางก็ใช้ปาก ปิดปากนางทันควัน เขาค่อยๆ พาร่างนางวางลงบนเตียงนุ่มและตัวเขาเองก็ค่อยๆ โน้มตัวลงมาตาม รสจูบของนางช่างหวานเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาโหยหาความหวานนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องลักพาตัวขึ้น เขาก็แทบจะไม่ได้ใกล้ชิดกับนางเลย ไม่นับรวมตอนที่ดูแลนางอยู่บนเรือตอนนั้นเขาข่มใจทั้งคืนเนื่องจากนางป่วยเพราะเมาเรือ แต่วันนี้ เขาคงไม่รออีกแล้ว ไหนจะนับที่นางพึ่งจะไปพบกับองค์ชายฟู่เฉิงนั่นมาอีก เขาไม่ยอม และหลังจากนี้ เขาจะไม่ยอมให้ชายใด มาใกล้ชิดกับนางอีก เขาบดขยี้นางแรงขึ้น พร้อมกับกำจัดสิ่งที่กีดขวางเขา เขาดูรีบร้อนนัก เสื้อผ้าแทบจะกระจัดกระจายออกโดยเร็ว“ท่านอ๋อง อย่าสิเพคะ นี่มันรุนแรงเกินไป เดี๋ยวเสื้อขาด ท่านอ๋อง” นางขัดขืน นางไม่เคยเห็นเขาดูร้อนรนขนาดนี้มาก่อน“เจ้าอย่าห้ามข้าเลย เจ้า
ฟางซินส่ายหัวให้เขา ท่านอ๋องของนางเกินเยียวยาแล้ว นางรู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่เกินกว่านั้นคือเขาเป็นโรคขี้หึงแบบรุนแรง นางคงแก้นิสัยแบบนี้ของเขาไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยเขาไป“ก็ได้ ตามใจพระองค์เลยเพคะ”“องค์ชายฟู่เฉิง”ฟางซินเรียกฟู่เฉิง ที่รออยู่ในห้องรับรอง ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับไป“องค์หญิง ข้า มีเรื่องที่ต้องพูดกับเจ้า ข้าอยากจะขอโทษเจ้า และขออภัยที่ล่วงเกินเจ้า ด้วยความเข้าใจผิด เรื่องนี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ข้าคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ชั่วชีวิต”ฟู่เฉิงบอกนาง“ท่านทำไปเพราะโดนหลอก สิ่งที่ท่านทำไป ข้าอภัยท่านหมดแล้ว พี่ฟู่เฉิง ท่านอย่าได้คิดมากเลย พวกเราก็กลับมาอย่างปลอดภัยกันทุกคนนี้ แล้วนี่ ท่านคิดจะทำอย่างไรต่อ”“ข้าคงกลับไปที่แคว้นเว่ยก่อน คงต้องกลับไปอธิบายให้เสด็จพ่อทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ฟางซิน แผนของท่านลุง เป็นเรื่องที่เขาหลอกให้ข้าทำ แต่ความรู้สึกของข้า ที่มีให้กับเจ้า เป็นเรื่องจริง ข้า จริงใจกับเจ้ามาตลอด ข้าไม่เคยมีความคิดที่จะทำร้ายเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ฟู่เฉิงพูดกับฟางซิน เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนแรกที่เขามา เขามาตามแผนการก็จริง แต่พอรู้จักนาง ยิ่งได้คุยกัน และคบหาเป็นสหาย เ
“โชคดีที่เจ้าปลอดภัย เจ้าอย่าพึ่งคิดอะไรมาก ช่วงนี้ดูแลตัวเองให้ดีๆ ตกลงไหม”เขาปลอบนาง เขารู้ว่านางอาจจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หลังจากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นพร้อมๆ กันหลายอย่าง หากเป็นเขาเอง เขาก็คงจะเป็นเหมือนนางเช่นกัน“ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากกลับจวนเพคะ” นางบอกเฉิงอ๋อง“เจ้าควรจะอยู่พบฝ่าบาทก่อน พระองค์คงอยากจะคุยกับเจ้านะ ตอนนี้ท่านลุงอยู่กับฝ่าบาท อีกสักพักคงมาหาเจ้า” เขาบอกนาง เขารู้ว่าฟางซินเองคงไม่รู้จะทำตัวอย่างไร แต่ในเมื่อความจริงอยู่ตรงหน้า จะช้าหรือเร็ว ก็ต้องยอมรับอยู่ดี“แต่ข้า ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับพระองค์อย่างไร”“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้า เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน เจ้าได้รู้ประวัติของแม่เจ้า และยังพบพ่อที่แท้จริง เรื่องนี้ ไม่น่าดีใจหรอกหรือ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ เจ้าก็หนีความจริงว่าพระองค์คือพระบิดาของเจ้าไม่ได้หรอก จริงไหม” เขาพูดปลอบนาง“นั่นก็จริงเพคะ หม่อมฉันไม่ได้กลัว หม่อมฉันแค่รู้สึกว่าทุกอย่าง มันกะทันหันเกินไป จนเหมือนไม่ใช่ความจริง”ฟางซินพูด พร้อมมองหน้าเฉิงอ๋อง เขาเดินมานั่งใกล้ๆนาง นางโน้มตัวเข้ามาให้เขากอด“ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่รู้สึกแบบน