แม่ตระกูลหลินและสามีสับสนมากกว่าเดิม พวกเขาโกรธจัดและสาปแช่งอย่างกังวลและโกรธ: "หลินจื่อตงออกไปจากที่นี่ คุณรู้มั้ยว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร"“แน่นอนว่าผมรู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร พี่เขย พี่มาที่นี่เพื่อพบพี่สาวของผมใช่มั้ย? พี่สาวของผมอยู่ที่นั่น เธอรอคุณอยู่จริง ๆ” หลินจื่อตงพูดเสียงดัง“หลินจื่อตง!”“กลับไปที่ห้องของแกเดี๋ยวนี้นะ!”คุณปู่ตระกูลหลินก็โมโหมากเช่นกัน หลานชายคนนี้ไม่ยอมให้ตัวเองกังวลเรื่องอะไรตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่าในอดีต เนื่องมาจากโชค เขาจึงรอดพ้นภัยพิบัติใหญ่ๆ หลายครั้งด้วยความช่วยเหลือของเย่เทียนหยู่ ซึ่งทำตัวเหมือนสุนัขจิ้งจอกและเสือครั้งนี้มันเหลือเชื่อมากเขากล้าพูดจบทำให้คุณชายเย่ขุ่นเคืองจนตายเมื่อเผชิญหน้ากับการดุด่าด้วยความโกรธของคุณปู่ตระกูลหลิน หลินจื่อตงก็อดไม่ได้ที่จะหดหัวลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัว เขายังคงกลัวชายชรามากเขาก้าวออกไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่ไม่ได้จากไปคุณปู่หลินไม่มีเวลาสนใจเขา เขาเดินตรงไปหาเทียนหยู่ และพูดอย่างเย็นชา: "เทียนหยู่ วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับตระกูลหลินของเรา ฉันไม่อยากมีข้อพิพาทกับคุณ"
เย่เซวียนกำหมัดแน่น ร่างกายของเขามีพลังของความโกธาปะทุออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธจัดถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ เขาคงจะลงมือไปแล้วใบหน้าของหลินหว่านหรูซีดเผือด เธอกังวลและพูดขึ้นทันที: “เทียนหยู่ เราหย่ากันแล้วนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว นายเลิกมากวนฉันแล้วออกไปซะ”คุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ ต่างก็มองเย่เทียนหยู่ด้วยความโกรธไอ้สารเลวนี่ มันอยากทำลายความมั่งคั่งของตระกูลหลินจริง ๆ รึไง มันช่างน่าโมโหจริง ๆแต่ว่าชีวิตแสนสุขของเขาคงจะสิ้นสุดแล้ว เพราะหากคุณชายเย่โกรธเช่นนี้ ต่อให้เขาเป็นปีศาจแมวเก้าชีวิต เขาก็คงจะตายอยู่ดีแม้ว่าเธอจะถูกหลินหว่านหรูขับออกไป แต่เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้โกรธเพราะเธอสามารถเห็นความรักและความห่วงใยที่มีให้กับเธอได้อย่างชัดเจนในสายตาของหลินหว่านหรูเธอกังวลว่าตัวเขาอาจจะเกิดเรื่องไม่ เย่เซวียนได้ยินคำพูดของหลินหว่านหรูไม่เพียงแต่เขาจะไม่มีความสุข แต่สีหน้าของเขาก็มืดมนมากขึ้นเรื่อยๆแต่เห็นได้ชัดว่า ในใจของเย่เซวียน เย่เทียนหยู่เป็นศพไปแล้ว และจะไม่มีวันได้เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้แต่เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อยและพูดอ
แต่เทียนหยู่ที่อยู่ตรงหน้าเธอกลับพูดทุกอย่างออกมาทั้งหมด แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ดูเหมือนกันในตอนนั้นทุกประการในขณะเดียวกัน ขอทานตัวน้อยในใจของเธอกำลังค่อย ๆ ทับซ้อนกับเย่เทียนหยู่ที่อยู่ตรงหน้ารวมกับจี้หยกที่อยู่ในมือเขาด้วย“นาย นี่นายเป็นขอทานตัวน้อยจริง ๆ เหรอ?” หลินหว่านหรูตื่นเต้นมากจนเธอพูดไม่ชัด เธอจึงถามด้วยความไม่เชื่อ และมั่นใจในใจอย่างชัดเจนว่าเธอแยกกันไม่ออกแต่เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าเทียนหยู่เป็นขอทานตัวน้อยที่เธอไม่มีวันลืมสิ่งที่ฉันคิดมาตลอดคือความปรารถนาที่ปรารถนากลับกลายเป็นความจริง“ใช่!”เทียนหยู่ตอบยืนยัน เขามีความสามารถในการจำทุกอย่างที่มองเห็นได้มาตั้งแต่เด็ก เพราะอย่างนั้นเขาเลยไม่ลืมเรื่องในอดีต: “ความจริงที่ผมมาเมืองเทียนไห่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมาหาคุณ และผมก็โชคดีได้เจอคุณแล้ว”“บังเอิญ บังเอิญมากจริงๆ”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และเธอก็หลั่งน้ำตาแห่งความสุขเธอมีความสุขมาก มีความสุขมาก ตื่นเต้นมากเธอรู้สึกว่าพระเจ้าดีต่อเธอจริง ๆ และพระองค์ทรงทำให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริงแต่ในไม่ช้าหลินหว่านหรูก็คิดถึงความเป็นจริงใ
เมื่อคุณปู่ตระกูลหลินเห็นสถานการณ์นี้ เขาก็กังวลมาก แบบนี้มีหวังได้ทำให้คุณชายเย่ขุ่นเคืองอย่างหนักกันพอดีน่ะสิ? เขารีบเดินเข้าไปพูดทันที “หว่านหรู ทำอะไรของหลานน่ะฮะ? ยังไม่รีบหลบไปอีกเหรอ?”แม่ตระกูลหลินก็วิตกกังวลเช่นกัน: “ลูก นี่ลูกอยากตายรึไง รีบหลีกไป” เธอพูดด้วยความโกรธขณะที่เธอพูด เธอต้องการก้าวไปข้างหน้าและดึงหลินหว่านหรูออกไป ในเวลาเดียวกัน เธอเกลียดเย่เทียนหยู่ในใจมากจนเธอตำหนิไอ้สารเลวคนนี้ที่ทำลายการทำความดีของลูกสาวของเขาแต่ในขณะนี้หลินหว่านหรูมีมีดซ่อนอยู่ในร่างกายของเธอ เธอหยิบมันออกมา วางมันไว้ที่คอของเธอ และพูดด้วยความโกรธ: “หยุดนะ ใครกล้าเข้ามาใกล้ฉัน ฉันจะฆ่าตัวตายซะ!”ทันทีที่สถานการณ์ตรงหน้าปรากฏ ทุกตนต่างก็ตกตะลึงคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ โกรธมากยิ่งกว่านี้ พวกเขาไม่เคยคิดว่าหลินหว่านหรูจะคลั่งไคล้เย่เทียนหยู่ขนาดนี้หลิวเมิ่งก็ตกตะลึงเช่นกัน เกิดขึ้นได้ยังไง ในขณะนี้ เธอเริ่มเสียใจ บางทีเธอไม่ควรบอกพี่เขยเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆแบบนี้มีหวังพี่เธอได้ถูกฆ่าตายแน่หลินจื่อตงก็กังวลเช่นกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าเขาไม่อยากให้น้องสาวของเขาติดตาม เย่เซว
“หว่านหรู หุบปาก!”“ปู่ทำผิดและสมควรได้รับบทเรียน เราต้องขอบคุณคุณชายเย่” คุณปู่หลินรีบพูดทันทีเย่เซวียนหัวเราะเยาะ ก่อนจะเอ่ยปากเย้ยเขาว่า: “ได้ยินมั้ย หลินหว่านหรู ถ้าคุณหัดมีสำนึกแบบปู่ของคุณซะบ้าง คุณคงไม่มาถึงจุดนี้”“คุณคิดว่าผมชอบคุณขนาดนั้นจริง ๆ รึไง? คิดว่าตัวเองเป็นเทพีแสนวิเศษวิโสคนไหนหรือยังไง?”“พูดตรง ๆ คุณก็แค่ผู้หญิงที่ผมอยากเล่นด้วยตอนนี้ ผมยอมตามใจคุณครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คุณกลับได้ใจขึ้นมาซะอย่างนั้น”“อยากฆ่าตัวตายใช่มั้ย? ได้สิ ฆ่าตัวตายเลยก็ได้ ผมจะอยู่ดู พอคุณตาย ผมจะสับไอ้งั่งนั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วก็จะควักกระดูกมันออกมาตอนที่มันยังมีชีวิต”เย่เซวียนพูดจาน่ากลัวด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน: “แล้วก็ทุกคนในตระกูลหลิน อย่าคิดจะได้ใช้ชีวิตสุขสบายอีกเลย เพราะผมจะจัดการพวกมันทีละคน”ทันทีที่สิ้นคำพูดเล่านั้น ทุกคนก็หน้าซีดและหวาดกลัวเมื่อมองดูคุณชายผู้สง่างามของตระกูลเย่ผู้ยืนอย่างสง่าอยู่ตรงตรง กลับรู้สึกว่าเขาน่ากลัวราวกับปีศาจ กระทั่งทำให้รู้สึกกลัวจนหนาวสั่นพวกเขากลัวและมองดูหลินหว่านหรูด้วยสายตาวิงวอน เห็นได้ชัดว่าหวังว่าพวกเขากำลังหวังให้หลินหว่านหรูเลิกดื้อ
เขาพูดว่าอะไรนะ?เขาจะจัดการกับคุณชายเย่เหรอ?นี่เขากลัวจนสมองน้ำเข้าไปแล้วหรือไงไม่สิ น่าจะกลัวจนสติแตกพูดเรื่องไร้สาระไปแล้วเหล่าบรรดาญาติและมิตรสหายของตระกูลหลิน มองเทียนหยู่ราวกับมองคนโง่แม้แต่หลิวเมิ่งยังตกตะลึง คำพูดของพี่เขยทำเอาเธอเหงื่อตก ในขณะนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจสักทีว่าทำไมพี่สาวของเธอถึงไม่ยอมให้ตัวเองบอกความจริงกับพี่เขยของเธอตอนนี้เธอเสียใจจริง ๆ ต่อให้พี่เขยของเธอจะดูกล้าหาญมาก แต่ถ้าตายทุกอย่างก็จบคุณปู่ตระกูลหลินและแม่ตระกูลหลินแทบอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ ไอ้เจ้าเทียนหยู่มันจะอวดดีมากเกินไปแล้ว เขารู้ดีอยู่แก่ใจแท้ ๆ ว่าเย่เซวียนเป็นบุตรชายของตระกูลเย่เมืองหลงตู แล้วเขายังกล้าพูดจาบ้าบิ่นแบบนั้นอีกแต่พอคิดได้ว่าตระกูลของเธออาจต้องถูกลากไปเอี่ยวด้วย เธอก็หัวเราะไม่ออกแต่หลังจากวันนี้ไป สุดท้ายเขาก็จะต้องจบเห่อยู่ดีอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่หลินหว่านหรูเองก็ยังสับสนเล็กน้อย แต่ถ้าคิดให้รอบคอบเทียนหยู่ก็เป็นของเขาแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ พวกไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมน่ะในเมื่อเรื่องนี้มาถึงตรงนี้แล้ว ยังมีอะไรต้องคิดอีก เธอจึงพูดได้แค่ว่า: “ถ้าอย
เมื่อคุณปู่ตระกูลหลินเห็นว่าหลินหว่านหรูมองเขาด้วยท่าทีแบบนั้น เขาก็โกรธมาก: “เป็นใครมันสำคัญด้วยหรือไง? ที่ปู่ทำไปทั้งหมดก็เพราะเห็นแก่หลานนะ!”“ถ้าอย่างนั้นหนูรู้แล้วค่ะ!”คำพูดของคุณปู่ทำให้หลินหว่านหรูยืนยันความคิดในหัวของตัวเอง เธอหันไปหาเย่เทียนหยู่และพูดว่า: “เทียนหยู่ ชาตินี้ฉันเป็นคนทำร้ายนายเอง!”“แต่ว่าอย่ากลัวไปเลยนะ ถ้านายตายฉันจะไปกับนายด้วย แล้วชาติหน้าเรามาอยู่ด้วยกันใหม่นะ”ในตอนนี้ เธอไม่กังวลอะไรอีกแล้ว และไม่สนคำขู่ที่ตระกูลเย่มีต่อตระกูลหลินด้วยตระกูลของเธอกำลังร่วมมือกับคนนอกเพื่อข่มขู่เธอชัด ๆวินาทีนี้ เธอแค่อยากจะบอกเย่เทียนหยู่ว่าเธอจะตายไปพร้อมกับเขาต่อให้หนทางข้างหน้าจะมีจุดจบเป็นความตาย เธอก็จะเดินไปพร้อมกับเย่เทียนหยู่ยามนี้ หลินหว่านหรูกลับพบว่าตัวเองกำลังผ่อนคลายลง แทบจะเรียกได้ว่ายกภูเขาออกจากอกแต่เมื่อคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ ได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็โมโหจนแทบจะคลั่ง อย่าว่าแต่การหัวเราะตอนเห็นโชคร้ายกำลังพุ่งใส่เย่เทียนหยู่เลยทว่านี่เท่ากับการตัดเส้นแบ่งระหว่างตระกูลหลินกับคุณชายเย่ แถมยังเป็นการยั่วยุคุณชายเย่สุดขีด ตระกูลหลินจะต้องมีจ
ทุกคนมองดูภาพเบื้องหน้าและอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าช้าเกินไป!ทั้งท่าทางและกระบวนท่าของเย่เทียนหยู่ เขามาเพื่อถูกกระทืบชัดๆเขาตายแน่หลินจื่อตงมองดูด้วยความร้อนใจ พี่เขย วรยุทธ์ของพี่ดีมากไม่ใช่เหรอ รีบเอาออกมาใช้สิ ยังจะมัวยืนนิ่งทำอะไรอยู่เล่าแต่แล้ววินาทีต่อมา ทุกคนก็ตกตะลึงเล็กน้อยรวมถึงตัวเฉินอู่ด้วย เพราะในตอนนั้นเอง ขณะที่เขารู้สึกว่ากระบวนท่านี้จะโจมตีถูกคู่ต่อสู้อย่างแน่นอน เย่เทียนหยู่ก็ยกมือขวาขึ้นทันทีเพียงแค่การเคลื่อนไหวเล็กน้อย เขาก็ใช้เพียงมือขวาจับอีกฝ่ายเพื่อหยุดการโจมตีสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น คือวินาทีต่อมาเขาได้ยินเสียงกึกก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงจะแล่นพล่านไปทั่วร่าง มือของเขาถูกอีกฝ่ายหักไปทั้งแบบนั้นภายใต้ความรู้สึกเจ็บปวด เฉินอู่โจมตีด้วยมืออีกข้างทันทีแต่เย่เทียนหยู่ก็ลงมืออีกครั้ง คราวนี้เขาบดขยี้มือซ้ายของเฉินอู่ด้วยกำลังภายในของเขาก่อนที่เฉินอู่จะทันได้ยื่นขาออกมา เย่เทียนหยู่ก็ถีบเขาออกไปอย่างแรงทุกกระบวนการเบื้องหน้าซับซ้อนเกินอธิบายและจบลงในระยะเวลาอันสั้นดูเขาไม่เปลืองแรงเลยสักนิดเฉินอู่ส่งเสียงร้องอย่างอนาถ เขากระเด็นออกไปไ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป