เมื่อคุณปู่ตระกูลหลินเห็นสถานการณ์นี้ เขาก็กังวลมาก แบบนี้มีหวังได้ทำให้คุณชายเย่ขุ่นเคืองอย่างหนักกันพอดีน่ะสิ? เขารีบเดินเข้าไปพูดทันที “หว่านหรู ทำอะไรของหลานน่ะฮะ? ยังไม่รีบหลบไปอีกเหรอ?”แม่ตระกูลหลินก็วิตกกังวลเช่นกัน: “ลูก นี่ลูกอยากตายรึไง รีบหลีกไป” เธอพูดด้วยความโกรธขณะที่เธอพูด เธอต้องการก้าวไปข้างหน้าและดึงหลินหว่านหรูออกไป ในเวลาเดียวกัน เธอเกลียดเย่เทียนหยู่ในใจมากจนเธอตำหนิไอ้สารเลวคนนี้ที่ทำลายการทำความดีของลูกสาวของเขาแต่ในขณะนี้หลินหว่านหรูมีมีดซ่อนอยู่ในร่างกายของเธอ เธอหยิบมันออกมา วางมันไว้ที่คอของเธอ และพูดด้วยความโกรธ: “หยุดนะ ใครกล้าเข้ามาใกล้ฉัน ฉันจะฆ่าตัวตายซะ!”ทันทีที่สถานการณ์ตรงหน้าปรากฏ ทุกตนต่างก็ตกตะลึงคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ โกรธมากยิ่งกว่านี้ พวกเขาไม่เคยคิดว่าหลินหว่านหรูจะคลั่งไคล้เย่เทียนหยู่ขนาดนี้หลิวเมิ่งก็ตกตะลึงเช่นกัน เกิดขึ้นได้ยังไง ในขณะนี้ เธอเริ่มเสียใจ บางทีเธอไม่ควรบอกพี่เขยเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆแบบนี้มีหวังพี่เธอได้ถูกฆ่าตายแน่หลินจื่อตงก็กังวลเช่นกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าเขาไม่อยากให้น้องสาวของเขาติดตาม เย่เซว
“หว่านหรู หุบปาก!”“ปู่ทำผิดและสมควรได้รับบทเรียน เราต้องขอบคุณคุณชายเย่” คุณปู่หลินรีบพูดทันทีเย่เซวียนหัวเราะเยาะ ก่อนจะเอ่ยปากเย้ยเขาว่า: “ได้ยินมั้ย หลินหว่านหรู ถ้าคุณหัดมีสำนึกแบบปู่ของคุณซะบ้าง คุณคงไม่มาถึงจุดนี้”“คุณคิดว่าผมชอบคุณขนาดนั้นจริง ๆ รึไง? คิดว่าตัวเองเป็นเทพีแสนวิเศษวิโสคนไหนหรือยังไง?”“พูดตรง ๆ คุณก็แค่ผู้หญิงที่ผมอยากเล่นด้วยตอนนี้ ผมยอมตามใจคุณครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คุณกลับได้ใจขึ้นมาซะอย่างนั้น”“อยากฆ่าตัวตายใช่มั้ย? ได้สิ ฆ่าตัวตายเลยก็ได้ ผมจะอยู่ดู พอคุณตาย ผมจะสับไอ้งั่งนั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วก็จะควักกระดูกมันออกมาตอนที่มันยังมีชีวิต”เย่เซวียนพูดจาน่ากลัวด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน: “แล้วก็ทุกคนในตระกูลหลิน อย่าคิดจะได้ใช้ชีวิตสุขสบายอีกเลย เพราะผมจะจัดการพวกมันทีละคน”ทันทีที่สิ้นคำพูดเล่านั้น ทุกคนก็หน้าซีดและหวาดกลัวเมื่อมองดูคุณชายผู้สง่างามของตระกูลเย่ผู้ยืนอย่างสง่าอยู่ตรงตรง กลับรู้สึกว่าเขาน่ากลัวราวกับปีศาจ กระทั่งทำให้รู้สึกกลัวจนหนาวสั่นพวกเขากลัวและมองดูหลินหว่านหรูด้วยสายตาวิงวอน เห็นได้ชัดว่าหวังว่าพวกเขากำลังหวังให้หลินหว่านหรูเลิกดื้อ
เขาพูดว่าอะไรนะ?เขาจะจัดการกับคุณชายเย่เหรอ?นี่เขากลัวจนสมองน้ำเข้าไปแล้วหรือไงไม่สิ น่าจะกลัวจนสติแตกพูดเรื่องไร้สาระไปแล้วเหล่าบรรดาญาติและมิตรสหายของตระกูลหลิน มองเทียนหยู่ราวกับมองคนโง่แม้แต่หลิวเมิ่งยังตกตะลึง คำพูดของพี่เขยทำเอาเธอเหงื่อตก ในขณะนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจสักทีว่าทำไมพี่สาวของเธอถึงไม่ยอมให้ตัวเองบอกความจริงกับพี่เขยของเธอตอนนี้เธอเสียใจจริง ๆ ต่อให้พี่เขยของเธอจะดูกล้าหาญมาก แต่ถ้าตายทุกอย่างก็จบคุณปู่ตระกูลหลินและแม่ตระกูลหลินแทบอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ ไอ้เจ้าเทียนหยู่มันจะอวดดีมากเกินไปแล้ว เขารู้ดีอยู่แก่ใจแท้ ๆ ว่าเย่เซวียนเป็นบุตรชายของตระกูลเย่เมืองหลงตู แล้วเขายังกล้าพูดจาบ้าบิ่นแบบนั้นอีกแต่พอคิดได้ว่าตระกูลของเธออาจต้องถูกลากไปเอี่ยวด้วย เธอก็หัวเราะไม่ออกแต่หลังจากวันนี้ไป สุดท้ายเขาก็จะต้องจบเห่อยู่ดีอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่หลินหว่านหรูเองก็ยังสับสนเล็กน้อย แต่ถ้าคิดให้รอบคอบเทียนหยู่ก็เป็นของเขาแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ พวกไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมน่ะในเมื่อเรื่องนี้มาถึงตรงนี้แล้ว ยังมีอะไรต้องคิดอีก เธอจึงพูดได้แค่ว่า: “ถ้าอย
เมื่อคุณปู่ตระกูลหลินเห็นว่าหลินหว่านหรูมองเขาด้วยท่าทีแบบนั้น เขาก็โกรธมาก: “เป็นใครมันสำคัญด้วยหรือไง? ที่ปู่ทำไปทั้งหมดก็เพราะเห็นแก่หลานนะ!”“ถ้าอย่างนั้นหนูรู้แล้วค่ะ!”คำพูดของคุณปู่ทำให้หลินหว่านหรูยืนยันความคิดในหัวของตัวเอง เธอหันไปหาเย่เทียนหยู่และพูดว่า: “เทียนหยู่ ชาตินี้ฉันเป็นคนทำร้ายนายเอง!”“แต่ว่าอย่ากลัวไปเลยนะ ถ้านายตายฉันจะไปกับนายด้วย แล้วชาติหน้าเรามาอยู่ด้วยกันใหม่นะ”ในตอนนี้ เธอไม่กังวลอะไรอีกแล้ว และไม่สนคำขู่ที่ตระกูลเย่มีต่อตระกูลหลินด้วยตระกูลของเธอกำลังร่วมมือกับคนนอกเพื่อข่มขู่เธอชัด ๆวินาทีนี้ เธอแค่อยากจะบอกเย่เทียนหยู่ว่าเธอจะตายไปพร้อมกับเขาต่อให้หนทางข้างหน้าจะมีจุดจบเป็นความตาย เธอก็จะเดินไปพร้อมกับเย่เทียนหยู่ยามนี้ หลินหว่านหรูกลับพบว่าตัวเองกำลังผ่อนคลายลง แทบจะเรียกได้ว่ายกภูเขาออกจากอกแต่เมื่อคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ ได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็โมโหจนแทบจะคลั่ง อย่าว่าแต่การหัวเราะตอนเห็นโชคร้ายกำลังพุ่งใส่เย่เทียนหยู่เลยทว่านี่เท่ากับการตัดเส้นแบ่งระหว่างตระกูลหลินกับคุณชายเย่ แถมยังเป็นการยั่วยุคุณชายเย่สุดขีด ตระกูลหลินจะต้องมีจ
ทุกคนมองดูภาพเบื้องหน้าและอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าช้าเกินไป!ทั้งท่าทางและกระบวนท่าของเย่เทียนหยู่ เขามาเพื่อถูกกระทืบชัดๆเขาตายแน่หลินจื่อตงมองดูด้วยความร้อนใจ พี่เขย วรยุทธ์ของพี่ดีมากไม่ใช่เหรอ รีบเอาออกมาใช้สิ ยังจะมัวยืนนิ่งทำอะไรอยู่เล่าแต่แล้ววินาทีต่อมา ทุกคนก็ตกตะลึงเล็กน้อยรวมถึงตัวเฉินอู่ด้วย เพราะในตอนนั้นเอง ขณะที่เขารู้สึกว่ากระบวนท่านี้จะโจมตีถูกคู่ต่อสู้อย่างแน่นอน เย่เทียนหยู่ก็ยกมือขวาขึ้นทันทีเพียงแค่การเคลื่อนไหวเล็กน้อย เขาก็ใช้เพียงมือขวาจับอีกฝ่ายเพื่อหยุดการโจมตีสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น คือวินาทีต่อมาเขาได้ยินเสียงกึกก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงจะแล่นพล่านไปทั่วร่าง มือของเขาถูกอีกฝ่ายหักไปทั้งแบบนั้นภายใต้ความรู้สึกเจ็บปวด เฉินอู่โจมตีด้วยมืออีกข้างทันทีแต่เย่เทียนหยู่ก็ลงมืออีกครั้ง คราวนี้เขาบดขยี้มือซ้ายของเฉินอู่ด้วยกำลังภายในของเขาก่อนที่เฉินอู่จะทันได้ยื่นขาออกมา เย่เทียนหยู่ก็ถีบเขาออกไปอย่างแรงทุกกระบวนการเบื้องหน้าซับซ้อนเกินอธิบายและจบลงในระยะเวลาอันสั้นดูเขาไม่เปลืองแรงเลยสักนิดเฉินอู่ส่งเสียงร้องอย่างอนาถ เขากระเด็นออกไปไ
“เหอะ ผู้คุ้มกันของผมเป็นแค่พวกระดับพลังจันทรา ขอแค่เป็นพลังผลัดเปลี่ยนขั้นกลางขึ้นไปก็ทำแบบแกได้ทั้งนั้น ส่วนแก อย่างมากก็แค่พลังผลัดเปลี่ยนขั้นปลาย”“แต่ถ้าผมวิเคราะห์ไม่ผิด คุณก็แค่พลังผลัดเปลี่ยนขั้นกลาง และผมต่างหากที่เป็นระดับผลัดเปลี่ยนขั้นสูงสุดของจริง ห่างชั้นจากการเป็นระดับปรมาจารย์ที่สามารถสร้างพรรคขึ้นเองได้อีกแค่ก้าวเดียว”“เทียบกับผมแล้ว แกมันก็แค่มดปลวก!”เย่เซวียนลุกขึ้นยืน ก่อนจะเผยท่าทางโหดเหี้ยมกับสีหน้าภาคภูมิใจไม่คิดมาก่อนว่าวรยุทธ์ของเย่เทียนหยู่จะทรงพลังขนาดนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับเขา และนี่ก็เป็นโอกาสให้เขาเอาหน้าคืนพอดีให้ทุกคนได้เห็นว่าใครคือผู้กันแน่คือผู้มีพรสวรรค์แท้จริงทุกคนแอบถอนหายใจ ตามที่คาดไว้ คุณชายเย่ยังคงมีพลังมากกว่าส่วนเจ้างั่งเย่เทียนหยู่นั่น ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถและทรงพลังแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็จะถูกคุณชายเย่จัดการ และทุกอย่างก็จะสูญเปล่าแม่ตระกูลหลินถึงกับในใจว่า คุณชายเย่ รีบลงมือกำจัดเจ้าขยะน่าน่าขยะแขยงนั่นไปเลยหลินหว่านหรูเอวงก็ถูกคำพูดของเขาทำเอาหวาดหลัว หัวใจของเธอกังวลมากขึ้นไปอีก แม้พวกเขาจะเตร
เย่เทียนหยูพูดไม่ออก เดิมทีเขาคิดว่าเย่เซวียนเป็นคนที่มีจิตสำนึกห่วยแตก ฟังจากสิ่งที่เขาพูดกับสิ่งที่เขาจะทำ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเลวที่เลวทรามมากทั้งไม่เห็นค่าของมนุษย์ปุถุชน ชั่วช้าสามานย์จิตใจคับแคบทว่าตอนนี้ดูยังไง เขาก็เป็นแค่คนโง่ชัด ๆแต่เย่เซวียนไม่คิดว่าตัวเองจะผิดพลาด กลับทำท่าทางเย่อหยิ่ง และเอ่ยปากข่มขู่ “หลินหว่านหรู ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย”“มานี่ซะ คุกเข่าขอโทษผม ต่อไปก็มาปรนิบัติรับใช้ผมให้ดี ผมจะยอมไม่เอาเรื่องความผิดของคุณวันนี้”“ไม่อย่างนั้นละก็ คุณสองคน รวมถึงปู่ พ่อแม่ พี่น้องของคุณทุกคน เตรียมตัวตายได้เลย”ขณะที่เย่เซวียนพูดเขาก็ชี้ไปที่ทุกคน คำพูดทุกคำล้วนเป็นการคุกคามข่มขู่ทันทีที่เขาพูดแบบนั้นออกมา แม่ตระกูลหลินก็ตกใจกลัวทันทีและรีบพูด “หว่านหรู มัวยืนบื้อทำอะไรอยู่อีก คุณชายเย่มีน้ำใจขนดานี้ ทำไมยังไม่รีบคุกเข่าลงอีกฮะ”“ใช่ หว่านหรู เร็วเข้าสิ การคุกเข่าคุณชายเย่ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอก พ่ออยากจะคุกเข่าแทนอยู่แล้วแต่คุณชายเย่ไม่อนุญาต หรือลูกคิดจะทำร้ายคนในตระกูลทุกคนหรือไง”พ่อตระกูลหลินรีบพูดขึ้นมาทันที“ยังไม่รีบอีก หรือต้องให้ฉันลากไป
เย่เทียนหยู่หัวเราะเยาะและถามซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่หันหน้าหนีเลยแม่ตระกูลหลินและพ่อตระกูลหลินโกรธมากจนรู้สึกเหมือนกินอุจจาระและปัสสาวะไปหลายกิโลกรัม น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีทางปฏิเสธได้สิ่งที่ทำให้พวกเขาอึดอัดที่สุดคือทุกคนที่อยู่รอบตัวพวกเขาแสดงท่าทีเข้าใจอย่างลึกซึ้งและเห็นด้วยกับคำพูดของเย่เทียนหยู่แม้ว่าพวกเขาจะรู้ด้วยว่าเย่เซวียนนั้นทรงพลังและน่ากลัวเพียงใด แต่การแสดงของแม่ตระกูลหลินทำให้พวกเขาตกใจมากและทำให้มุมมองของพวกเขาถึงจุดสูงสุด"พวกแก!”“พวกแกจะรู้อะไร!”“ถ้าคุณต้องยืนอยู่ในตำแหน่งนี้ และปล่อยให้ลูกสาวของคุณแต่งงานกับนายน้อยที่โดดเด่นเช่นนี้ คุณคงจะแย่กว่าฉัน”แม่ตระกูลหลินโกรธมาก เมื่อเห็นทุกคนสนับสนุนคำพูดของเย่เทียนหยู่อย่างเงียบๆ เธอก็โกรธมากจนตอบโต้เสียงดังเมื่อทุกคนได้ยินก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะเย่เซวียนอยู่ด้วย แต่ทุกคนก็แสดงชัดเจนว่าพวกเขายังคงไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ และพวกเขาก็ดูเหมือนกำลังหัวเราะอีกด้วยแม่ตระกูลหลินไม่เคยรู้สึกละอายใจขนาดนี้มาก่อน ราวกับว่าเธอถูกกล่าวหาว่ามีความชั่วร้ายมากมายขนาดนี้เธอคลั่งไคล้และก่นด่าด้วยความโมโห "เย่เทียนหยู่ คุณเป
หลังจากที่เย่เทียนหยู่พังประตูเข้าไป หนานกงเล่อก็หันไปมองด้วยความโกรธ และเห็นว่าเป็นเย่เทียนหยู่ที่ถีบประตูเข้ามาโดยตรงสำหรับเย่เทียนหยู่ เขาค่อนข้างให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะวันนี้ที่ได้พบเขาบนเวทีไอ้เวรเอ้ย นี่มันไม่เป็นอะไรเลยงั้นเหรอ!แถมยังวิ่งมาที่นี่เพื่อทำลายเรื่องดี ๆ ของตนอีกไอ้สวะไป๋หยางนั่น ไม่ใช่ว่ามันหาคนไปจัดการกับไอ้เด็กนี่แล้วรึไง?เสียงที่เกิดขึ้นค่อนข้างดัง จึงทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง รวมถึงเหอฉุนและจางผิงเองก็ด้วยจางผิงรู้สึกตกใจนิดหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีใจ และตื่นตัวขึ้นทันทีเขาคือคุณเย่!คุณเย่มาแล้ว!ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคุณเย่จะรับมือไหวไหม แต่แค่ได้เห็นว่าเขามา ก็รู้สึกว่าตนมีความหวังขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยก็ยังดีกว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่รึไงเหอฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อย เธอมองไปยังผู้ชายที่ดูน่ากลัวและดุร้ายที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูคนนั้น เธอรู้สึกว่าเขาต่างจากที่เคยเห็นในตอนแรกไปโดยสิ้นเชิงแต่ว่า การที่เขาถึงกับรีบตรงมาที่นี่แบบนี้เขาก็น่าจะได้รับข่าวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่หนานกงเล่อมาที่นี่แน่นอน ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่รีบม
พระเจ้าช่วย หากช้าไปนิดเดียว เกรงว่าเฉินเฟยเฟยอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ แล้วเมื่อเห็นฉากนี้ หนานกงเล่อก็โกรธจัดขึ้นทันที เฉินเฟยเฟยถึงกับเลือกที่จะไม่ยอมแพ้แม้ตนจะต้องตาย จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรนี่เขาดูแย่มากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอผู้ชายคนนั้นนอกจากหล่อนิดหน่อยแล้ว ยังจะมีอะไรดีอีก?หรือความหล่อมันกินแทนข้าวได้รึไง?หนานกงเล่อโกรธจัด ความบ้าคลั่งเริ่มปรากฏ เขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ดูบิดเบี้ยว จับเฉินเฟยเฟยเอาไว้ แล้วพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เฉินเฟยเฟย เธอเกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอ ก็ดี ยิ่งเธอเกลียดฉันมากเท่าไหร่ วันนี้ฉันก็ยิ่งต้องเล่นสนุกกับเธอต่อหน้าทุกคนมากขึ้นเท่านั้น”“ไสหัวออกไปนะ!”เฉินเฟยเฟยเริ่มร้อนรน เธอยกมือขวาขึ้น ตบเข้าที่ใบหน้าของหนานกงเล่ออย่างแรงหนานกงเล่อรู้สึกงงงวยเล็กน้อย เขาไม่ทันได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะไม่อย่างนั้น แค่เฉินเฟยเฟยจะแตะต้องเขาได้อย่างไร“เวรเอ้ย แกกล้าตบฉันเหรอ!”หนานกงเล่อโกรธจัดทันที ก่อนที่เขาจะตบกลับไปอย่างแรงด้วยฝ่ามือเพี้ยะ!เสียงใส ๆ ดังก้องขึ้นอีกครั้งหนึ่งเฉินเฟยเฟยถูกตบที่ใบหน้าจนเ
ต้องบอกเลยว่า เหอฉุนค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียวแต่น่าเสียดาย ที่มันไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยหนานกงเล่อดูไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาสงบ และดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใด เขาพูดพลางหัวเราะเยาะว่า “ร้องไปเถอะ ดูสิ ว่าถ้าร้องจนคอแห้งแล้ว จะมีใครสนใจพวกเธออยู่ไหม!”“ลืมบอกไปเลย ว่าบริเวณรอบ ๆ พวกเธอตอนนี้ไม่มีผู้เช่าคนอื่นอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้มีไม่กี่ครอบครัวที่อาศัยอยู่ แต่ก็ถูกไล่ออกไปตั้งแต่ตอนที่คอนเสิร์ตเธอเริ่มแล้ว”ส่วนวิธีการไล่นั้น พวกเขาก็แค่ยัดเงินเล็กน้อยให้กับโรงแรม โรงแรมก็หาข้ออ้างจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายแล้วเมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา สาว ๆ ต่างก็รู้สึกหมดหวังกันอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ จะให้เรียกฟ้า ฟ้าก็คงไม่ตอบ เรียกดิน ดินก็คงไม่สนใจอีกแล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดที่มีพลังแข็งแกร่ง สองสาวแทบไม่มีแรงต้านเลยแม้แต่น้อย ในไม่ช้าพวกเธอก็ถูกมัดมือไว้ด้านหลัง พร้อมกับถูกปิดปากด้วยเทปกาวหนานกงเล่อแทบไม่ได้สนใจเสียงตะโกนของพวกเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้เขาคงรีบจัดการผู้หญิงสองคนนั้นให้หมดสติไปนานแล้วแต่เขากลับไม่ต้องการที่จะทำแบบนั้น เขาแค่ต้องการให้ผ
“คุณชายหนานกงพูดจริงเหรอ?” เหอฉุนรู้ดีว่า ตระกูลชนชั้นสูงแบบพวกเขา ไม่มีทางที่จะแต่งงานกับดาราอย่างแน่นอนแน่นอน ว่าก็อาจจะมีบางกรณีที่พิเศษจริง ๆ“แน่นอนสิ!”หนานกงเล่อพูดอย่างมั่นใจ แม้ในใจจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังคงต้องโกหกไปก่อน เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง“หากว่าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันคิดว่าเฟยเฟยก็อาจจะพอพิจารณาดูได้ แต่ว่า ตระกูลหนานกงจะยอมรับได้จริง ๆ เหรอคะ?” เหอฉุนถาม“ในเมื่อผมรับปากแล้ว ก็จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เฟยเฟย คุณคิดว่ายังไง?” หนานกงเล่อเปิดปากถามออกไปเฉินเฟยเฟยชะงักไปชั่วขณะ เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีขณะที่เหอฉุนกำลังจะพูดหนานกงเล่อก็โบกมือ แล้วพูดออกไปตรง ๆ ว่า “คุณไม่ต้องพูด!” เขาไม่ใช่คนโง่ เมื่อกี้ตอนที่คุยกับเหอฉุน เขาก็สังเกตสีหน้าของเฉินเฟยเฟยอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่ามีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ตรงกันบวกกับข่าวที่ตัวเองเพิ่งได้มาจากประธานหวัง ไหนจะยังมีเรื่องที่เฉินเฟยเฟยร้องเพลงคู่กับชายคนนั้นบนเวทีอีกเฉินเฟยเฟยรู้สึกงงงวย “ฉัน ฉัน......”“หรือที่ประธานเหอพูดกับผมเมื่อกี้แค่พูดพอเป็นพิธีเท่านั้น หลอกผมอยู่งั้นเหรอ?” หนานกงเล่อถา
สีหน้าของหนานกงเล่อเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที พร้อมกับถามออกไปอย่างเย็นชาว่า “ประธานเหอ นี่คุณหมายความว่ายังไง คุณเห็นผมเป็นสัตว์ร้ายงั้นเหรอ?”เหอฉุนเปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “จะเป็นแบบไปได้ยังไงกันคะ คุณชายหนานกงล้อกันเล่นแล้วล่ะค่ะ ก็แค่พวกเฟยเฟยกำลังแต่งตัวกันอยู่ ไม่ค่อยสุภาพสักเท่าไหร่ เลยจะดูไม่เหมาะสม หากจะมีผู้ชายอยู่ในห้องน่ะค่ะ”“งั้นเหรอ เช่นนั้นก็ให้ผมดูหน่อยสิ ว่ามันจะไม่สุภาพสักแค่ไหนกันเชียว” หนานกงเล่อไม่สนใจคำพูดของเหอฉุนเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะยืนรอที่ประตู เขาเดินตรงเข้าไปทันทีประธานหวังที่เห็นแบบนั้น ก็รีบพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นคุณชายหนานกง ผมยังมีธุระที่ต้องไปจัดการ คงไม่อยู่รบกวนแล้วนะครับ”“ไปเถอะ!”หนานกงเล่อไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ เดินมุ่งตรงเข้าไปข้างในท่าเดียวสีหน้าของเหอฉุนดูไม่ค่อยดีนัก จึงรีบเดินตามไปในทันทีบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังเป็นคนปิดประตู ทั้งยังล็อกกลอนจากด้านในอีกต่างหาก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากประตู สีหน้าของเฉินเฟยเฟยและจางผิงก็เปลี่ยนไปทันที เพราะพวกเธอรู้แล้วว่า หนานกงเล่อมาแล้วจริง ๆ ทำไมถึ
“เอ่อคือ มีสิ!” ไป๋หยางพูดอย่างระมัดระวัง “คุณชายหนานกงพยายามตามจีบเฉินเฟยเฟยอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธตลอด มันเลยทำให้เขาโกรธมาก ตอนนี้เขาอาจจะกำลังไปที่โรงแรมที่เธอพักอยู่”“แกว่าไงนะ!”สีหน้าของเย่เทียนหยู่มืดมนลงทันทีไป๋หยางตกใจมาก และกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะลงมือกับเขาอีก จึงรีบพูดออกไปว่า “ฉัน ฉันจะบอกทุกอย่าง แต่แกห้ามลงมือกับฉันนะ แล้วก็ ทุกสิ่งที่ฉันพูดคือเรื่องจริง ตำแหน่งของโรงแรมก็เป็นฉันที่บอกเขา”“ตอนนี้คุณชายหนานกงก็น่าจะไปถึงโรงแรมแล้ว”ไป๋หยางตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดแค่ว่าต้องล่อให้เย่เทียนหยู่ไปหาหนานกงเล่อให้เร็วที่สุด แต่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาพูดจะทำให้เย่เทียนหยู่โกรธมากแค่ไหนสีหน้าของเย่เทียนหยู่เย็นชาลงทันที แล้วรีบถามออกไปว่า “โรงแรมไหน ห้องอะไร?”ทันทีที่ไป๋หยางได้ยิน เขาก็รีบบอกทันทีโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับบริเวณที่เขาอยู่พอดี ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก“ทางที่ดีแกก็ภาวนาให้เฉินเฟยเฟยยังคงปลอดภัยอยู่เถอะ เพราะไม่อย่างนั้น แกได้ตายอย่างน่าสังเวชแน่นอน”หลังจากที่เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาจบ ก็ใช้เท้าเตะไปที่ตัวไป๋หยางอย่างแรง เห็นได้ชัดว่าจาก
“แก แกคิดจะทำอะไร?” ไป๋หยางตกใจจนหน้าซีด เขาทั้งกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน“ทำอะไรล่ะ เมื่อกี้ก็บอกแกไปแล้วนี่ แกต้องการชีวิตฉันเลยนะ ฉันแค่ต้องการขาสองข้างของแกก็เท่านั้น ไม่เกินไปหรอกมั้ง?” เย่เทียนหยู่พูดอด้วยน้ำเสียงที่ดูเฉยเมย“ไม่ ไม่ได้นะ!”ไป๋หยางรู้สึกร้อนรน จึงรีบพูดขึ้นว่า “เอางี้นะ ขอแค่แกปล่อยฉันไป เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วฉันก็จะไม่ถือโทษโกรธเคืองอีก”“กลับกัน หากแกลงมือกับฉัน ตระกูลไป๋จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่ ด้วยความสามารถของตระกูลไปแล้ว ต่อให้แกจะเก่งแค่ไหน แกก็คงจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี”“นี่แกยังกล้ามาข่มขู่ฉันอยู่อีกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่ ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการขอร้อง ขอความเมตตา” เมื่อเห็นท่าทางของเย่เทียนหยู่ ไป๋หยางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ เขาจึงไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไปไม่ว่ายังไงก็ต้องหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ก่อน รอให้ผ่านวันนี้ไปได้ ตนก็มีอีกเป็นหมื่นวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายตายอย่างน่าสังเวชมากที่สุด“ท่าทีของแกตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่น่าเสียดา
ตอนนี้ถึงทีของเย่เทียนหยู่แสดงสีหน้าดูถูกออกมาแล้ว เขาส่ายหัวพลางพูดขึ้นว่า “ขยะพวกนี้มาจากไหนกัน กล้าดียังไงมาอวดดีต่อหน้าฉัน เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่กันแล้วรึไง!”คำพูดนี้ทำให้คนเหล่านั้นโกรธอย่าเห็นได้ชัด แต่ก็กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาเวลาแบบนี้ ใครมันจะกล้าเสนอหน้าออกไปกัน นั่นไม่เท่ากับเป็นการหาเหาใส่หัวหรอกเหรอ?แต่สุดท้ายแล้ว มันก็จะมีคนที่โง่มาก ๆ ชอบทำตัวเสร่อ ไป๋หยางที่โดนชนจนได้รับบาดเจ็บก็พยายามตะเกียกตะกายออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธออกมาว่า “ไอ้หนู แกอย่าได้เหลิงนักนะ!”“แกรู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน?”“ก็คุณชายไป๋ไง เมื่อกี้แกก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่แยแสไป๋หยางหมดคำจะพูด ก่อนจะโต้กลับด้วยความโกรธ “งั้นแกรู้ไหม ว่าเป็นคุณชายไป๋คนไหน รู้ไหมว่าคุณชายไป๋ที่ว่าหมายถึงอะไร มันหมายความว่าฉันคือคุณชายจากตระกูลไป๋ยังไงล่ะ” “......”เย่เทียนหยู่ไม่มีอะไรจะพูด นี่หัวมันโดนชนจนพังไปแล้วเหรอไป๋หยางรู้สึกว่าตนเองอาจจะอธิบายได้ไม่ชัดเจนมากพอ ก่อนจะรีบพูดเสริมอีกว่า “ที่ฉันจะสื่อก็คือ ตระกูลไป๋นั้นไม่ธรรมดา เป็นถึงหนึ่
ผั๊วะ ผั๊วะ......หลังจากที่คนเหล่านั้นเดินล้อมเข้ามาด้วยความดุดัน เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นในทันทีเมื่อมองอย่างละเอียด ก็พบว่าทั้งหมดคือกลุ่มคนที่พุ่งเข้าไปเพื่อหวังจะล้อมโจมตีเย่เทียนหยู่ พวกเขากลับต้องนอนกองบนพื้นเรียงตัว ได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองเอาไว้ และร้องด้วยความเจ็บปวดที่แท้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เย่เทียนหยู่ที่ในมือกำลังถือไม้เอาไว้อยู่นั้น เขาเหวี่ยงมันใส่พวกเขาได้อย่างแม่นยำ จนทำให้พวกเขาล้มลงกันหมด พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยที่ดังขึ้นเป็นระนาวบางคนโดนตีจนขาทั้งสองข้างหัก แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคดีหน่อย ที่โดนตีขาหักแค่ข้างเดียวในตอนนี้เอง เหล่าลูกน้องต่างก็มองไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย แทบจะเข้าประชิดตัวเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำแววตาของไป๋หยางเองก็แสดงความประหลาดใจออกมา แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความโหดเหี้ยมเสียมากกว่า เขาจึงพูดพลางหัวเราะขึ้นว่า “ไอ้หนู คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเก่งกังฟูขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวอวดดีแบบนี้!”“ฉันเนี่ยนะ ที