“หว่านหรู หุบปาก!”“ปู่ทำผิดและสมควรได้รับบทเรียน เราต้องขอบคุณคุณชายเย่” คุณปู่หลินรีบพูดทันทีเย่เซวียนหัวเราะเยาะ ก่อนจะเอ่ยปากเย้ยเขาว่า: “ได้ยินมั้ย หลินหว่านหรู ถ้าคุณหัดมีสำนึกแบบปู่ของคุณซะบ้าง คุณคงไม่มาถึงจุดนี้”“คุณคิดว่าผมชอบคุณขนาดนั้นจริง ๆ รึไง? คิดว่าตัวเองเป็นเทพีแสนวิเศษวิโสคนไหนหรือยังไง?”“พูดตรง ๆ คุณก็แค่ผู้หญิงที่ผมอยากเล่นด้วยตอนนี้ ผมยอมตามใจคุณครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คุณกลับได้ใจขึ้นมาซะอย่างนั้น”“อยากฆ่าตัวตายใช่มั้ย? ได้สิ ฆ่าตัวตายเลยก็ได้ ผมจะอยู่ดู พอคุณตาย ผมจะสับไอ้งั่งนั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วก็จะควักกระดูกมันออกมาตอนที่มันยังมีชีวิต”เย่เซวียนพูดจาน่ากลัวด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน: “แล้วก็ทุกคนในตระกูลหลิน อย่าคิดจะได้ใช้ชีวิตสุขสบายอีกเลย เพราะผมจะจัดการพวกมันทีละคน”ทันทีที่สิ้นคำพูดเล่านั้น ทุกคนก็หน้าซีดและหวาดกลัวเมื่อมองดูคุณชายผู้สง่างามของตระกูลเย่ผู้ยืนอย่างสง่าอยู่ตรงตรง กลับรู้สึกว่าเขาน่ากลัวราวกับปีศาจ กระทั่งทำให้รู้สึกกลัวจนหนาวสั่นพวกเขากลัวและมองดูหลินหว่านหรูด้วยสายตาวิงวอน เห็นได้ชัดว่าหวังว่าพวกเขากำลังหวังให้หลินหว่านหรูเลิกดื้อ
เขาพูดว่าอะไรนะ?เขาจะจัดการกับคุณชายเย่เหรอ?นี่เขากลัวจนสมองน้ำเข้าไปแล้วหรือไงไม่สิ น่าจะกลัวจนสติแตกพูดเรื่องไร้สาระไปแล้วเหล่าบรรดาญาติและมิตรสหายของตระกูลหลิน มองเทียนหยู่ราวกับมองคนโง่แม้แต่หลิวเมิ่งยังตกตะลึง คำพูดของพี่เขยทำเอาเธอเหงื่อตก ในขณะนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจสักทีว่าทำไมพี่สาวของเธอถึงไม่ยอมให้ตัวเองบอกความจริงกับพี่เขยของเธอตอนนี้เธอเสียใจจริง ๆ ต่อให้พี่เขยของเธอจะดูกล้าหาญมาก แต่ถ้าตายทุกอย่างก็จบคุณปู่ตระกูลหลินและแม่ตระกูลหลินแทบอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ ไอ้เจ้าเทียนหยู่มันจะอวดดีมากเกินไปแล้ว เขารู้ดีอยู่แก่ใจแท้ ๆ ว่าเย่เซวียนเป็นบุตรชายของตระกูลเย่เมืองหลงตู แล้วเขายังกล้าพูดจาบ้าบิ่นแบบนั้นอีกแต่พอคิดได้ว่าตระกูลของเธออาจต้องถูกลากไปเอี่ยวด้วย เธอก็หัวเราะไม่ออกแต่หลังจากวันนี้ไป สุดท้ายเขาก็จะต้องจบเห่อยู่ดีอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่หลินหว่านหรูเองก็ยังสับสนเล็กน้อย แต่ถ้าคิดให้รอบคอบเทียนหยู่ก็เป็นของเขาแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ พวกไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมน่ะในเมื่อเรื่องนี้มาถึงตรงนี้แล้ว ยังมีอะไรต้องคิดอีก เธอจึงพูดได้แค่ว่า: “ถ้าอย
เมื่อคุณปู่ตระกูลหลินเห็นว่าหลินหว่านหรูมองเขาด้วยท่าทีแบบนั้น เขาก็โกรธมาก: “เป็นใครมันสำคัญด้วยหรือไง? ที่ปู่ทำไปทั้งหมดก็เพราะเห็นแก่หลานนะ!”“ถ้าอย่างนั้นหนูรู้แล้วค่ะ!”คำพูดของคุณปู่ทำให้หลินหว่านหรูยืนยันความคิดในหัวของตัวเอง เธอหันไปหาเย่เทียนหยู่และพูดว่า: “เทียนหยู่ ชาตินี้ฉันเป็นคนทำร้ายนายเอง!”“แต่ว่าอย่ากลัวไปเลยนะ ถ้านายตายฉันจะไปกับนายด้วย แล้วชาติหน้าเรามาอยู่ด้วยกันใหม่นะ”ในตอนนี้ เธอไม่กังวลอะไรอีกแล้ว และไม่สนคำขู่ที่ตระกูลเย่มีต่อตระกูลหลินด้วยตระกูลของเธอกำลังร่วมมือกับคนนอกเพื่อข่มขู่เธอชัด ๆวินาทีนี้ เธอแค่อยากจะบอกเย่เทียนหยู่ว่าเธอจะตายไปพร้อมกับเขาต่อให้หนทางข้างหน้าจะมีจุดจบเป็นความตาย เธอก็จะเดินไปพร้อมกับเย่เทียนหยู่ยามนี้ หลินหว่านหรูกลับพบว่าตัวเองกำลังผ่อนคลายลง แทบจะเรียกได้ว่ายกภูเขาออกจากอกแต่เมื่อคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ ได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็โมโหจนแทบจะคลั่ง อย่าว่าแต่การหัวเราะตอนเห็นโชคร้ายกำลังพุ่งใส่เย่เทียนหยู่เลยทว่านี่เท่ากับการตัดเส้นแบ่งระหว่างตระกูลหลินกับคุณชายเย่ แถมยังเป็นการยั่วยุคุณชายเย่สุดขีด ตระกูลหลินจะต้องมีจ
ทุกคนมองดูภาพเบื้องหน้าและอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าช้าเกินไป!ทั้งท่าทางและกระบวนท่าของเย่เทียนหยู่ เขามาเพื่อถูกกระทืบชัดๆเขาตายแน่หลินจื่อตงมองดูด้วยความร้อนใจ พี่เขย วรยุทธ์ของพี่ดีมากไม่ใช่เหรอ รีบเอาออกมาใช้สิ ยังจะมัวยืนนิ่งทำอะไรอยู่เล่าแต่แล้ววินาทีต่อมา ทุกคนก็ตกตะลึงเล็กน้อยรวมถึงตัวเฉินอู่ด้วย เพราะในตอนนั้นเอง ขณะที่เขารู้สึกว่ากระบวนท่านี้จะโจมตีถูกคู่ต่อสู้อย่างแน่นอน เย่เทียนหยู่ก็ยกมือขวาขึ้นทันทีเพียงแค่การเคลื่อนไหวเล็กน้อย เขาก็ใช้เพียงมือขวาจับอีกฝ่ายเพื่อหยุดการโจมตีสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น คือวินาทีต่อมาเขาได้ยินเสียงกึกก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงจะแล่นพล่านไปทั่วร่าง มือของเขาถูกอีกฝ่ายหักไปทั้งแบบนั้นภายใต้ความรู้สึกเจ็บปวด เฉินอู่โจมตีด้วยมืออีกข้างทันทีแต่เย่เทียนหยู่ก็ลงมืออีกครั้ง คราวนี้เขาบดขยี้มือซ้ายของเฉินอู่ด้วยกำลังภายในของเขาก่อนที่เฉินอู่จะทันได้ยื่นขาออกมา เย่เทียนหยู่ก็ถีบเขาออกไปอย่างแรงทุกกระบวนการเบื้องหน้าซับซ้อนเกินอธิบายและจบลงในระยะเวลาอันสั้นดูเขาไม่เปลืองแรงเลยสักนิดเฉินอู่ส่งเสียงร้องอย่างอนาถ เขากระเด็นออกไปไ
“เหอะ ผู้คุ้มกันของผมเป็นแค่พวกระดับพลังจันทรา ขอแค่เป็นพลังผลัดเปลี่ยนขั้นกลางขึ้นไปก็ทำแบบแกได้ทั้งนั้น ส่วนแก อย่างมากก็แค่พลังผลัดเปลี่ยนขั้นปลาย”“แต่ถ้าผมวิเคราะห์ไม่ผิด คุณก็แค่พลังผลัดเปลี่ยนขั้นกลาง และผมต่างหากที่เป็นระดับผลัดเปลี่ยนขั้นสูงสุดของจริง ห่างชั้นจากการเป็นระดับปรมาจารย์ที่สามารถสร้างพรรคขึ้นเองได้อีกแค่ก้าวเดียว”“เทียบกับผมแล้ว แกมันก็แค่มดปลวก!”เย่เซวียนลุกขึ้นยืน ก่อนจะเผยท่าทางโหดเหี้ยมกับสีหน้าภาคภูมิใจไม่คิดมาก่อนว่าวรยุทธ์ของเย่เทียนหยู่จะทรงพลังขนาดนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับเขา และนี่ก็เป็นโอกาสให้เขาเอาหน้าคืนพอดีให้ทุกคนได้เห็นว่าใครคือผู้กันแน่คือผู้มีพรสวรรค์แท้จริงทุกคนแอบถอนหายใจ ตามที่คาดไว้ คุณชายเย่ยังคงมีพลังมากกว่าส่วนเจ้างั่งเย่เทียนหยู่นั่น ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถและทรงพลังแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็จะถูกคุณชายเย่จัดการ และทุกอย่างก็จะสูญเปล่าแม่ตระกูลหลินถึงกับในใจว่า คุณชายเย่ รีบลงมือกำจัดเจ้าขยะน่าน่าขยะแขยงนั่นไปเลยหลินหว่านหรูเอวงก็ถูกคำพูดของเขาทำเอาหวาดหลัว หัวใจของเธอกังวลมากขึ้นไปอีก แม้พวกเขาจะเตร
เย่เทียนหยูพูดไม่ออก เดิมทีเขาคิดว่าเย่เซวียนเป็นคนที่มีจิตสำนึกห่วยแตก ฟังจากสิ่งที่เขาพูดกับสิ่งที่เขาจะทำ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเลวที่เลวทรามมากทั้งไม่เห็นค่าของมนุษย์ปุถุชน ชั่วช้าสามานย์จิตใจคับแคบทว่าตอนนี้ดูยังไง เขาก็เป็นแค่คนโง่ชัด ๆแต่เย่เซวียนไม่คิดว่าตัวเองจะผิดพลาด กลับทำท่าทางเย่อหยิ่ง และเอ่ยปากข่มขู่ “หลินหว่านหรู ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย”“มานี่ซะ คุกเข่าขอโทษผม ต่อไปก็มาปรนิบัติรับใช้ผมให้ดี ผมจะยอมไม่เอาเรื่องความผิดของคุณวันนี้”“ไม่อย่างนั้นละก็ คุณสองคน รวมถึงปู่ พ่อแม่ พี่น้องของคุณทุกคน เตรียมตัวตายได้เลย”ขณะที่เย่เซวียนพูดเขาก็ชี้ไปที่ทุกคน คำพูดทุกคำล้วนเป็นการคุกคามข่มขู่ทันทีที่เขาพูดแบบนั้นออกมา แม่ตระกูลหลินก็ตกใจกลัวทันทีและรีบพูด “หว่านหรู มัวยืนบื้อทำอะไรอยู่อีก คุณชายเย่มีน้ำใจขนดานี้ ทำไมยังไม่รีบคุกเข่าลงอีกฮะ”“ใช่ หว่านหรู เร็วเข้าสิ การคุกเข่าคุณชายเย่ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอก พ่ออยากจะคุกเข่าแทนอยู่แล้วแต่คุณชายเย่ไม่อนุญาต หรือลูกคิดจะทำร้ายคนในตระกูลทุกคนหรือไง”พ่อตระกูลหลินรีบพูดขึ้นมาทันที“ยังไม่รีบอีก หรือต้องให้ฉันลากไป
เย่เทียนหยู่หัวเราะเยาะและถามซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่หันหน้าหนีเลยแม่ตระกูลหลินและพ่อตระกูลหลินโกรธมากจนรู้สึกเหมือนกินอุจจาระและปัสสาวะไปหลายกิโลกรัม น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีทางปฏิเสธได้สิ่งที่ทำให้พวกเขาอึดอัดที่สุดคือทุกคนที่อยู่รอบตัวพวกเขาแสดงท่าทีเข้าใจอย่างลึกซึ้งและเห็นด้วยกับคำพูดของเย่เทียนหยู่แม้ว่าพวกเขาจะรู้ด้วยว่าเย่เซวียนนั้นทรงพลังและน่ากลัวเพียงใด แต่การแสดงของแม่ตระกูลหลินทำให้พวกเขาตกใจมากและทำให้มุมมองของพวกเขาถึงจุดสูงสุด"พวกแก!”“พวกแกจะรู้อะไร!”“ถ้าคุณต้องยืนอยู่ในตำแหน่งนี้ และปล่อยให้ลูกสาวของคุณแต่งงานกับนายน้อยที่โดดเด่นเช่นนี้ คุณคงจะแย่กว่าฉัน”แม่ตระกูลหลินโกรธมาก เมื่อเห็นทุกคนสนับสนุนคำพูดของเย่เทียนหยู่อย่างเงียบๆ เธอก็โกรธมากจนตอบโต้เสียงดังเมื่อทุกคนได้ยินก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะเย่เซวียนอยู่ด้วย แต่ทุกคนก็แสดงชัดเจนว่าพวกเขายังคงไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ และพวกเขาก็ดูเหมือนกำลังหัวเราะอีกด้วยแม่ตระกูลหลินไม่เคยรู้สึกละอายใจขนาดนี้มาก่อน ราวกับว่าเธอถูกกล่าวหาว่ามีความชั่วร้ายมากมายขนาดนี้เธอคลั่งไคล้และก่นด่าด้วยความโมโห "เย่เทียนหยู่ คุณเป
เย่เซวียนไม่คิดเลยว่าเย่เทียนหยู่จะทำตัวสบายขนาดนี้ แต่เขาก็เข้าใจเหตุผลอย่างรวดเร็ว เขายิ้มเยอะก่อนจะพูดอย่างเย้ยหยันว่า “แกคิดว่าแกจงใจแกล้งทำท่าสบายแบบนั้น แล้วผมจะไม่รู้เหรอว่าแกอยากถ่วงเวลา”“ไอ้เจ้างั่ง เทียบกับผมแล้วแกมันยังกระจอกเกินไป!”“……”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออกและพูดว่า "แล้วคุณกำลังเขียนถึงอะไรอีกล่ะ รีบลงมือทำเลย!"“ยอดมาก แกมันรนหาที่เอง วันนี้ผมจะให้คุณเห็นกระบวนท่าที่ไม่มีใครเทียบได้ของตระกูลเย่! เมื่อผมใช้กระบวนท่านี้ คุณจะไม่สามารถสัมผัสเงาของผมได้ ไม่ต้องพูดถึงการโจมตีผมเลย”“……”“พูดจบหรือยัง พูดจบแล้วก็รีบลงมือ” เย่เทียนหยู่เริ่มเร่งเวลา เพราะเขาไม่ว่างมาทำตัวอืดอาดกับเขา“รนหาที่ตาย!”“ในเมื่อเจ้าอยากตาย วันนี้ฉันจะตัดมือและเท้าของเจ้าออก แล้ว…”เย่เซวียนต้องการพูดคำเสแสร้งสองสามคำก่อน จากนั้นจึงแสดงความดุร้ายอันน่าทึ่งของเขา เมื่อถึงเวลา เย่เทียนหยู่จะถูกเขาเหยียบย่ำ และเขาไม่กลัวว่าหลินหว่านหรูจะไม่เชื่อฟังแต่เขาไม่คาดคิดว่าในขณะนี้ เย่เทียนหยู่ก็ออกจากสถานที่นั้นทันที และความเร็วของเขาก็เร็วอย่างน่าประหลาดใจด้วยการจ้องมองของเขา มันยากที่จะจับมันทั้ง
พอคุณนายไป๋มาถึง พวกเฉินเฟยเฟยก็สังเกตเห็นได้ในทันที เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายไป๋ สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเหตุผลอะไร แต่ดูท่าทางแล้ว ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวเหอฉุนรีบพูดขึ้นว่า “เฟยเฟย เร็วเข้า รีบติดต่อคุณเย่เร็ว!”“เอ่อ ฉันว่าเราลองอ้างชื่อพี่เย่กันก่อนดีไหม?” เฉินเฟยเฟยกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เย่เทียนหยู่มากเกินไป“ไม่ได้ รีบโทรหาเขาด่วนเลย ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป ดูจากท่าทีโกรธเกรี้ยวของเธอแล้ว เกรงว่าแค่อ้างชื่อออกไปจะไม่ได้ผลกับเธอแน่” “อีกอย่าง เกิดว่าเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของราชามังกร แล้วยังโกรธเกรี้ยวอยู่เหมือนเดิม เราจะทำอย่างไรดี” เหอฉุนรีบพูดขึ้นมาอันที่จริงเฉินเฟยเฟยเองก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแค่กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่ลำบากก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้ไปสนใจเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว เธอจึงรีบกดเบอร์โทรศัพท์โทรหาเย่เทียนหยู่ทันทีเพียงแต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เนื่องจากตอนที่หลินหว่านหรูตื่นเช้าขึ้นมา แล้วบอกว่าอยากกินบะหมี่เหมือนเมื่อวานอีกครั้งในเ
แถมยังเป็นดาราอีกต่างหาก!แม้ว่าจะยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่เฉินเฟยเฟยคนนี้ เธอจะต้องตายอย่างแน่นอนไม่ว่าเธอจะเป็นดาราดังมากแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลไป๋ที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้าน เธอก็เป็นได้แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!คุณนายไป๋หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกเพื่อจัดการวางแผนต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็พูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “พยัคฆ์ทมิฬ ไปสืบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าหากไม่สามารถหาที่อยู่ของนางนั่นมาได้ภายในเช้าของวันพรุ่งนี้ พวกแกก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว”“แล้วก็ยังมีไอ้ฆาตกรอีกคน เดี๋ยวฉันจะส่งวิดีโอไปให้ พวกแกก็ลองตรวจสอบมันดูด้วย แต่ภารกิจหลักคือการตามหาที่อยู่ของเฉินเฟยเฟยมาให้ได้!”เพราะขอแค่หาเฉินเฟยเฟยเจอ ก็จะสามารถหาคนที่ทำร้ายหยางหยางเจอได้เช่นกัน ซึ่งก็คือไอ้ฆาตกรคนนั้นพยัคฆ์ทมิฬที่ได้ยินคำสั่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋ชุบตัวขึ้นมาใหม่ เขาก็ยังไม่เคยเห็นเธอโกรธจัดเพียงแค่ต้องการให้สืบเรื่องของคนคนหนึ่งมาก่อนเลย เพราะงั้นเขาจึงได้รีบจัดการในทันทีพยัคฆ์ทมิฬเป็นหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์ทมิฬ หนึ่งในแก๊งแห่งวงการอาชญากรรม การที่พวกเขาสามารถค
“เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ?” ท่าทีของหลินหว่านหรูดูแปลก ๆ จึงทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าฝีมือทำครัวของตนจะแย่ลงรึเปล่านะแต่ถึงยังไง ก็คงไม่อร่อยจนถึงขั้นร้องไห้ออกมาหรอกมั้ง“เปล่าหรอก!”“อร่อยมาก อร่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”หลินหว่านหรูร้องไห้ฮือออกมาเย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ถึงจะอร่อยก็ต้องค่อย ๆ กินนะ ไม่ต้องรีบ ผมก็คิดว่าคุณร้องไห้เพราะทนกับรสชาติที่ไม่อร่อยอยู่เสียอีก”คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าทำให้ฉันขำสิ เอาซะฉันเกือบจะพ่นเส้นบะหมี่ออกมาแล้วเนี่ย”รอยยิ้มของหลินหว่านหรูนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีดอกไม้สวยงามนับไม่ถ้วนกำลังบานสะพรั่ง ทำให้เย่เทียนหยู่ถึงกับต้องมองตาค้างกันเลยทีเดียว“มัวเหม่ออะไรอยู่”“ก็มองคุณอยู่ไง”“โกหก”หลินหว่านหรูหน้าแดงเล็กน้อย เธอกินต่ออีกสองสามคำ ก่อนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยทำบะหมี่บ่อยมากเลยเหรอ?”“ก็ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก ผมยังทำอย่างอื่นเป็นด้วยนะ”“คุณทำอย่างอื่นเป็นด้วยงั้นเหรอ?”“แน่นอ
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านหรูถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อลองคิดอีกที บะหมี่เองก็ค่อนข้างที่จะต้มง่าย แทบไม่มีความยากเลยด้วยซ้ำ แค่ไม่เผลอใส่เกลือมากเกินไปก็พอแต่อีกเดี๋ยว ไม่ว่าจะเค็มหรือไม่ก็ตาม เธอจะต้องอดทนกินมันให้หมด แม้ว่าจะรสชาติแย่แค่ไหนก็ตามถึงยังไง การที่คนอย่างเย่เทียนหยู่ยอมลงมือทำบะหมี่ให้เธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็ว และดูคล่องแคล่วมาก ไข่ไก่ที่อยู่ในมือของเขา ไม่นานก็ถูกตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะถูกผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจของเขา ทั้งเส้นบะหมี่ไข่ผักก็ได้ถูกปรุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้วหากรวมเวลาตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงไปซื้อของด้วย เมื่อกี้มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองหลินหว่านหรูมองไปยังชามและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า ความสุขอันล้นหลามก็ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันทีเดิมเธอคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้แน่ ๆแต่ทันทีที่เธอได้สูดเส้นบะหมี่เข้าไป หลินหว่านหรูก็รู้สึกเหมือนถูกมนต์ส
“อือ งานยุ่งจนดึกมากขนาดนี้ คงหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ยังไหว ยังไม่หิวเท่าไหร่!”แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินมื้อดึก”“มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องไปหรอก สั่งเดลิเวอรีมาก็ได้” หลินหว่านหรูนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องเดินออกไปไกลอีกหน่อย หรือไม่ก็ขับรถไปแบบนั้นมันดูจะยุ่งยากไปหน่อย ที่สำคัญคือกลัวว่ามันจะดึกเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบกับการทำงานของเธอในวันพรุ่งนี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของข้างนอกสามารถกินได้ แต่ก็ไม่ควรกินบ่อย ๆ ถ้าคุณกลัวว่ามันจะยุ่งยากจริง ๆ งั้นคุณก็รอผมเดี๋ยวนะ”เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีเขาจำได้ว่าข้างล่างห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีบะหมี่อะไรแบบนั้นขายอยู่ด้วยด้วยความเร็วของเขา ไม่นานเขาก็กลับมา แถมยังซื้อของกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยไข่ไก่ บะหมี่ ผงปรุงรสรสไก่ แล้วก็ซีอิ๊วขาว ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาอีกแต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของร้านท
ทันใดนั้น เหอฉุนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรงว่าคุณเย่เองก็น่าจะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น ถึงได้กล้ามอบเงินกว่าห้าหมื่นล้านให้กับเฟยเฟยโดยไม่คิดอะไรเกรงว่าคุณเย่อาจจะเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าเฉินเฟยเฟยจะมอบเงินให้ตนเป็นคนจัดการ เขาไม่กลัวว่าตนจะฉ้อโกงเลยแม้แต่น้อยคุณเย่คนนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ!คุณเย่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้สุดความสามารถ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้ และทำให้เงินลงทุนของคุณได้กำไรคืนทุนมากกว่าสิบเท่าให้ได้!แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาแค่อยากให้เฉินเฟยเฟยได้มีที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้น จะหาเงินได้ไหม หรือว่าจะถูกฉ้อโกงรึเปล่า มันไม่สำคัญเลยสักนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสุขและความเป็นอิสระ!เงินแค่ห้าหมื่นล้าน ก็เป็นเพียงเศษเงินของเขาเท่านั้น หายไปก็ไม่เสียดายหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกจากโรงแรม เขาก็ตรงกลับไปยังที่พักทันที เกี่ยวกับห้องชุดนี้ เขาก็ได้ส่งกุญแจห้องให้หลินหว่านหรูตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วพร้อมทั้งบอกที่อยู่กับเธอแล้วด้วย และให้เธอเลิกงานเร็วหน่
สีหน้าของจางผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อไปนี้ จะไม่มีใครกล้ามารังแกพี่เฟยเฟยได้อีกแล้ว พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ทุกอย่างก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ก็คงต้องคิดชื่อบริษัทให้ดี ๆ แล้วล่ะเหอฉุนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จู่ ๆ จะพูดขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้วหนึ่งชื่อ ไม่งั้นเราก็ใช้ชื่อว่าเฟยเทียนมิวสิคคัลเจอร์กันเถอะ!”“เฟยเทียนงั้นเหรอ?”เฉินเฟยเฟยถามด้วยความอยากรู้ขึ้นว่า “ทำไมถึงต้องเรียกว่าเฟยเทียน หมายถึงการบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ?”เหอฉุนที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะอธิบายออกไปว่า “อันที่จริงก็มีความหมายแบบนั้นแหละ แต่อักษรเฟยตัวนี้ไม่ได้หมายถึงอักษรที่แปลว่าบินทยานหรอก!”เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็คิดออก แววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ชื่อนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ“ฉันรู้แล้ว เป็นอักษรเฟยที่มาจากชื่อของพี่เฟยเฟยนี่เอง!”ครั้งนี้ จางผิงเองก็เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “เฟยที่หมายถึงพี่เฟยเฟย เทียนก็หมายถึงคุณเย่ เป็นการรวมเอาชื่อของพวกพี่มารวมกันได้พอดีเลย
ตอนแรกเธอคิดว่าหุ้นทั้งหมดควรเป็นของพี่เย่ แต่พอมาคิดดูแล้ว ยังไงชีวิตนี้เธอก็เป็นของพี่เย่ เพราะงั้น หุ้นของเธอก็เหมือนเป็นของพี่เย่ด้วยไม่ใช่รึไงสำหรับพี่เหอ อันที่จริงพี่เย่ก็พูดเอาไว้แล้ว หากว่าเธอไม่อยากบริหารบริษัทจริง ๆ ก็มอบหมายให้พี่เหอเป็นคนดูแลทั้งหมดเลยก็ได้ ดังนั้นก็ควรที่จะให้พี่เหอถือหุ้นบางส่วนเอาไว้ด้วยจึงจะดีที่สุดส่วนเรื่องจำนวนของหุ้นนั้น พี่เย่ก็ไม่ได้กำหนดเอาไว้“เดี๋ยวก่อนนะ เฟยเฟย เธอพูดว่าอะไรนะ เธอจะให้ฉันถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยงั้นเหรอ?” เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะการที่มีหุ้นแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ จำนวนเงินก็ปาไปหมื่นล้านแล้ว“ใช่แล้วค่ะ พี่เหอรู้สึกว่ามันน้อยไปรึเปล่าคะ?”“ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันคิดว่ามันมากเกินไปต่างหาก”เหอฉุนรู้สึกตกใจอีกครั้ง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงพี่เย่ก็เห็นด้วยแล้ว จะให้ฉันถือหุ้นมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในเงินทุนแม้แต่บาทเดียวเลยนะ จะให้ฉันถือหุ้นมากมายขนาดนั้นได้ยังไง” เหอฉุนเองก็มีความคิดที่จะร่วมลงทุนอยู่ด้วย แต่ปัญหาคืออยู่ ๆ ก็กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนกว่าหมื่
“อะไรนะ!”ถึงจะเดาได้ว่าเย่เทียนหยู่ต้องการช่วยก่อตั้งบริษัททำเพลงให้ก็เถอะ แต่การที่ลงทุนให้ตั้งห้าหมื่นล้านก็ทำให้เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีบริษัทที่ไหนจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้นแล้วยังมาพูดอีกว่า แค่ช่วยออกเงินลงทุนให้ห้าหมื่นล้านเท่านั้น เงินก็คือเงินไม่ใช่รึไง?เหอฉุนไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า อีกฝ่ายต้องรู้สึกยังไง ถึงสามารถทำให้คนคนหนึ่งหยิบเงินออกมาลงทุนเป็นหมื่นล้านโดยไม่คิดอะไรได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพื่อยืนยันความจริง “เฟยเฟย เธอบอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่นะ ห้าหมื่นล้านงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ห้าหมื่นล้าน หรือว่ามันยังไม่พอเหรอคะ?”“ถึงแม้ว่าจะไม่พอก็ไม่เป็นไร พี่เย่บอกเอาไว้แล้ว ว่าให้เอาเงินห้าหมื่นล้านนี้ไปใช้เล่น ๆ ก่อน หากยังไม่พอ เขาก็สามารถเพิ่มเงินลงทุนได้ทุกเมื่อเลยค่ะ” เฉินเฟยเฟยไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนมากนักตอนนั้นเธอเองก็ถูกตัวเลขที่เย่เทียนหยู่พูดทำให้ตกใจเช่นกัน แต่พี่เย่ก็บอกเอาไว้แล้วว่า เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเขามีเงินที่ไม่ว่าจะใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้วต่อให้เป็นแสนล้านเขาก็มี!ตัวเลขเหล่านั้น เธอแ