“ผมต้องรู้อยู่แล้ว เพราะพรรคปีศาจก็แค่สถานที่แห่งความสกปรกโสมมที่เลือกรับเฉพาะพวกลูกศิษย์ชาติชั่วนั่นยังไง” เย่เทียนหยู่ยิ้มเยาะ“อวดดี!”ชายชราหงุดหงิดขึ้นมาทันทีแล้วพูดว่า “เจ้าหนู เจ้ามันแกว่งเท้าหาเสี้ยน!”“หรือถ้าผมไม่พูดแบบนั้น พวกคุณจะไม่ฆ่าผมรึไง?”เย่เทียนหยู่หัวเราะเยาะและพูดว่า: “จะว่าไปแล้ว เรื่องคนที่เผาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนั้น นอกจากปีศาจที่นิสัยไร้มนุษยธรรมอย่างพวกคุณแล้ว จะเป็นใครไปได้อีก!”“รนหาที่ตายนัก!”ชายชราโกรธถึงขีดสุดแล้ว เขาโบกมือขวาเรียกให้จอมยุทธ์สองคนที่อยู่ด้านหลังเขาให้รีบออกไป ทว่าเขากลับพูดว่า: “เก็บมันซะ!”เพราะยามนั้นราชาปีศาจบอกว่า หากยืนยันตัวตนของเย่เสี่ยวเทียนได้แล้ว จะต้องไว้ชีวิตของเขา แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไป เพราะว่ากันว่าบนตัวของเย่เสี่ยวเทียนอาจมีสมบัติแสนล้ำค่าเก็บเอาไว้เมื่อหยางผั่วจวินเห็น เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและยืนขวางหน้าเย่เทียนหยู่ทันที“ฆ่าพวกมันซะ!”เย่เทียนหยู่พูดหยางผั่วจวินตกใจเล็กน้อย เขาคิดว่าแค่เอาชนะคู่ต่อสู้ก็เพียงพอแล้ว แต่ไม่คิดว่าคุณชายจะให้เขาฆ่าคน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาฆ่าคนไม่เก่งแต่เมื่อมีคำ
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป ความกลัวจับกุมหัวใจของเขา เขารู้สึกได้เลยว่าหากเขาไม่ให้ความร่วมมือ อีกฝ่ายต้องฆ่าเขาจริง ๆ แน่โดยเฉพาะ ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มตรงหน้าช่างน่าหวาดกลัวจริง ๆ แถมสองคนที่ติดตามเขามาก็ตายไปแล้วแต่ท่าทางของเขาดูสงบมาก“ที่ผมพูดเมื่อกี้คุณคงได้ยินแล้วสินะ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น“ข้าได้ยินแล้ว”ใบหน้าของชายชราตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เขาอยากจะสู้กลับ แต่เขาไม่กล้าพอเพราะเขารู้ว่าเขาจะโจมตีอีกฝ่ายโดยปราศจากความเมตตาและถ้าเขาทำผิดเขาอาจจะตายจริง ๆ“ดีมาก ฉันขอถามคุณว่าใครสั่งให้คุณทำไฟนั้น” เย่เทียนหยู่ถามทันทีที่คำถามนี้เกิดขึ้น สีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง“คิดให้รอบคอบก่อนที่จะตอบ เพราะถ้าคุณไม่มีประโยชน์โดยสิ้นเชิง ก็อย่าตำหนิฉันที่โหดร้าย” เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ“ท่านราชาปีศาจ!”ชายชราทำได้เพียงแต่สารภาพออกไปตามตรงอย่างไร้ทางเลือก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ ขอแค่รอดออกไปได้ เขาจะไปรายงานให้ราชาปีศาจทราบทันทีเมื่อถึงเวลา ราชาปีศาจจะลงมือด้วยตัวเอง เขาจะสามารถจัดการกับเจ้าเด็กนี่ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าพวกเด็กรอบกายเ
“ไม่ต้องรีบ!”“ถึงคุณจะแข็งแกร่ง แต่ยังไม่เหมาะจะบุกเขาพรรคปีศาจ” เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าปฏิเสธ ตอนนี้หยางผั่วจวิน อยู่เป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นต้นเท่านั้นต่อให้เขาพยายามสุดกำลัง ก็ทำได้แค่รับมือกับปรมาจารย์ขั้นกลาง ถ้าต้องปะมือกับปรมาจารย์ขั้นปลาย เห็นได้ชัดว่าคงลำบากไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดเลย ว่าพรรหคปีศาจแตกต่างจากพรรคทั่วไปมาก เพราะที่นั่นมีกลไกมากมาย“ตอนนี้เราควรทำยังไงต่อดีครับ?” หยางผั่วจวินถาม“มารอดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”“แต่เนื่องจากราชาปีศาจสั่งให้พวกเขาเริ่มต่อต้านฉัน เห็นได้ชัดว่าเขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของฉัน เมื่อคนเหล่านี้ไม่กลับไป คนที่มาครั้งต่อไปอาจจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”เย่เทียนหยู่กล่าว“แล้วเราควรทำยังไงดี อาการบาดเจ็บของคุณเป็นยังไงบ้าง” เนื่องจากเย่เทียนหยู่ไม่ได้ตั้งใจซ่อนมันไว้ หยางผั่วจวินจึงค้นพบเบาะแสบางอย่าง“ไม่เป็นไรหรอก!”“ถ้าผมยังไม่อยากตายเอง ลำพังแค่พวกเขายังทำอะไรผมไม่ได้หรอก”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ เพียงแต่ตอนนี้เขานึกถึงหลินหว่านหรูขึ้นมา “บอกเรื่องนี้ให้นักฆ่าหมายเลขเจ็ดรู้ แล้วให้เขาไปคุ้มกันหลินหว่านหรู อย่าให้เกิดปัญหาเด็ดขาด”“ครับ!
ทุกคนในตระกูลหลินพร้อมแล้ว กระทั่งยาก็เตรียมไว้แล้วเช่นกันนี่เป็นยากระตุ้นอารมณ์ที่มีฤทธิ์แรงซึ่งคุณปู่หลินได้มาจากเส้นสายของเขา แรงขนาดต่อให้เป็นวัวก็ยังต้องบ้าคลั่ง แม้เย่เทียนหยู่จะเก่งวรยุทธ์และสมรรถภาพทางกายแข็งแรง เกรงว่าก็คงจะอาการหนักพอกันประมาณหกโมงเย็น เย่เทียนหยู่ก็กลับบ้าน ยังไงก็ตาม หลังจากเข้าไปแล้ว เขาไม่เห็นหลินว่านหรู แต่เขาเห็นหลิวเมิ่งที่ถูกนำกลับมาก่อนหน้านี้วันนี้ชุดของ หลิวเมิ่งแตกต่างไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อย เสื้อเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว ซึ่งเน้นไปที่หน้าอกของเธอโดยสิ้นเชิงด้านล่างเป็นกระโปรงสีดำสั้นกุดการแต่งกายเช่นนี้เผยให้เห็นทรวดทรงองเอวของเธอได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะส่วนเว้าของเอวที่บางคอดจนน่าตกใจนั่นราวกับทดสอบว่าเขาสามารถอดทนได้หรือเปล่ารวมถึงผิวพรรณของขาอันเรียวยาวก็ขาวเนียนไม่แพ้กัน เย่เทียนหยู่รู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อยในชุดของเขาที่บ้าน แต่อย่างน้อยเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองมันอย่างระมัดระวัง“พี่เขย มาแล้วเหรอคะ”หลิวเมิ่งก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อทักทายเขาอย่างมีความสุข ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและท่าทางที่มีความสุขมากเย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่อ
เพียงแต่คราวนี้เขาใช้พลังชี่แท้ไม่ได้ ก็เลยไม่อาจควบคุมไม่ให้ตัวเองเมมา เพราะอย่างนั้นเขาเลยค่อย ๆ ถูกฤทธิ์ยาแต่หลังจากพูดคุยอย่างสนุกสนาน คุณปู่ตระกูลหลินก็หยิบแก้วเบียร์ขึ้นอีกครั้งแล้วพูดว่า “เทียนหยู่ ครั้งนี้เราต้องขอบคุณจริง ๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ เราคงจะตายไปแล้ว”“เอาละ ปู่ขอดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว”“ปู่หลินเกรงใจเกินไปแล้วครับ”เพราะชายชราสุภาพมาก เย่เทียนหยู่จึงไม่ได้คราแครงใจอะไร เขาหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาแล้วดื่มลงไปอีกหนึ่งแก้วอย่างช่วยไม่ได้ทว่าปัญหาคือ เขาเพิ่งให้ความร่วมมือคุณปู่หลินเสร็จ หลินหงก็ยกแก้วมาอีกครั้ง แม้เขาจะไม่ชอบอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังเป็นพ่อของหลินหว่านหรูและพ่อตาของเขาด้วยเย่เทียนหยู่ต้องดื่มเบียร์แก้วนี้จากนั้นแม่ตระกูลหลินก็กลับมาอีกครั้ง และเย่เทียนหยู่ก็คิดว่ามันแค่รอบนี้อยู่แล้ว และด้วยความสามารถในการดื่มของเขาเอง น้ำหนักมากกว่าหนึ่งกิโลกรัมก็ไม่ใช่ปัญหาเขาจึงดื่มอีกครั้งหลังจากไม่กี่คนพูดจบ หลิวเมิ่งก็ยกแก้วขึ้นมาแล้วพูดว่า “พี่เขย ฉันก็อยากจะเลี้ยงคุณเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันคงโดนเพื่อนร่วมชั้นเก่ารังแกไปแล้ว”“ทำไมไม่ดื่มล่ะ”เย่เทียนห
หลังจากดื่มไปสามแก้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกราวกับกำลังจะอาเจียน ร่างกายของเขารู้สึกเฉื่อยชาเล็กน้อย โชคยังดีที่เขาไม่ได้ดื่มต่อเมื่อเห็นว่าเกือบจะได้ที่แล้ว คุณปู่ตระกูลหลินก็เริ่มสงซิกผ่านทางสายตาทันทีหลิวเมิ่งลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ก้าวไปข้างหน้าและจับแขนของเย่เทียนหยู่ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วพูดว่า: “พี่เขย ฉันจะช่วยคุณกลับไปที่ห้องของคุณเพื่อพักผ่อน”เย่เทียนหยู่ดื่มมากเกินไปเล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่าเขาเมาแล้วพูดว่า: “ไม่ ฉันออกไปคนเดียวได้”“ไม่เป็นไร ฉันจะช่วยพยุงพี่กลับไปเองค่ะ”เย่เทียนหยู่ถูกหลิวเมิ่งช่วยพยุงเดินไปที่ห้องนอน ทว่า การพยุงที่ว่าไม่ต่างอะไรกับการแนบเนื้อของเธอเข้ากับร่างกายของเขาโดยเฉพาะแขนของเขาที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันสัมผัสโดนบางจุดที่เขาไม่ควรสัมผัสมันทำให้ฮอร์โมนในร่างกายของเย่เทียนหยูเริ่มเพิ่มขึ้น รู้สึกราวกับว่าร่างกายดูเหมือนจะไม่เชื่อฟัง จนไปกระตุ้นให้สมองของเขาเริ่มจะแตกต่างออกไปจากปกติหลิวเมิ่งรู้สึกบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับเย่เทียนหยู่และใบหน้าของเขาก็แดงเล็กน้อย เธอไม่เคยทำสิ่งนั้นมาก่อน แต่ครั้งนี้เพื่อความสุขในอนาคตเธอจะต้องกล้าหาญและก
แต่กับคนที่ไร้ประโยชน์อย่างเย่เทียนหยู่ ไม่ฆ่าเขาก็บุญเท่าไหร่แล้ว ถ้าปล่อยให้เขาได้กับหลิวเมิ่งจริง ๆ ก็หวานหมูเขาน่ะสิ เพราะฉะนั้นเธอเลยตอบไปว่า “เขาเข้าไปพักผ่อนแล้ว”“พักผ่อน?”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องคุณปู่ตระกูลหลินถลึงตาใส่แม่ตระกูลหลินอย่างดุเดือด ไม่ให้เวลาสักหน่อยล่ะ เกิดสองคนนั้นยังไม่ได้ทำอะไรกันเลยจะทำยังไงแต่มันก็ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว และต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นถ้าหลิวเมิ่งไม่ออกมาหลังจากเข้าไปแล้วเมื่อมาถึงจุดนี้ คุณปู่ตระกูลหลินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดตรงๆ: “เทียนหยู่ดื่มกับฉันสองสามแก้ว ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูเหมือนว่าเขาจะดื่มได้ไม่ดีเป็นพิเศษในวันนี้ เขาเมาหลังจากนั้นเพียงเล็กน้อย นิดหน่อยแล้วไปนอนซะ”“ใช่ ๆ ไม่ต้องกังวล เขาขอให้เสี่ยวเมิ่งพาเขากลับไปที่ห้องนอนแล้วละ น่าจะยังพอไหวนะ” แม่ตระกูลหลินพูดทันที“คุณหมายความว่ายังไงที่เขาขอให้เสี่ยวเมิ่งพาเขากลับไปที่ห้อง”หลินหว่านหรูงงงวย เธอมองไปรอบ ๆ และถามว่า “แล้วเสี่ยวเมิ่งอยู่ไหน?”“นั่นสิ ทำไมเสี่ยวเมิ่งยังไม่ออกมาอีก? พวกเขายังอยู่ข้างในหรือเปล่า?” จู่ ๆ คุณพ่อห
“เย่เทียนหยู่ แกนี่มันสมควรตายจริง ๆ รีบไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ”แม่ตระกูลหลินโกรธจัด หลังจากด่าทอเขาแล้ว เธอก็รีบตามลูกสาวไปทันทีในเวลานี้ คุณปู่ตระกูลหลินเห็นหลินหว่านหรูกลับออกมาด้วยสีหน้าเศร้าและเจ็บปวด ก่อนจะถามราวกับว่าเขาไม่รู้อะไรเลย: “หว่านหรู เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น?”แม่ตระกูลหลินวิ่งกลับอย่างรวดเร็วและด่าทอด้วยความโกรธ: “เย่เทียนหยู่ ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ ถ้าเจ้าปฏิบัติต่อเขาอย่างดี เจ้าทำแบบนั้นได้ยังไง และเธอยังเป็นน้องสาวของเจ้าอยู่”“อะไรนะ!”หลินหงตกใจและโกรธและถามว่า: “คุณกำลังพูดถึงอะไร?เย่เทียนหยู่และ หลิวเมิ่งอยู่ข้างในหรือไม่?”แม่ตระกูลหลินพยักหน้าทันที“ให้ตายเถอะ ไอ้เวรนี่ เขากล้าทำแบบนี้กับลูกสาวของฉัน ฉันจะฆ่าเขา!” หลินหงโกรธจัดและเกือบจะฆ่าเย่เทียนหยู่“พอสักที!”คุณปู่ตระกูลหลินหยุดหลินหงและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม: “เร่งรีบอะไร มาเคลียร์เรื่องกันก่อน หยุนซิ่ว คุณแน่ใจหรือว่าคุณมองเห็นชัดเจน”“อือ!”แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธ: “ทั้งหมดเป็นความผิดของแม่เอง แม่ไม่น่าให้หลิวเมิ่งมาอยู่ที่นี่ด้วยเลย ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็คงทำเรื่องน่าไม่อายพรรคนี้ไม่สำเร็จ มิ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป