ในบรรดาพวกเขาไม่มีคนสู้คนที่มีพลังแบบนั้นได้แต่หลังจากที่เขาทำทุกอย่างไปแล้ว ผลที่ได้กลับมามันคืออะไรกันเขาเพิ่งพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยตระกูลหลินแต่เขาถูกพวกเขาล้อมกรอบด้วยวิธีนี้ แต่ผู้หญิงที่เขารักไม่ไว้วางใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะนี้ เย่เทียนหยู่รู้สึกเหนื่อยล้าจริง ๆหัวใจเขาเหนื่อยพอแล้ว!แต่เขายังคงมีความคาดหวังสุดท้ายอยู่ในใจ เขาเพิกเฉยต่อตระกูลหลินที่ทำให้เขาอับอายและพูดช้าๆ: “หว่านหรู ถ้าผมบอกว่าผมโดนวางยาคุณจะเชื่อผมมั้ย”“ยาเหรอ?”“เย่เทียนหยู่ นี่แกหมายความว่ายังไง? แกตั้งใจจะบอกว่าเราจะวางยาแกรึไงฮะ” แม่ตระกูลหลินเริ่มกังวลทันที“เย่เทียนหยู่ อย่ามาใส่ร้ายคนอื่นหน้าด้าน ๆ แบบนี้นะ”ใบหน้าของคุณปู่ตระกูลหลินเย็นชาและพูดด้วยความโกรธ: “ฉันไม่ใจดีกับคุณเกินไป คุณตีตราเราแบบนี้ได้ยังไง!”“หว่านหรู หลานคิดว่าปู่จะทำแบบนั้นเหรอ”“ใช่ หว่านหรู คุณรู้มั้ยว่าแม่รักเสี่ยวเมิ่งมากแค่ไหน ฉันจะปล่อยให้เสี่ยวเมิ่งต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรมเช่นนี้ได้ยังไง หากคุณไม่เชื่อจริง ๆ คุณสามารถปล่อยให้เสี่ยวเมิ่งออกมาได้ เซียวเหมิงประพฤติตนดีมาโดยตลอด และเธอก็ดีกับคุณมาก ฉัน
ต่อมาไม่มีใครพูดอะไรกับเขาอีกนอกจากคุณปู่ตระกูลหลินที่เข้ามาถามเขาว่าเขาพกทะเบียนบ้านกับทะเบียนสมรสมาด้วยหรือเปล่าเอกสารสำคัญเขามักจะพกติดตัวอยู่เสมอ เพราะว่าเขามักจะมีช่วงโอกาสที่คนทั่วไปไม่ค่อยพบเจออยู่เป็ยประจำหลินหว่านหรูมาพร้อมกับคุณปู่ตระกูลหลินและไม่ได้พูดอะไรกับเย่เทียนหยู่สักคำแม่ตระกูลหลินเข้าไปติดตามหลิวเมิ่ง และหลิวเมิ่งก็ออกมาหลังจากนั้นไม่นานหลิวเมิ่งเหลือบมองที่เย่เทียนหยู่แต่เย่เทียนหยู่ก็เหลือบมองเขาและสีหน้าของเขาก็สั่นเทา แต่โชคดีที่เย่เทียนหยู่ไม่ได้ถามอะไรไม่อย่างนั้นถึงแม้ป้าจะเข้าไปเล่าต่อแต่เธอก็คงอดไม่ได้ที่จะพูดความจริงหลิวเมิ่งเดินไปหาหลินหว่านหรูก่อนจะเรียกเธอเบา ๆ : “พี่คะ!”หลินหว่านหรูเหลือบมองเธอ สีหน้าของเธอดูเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเธอก็ไม่พูดอะไรสักคำหลิวเมิ่งรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอกำลังโทษตัวเอง ซึ่งทำให้เธอรู้สึกละอายใจและเสียใจเล็กน้อย ยังไงก็ตาม มันเป็นเช่นนี้แล้ว และเห็นได้ชัดว่าเธอไม่สามารถล่าถอยได้อีกต่อไปมิฉะนั้น หากลูกพี่ลูกน้องของฉันไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับตระกูลเย่ของเมืองหลงตูนั่นก็หมายความว่าเธอได้ทำสิ่งเลวร้ายและไม
หลินหว่านหรูหยุดเย่เทียนหยู่ เธอเดินเข้าไปและพูดอย่างเย็นชา: “เย่เทียนหยู่ คุณไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ?”“หย่ากันแล้ว ผมมีอะไรต้องพูดอีก?” เย่เทียนหยู่ยกใบหย่าในมือขึ้นแล้วถาม“ดี จากนี้ไปคุณกับฉันเราจบกัน ไม่ต้องมีอะไรข้องเกี่ยวกันอีก!” หลินหว่านหรูกล่าวอย่างเย็นชา“ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะต่อไปผมจะไม่มาให้คุณเห็นอีก”เย่เทียนหยู่ทิ้งคำพูดเอาไว้ ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ลังเลใจแต่ถ้าคุณสังเกตดีๆ คุณจะพบว่าฝีเท้าของเขาแตกต่างไปจากปกติเล็กน้อย และร่างกายของเขาก็สั่นเล็กน้อยเช่นกันเขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาทั้งคู่จะมาถึงจุดนี้แต่ตอนนี้ ในเมื่อเรื่องมันก็มาถึงจุดนี้แล้ว การหย่าร้างอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ เพราะถึงยังไงคู่ต่อสู้ที่เขาเผชิญหน้าจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ และอาจมีคนที่มีพลังระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ยังไม่มีทางจัดการกับพวกมันได้ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือเขายังไม่พบวิธีการที่จะทำให้เขาสามารถฟื้นความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วและไม่แน่ว่าเขาอาจจะตายไปเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะเวลาไม่เคยคอยใครเมื่อเห็นแผ่นหลังของเย่เทียนหยู่หายไปที่ประตู หลินหว่านหรู
หลินหว่านหรูเต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด เธอระบายมันออกมาจากตอนแรกก็หลิวเจี๋ย ตามมาด้วยนายน้อยหลี่ว์จากในเมือง มาคราวนี้ก็เย่เซวียนจากตระกูลเย่เมืองหลงตูต้นตระกูลของพวกเขาแต่ละคนใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และมันก็สร้างอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกันถ้าปู่และคนอื่นๆ ไม่ทะเลาะกันซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาจะมาถึงจุดนี้ได้ยังไงเมื่อเขากลับมาวันนี้ เขาได้รับโทรศัพท์จากเย่เซวียน อีกฝ่ายแสดงอย่างชัดเจนว่าเขาหวังว่าจะได้พบเขาที่เมืองหลงตูภายในสามวัน มิฉะนั้นตระกูลหลินจะถูกทำลายยิ่งไปกว่านั้น เย่เซวียนยังรู้เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเย่เทียนหยู่และกล่าวว่าหากเขาไม่ทำตามคำขอของเขาเย่เทียนหยู่จะต้องตายอย่างแน่นอนหากไม่มีสถานที่ฝังศพ ซึ่งจะน่าสังเวชมากปรากฎว่าคุณปู่ตระกูลหลินแกล้งทำเป็นเย่เซวียนและขู่ว่าจะหลอกลวงหลินว่านหรู แต่วันนี้ หลินหว่านหรูถูก เย่เซวียนคุกคามจริง ๆเห็นได้ชัดว่า เย่เซวียนใจร้อนและเดิมทีวางแผนที่จะใช้เสน่ห์และพลังของเขาเพื่อพิชิตเขา แต่หลังจากรับสายจากคุณปู่ตระกูลหลินไม่กี่ครั้ง เขาก็เปลี่ยนใจและคิดว่านี่คงจะดีเขาสามารถหา หลินหว่านหรูได้เร็วโดยไม่ต้องแต่งงานกับบ้านของเธอ
ขอแค่เธอยังยื้อเวลาได้ เธอก็จะยื้อเวลาให้นานที่สุดเมื่อเธอทำไม่ได้จริง ๆ แม้ว่าเธอจะตาย เธอก็ไม่มีทางปล่อยให้เย่เซวียนประสบความสำเร็จ อย่างน้อยก็เพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของเธอเพื่อเย่เทียนหยู่สำหรับครอบครัวหลิน เธอทำมามากพอแล้ว ดังนั้นปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตาเมื่อฟังคำกล่าวหาที่ตีโพยตีพายของ หลินหว่านหรูนาย หลิน ก็ดูน่าเกลียดและไม่พูดอะไรเลย ทันใดนั้นเขาก็สงสัยว่าเขาคิดถูกหรือผิดแต่เขาบอกตัวเองอย่างรวดเร็วว่าเขาพูดถูกความผิดอยู่ที่หลานสาวของฉัน เธอยังเด็กเกินไปและไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไร เมื่อเธอแต่งงานกับตระกูลเย่ในหลงตูจริง ๆ เธอจะเข้าใจความตั้งใจที่ดีของเธอฉันทำทั้งหมดนี้เพื่อประโยชน์ของเธอเองแม่ตระกูลหลินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะถูกด่า แต่เธอก็รีบพูดขึ้นทันที: “นี่ลูกพูดอะไร อะไรที่เรียกว่าจะพาหายนะมาให้ลูก นี่พวกลูกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยหรือไง โดยเฉพาะไอ้คนไร้ค่านั่นวัน ๆ เอาแต่อวดตัวเองกับหาเรื่องคนใหญ่คนโต”“ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ตระกูลเราจะมีปัญหามากมายแบบนี้ได้ไง แล้วลูกยังมาโทษเราอีกเหรอ?”“นอกจากนี้ เราเป็นพ่อแม่และผู้อาวุโสของคุณ ไม่ใช่ทุกสิ่งที่เราท
หลังจากที่หลินจื่อตงพูดจบ เขาก็ดึงหลินหว่านหรูและพูดว่า: “พี่ ไม่ต้องสนใจพวกเขา ไปหาพี่เขยของผมกันเถอะ!”เมื่อแม่ตระกูลหลินได้ยินแบบนั้น เธอก็โกรธมาก แม้ว่าลูกสาวของเธอจะถูกเย่เทียนหยู่หลอกลวง แต่ลูกชายของเธอก็ถูกหลอกเช่นกันครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ถูกหลอกหรอก และเขาก็ทำให้เย่เทียนหยู่พอใจได้มากขนาดนี้เหรอ? มันน่าอายจริง ๆ เขาตะโกนด้วยความโกรธทันที: “หลินจื่อตงหยุด!”หลินจื่อตงไม่สนใจเธอเลยและยังคงมองดูต่อไปแต่หลินหว่านหรูหยุด ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ ฉันได้รับใบหย่าแล้ว ทำไมคุณถึงตามหาเขา”“แต่...” หลินจื่อตงอยากจะพูดอย่างอื่น“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น”หลินหว่านหรูทิ้งคำพูดเหล่านี้และจากไปเพื่อกลับไปที่ห้องของเธอหลังจากเข้ามา เธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลอาบหน้า และแม้แต่หมอนก็เปียกไปด้วยน้ำตาความเจ็บปวดและความสิ้นหวังที่ถูกระงับทั้งหมดได้ถูกปลดปล่อยออกไปอย่างสมบูรณ์ในขณะนี้หลังจากนั้นไม่นาน หลินหว่านหรูก็ลุกขึ้นและหยิบจี้หยกที่เธอสะสมมาออกมาด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกครั้งที่เธอประสบปัญหา เธอก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมันออกมาดูดูเหมือนว่าด้วยวิธีนี้เธอจะมีพลังและกล้าหาญมา
หลินจื่อตงจากไปด้วยความโกรธ บางทีอาจเป็นเพราะเขาผ่านอะไรมามากมาย ทำให้หลินจื่อตงเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้วตอนนี้ อย่างน้อยก็เหมือนเดิมทุกประการเรื่องทั้งหมดนี้ หลินจื่อตงเองตระหนักได้ด้วยตัวเอง เพราะอย่างนั้น เขาจึงรู้สึกขอบคุณเย่เทียนหยู่มาก ไม่ว่าเย่เทียนหยู่จะมีอำนาจขนาดนั้นจริงหรือไม่ เขาก็จะยอมรับแค่พี่เขยคนนี้เท่านั้นแม่ตระกูลหลินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตัดสินใจช้าลงในอนาคต ใบหน้าที่แท้จริงของเย่เทียนหยู่ก็จะถูกเปิดเผยในสักวันหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่สำคัญว่าลูกชายของเขาจะคิดยังไงกับเย่เทียนหยู่ขอแค่เขาปล่อยเย่เทียนหยู่และอยู่กับเย่เซวียนได้ถ้าเป็นแบบนั้น ตระกูลหลินของพวกเขาจะจากไปจริง ๆหลังจากเดินออกจากบ้านพักตระกูลหลิน เย่เทียนหยู่ก็ขึ้นรถ เหลือบมองหยางผั่วจวิน และพูดด้วยความประหลาดใจ: “ฉันขอให้คุณกลับไปก่อนและรออยู่ที่นี่ตลอดเวลาไม่ใช่หรือ?”“ฉันคิดว่าสภาพร่างกายของนายน้อยไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นฉันจะรออยู่ที่นี่ ยังไงก็ตาม ทุกที่ที่คุณฝึกฝนก็ยังคงฝึกฝนอยู่” หยางผั่วจวินไม่เคยลืมที่จะฝึกฝนจริง ๆ“คุณนี่ขยันจริง ๆ” เย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อเขาคิดถึงสถานกา
เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์แล้วพูดอย่างใจเย็น: “ขับรถกลับไปที่วิลล่า”“ครับ!”หยางผั่วจวินตอบตกลงและสตาร์ทรถทันที แต่ใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล นับตั้งแต่ได้พบกับคุณชาย เขาไม่เคยเห็นคุณชายอยู่ในสภาพเช่นนี้มาก่อนหลังจากเข้าไปในวิลล่าแล้ว เย่เทียนหยู่พยายามหาทางฟื้นฟูสภาพร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วแต่หลังจากใช้วิธีการต่างๆ และใช้เวลาสองชั่วโมง ก็มีเลือดสีแดงสดเพียงไม่กี่สระอยู่ตรงหน้าฉันเฮ้ ดูเหมือนว่าฉันจะโทรหาครูได้อย่างเดียวและถามว่าเขาทำอะไรได้บ้าง ท้ายที่สุดแล้ว สถานการณ์ปัจจุบันแย่มาก และเขาจะต้องฟื้นความแข็งแกร่งโดยเร็วที่สุดแต่ในขณะนี้ มีคนโทรมาก่อน เย่เทียนหยู่ก้มหน้าลงและเห็นว่าเป็นหมายไม่ไม่รู้จัก เขาจึงรับสายผู้โทรคือหลิวเมิ่ง และเธอก็มาขอโทษเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและถามอย่างเย็นชา: “มีธุระอะไร?”“ขอโทษค่ะ วันนี้ฉัน...”“ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องของวันนี้” เย่เทียนหยู่ขัดจังหวะ“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันก็อยากขอโทษคุณค่ะ ที่จริงฉันไม่อยากทำแบบนั้น แต่ฉันไม่มีทางเลือก”“ไม่จำเป็นหรอก คุณเป็นผู้หญิง ผมเป็นผู้ชาย คุณต่างหากที่เสียเปรียบ แค่นั้นละ ต่อมาอย่าติดต่อหาผมอีก ผมไม
หลังจากที่เย่เทียนหยู่พังประตูเข้าไป หนานกงเล่อก็หันไปมองด้วยความโกรธ และเห็นว่าเป็นเย่เทียนหยู่ที่ถีบประตูเข้ามาโดยตรงสำหรับเย่เทียนหยู่ เขาค่อนข้างให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะวันนี้ที่ได้พบเขาบนเวทีไอ้เวรเอ้ย นี่มันไม่เป็นอะไรเลยงั้นเหรอ!แถมยังวิ่งมาที่นี่เพื่อทำลายเรื่องดี ๆ ของตนอีกไอ้สวะไป๋หยางนั่น ไม่ใช่ว่ามันหาคนไปจัดการกับไอ้เด็กนี่แล้วรึไง?เสียงที่เกิดขึ้นค่อนข้างดัง จึงทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง รวมถึงเหอฉุนและจางผิงเองก็ด้วยจางผิงรู้สึกตกใจนิดหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีใจ และตื่นตัวขึ้นทันทีเขาคือคุณเย่!คุณเย่มาแล้ว!ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคุณเย่จะรับมือไหวไหม แต่แค่ได้เห็นว่าเขามา ก็รู้สึกว่าตนมีความหวังขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยก็ยังดีกว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่รึไงเหอฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อย เธอมองไปยังผู้ชายที่ดูน่ากลัวและดุร้ายที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูคนนั้น เธอรู้สึกว่าเขาต่างจากที่เคยเห็นในตอนแรกไปโดยสิ้นเชิงแต่ว่า การที่เขาถึงกับรีบตรงมาที่นี่แบบนี้เขาก็น่าจะได้รับข่าวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่หนานกงเล่อมาที่นี่แน่นอน ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่รีบม
พระเจ้าช่วย หากช้าไปนิดเดียว เกรงว่าเฉินเฟยเฟยอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ แล้วเมื่อเห็นฉากนี้ หนานกงเล่อก็โกรธจัดขึ้นทันที เฉินเฟยเฟยถึงกับเลือกที่จะไม่ยอมแพ้แม้ตนจะต้องตาย จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรนี่เขาดูแย่มากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอผู้ชายคนนั้นนอกจากหล่อนิดหน่อยแล้ว ยังจะมีอะไรดีอีก?หรือความหล่อมันกินแทนข้าวได้รึไง?หนานกงเล่อโกรธจัด ความบ้าคลั่งเริ่มปรากฏ เขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ดูบิดเบี้ยว จับเฉินเฟยเฟยเอาไว้ แล้วพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เฉินเฟยเฟย เธอเกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอ ก็ดี ยิ่งเธอเกลียดฉันมากเท่าไหร่ วันนี้ฉันก็ยิ่งต้องเล่นสนุกกับเธอต่อหน้าทุกคนมากขึ้นเท่านั้น”“ไสหัวออกไปนะ!”เฉินเฟยเฟยเริ่มร้อนรน เธอยกมือขวาขึ้น ตบเข้าที่ใบหน้าของหนานกงเล่ออย่างแรงหนานกงเล่อรู้สึกงงงวยเล็กน้อย เขาไม่ทันได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะไม่อย่างนั้น แค่เฉินเฟยเฟยจะแตะต้องเขาได้อย่างไร“เวรเอ้ย แกกล้าตบฉันเหรอ!”หนานกงเล่อโกรธจัดทันที ก่อนที่เขาจะตบกลับไปอย่างแรงด้วยฝ่ามือเพี้ยะ!เสียงใส ๆ ดังก้องขึ้นอีกครั้งหนึ่งเฉินเฟยเฟยถูกตบที่ใบหน้าจนเ
ต้องบอกเลยว่า เหอฉุนค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียวแต่น่าเสียดาย ที่มันไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยหนานกงเล่อดูไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาสงบ และดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใด เขาพูดพลางหัวเราะเยาะว่า “ร้องไปเถอะ ดูสิ ว่าถ้าร้องจนคอแห้งแล้ว จะมีใครสนใจพวกเธออยู่ไหม!”“ลืมบอกไปเลย ว่าบริเวณรอบ ๆ พวกเธอตอนนี้ไม่มีผู้เช่าคนอื่นอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้มีไม่กี่ครอบครัวที่อาศัยอยู่ แต่ก็ถูกไล่ออกไปตั้งแต่ตอนที่คอนเสิร์ตเธอเริ่มแล้ว”ส่วนวิธีการไล่นั้น พวกเขาก็แค่ยัดเงินเล็กน้อยให้กับโรงแรม โรงแรมก็หาข้ออ้างจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายแล้วเมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา สาว ๆ ต่างก็รู้สึกหมดหวังกันอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ จะให้เรียกฟ้า ฟ้าก็คงไม่ตอบ เรียกดิน ดินก็คงไม่สนใจอีกแล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดที่มีพลังแข็งแกร่ง สองสาวแทบไม่มีแรงต้านเลยแม้แต่น้อย ในไม่ช้าพวกเธอก็ถูกมัดมือไว้ด้านหลัง พร้อมกับถูกปิดปากด้วยเทปกาวหนานกงเล่อแทบไม่ได้สนใจเสียงตะโกนของพวกเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้เขาคงรีบจัดการผู้หญิงสองคนนั้นให้หมดสติไปนานแล้วแต่เขากลับไม่ต้องการที่จะทำแบบนั้น เขาแค่ต้องการให้ผ
“คุณชายหนานกงพูดจริงเหรอ?” เหอฉุนรู้ดีว่า ตระกูลชนชั้นสูงแบบพวกเขา ไม่มีทางที่จะแต่งงานกับดาราอย่างแน่นอนแน่นอน ว่าก็อาจจะมีบางกรณีที่พิเศษจริง ๆ“แน่นอนสิ!”หนานกงเล่อพูดอย่างมั่นใจ แม้ในใจจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังคงต้องโกหกไปก่อน เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง“หากว่าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันคิดว่าเฟยเฟยก็อาจจะพอพิจารณาดูได้ แต่ว่า ตระกูลหนานกงจะยอมรับได้จริง ๆ เหรอคะ?” เหอฉุนถาม“ในเมื่อผมรับปากแล้ว ก็จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เฟยเฟย คุณคิดว่ายังไง?” หนานกงเล่อเปิดปากถามออกไปเฉินเฟยเฟยชะงักไปชั่วขณะ เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีขณะที่เหอฉุนกำลังจะพูดหนานกงเล่อก็โบกมือ แล้วพูดออกไปตรง ๆ ว่า “คุณไม่ต้องพูด!” เขาไม่ใช่คนโง่ เมื่อกี้ตอนที่คุยกับเหอฉุน เขาก็สังเกตสีหน้าของเฉินเฟยเฟยอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่ามีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ตรงกันบวกกับข่าวที่ตัวเองเพิ่งได้มาจากประธานหวัง ไหนจะยังมีเรื่องที่เฉินเฟยเฟยร้องเพลงคู่กับชายคนนั้นบนเวทีอีกเฉินเฟยเฟยรู้สึกงงงวย “ฉัน ฉัน......”“หรือที่ประธานเหอพูดกับผมเมื่อกี้แค่พูดพอเป็นพิธีเท่านั้น หลอกผมอยู่งั้นเหรอ?” หนานกงเล่อถา
สีหน้าของหนานกงเล่อเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที พร้อมกับถามออกไปอย่างเย็นชาว่า “ประธานเหอ นี่คุณหมายความว่ายังไง คุณเห็นผมเป็นสัตว์ร้ายงั้นเหรอ?”เหอฉุนเปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “จะเป็นแบบไปได้ยังไงกันคะ คุณชายหนานกงล้อกันเล่นแล้วล่ะค่ะ ก็แค่พวกเฟยเฟยกำลังแต่งตัวกันอยู่ ไม่ค่อยสุภาพสักเท่าไหร่ เลยจะดูไม่เหมาะสม หากจะมีผู้ชายอยู่ในห้องน่ะค่ะ”“งั้นเหรอ เช่นนั้นก็ให้ผมดูหน่อยสิ ว่ามันจะไม่สุภาพสักแค่ไหนกันเชียว” หนานกงเล่อไม่สนใจคำพูดของเหอฉุนเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะยืนรอที่ประตู เขาเดินตรงเข้าไปทันทีประธานหวังที่เห็นแบบนั้น ก็รีบพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นคุณชายหนานกง ผมยังมีธุระที่ต้องไปจัดการ คงไม่อยู่รบกวนแล้วนะครับ”“ไปเถอะ!”หนานกงเล่อไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ เดินมุ่งตรงเข้าไปข้างในท่าเดียวสีหน้าของเหอฉุนดูไม่ค่อยดีนัก จึงรีบเดินตามไปในทันทีบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังเป็นคนปิดประตู ทั้งยังล็อกกลอนจากด้านในอีกต่างหาก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากประตู สีหน้าของเฉินเฟยเฟยและจางผิงก็เปลี่ยนไปทันที เพราะพวกเธอรู้แล้วว่า หนานกงเล่อมาแล้วจริง ๆ ทำไมถึ
“เอ่อคือ มีสิ!” ไป๋หยางพูดอย่างระมัดระวัง “คุณชายหนานกงพยายามตามจีบเฉินเฟยเฟยอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธตลอด มันเลยทำให้เขาโกรธมาก ตอนนี้เขาอาจจะกำลังไปที่โรงแรมที่เธอพักอยู่”“แกว่าไงนะ!”สีหน้าของเย่เทียนหยู่มืดมนลงทันทีไป๋หยางตกใจมาก และกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะลงมือกับเขาอีก จึงรีบพูดออกไปว่า “ฉัน ฉันจะบอกทุกอย่าง แต่แกห้ามลงมือกับฉันนะ แล้วก็ ทุกสิ่งที่ฉันพูดคือเรื่องจริง ตำแหน่งของโรงแรมก็เป็นฉันที่บอกเขา”“ตอนนี้คุณชายหนานกงก็น่าจะไปถึงโรงแรมแล้ว”ไป๋หยางตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดแค่ว่าต้องล่อให้เย่เทียนหยู่ไปหาหนานกงเล่อให้เร็วที่สุด แต่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาพูดจะทำให้เย่เทียนหยู่โกรธมากแค่ไหนสีหน้าของเย่เทียนหยู่เย็นชาลงทันที แล้วรีบถามออกไปว่า “โรงแรมไหน ห้องอะไร?”ทันทีที่ไป๋หยางได้ยิน เขาก็รีบบอกทันทีโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับบริเวณที่เขาอยู่พอดี ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก“ทางที่ดีแกก็ภาวนาให้เฉินเฟยเฟยยังคงปลอดภัยอยู่เถอะ เพราะไม่อย่างนั้น แกได้ตายอย่างน่าสังเวชแน่นอน”หลังจากที่เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาจบ ก็ใช้เท้าเตะไปที่ตัวไป๋หยางอย่างแรง เห็นได้ชัดว่าจาก
“แก แกคิดจะทำอะไร?” ไป๋หยางตกใจจนหน้าซีด เขาทั้งกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน“ทำอะไรล่ะ เมื่อกี้ก็บอกแกไปแล้วนี่ แกต้องการชีวิตฉันเลยนะ ฉันแค่ต้องการขาสองข้างของแกก็เท่านั้น ไม่เกินไปหรอกมั้ง?” เย่เทียนหยู่พูดอด้วยน้ำเสียงที่ดูเฉยเมย“ไม่ ไม่ได้นะ!”ไป๋หยางรู้สึกร้อนรน จึงรีบพูดขึ้นว่า “เอางี้นะ ขอแค่แกปล่อยฉันไป เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วฉันก็จะไม่ถือโทษโกรธเคืองอีก”“กลับกัน หากแกลงมือกับฉัน ตระกูลไป๋จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่ ด้วยความสามารถของตระกูลไปแล้ว ต่อให้แกจะเก่งแค่ไหน แกก็คงจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี”“นี่แกยังกล้ามาข่มขู่ฉันอยู่อีกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่ ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการขอร้อง ขอความเมตตา” เมื่อเห็นท่าทางของเย่เทียนหยู่ ไป๋หยางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ เขาจึงไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไปไม่ว่ายังไงก็ต้องหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ก่อน รอให้ผ่านวันนี้ไปได้ ตนก็มีอีกเป็นหมื่นวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายตายอย่างน่าสังเวชมากที่สุด“ท่าทีของแกตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่น่าเสียดา
ตอนนี้ถึงทีของเย่เทียนหยู่แสดงสีหน้าดูถูกออกมาแล้ว เขาส่ายหัวพลางพูดขึ้นว่า “ขยะพวกนี้มาจากไหนกัน กล้าดียังไงมาอวดดีต่อหน้าฉัน เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่กันแล้วรึไง!”คำพูดนี้ทำให้คนเหล่านั้นโกรธอย่าเห็นได้ชัด แต่ก็กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาเวลาแบบนี้ ใครมันจะกล้าเสนอหน้าออกไปกัน นั่นไม่เท่ากับเป็นการหาเหาใส่หัวหรอกเหรอ?แต่สุดท้ายแล้ว มันก็จะมีคนที่โง่มาก ๆ ชอบทำตัวเสร่อ ไป๋หยางที่โดนชนจนได้รับบาดเจ็บก็พยายามตะเกียกตะกายออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธออกมาว่า “ไอ้หนู แกอย่าได้เหลิงนักนะ!”“แกรู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน?”“ก็คุณชายไป๋ไง เมื่อกี้แกก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่แยแสไป๋หยางหมดคำจะพูด ก่อนจะโต้กลับด้วยความโกรธ “งั้นแกรู้ไหม ว่าเป็นคุณชายไป๋คนไหน รู้ไหมว่าคุณชายไป๋ที่ว่าหมายถึงอะไร มันหมายความว่าฉันคือคุณชายจากตระกูลไป๋ยังไงล่ะ” “......”เย่เทียนหยู่ไม่มีอะไรจะพูด นี่หัวมันโดนชนจนพังไปแล้วเหรอไป๋หยางรู้สึกว่าตนเองอาจจะอธิบายได้ไม่ชัดเจนมากพอ ก่อนจะรีบพูดเสริมอีกว่า “ที่ฉันจะสื่อก็คือ ตระกูลไป๋นั้นไม่ธรรมดา เป็นถึงหนึ่
ผั๊วะ ผั๊วะ......หลังจากที่คนเหล่านั้นเดินล้อมเข้ามาด้วยความดุดัน เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นในทันทีเมื่อมองอย่างละเอียด ก็พบว่าทั้งหมดคือกลุ่มคนที่พุ่งเข้าไปเพื่อหวังจะล้อมโจมตีเย่เทียนหยู่ พวกเขากลับต้องนอนกองบนพื้นเรียงตัว ได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองเอาไว้ และร้องด้วยความเจ็บปวดที่แท้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เย่เทียนหยู่ที่ในมือกำลังถือไม้เอาไว้อยู่นั้น เขาเหวี่ยงมันใส่พวกเขาได้อย่างแม่นยำ จนทำให้พวกเขาล้มลงกันหมด พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยที่ดังขึ้นเป็นระนาวบางคนโดนตีจนขาทั้งสองข้างหัก แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคดีหน่อย ที่โดนตีขาหักแค่ข้างเดียวในตอนนี้เอง เหล่าลูกน้องต่างก็มองไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย แทบจะเข้าประชิดตัวเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำแววตาของไป๋หยางเองก็แสดงความประหลาดใจออกมา แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความโหดเหี้ยมเสียมากกว่า เขาจึงพูดพลางหัวเราะขึ้นว่า “ไอ้หนู คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเก่งกังฟูขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวอวดดีแบบนี้!”“ฉันเนี่ยนะ ที