คุณชายเฉินตามคนมาด้วยตัวเอง คนที่มาจะต้องน่ากลัวและมีอำนาจขนาดไหนกันนะจบกันตอนนี้มันคงจะจบแล้วจริงๆ สินะต่อให้ตอนนี้โทรหาลูกพี่ลูกน้องของเธอก็อาจช่วยอะไรไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ต้องลองดู จากนั้นเธอก็รีบโทรออกทันทีแต่สิ่งที่เธอทำให้หมดหนทางคือเธอโทรหาลูกพี่ลูกน้องไม่ติดเลย หรือว่าจะกำลังประชุมหรือเปล่านะ?จบกัน จบแน่ ครั้งนี้พระเจ้าไม่ช่วยเธอเลยจริง ๆจางเหยามองดูท่าทางวิตกกังวลของหลิวเมิ่งและพูดว่า: “หลิวเมิ่ง เพิ่งนึกออกรึไงว่าต้องรีบโทรออก แต่อย่าพยายามเลย เพราะมันเปล่าประโยชน์”“ไม่ว่าเธอจะไปหาใครมา ก็ไม่มีใครเป็นคู่ต่อกรของพี่เฟิงหรอก นี่พี่เฟิงเลยนะ นายน้อยคนรองของตระกูลเฉิน ฉันบอกเธอแล้วเชียว ว่าเธอน่ะมันรนหาที่ตาย”หลังจากได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยู่ก็ส่ายหัว เขาอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะเผยรอยยิ้มเย้ยหยันจางเหยาไม่เห็นรอยยิ้มของเขา แต่หลิวเมิ่งเห็น เดิมทีเธอก็แทบจะบ้าอยู่แล้ว เมื่อเธอเห็นฉากนี้ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นด้วยความโมโห“เย่เทียนหยู่ เราจะตายอนาถกันอยู่แล้วนะ พี่ไม่คิดจะหาทางช่วยก็มากเกินพอแล้ว ยังมัวยิ้มอยู่อีก ไม่สำนึกบ้างเลยรึไง?”
ทุกคนสังเกตเห็นเฉินเฟิงที่กำลังรีบกลับเข้ามาในทันที บรรดาลูกเศรษฐีต่างก็กำลังทำสีหน้าเยาะเย้ย เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเย้ยหยันเย่เทียนหยู่เคยเห็นคนคุยโวมานักต่อนัก แต่ไม่เคยเห็นใครคุยโวขนาดนี้มาก่อนจางเหยาได้ใจมากยิ่งขึ้น “เอาล่ะ พี่เฟิงกลับมาแล้ว มาดูกันว่าใครกันแน่ที่กำลังจะเสียช่วงชีวิตแสนสุขสบายไป”ใบหน้าของหลิวเมิ่งตึงเครียด ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัว ก่อนจะหันมองไปที่เย่เทียนหยู่และกระซิบ: “พี่เขย เราควรทำยังไงดี?”“อย่ากังวล ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ดูไม่เหมือนจะมาสร้างปัญหา แต่ดูเหมือนว่าจะมาขอโทษผมมากกว่า” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็นหลิวเมิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะยิ้มแห้ง ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพี่เขยมีความมั่นใจขนาดนั้นได้ยังไงกันแน่นอนว่าทุกคนต่างหัวเราะเยาะ โดยเฉพาะจางเหยา ตอนที่เธอเห็นเฉินเฟิงเดินเข้ามา ไม่รอให้เขาได้พูดเธอก็รีบลุกไปฟ้องทันที: “พี่เฟิงกลับมาแล้ว”“ถ้าพี่ยังไม่กลับมาอีก ไอ้หมอนั่นมันคงหยิ่งผยองไม่เลิก พี่รู้มั้ยคะว่าเขาพูดอะไร เขาบอกว่าพี่จะกลับมาขอโทษเขา เขาเนี่ยไม่เห็นพี่อยู่ในสายตาเลยนะคะ”“คนแบบนี้ แค่ให้รอดใต้หว่างขาพี่ยังน้อยเกิน
“คุณชายเย่ล้อเล่นแล้วครับ เมื่อกี้ผมพูดไร้สาระเองครับ ที่ผมอยากจะบอกก็คือวันนี้เป็นความผิดของผมทั้งหมด ไม่ว่าคุณชายเย่จะลงโทษผมยังไงก็ล้วนเป็นสิ่งที่ผมสมควรโดนเองครับ”“ผมแค่หวังว่าคุณชายเย่จะให้อภัยความประมาทของผมในครั้งนี้ และให้โอกาสผมได้แสดงคำขอโทษ”เฉินเฟิงรีบขอโทษไม่หยุดแต่บทสนทนาระหว่างทั้งสองทำให้ทุกคนตกใจอย่างสิ้นเชิง ไอ้หมอนั่นทำให้คุณชายเฉินขอโทษเขาได้จริง ๆ เหรอ แถมยังขอโทษอย่างจริงใจด้วยถ้าจะบอว่าเป็นแค่การอ่อนข้อคงน่าฟัง แต่นี่มันเป็นการทำตัวต่ำต้อยชัด ๆเป็นไปได้ยังไงกัน ไอ้หมอนั่นกลายเป็นคุณชายเย่อะไรนั่น แล้วคุณชายเย่เป็นใคร ทำไมถึงทำให้คุณชายเฉินกลัวได้ขนาดนี้ผู้กองหวังตกตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องทั้งหมดนี้เลย ใบหน้าของเขาน่าเกลียดมาก โดยเฉพาะตอนที่เขาคิดถึงการกระทำของเขาก่อนหน้านี้ ซึ่งคงทำให้อีกฝ่ายโกรธเคืองให้ตายเถอะ มันเป็นความผิดของนังผู้หญิงนั่นแต่ยามนี้ หญิงสาวยอดดวงใจของเขาอย่างจางเหยามีสีหน้าซีดเซียว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เธออดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นพูดว่า:“พี่เฟิง คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ? คนที่สภาพยาจกอย่างกับพวกขายของตามตลาดน
“ใช่แล้วครับ ใช่แล้ว ลงมือได้เต็มที่เลย ต่อให้ตีเธอจนตายตอนนี้ ผมก็จะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดเองครับ” เฉินเฟิงกล่าวเสริมทันที“หลิวเมิ่ง ไม่สิ พี่หลิว โปรดให้โอกาสเพื่อนร่วมชั้นเก่าอย่างฉันด้วยนะ ฉันจะสำนึกบุญคุณไปตลอดชีวิตเลย”“เพื่อนร่วมชั้นเก่า ก่อนหน้านี้เธอบอกไม่ใช่เหรอ ว่าการมีฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นอย่างฉันเป็นเรื่องน่าละอายสำหรับเธอ มาตอนนี้กลับขอให้คนไร้ยางอายอย่างฉันช่วยเธอซะแล้ว” หลิวเมิ่งโกรธทันทีเมื่อเธอคิดถึงความอัปยศอดสูก่อนหน้า“ก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง ฉันมันโง่ ฉันขอโทษนะ เธอจะทุบตีฉันดุด่าฉันก็ได้ แค่ขอให้เธอยอมปล่อยฉันไป” จางเหยาเอาแต่ขอร้องหลิวเมิ่งรู้สึกเสียใจ โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าเธอเกือบต้องคุกเข่าขอความเมตตา เดิมทีเธออยากให้จางเหยาอับอายแต่เมื่อจางเหยาคุกเข่า แก้มแดงจากการถูกตบ และยังกำลังร้องไห้ร้องขอความเมตตา เธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วส่ายหัว:“เอาล่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่คุณทำกับฉัน และฉันจะไม่ทำอะไรคุณ แต่ฉันไม่สามารถควบคุมส่วนที่เหลือได้!”ความหมายคือฉันสามารถปล่อยคุณไป แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอ้อนวอนให้คุณจางเหยาเข้าใจจึงหันกลับมาทันทีแล้วพูด
แต่ทันทีที่เสียงเรียกชื่อดังขึ้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถบอกตัวตนของกันและกันได้โดยธรรมชาติ รัฐมนตรีหวงเป็นคนที่มีอำนาจ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเขาเป็นคนที่ทรงพลังและมีพลังมหาศาล และทุกคนก็ตกใจเมื่อเขาโทรหาเขาเพียงแค่ใช้โทรศัพท์แม้แต่สีหน้าของเฉินเฟิงก็เปลี่ยนไป เขาเพิ่งได้ยินพ่อของเขาพูดว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลมาก แต่เขาไม่เคยเห็นด้วยตัวเองมาก่อน ทว่าการที่สามารถเข้าถึงบุคคลสำคัญเช่นนี้ได้ด้วยการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียว ทำให้เขาสัมพัสได้ ตาตัวเองว่าอีกฝ่ายมีพลังขนาดไหนเมื่อหวงหงเจี้ยนได้ยินแบบนั้น เขาก็ถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเรื่องนี้ไม่ซับซ้อนเลย เขาใช้เวลาเพียงสองสามนาทีก็เล่าจบ หลังจากหวงหงเจี้ยนฟังเสร็จ เขาก็พูดทันที: “ไม่ต้องกังวล แพทย์เซียนเย่ ผมจะสอบสวนเรื่องนี้เป็นด้วยตัสเองอย่างแน่นอน และจะสอบสวนตำรวจอย่างเคร่งครัด! สำหรับหวงลี่ ผมจะให้รางวัลแก่คุณอย่างแน่นอน!”“ดี!”“คุณช่วยเอาโทรศัพท์ของคุณให้หวงลี่หน่อยได้มั้ยครับ?” หวงหงเจี้ยนถาม“อ่อได้สิ!”จากนั้น เย่เทียนหยู่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้ หวงลี่แล้วพูดว่า “รัฐมนตรีหวงให
หลังจากทักทายและขอโทษกันไปเบื้องต้นอย่างพอเป็นพิธี สารวัตรเฉินกล่าวว่า: “คุณชาย เงินชดเชยได้ถูกแบ่งเรียบร้อยแล้วครับ จางเหยาเป็นผู้รับผิดชอบ และยอมจ่ายเงินชดเชย ถ้าคุณมีอะไรก็บอกผมได้เลยนะครับ”เห็นได้ชัดว่าเขามาพร้อมกับภารกิจ ส่วนใหญ่จะผ่อนคลายบรรยากาศ และเป็นการดีที่สุดถ้าให้เฉินเฟิงจ่ายน้อยลงสำหรับการชดเชยนั้น เย่เทียนหยู่ไม่สนใจเลย และพูดอย่างใจเย็น: “ค่าชดเชยเท่าไรก็ทำตามที่ควร แต่พวกเขาสองทำให้ผมอับอาย และผมต้องได้รับการชดเชย”เมื่อได้ยินแบบนั้น การแสดงออกของเฉินเฟิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธ และพูดอย่างระมัดระวัง: “หากคุณชายเย่มีคำขอก็ว่ามาได้เลยครับ”“ไม่มีอะไรมากหรอก แต่ตอนแรกคุณอยากให้พวกผมรอดใต้หว่างขาใช่ไหม?”“แล้วก็ ผมบอกแล้วว่าพวกคุณสองคนต้องคลานรอดใต้หว่างขาพวกเขา ที่ผ่านมาผมเป็นคนรักษาคำพูดมาตลอด พวกคุณคงจะไม่ทำให้ผมต้องผิดคำพูดตัวเองหรอกใช่มั้ย”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบทันทีที่สิ้นคำพูด ใบหน้าของเฉินเฟิงก็ดูย่ำแย่พอตัว เขาจะยังรักษาศักดิ์ศรีเอาไว้ได้ยังไงถ้าเขาต้องรอดใต้หว่างขาของคนอื่นในที่สาธารณะแบบนี้เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่จางเหยาที่อย
หลิวเมิ่งเป็นกังวล พี่เขย ประมาณนี้ก็น่าจะพอได้แล้วละมั้ง ไม่เห็นต้องแสดงซะเว่อร์ขนาดนั้นเลยแต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือแม้ว่าการแสดงออกของผู้อำนวยการเฉินจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็แสดงท่าทีไม่พอใจทันทีและยังพูดอย่างรวดเร็ว: "ใช่ ในฐานะคุณชายเย่ เฉินไม่คู่ควรกับความสนใจของคุณจริงๆ"“เมื่อครู่ผมคนนี้เสียมารยาทไปแล้วครับ”“ไม่ว่าคุณชายเย่ต้องการทำอะไรกับเฉินเฟิง ก็ทำในแบบของคุณเอง”คำพูดดังกล่าวทำให้ทุกคนตกใจอีกครั้ง ทุกคนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง นับประสาอะไรกับสายตาของตัวเองคุณชายเย่คนนี้เป็นใครกันแน่ เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?ดวงตาของหลิวเมิ่งเป็นประกาย พี่เขยคนนี้เหนือมนุษย์สุด ๆ เลยถ้าเธอต้องขับไล่พี่เคยแบบนี้ไป มันคงต้องเป็นบาปมหันต์แน่แม้สายตาของเฉินเฟิงจะดูไม่เต็มใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางสิ้นหวังของสารวัตรเฉิน เขาก็รู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาฟังเรื่องราวของปู่ของเขาเกี่ยวกับราชามังกรแห่งประตูมังกรหลายครั้งเกินไปเขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งและสถานะของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาช่างน่ากลัวเพียงใด หากเขาไม่เชื่อฟัง ไม่เพียงแต่เขาจะทุกข์ยากเท่านั้น แต่ครอบครัวเฉินทั้งหมดจะถูกทำลายด
ตอนนี้คุณปู่ตระกูลหลินและครอบครัวของเขากำลังคุยกันว่าจะใส่ร้ายเย่เทียนหยู่และขับไล่เขาออกจากบ้านอย่างไรในตอนนั้นเอง จู่ ๆ โทรศัพท์สายหนึ่งก็ดังขึ้น คนที่โทรเข้ามาชื่อว่า เหอเหมิ่ง เมื่อราว 20 ปีก่อน ตอนที่ตระกูลหลินทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างรื้อถอนอสังหาริมทรัพย์ และพวกเขาก็เคยมีเรื่องบาดหมางกันในเวลานั้นบ้านเรือนในบริเวณนั้นทรุดโทรมและต้องรื้อถอนทั้งหมด ชาวบ้านคนอื่น ๆ ได้รับเงินชดเชยและกองทุนการตั้งถิ่นฐานที่เกี่ยวข้องและย้ายสำมะโนครัวจากไปมีเพียงคู่แม่ลูกเหอเหมิ่งเท่านั้นที่พูดป่าวประกาศว่าพวกเขาต้องได้เงินร้อยล้านบาทแลกกับบาทขนาด 90 ตารางเมตรที่ใกล้พังอยู่ร่อมร่อ ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมให้พวกเขาเริ่มทำการรื้อถอนในเวลานั้น ประธานหลินซื่อกรุ๊ปที่รับผิดชอบการรื้อถอนคือ หวังเจี้ยน ผู้อำนวยการแผนกช่องทางซึ่งเคยเข้าร่วมกองกำลังกับหลี่ว์ซิงเหอไม่เพียงแต่คุกคามและข่มขู่บริษัทเท่านั้น แต่ยังตัดน้ำและไฟฟ้าอีกด้วยน่าเสียดายที่เหอเหมิ่งเป็นไอ้สารเลวที่รู้จักกันดีว่าเขาเป็นบุคคลที่โหดเหี้ยมเอาแต่ใจ และจะไม่ยอมรับเคล็ดลับนี้เลย ด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาไม่มีทางเลือกเพราะถึงยังไง ขอแค่คู
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก
หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็เดินทางไปยังบ้านพักของตระกูลหยางและแจ้งให้หยางเฉียนเฉียนทราบด้วยตัวเองว่าปัญหาแก้ไขแล้ว หรือให้พูดตามตรงก็คือ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจวินาทีแรกที่หยางเฉียนเฉียนได้ยิน เธอก็ยินยอมรับปากเย่เทียนหยู่ สำหรับเธอขอแค่พี่เย่มีความสุขเธอก็มีความสุขต่อมาแม้เธอจะผิดหวังอยู่บ้าง ที่สุดท้ายเธอไม่ได้ลงเอยกับพี่เย่ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้จัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกับเขา และยังได้รับใบทะเบียนสมรสกับเขาด้วยหยางต้าฝูดูหดหู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นดูเหมือนว่า ความมั่งคั่งมหาศาลนั่น จะไม่ใช่ของตระกูลหยางของพวกเขาหลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ขับรถกลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งแต่ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู เขาก็พบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนถูกเขาลงโทษไปแล้ว เจ้าโง่นั่นก็ไม่ยอมแพ้แถมยังตามเขามาถึงที่นี่ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาคงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย!เดี๋ยวก่อน หลิวเมิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะน่ารำคาญเล็กน้อย แต่เธอกับหว่านหรูก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันพวกเขาทั้งสองเห็นเย่เทียนหยู่แล้วรีบรุดหน้ามาทันที
ใบหน้าของหลินหว่านหรูแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่อธิบายไม่ได้ในใจ“เฮ้ คุณบอกว่าคุณต้องการมันมากใช่ไหม” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากแก้ไขปัญหานี้ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเขาเป็นหนี้หยางเฉียนเฉียนมากจนเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญมันยังไง ในอนาคต“อะไรนะ ฉันจะมีอารมณ์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง” ในเวลานี้ หลินหว่านหรูรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น ตระกูลสวี่มาที่นี่หรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม ปัจจุบัน ตระกูลหลินควรจะมีเพียงธุรกิจของ หลินจื่อตงเท่านั้น“นั่นไม่เป็นความจริง แต่ตระกูลสวี่และตระกูลซุนตกลงกันว่าพ่อแม่ทั้งสองจะหมั้นกันในวันพรุ่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะเลือกวันอันเป็นมงคลอื่นก่อนจึงจะจัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ”“แล้วจื่อตงก็เริ่มวิตกกังวล พรุ่งนี้เขาต้องไปเยี่ยมตระกูลสวี่เขาบอกว่าแม้ว่าเขาจะตาย เขาก็จะไม่ปล่อยให้สวี่เจียเจียหมั้นหมายกับตระกูลซุนเลย” หลินหว่านหรูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในความเป็นจริง เขารู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายเพิ่งหมั้นกันและ
หลินหว่านหรูขมวดคิ้วทันที มาจนถึงตอนนี้แล้วทำไมแม่เธอยังไม่ได้สติอีก ถ้าแม่เธอยังเป็นอยู่แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่กลับมา จะช้าเร็วก็คงเกิดปัญหาอยู่ดีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นหน้าตาของลูกสาว เธอก็รำคาญทันที “สายตาอะไรของลูกฮะ หรือแกจะทนดูน้องชายตัวเองตายไปทั้งแบบนี้รึไง”คุณปู่ตระกูลหลินเองก็รีบ “หว่านหรู ไม่ว่ายังไงก็ น้องก็คอยสนับสนุนหลานมาโดยตลอด หลานต้องช่วยเขานะ”“ใช่ หว่านหรู ลูกต้องช่วยจื่อตงนะ” หลินหงรีบพูดเสริมหลินจื่อตงเปิดปาก เขาไม่ต้องการรบกวนพี่สาว เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วงนี้ แถมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับพี่เขยก็จบลงไปแล้วแต่เขาไม่อยากเสียสวี่เจียเจียไปเลยจริง ๆเมื่อมองดูสายตาของคนในตระกูล หลินหว่านหรูรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งและพูดว่า “คิดว่าหนูจะไม่ช่วยจื่อตงเหรอคะ”คุณปู่ตระกูลหลินดูไม่ค่อยดีนัก แต่หลินจื่อตงก็พูดทันที “พี่ อย่าฟังคุณปู่กับทุกคนเลยครับ ผมเชื่อพี่อยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่สะดวกจริง ๆ ผมจะไปเองครับ”“นายก็ยังไม่เชื่อพี่อยู่ดี”หลินหว่านหรูโกรธ เธอหันหลังกลับและเดินกลับห้องด้วยความโมโหคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ที่ถูกทิ้งไว้ มองหน้ากันอย่างไม่เช
“แต่เธอจะมาที่นี่เร็วๆ นี้”“โอเค ถ้างั้นผมจะรอ”ตอนนี้ ขอแค่แม่ของเขาสบายดีแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่เขากังวลว่าตอนนี้แม่ของเขาเป็นอิสระแล้วจริง ๆ หรือเปล่า“ผมขอยืนยันอีกที พวกคุณไม่ขอให้ผมจดทะเบียนกับหยางเฉียนเฉียนแล้วใช่มั้ย” เย่เทียนหยู่ถามย้ำ“ใช่!”“โอเค ถ้างั้นผมไปละ!”เย่เทียนหยู่จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะมีเสน่ห์มากและดูเหมือนเธอจะไม่ได้ต่อต้านการการลุกล้ำของเขาเลยด้วยซ้ำจูเก่อหลิวหลีตกอยู่ในอาการมึนงง นี่เขา ออกไปแล้วเหรอตัวเธอมีเสน่ห์ไม่พอเลยหรือไงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยในความสวยของตัวเอง!เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าถ้าเธอเต็มใจ ก็คงไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ท่านผู้หญิงของเธอโทรมา“ท่านผู้หญิง ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” จูเก่อหลิวหลีรับสายและพูดทันที“ไม่เป็นไร!”“ฉันเพิ่งรู้ว่าเทียนหยู่ได้รับพลังลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนมาแล้ว เพราะงั้นเขาจะอยู่กับหยางเฉียนเฉียนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”ท่านผู้หญิงตอบ“พลังลมปราณซวนหมิงนั่นคืออะไรคะ” จูเก่อหลิวหลีไม่เคยรู้