ทุกคนสังเกตเห็นเฉินเฟิงที่กำลังรีบกลับเข้ามาในทันที บรรดาลูกเศรษฐีต่างก็กำลังทำสีหน้าเยาะเย้ย เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเย้ยหยันเย่เทียนหยู่เคยเห็นคนคุยโวมานักต่อนัก แต่ไม่เคยเห็นใครคุยโวขนาดนี้มาก่อนจางเหยาได้ใจมากยิ่งขึ้น “เอาล่ะ พี่เฟิงกลับมาแล้ว มาดูกันว่าใครกันแน่ที่กำลังจะเสียช่วงชีวิตแสนสุขสบายไป”ใบหน้าของหลิวเมิ่งตึงเครียด ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัว ก่อนจะหันมองไปที่เย่เทียนหยู่และกระซิบ: “พี่เขย เราควรทำยังไงดี?”“อย่ากังวล ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ดูไม่เหมือนจะมาสร้างปัญหา แต่ดูเหมือนว่าจะมาขอโทษผมมากกว่า” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็นหลิวเมิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะยิ้มแห้ง ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพี่เขยมีความมั่นใจขนาดนั้นได้ยังไงกันแน่นอนว่าทุกคนต่างหัวเราะเยาะ โดยเฉพาะจางเหยา ตอนที่เธอเห็นเฉินเฟิงเดินเข้ามา ไม่รอให้เขาได้พูดเธอก็รีบลุกไปฟ้องทันที: “พี่เฟิงกลับมาแล้ว”“ถ้าพี่ยังไม่กลับมาอีก ไอ้หมอนั่นมันคงหยิ่งผยองไม่เลิก พี่รู้มั้ยคะว่าเขาพูดอะไร เขาบอกว่าพี่จะกลับมาขอโทษเขา เขาเนี่ยไม่เห็นพี่อยู่ในสายตาเลยนะคะ”“คนแบบนี้ แค่ให้รอดใต้หว่างขาพี่ยังน้อยเกิน
“คุณชายเย่ล้อเล่นแล้วครับ เมื่อกี้ผมพูดไร้สาระเองครับ ที่ผมอยากจะบอกก็คือวันนี้เป็นความผิดของผมทั้งหมด ไม่ว่าคุณชายเย่จะลงโทษผมยังไงก็ล้วนเป็นสิ่งที่ผมสมควรโดนเองครับ”“ผมแค่หวังว่าคุณชายเย่จะให้อภัยความประมาทของผมในครั้งนี้ และให้โอกาสผมได้แสดงคำขอโทษ”เฉินเฟิงรีบขอโทษไม่หยุดแต่บทสนทนาระหว่างทั้งสองทำให้ทุกคนตกใจอย่างสิ้นเชิง ไอ้หมอนั่นทำให้คุณชายเฉินขอโทษเขาได้จริง ๆ เหรอ แถมยังขอโทษอย่างจริงใจด้วยถ้าจะบอว่าเป็นแค่การอ่อนข้อคงน่าฟัง แต่นี่มันเป็นการทำตัวต่ำต้อยชัด ๆเป็นไปได้ยังไงกัน ไอ้หมอนั่นกลายเป็นคุณชายเย่อะไรนั่น แล้วคุณชายเย่เป็นใคร ทำไมถึงทำให้คุณชายเฉินกลัวได้ขนาดนี้ผู้กองหวังตกตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องทั้งหมดนี้เลย ใบหน้าของเขาน่าเกลียดมาก โดยเฉพาะตอนที่เขาคิดถึงการกระทำของเขาก่อนหน้านี้ ซึ่งคงทำให้อีกฝ่ายโกรธเคืองให้ตายเถอะ มันเป็นความผิดของนังผู้หญิงนั่นแต่ยามนี้ หญิงสาวยอดดวงใจของเขาอย่างจางเหยามีสีหน้าซีดเซียว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เธออดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นพูดว่า:“พี่เฟิง คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ? คนที่สภาพยาจกอย่างกับพวกขายของตามตลาดน
“ใช่แล้วครับ ใช่แล้ว ลงมือได้เต็มที่เลย ต่อให้ตีเธอจนตายตอนนี้ ผมก็จะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดเองครับ” เฉินเฟิงกล่าวเสริมทันที“หลิวเมิ่ง ไม่สิ พี่หลิว โปรดให้โอกาสเพื่อนร่วมชั้นเก่าอย่างฉันด้วยนะ ฉันจะสำนึกบุญคุณไปตลอดชีวิตเลย”“เพื่อนร่วมชั้นเก่า ก่อนหน้านี้เธอบอกไม่ใช่เหรอ ว่าการมีฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นอย่างฉันเป็นเรื่องน่าละอายสำหรับเธอ มาตอนนี้กลับขอให้คนไร้ยางอายอย่างฉันช่วยเธอซะแล้ว” หลิวเมิ่งโกรธทันทีเมื่อเธอคิดถึงความอัปยศอดสูก่อนหน้า“ก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง ฉันมันโง่ ฉันขอโทษนะ เธอจะทุบตีฉันดุด่าฉันก็ได้ แค่ขอให้เธอยอมปล่อยฉันไป” จางเหยาเอาแต่ขอร้องหลิวเมิ่งรู้สึกเสียใจ โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าเธอเกือบต้องคุกเข่าขอความเมตตา เดิมทีเธออยากให้จางเหยาอับอายแต่เมื่อจางเหยาคุกเข่า แก้มแดงจากการถูกตบ และยังกำลังร้องไห้ร้องขอความเมตตา เธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วส่ายหัว:“เอาล่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่คุณทำกับฉัน และฉันจะไม่ทำอะไรคุณ แต่ฉันไม่สามารถควบคุมส่วนที่เหลือได้!”ความหมายคือฉันสามารถปล่อยคุณไป แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอ้อนวอนให้คุณจางเหยาเข้าใจจึงหันกลับมาทันทีแล้วพูด
แต่ทันทีที่เสียงเรียกชื่อดังขึ้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถบอกตัวตนของกันและกันได้โดยธรรมชาติ รัฐมนตรีหวงเป็นคนที่มีอำนาจ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเขาเป็นคนที่ทรงพลังและมีพลังมหาศาล และทุกคนก็ตกใจเมื่อเขาโทรหาเขาเพียงแค่ใช้โทรศัพท์แม้แต่สีหน้าของเฉินเฟิงก็เปลี่ยนไป เขาเพิ่งได้ยินพ่อของเขาพูดว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลมาก แต่เขาไม่เคยเห็นด้วยตัวเองมาก่อน ทว่าการที่สามารถเข้าถึงบุคคลสำคัญเช่นนี้ได้ด้วยการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียว ทำให้เขาสัมพัสได้ ตาตัวเองว่าอีกฝ่ายมีพลังขนาดไหนเมื่อหวงหงเจี้ยนได้ยินแบบนั้น เขาก็ถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเรื่องนี้ไม่ซับซ้อนเลย เขาใช้เวลาเพียงสองสามนาทีก็เล่าจบ หลังจากหวงหงเจี้ยนฟังเสร็จ เขาก็พูดทันที: “ไม่ต้องกังวล แพทย์เซียนเย่ ผมจะสอบสวนเรื่องนี้เป็นด้วยตัสเองอย่างแน่นอน และจะสอบสวนตำรวจอย่างเคร่งครัด! สำหรับหวงลี่ ผมจะให้รางวัลแก่คุณอย่างแน่นอน!”“ดี!”“คุณช่วยเอาโทรศัพท์ของคุณให้หวงลี่หน่อยได้มั้ยครับ?” หวงหงเจี้ยนถาม“อ่อได้สิ!”จากนั้น เย่เทียนหยู่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้ หวงลี่แล้วพูดว่า “รัฐมนตรีหวงให
หลังจากทักทายและขอโทษกันไปเบื้องต้นอย่างพอเป็นพิธี สารวัตรเฉินกล่าวว่า: “คุณชาย เงินชดเชยได้ถูกแบ่งเรียบร้อยแล้วครับ จางเหยาเป็นผู้รับผิดชอบ และยอมจ่ายเงินชดเชย ถ้าคุณมีอะไรก็บอกผมได้เลยนะครับ”เห็นได้ชัดว่าเขามาพร้อมกับภารกิจ ส่วนใหญ่จะผ่อนคลายบรรยากาศ และเป็นการดีที่สุดถ้าให้เฉินเฟิงจ่ายน้อยลงสำหรับการชดเชยนั้น เย่เทียนหยู่ไม่สนใจเลย และพูดอย่างใจเย็น: “ค่าชดเชยเท่าไรก็ทำตามที่ควร แต่พวกเขาสองทำให้ผมอับอาย และผมต้องได้รับการชดเชย”เมื่อได้ยินแบบนั้น การแสดงออกของเฉินเฟิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธ และพูดอย่างระมัดระวัง: “หากคุณชายเย่มีคำขอก็ว่ามาได้เลยครับ”“ไม่มีอะไรมากหรอก แต่ตอนแรกคุณอยากให้พวกผมรอดใต้หว่างขาใช่ไหม?”“แล้วก็ ผมบอกแล้วว่าพวกคุณสองคนต้องคลานรอดใต้หว่างขาพวกเขา ที่ผ่านมาผมเป็นคนรักษาคำพูดมาตลอด พวกคุณคงจะไม่ทำให้ผมต้องผิดคำพูดตัวเองหรอกใช่มั้ย”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบทันทีที่สิ้นคำพูด ใบหน้าของเฉินเฟิงก็ดูย่ำแย่พอตัว เขาจะยังรักษาศักดิ์ศรีเอาไว้ได้ยังไงถ้าเขาต้องรอดใต้หว่างขาของคนอื่นในที่สาธารณะแบบนี้เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่จางเหยาที่อย
หลิวเมิ่งเป็นกังวล พี่เขย ประมาณนี้ก็น่าจะพอได้แล้วละมั้ง ไม่เห็นต้องแสดงซะเว่อร์ขนาดนั้นเลยแต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือแม้ว่าการแสดงออกของผู้อำนวยการเฉินจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็แสดงท่าทีไม่พอใจทันทีและยังพูดอย่างรวดเร็ว: "ใช่ ในฐานะคุณชายเย่ เฉินไม่คู่ควรกับความสนใจของคุณจริงๆ"“เมื่อครู่ผมคนนี้เสียมารยาทไปแล้วครับ”“ไม่ว่าคุณชายเย่ต้องการทำอะไรกับเฉินเฟิง ก็ทำในแบบของคุณเอง”คำพูดดังกล่าวทำให้ทุกคนตกใจอีกครั้ง ทุกคนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง นับประสาอะไรกับสายตาของตัวเองคุณชายเย่คนนี้เป็นใครกันแน่ เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?ดวงตาของหลิวเมิ่งเป็นประกาย พี่เขยคนนี้เหนือมนุษย์สุด ๆ เลยถ้าเธอต้องขับไล่พี่เคยแบบนี้ไป มันคงต้องเป็นบาปมหันต์แน่แม้สายตาของเฉินเฟิงจะดูไม่เต็มใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางสิ้นหวังของสารวัตรเฉิน เขาก็รู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาฟังเรื่องราวของปู่ของเขาเกี่ยวกับราชามังกรแห่งประตูมังกรหลายครั้งเกินไปเขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งและสถานะของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาช่างน่ากลัวเพียงใด หากเขาไม่เชื่อฟัง ไม่เพียงแต่เขาจะทุกข์ยากเท่านั้น แต่ครอบครัวเฉินทั้งหมดจะถูกทำลายด
ตอนนี้คุณปู่ตระกูลหลินและครอบครัวของเขากำลังคุยกันว่าจะใส่ร้ายเย่เทียนหยู่และขับไล่เขาออกจากบ้านอย่างไรในตอนนั้นเอง จู่ ๆ โทรศัพท์สายหนึ่งก็ดังขึ้น คนที่โทรเข้ามาชื่อว่า เหอเหมิ่ง เมื่อราว 20 ปีก่อน ตอนที่ตระกูลหลินทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างรื้อถอนอสังหาริมทรัพย์ และพวกเขาก็เคยมีเรื่องบาดหมางกันในเวลานั้นบ้านเรือนในบริเวณนั้นทรุดโทรมและต้องรื้อถอนทั้งหมด ชาวบ้านคนอื่น ๆ ได้รับเงินชดเชยและกองทุนการตั้งถิ่นฐานที่เกี่ยวข้องและย้ายสำมะโนครัวจากไปมีเพียงคู่แม่ลูกเหอเหมิ่งเท่านั้นที่พูดป่าวประกาศว่าพวกเขาต้องได้เงินร้อยล้านบาทแลกกับบาทขนาด 90 ตารางเมตรที่ใกล้พังอยู่ร่อมร่อ ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมให้พวกเขาเริ่มทำการรื้อถอนในเวลานั้น ประธานหลินซื่อกรุ๊ปที่รับผิดชอบการรื้อถอนคือ หวังเจี้ยน ผู้อำนวยการแผนกช่องทางซึ่งเคยเข้าร่วมกองกำลังกับหลี่ว์ซิงเหอไม่เพียงแต่คุกคามและข่มขู่บริษัทเท่านั้น แต่ยังตัดน้ำและไฟฟ้าอีกด้วยน่าเสียดายที่เหอเหมิ่งเป็นไอ้สารเลวที่รู้จักกันดีว่าเขาเป็นบุคคลที่โหดเหี้ยมเอาแต่ใจ และจะไม่ยอมรับเคล็ดลับนี้เลย ด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาไม่มีทางเลือกเพราะถึงยังไง ขอแค่คู
แต่หากต้องปะมือกับปรมาจารย์ มันจะไร้ประโยชน์สำหรับทุกคนยกเว้นตัวคุณเองที่จะปกป้องเขา ท้ายที่สุดแล้ว ปรมาจารย์หญิงไม่ได้หาง่ายขนาดนั้นแต่ปกติแล้ว พวกปรมาจารย์ที่มีเกียรติมากพอจะไม่ทำเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้หรอก“พี่เขย พี่ทั้งหล่อและก็เจ๋งสุด ๆ เลย นี่พี่มีอิทธิพลขนาดนี้ได้ยังไงกันคะ” หลิวเมิ่งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นทำเอาเธอตัวสั่นจนหน้าอกกระเพื่อมเพราะความตื่นเต้นเย่เทียนหยู่เหลือบมองแล้วรีบมองไปทางอื่น ยัยเด็กนี่ตรงนั้นต้องเติบโตผิดปกติแน่ ไม่อย่างนั้นมันก็จะน่ากลัวเกินไปแล้ว“พี่เขย ทำไมไม่พูดอะไรหน่อยละคะ? ตกลงพี่เป็นใครกันแน่”“เป็นใครล่ะ แน่นอนว่าเป็นคนธรรมดา” เย่เทียนหยู่ตอบด้วยเสียงเฉยเมย“ถ้าพี่เป็นคนธรรมดา ฉันก็แย่กว่าขยะแล้วละคะ พี่เขย บอกฉันเร็ว ๆ พี่เป็นใครกันแน่”หลิวเมิ่งกล่าวในขณะที่มือขวาที่ว่างของเย่เทียนหยู่ ด้วยมือทั้งสองข้าง“ลูกพี่ลูกน้องของคุณไม่ได้บอกคุณเหรอ?” เย่เทียนหยู่ถาม“ไม่ได้บอก”“คือที่จริงไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่…” เย่เทียนหยู่กำลังจะพูด แต่ตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาหยุดพูด และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วรับสาย: “ครับปู่ เรา
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง แรงกดดันมหาศาลกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจอย่างมากอึก!มารโลหิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่ตัวเขาจะเดินถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่หมัดเดียว อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจนไม่เหลือชิ้นดี สภาพดูน่าอนาถมาก เห็นได้ชัดว่าภายในได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงต้องเข้าใจก่อนว่า ความสามารถของเขาเองก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเช่นกันแม้ว่าระยะเวลาในการบรรลุจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้วพูดตามตรง ความแข็งแกร่งของเขายังห่างจากหยางผั่วจวินอยู่มาก ซึ่งความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินตอนนี้ก็ได้ไปถึงคอขวดของระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว บวกกับร่างกายที่ไม่เหมือนใครของหยางผั่วจวินที่ทำการโจมตีอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถรับกระบวนท่านี้ของอีกฝ่ายได้ ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริง ๆ!เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก!ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้วเมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ
พูดกันตามตรง สนามนี้เป็นสนามต่อสู้ที่ดูไม่เลวเหมือนกัน“ไม่เลว!”เย่เทียนหยู่เหลือบมองหยางผั่วจวิน ก่อนจะพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ทำไม อยากลองสนามรึไง?”“แน่นอนสิครับ ไม่งั้นเจ้านายก็มอบโอกาสนี้ให้ผมเถอะนะครับ” ท่าทีของหยางผั่วจวินดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก“ไม่ได้!”เจวี๋ยเทียนที่ได้ยินก็รีบปฏิเสธออกไปโดยไม่ลังเลการเอาชนะหยางผั่วจวินแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของเขา หากเป็นตอนปกติเขาแทบไม่มีความมั่นใจได้เลยว่าจะสามารถเอาชนะหยางผั่วจวินได้ เว้นเสียแต่จะได้รับการสนับสนุนจากเวทอาคมที่ตนเตรียมเอาไว้ และแม้ว่าเวทอาคมที่เตรียมไว้จะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่ในระยะเวลาสั้น ๆ เกรงว่าคงจะใช้ได้แค่ครั้งเดียว ขุมพลังนี้มีเอาไว้รับมือกับหยู่เทียน มีเอาไว้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์“ได้ยินไหม คนเขาไม่เห็นด้วยน่ะ” เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด นี่หยางผั่วจวินชอบการต่อสู้มากขนาดนั้นเชียวเหรอถังวั่นหลี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เดิมทีเขาคิดว่าพลังของตนนั้นค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ตั้งแต่มาที่นี่ ก็พบว่าความแข็งแกร่งของประมุกแต่ละสำนักช่างน่ากลัวอะไรขนาด
หลังจากที่คำพูดนั้นถูกพูดออกมา คนจากสำนักเจวี๋ยฉิงต่างก็พากันตกตะลึงเจ้าตำหนักหยู่คนนี้ กล้ายอมรับคำท้าจริง ๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ?หรือพวกเขามองผิดกันไปเองจริง ๆ?เยว่เหลียนหานและคนในสำนักดอกไม้ต่างก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อสายตามากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเวลานี้ พวกเธอเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ไพ่ตายของมู่หรงอินไม่ใช่เย่เทียนหยู่แห่งพรรคมังการตั้งแต่แรกแล้ว แต่คือเจ้าตำหนักหยู่ผู้ลึกลับคนนี้ต่างหากอย่าว่าแต่พลังที่แท้จริงเป็นอย่างไรเลย แค่มีคนที่น่ากลัวอย่างหยางผั่วจวินเป็นลูกน้องก็เพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล้าตอบรับคำท้าจากประมุกสำนักเจวี๋ยฉิงอย่างเด็ดเดี่ยวอีกต่างหากในเวลานี้ เธอรู้สึกคาดหวังมากจริง ๆ คาดหวังว่าความสามารถของเจ้าตำหนักหยู่จะอยู่ในระดับไหนกันแน่แววตามู่หรงอินและจูเก่อหลิวหลีต่างก็ส่องประกายออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเธอคาดหวังให้เย่เทียนหยู่แสดงฝีมือมาโดยตลอดมีเพียงหยางผั่วจวินเท่านั้นที่สีหน้าดูหม่นหมอง เดิมทีนี่คือโอกาสที่เขาจะได้ต่อสู้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีอีกแล้ว เขาได้สูญเสียโอกาสประลองฝีมือไปแล้วอีกครั้งหนึ่งยังมีหลินเจวี๋ยอีกคนที่สีหน้าดูซีดเซียว แต่พอเห็