แต่ทันทีที่เสียงเรียกชื่อดังขึ้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถบอกตัวตนของกันและกันได้โดยธรรมชาติ รัฐมนตรีหวงเป็นคนที่มีอำนาจ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเขาเป็นคนที่ทรงพลังและมีพลังมหาศาล และทุกคนก็ตกใจเมื่อเขาโทรหาเขาเพียงแค่ใช้โทรศัพท์แม้แต่สีหน้าของเฉินเฟิงก็เปลี่ยนไป เขาเพิ่งได้ยินพ่อของเขาพูดว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลมาก แต่เขาไม่เคยเห็นด้วยตัวเองมาก่อน ทว่าการที่สามารถเข้าถึงบุคคลสำคัญเช่นนี้ได้ด้วยการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียว ทำให้เขาสัมพัสได้ ตาตัวเองว่าอีกฝ่ายมีพลังขนาดไหนเมื่อหวงหงเจี้ยนได้ยินแบบนั้น เขาก็ถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเรื่องนี้ไม่ซับซ้อนเลย เขาใช้เวลาเพียงสองสามนาทีก็เล่าจบ หลังจากหวงหงเจี้ยนฟังเสร็จ เขาก็พูดทันที: “ไม่ต้องกังวล แพทย์เซียนเย่ ผมจะสอบสวนเรื่องนี้เป็นด้วยตัสเองอย่างแน่นอน และจะสอบสวนตำรวจอย่างเคร่งครัด! สำหรับหวงลี่ ผมจะให้รางวัลแก่คุณอย่างแน่นอน!”“ดี!”“คุณช่วยเอาโทรศัพท์ของคุณให้หวงลี่หน่อยได้มั้ยครับ?” หวงหงเจี้ยนถาม“อ่อได้สิ!”จากนั้น เย่เทียนหยู่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้ หวงลี่แล้วพูดว่า “รัฐมนตรีหวงให
หลังจากทักทายและขอโทษกันไปเบื้องต้นอย่างพอเป็นพิธี สารวัตรเฉินกล่าวว่า: “คุณชาย เงินชดเชยได้ถูกแบ่งเรียบร้อยแล้วครับ จางเหยาเป็นผู้รับผิดชอบ และยอมจ่ายเงินชดเชย ถ้าคุณมีอะไรก็บอกผมได้เลยนะครับ”เห็นได้ชัดว่าเขามาพร้อมกับภารกิจ ส่วนใหญ่จะผ่อนคลายบรรยากาศ และเป็นการดีที่สุดถ้าให้เฉินเฟิงจ่ายน้อยลงสำหรับการชดเชยนั้น เย่เทียนหยู่ไม่สนใจเลย และพูดอย่างใจเย็น: “ค่าชดเชยเท่าไรก็ทำตามที่ควร แต่พวกเขาสองทำให้ผมอับอาย และผมต้องได้รับการชดเชย”เมื่อได้ยินแบบนั้น การแสดงออกของเฉินเฟิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธ และพูดอย่างระมัดระวัง: “หากคุณชายเย่มีคำขอก็ว่ามาได้เลยครับ”“ไม่มีอะไรมากหรอก แต่ตอนแรกคุณอยากให้พวกผมรอดใต้หว่างขาใช่ไหม?”“แล้วก็ ผมบอกแล้วว่าพวกคุณสองคนต้องคลานรอดใต้หว่างขาพวกเขา ที่ผ่านมาผมเป็นคนรักษาคำพูดมาตลอด พวกคุณคงจะไม่ทำให้ผมต้องผิดคำพูดตัวเองหรอกใช่มั้ย”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบทันทีที่สิ้นคำพูด ใบหน้าของเฉินเฟิงก็ดูย่ำแย่พอตัว เขาจะยังรักษาศักดิ์ศรีเอาไว้ได้ยังไงถ้าเขาต้องรอดใต้หว่างขาของคนอื่นในที่สาธารณะแบบนี้เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่จางเหยาที่อย
หลิวเมิ่งเป็นกังวล พี่เขย ประมาณนี้ก็น่าจะพอได้แล้วละมั้ง ไม่เห็นต้องแสดงซะเว่อร์ขนาดนั้นเลยแต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือแม้ว่าการแสดงออกของผู้อำนวยการเฉินจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็แสดงท่าทีไม่พอใจทันทีและยังพูดอย่างรวดเร็ว: "ใช่ ในฐานะคุณชายเย่ เฉินไม่คู่ควรกับความสนใจของคุณจริงๆ"“เมื่อครู่ผมคนนี้เสียมารยาทไปแล้วครับ”“ไม่ว่าคุณชายเย่ต้องการทำอะไรกับเฉินเฟิง ก็ทำในแบบของคุณเอง”คำพูดดังกล่าวทำให้ทุกคนตกใจอีกครั้ง ทุกคนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง นับประสาอะไรกับสายตาของตัวเองคุณชายเย่คนนี้เป็นใครกันแน่ เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?ดวงตาของหลิวเมิ่งเป็นประกาย พี่เขยคนนี้เหนือมนุษย์สุด ๆ เลยถ้าเธอต้องขับไล่พี่เคยแบบนี้ไป มันคงต้องเป็นบาปมหันต์แน่แม้สายตาของเฉินเฟิงจะดูไม่เต็มใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางสิ้นหวังของสารวัตรเฉิน เขาก็รู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาฟังเรื่องราวของปู่ของเขาเกี่ยวกับราชามังกรแห่งประตูมังกรหลายครั้งเกินไปเขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งและสถานะของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาช่างน่ากลัวเพียงใด หากเขาไม่เชื่อฟัง ไม่เพียงแต่เขาจะทุกข์ยากเท่านั้น แต่ครอบครัวเฉินทั้งหมดจะถูกทำลายด
ตอนนี้คุณปู่ตระกูลหลินและครอบครัวของเขากำลังคุยกันว่าจะใส่ร้ายเย่เทียนหยู่และขับไล่เขาออกจากบ้านอย่างไรในตอนนั้นเอง จู่ ๆ โทรศัพท์สายหนึ่งก็ดังขึ้น คนที่โทรเข้ามาชื่อว่า เหอเหมิ่ง เมื่อราว 20 ปีก่อน ตอนที่ตระกูลหลินทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างรื้อถอนอสังหาริมทรัพย์ และพวกเขาก็เคยมีเรื่องบาดหมางกันในเวลานั้นบ้านเรือนในบริเวณนั้นทรุดโทรมและต้องรื้อถอนทั้งหมด ชาวบ้านคนอื่น ๆ ได้รับเงินชดเชยและกองทุนการตั้งถิ่นฐานที่เกี่ยวข้องและย้ายสำมะโนครัวจากไปมีเพียงคู่แม่ลูกเหอเหมิ่งเท่านั้นที่พูดป่าวประกาศว่าพวกเขาต้องได้เงินร้อยล้านบาทแลกกับบาทขนาด 90 ตารางเมตรที่ใกล้พังอยู่ร่อมร่อ ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมให้พวกเขาเริ่มทำการรื้อถอนในเวลานั้น ประธานหลินซื่อกรุ๊ปที่รับผิดชอบการรื้อถอนคือ หวังเจี้ยน ผู้อำนวยการแผนกช่องทางซึ่งเคยเข้าร่วมกองกำลังกับหลี่ว์ซิงเหอไม่เพียงแต่คุกคามและข่มขู่บริษัทเท่านั้น แต่ยังตัดน้ำและไฟฟ้าอีกด้วยน่าเสียดายที่เหอเหมิ่งเป็นไอ้สารเลวที่รู้จักกันดีว่าเขาเป็นบุคคลที่โหดเหี้ยมเอาแต่ใจ และจะไม่ยอมรับเคล็ดลับนี้เลย ด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาไม่มีทางเลือกเพราะถึงยังไง ขอแค่คู
แต่หากต้องปะมือกับปรมาจารย์ มันจะไร้ประโยชน์สำหรับทุกคนยกเว้นตัวคุณเองที่จะปกป้องเขา ท้ายที่สุดแล้ว ปรมาจารย์หญิงไม่ได้หาง่ายขนาดนั้นแต่ปกติแล้ว พวกปรมาจารย์ที่มีเกียรติมากพอจะไม่ทำเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้หรอก“พี่เขย พี่ทั้งหล่อและก็เจ๋งสุด ๆ เลย นี่พี่มีอิทธิพลขนาดนี้ได้ยังไงกันคะ” หลิวเมิ่งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นทำเอาเธอตัวสั่นจนหน้าอกกระเพื่อมเพราะความตื่นเต้นเย่เทียนหยู่เหลือบมองแล้วรีบมองไปทางอื่น ยัยเด็กนี่ตรงนั้นต้องเติบโตผิดปกติแน่ ไม่อย่างนั้นมันก็จะน่ากลัวเกินไปแล้ว“พี่เขย ทำไมไม่พูดอะไรหน่อยละคะ? ตกลงพี่เป็นใครกันแน่”“เป็นใครล่ะ แน่นอนว่าเป็นคนธรรมดา” เย่เทียนหยู่ตอบด้วยเสียงเฉยเมย“ถ้าพี่เป็นคนธรรมดา ฉันก็แย่กว่าขยะแล้วละคะ พี่เขย บอกฉันเร็ว ๆ พี่เป็นใครกันแน่”หลิวเมิ่งกล่าวในขณะที่มือขวาที่ว่างของเย่เทียนหยู่ ด้วยมือทั้งสองข้าง“ลูกพี่ลูกน้องของคุณไม่ได้บอกคุณเหรอ?” เย่เทียนหยู่ถาม“ไม่ได้บอก”“คือที่จริงไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่…” เย่เทียนหยู่กำลังจะพูด แต่ตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาหยุดพูด และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วรับสาย: “ครับปู่ เรา
เย่เทียนหยู่กังวลมาก หลังจากลงจากรถ เขาก็รีบไปที่ประตูวิลล่าทันทีในเวลานี้ และคนอื่น ๆ กำลังรออยู่ที่ประตูทางเข้าแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นเย่เทียนหยู่ พวกเขาก็เหมือนกับเห็นซุปเปอร์สตาร์ พวกเขารีบทักทายเขาและพูดอย่างกังวลใจ: "เทียนหยู่ ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว!"ในขณะนี้ พวกเขาลืมไปหมดแล้วทุกอย่างก่อนที่จะรับโทรศัพท์จากเหอเหมิ่ง พวกเขายังคงคุยกันว่าจะใส่ร้ายเย่เทียนหยู่ทีละขั้นตอนเพื่อที่หลินว่านหรูจะเกลียดเขาโดยสิ้นเชิงและหย่ากับเขา“เทียนหยู่ หว่านหรูเป็นภรรยาตามกฎหมายของคุณ คุณต้องช่วยเธอนะ” แม่หลินรีบสวมภารพให้เย่เทียนหยู่ด้วยสีหน้ามีความหวัง เพราะกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะไม่ยอมช่วย“ไม่ต้องห่วง ผมจะทำเต็มแน่”เย่เทียนหยู่ไม่มีเวลามาสนใจความคิดเล็กน้อยของแม่หลินและพูดกับชายชรา: "คุณปู่หลิน โปรดบอกฉันโดยละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น"คุณปู่ตระกูลหลินไม่สนใจมากนัก และเล่าถึงความไม่พอใจในตอนนั้นอย่างรวดเร็วและรัดกุมในทันที“คุณกำลังบอกว่าคนลักพาตัวโทรหาคุณและขอให้คุณอย่าโทรหาตำรวจหรือขอความช่วยเหลือจากบุคคลภายนอกเหรอ? วันนี้พวกเขาได้เตรียมเงินไว้สองพันห้าร้อยล้านแล้วและจะโอนโดยตรงไปยังบัญชีในต
เมื่อเหอเหมิ่งได้ยินชื่อใหม่ เขาก็โกรธจนแทบจะเป็นบ้า แต่เมื่อได้ยินว่าประโยคหลังคือสามีของหลินหว่านหรู เขาก็พูดอย่างเย็นชา: “มึงเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาอ้าปากพูดกับกูฮะ ไปเรียกปู่หลินมาคุยกับกูซะ”“ขอโทษนะ แต่ไม่ได้หรอก!”“เพราะจากนี้ไป ผมมีอำนาจเต็มที่ที่จะเป็นตัวแทนของคุณปู่ตระกูลหลิน คำพูดของฉันคือคำพูดของคุณปู่ตระกูลหลิน” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชา: “แน่นอน ถ้าคุณไม่ต้องการเงิน คุณจะเมินผมไปก็ได้”“กำลังข่มขู่กูเหรอวะ หลินต้ากั๋ว ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อยากให้หลานสาวมีชีวิตรอดแล้วรึไง?” เหอเหมิ่งโกรธขึ้นมาทันทีคุณปู่ตระกูลหลินเหงื่อออกบนหน้าผากและกำลังจะพูดอย่างรวดเร็วเพื่อทำให้บรรยากาศเบาลงแต่เย่เทียนหยู่เตือนเขาอย่างเย็นชาอีกครั้ง: “คุณไม่จำเป็นต้องโทรหาเขา จากนี้ไปเขาจะไม่สนใจคุณ หากคุณมีอะไร แค่บอกฉัน”“อีกอย่าง ฉันบอกคุณได้ชัดเจนว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของฉัน ฉันรับรองว่าคุณจะไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว”“เจ้าหยิ่ง คุณคิดว่าคุณเป็นใคร เชื่อหรือไม่ ตอนนี้ฉันเล่นกลกับเธอแล้วจึงบุกเข้าไปในบ้านของหลินเพื่อเอาเงินไป” เหอเหมิ่งโกรธมาก นี่เป็นวิธีของเขาเป็นเพียงพี่ชายคนโ
“ไม่มีปัญหา แต่เราจะไปหาคุณที่ไหน” นี่คือสิ่งที่เย่เทียนหยู่ต้องการรู้มากที่สุด หากเขารู้ล่วงหน้าว่าพวกนั้นอยู่ที่ไหน เขาก็จะสามารถเตรียมการได้อีกหลายอย่างน่าเสียดายที่เหอเหมิ่งไม่ได้โง่ขนาดนั้น และตอบว่า: “ทำตามคำแนะนำของกูทีละขั้นตอน แล้วกูจะพามึงมาถึงที่นี่เอง”“แต่จำไว้ว่ากูไม่อยากเห็นบุคคลที่สามนอกจากมึง แม้แต่ผู้ติดตามก็ห้ามมี”“เมื่อกูรู้ละก็ ทุกอย่างถือเป็นโฆะ ปู่หลินน่าจะรู้ว่ากูเป็นคนโหดเหี้ยมมาแต่ไหนแต่ไรและจะทำตามที่กูพูดแน่”“ไม่มีปัญหา ไม่ต้องกังวล จะไม่มีบุคคลที่สามติดตามเรา” เย่เทียนหยู่กล่าว จะเห็นได้ว่าอีกฝ่ายเตรียมพร้อมแล้ว ดังนั้นช่างเถอะและเข้ามาด้วยตนเองในวัยรุ่งโรจน์ เขาจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่นอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาถูกกระแทกอย่างแรงทีละคน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อเขาหากความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้น่ากลัว หรือแม้แต่ปรมาจารย์ปรากฏตัว มันก็จะจบลง แต่มันเป็นไปไม่ได้แม้ว่าคุณจะคิดเรื่องนี้ก็ตาม เจ้านายที่แท้จริงไม่ควรทำสิ่งนั้นได้“เอาล่ะ ขึ้นรถแล้วรอรับสายจากฉันเมื่อไรก็ได้ คุณจะขับรถไปที่ไหนก็ได้ที่ฉันบอก”เย่เทียนหยู่ตอบและพูดว่า: “คุ
ต้องบอกเลยว่า เหอฉุนค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียวแต่น่าเสียดาย ที่มันไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยหนานกงเล่อดูไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาสงบ และดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใด เขาพูดพลางหัวเราะเยาะว่า “ร้องไปเถอะ ดูสิ ว่าถ้าร้องจนคอแห้งแล้ว จะมีใครสนใจพวกเธออยู่ไหม!”“ลืมบอกไปเลย ว่าบริเวณรอบ ๆ พวกเธอตอนนี้ไม่มีผู้เช่าคนอื่นอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้มีไม่กี่ครอบครัวที่อาศัยอยู่ แต่ก็ถูกไล่ออกไปตั้งแต่ตอนที่คอนเสิร์ตเธอเริ่มแล้ว”ส่วนวิธีการไล่นั้น พวกเขาก็แค่ยัดเงินเล็กน้อยให้กับโรงแรม โรงแรมก็หาข้ออ้างจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายแล้วเมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา สาว ๆ ต่างก็รู้สึกหมดหวังกันอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ จะให้เรียกฟ้า ฟ้าก็คงไม่ตอบ เรียกดิน ดินก็คงไม่สนใจอีกแล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดที่มีพลังแข็งแกร่ง สองสาวแทบไม่มีแรงต้านเลยแม้แต่น้อย ในไม่ช้าพวกเธอก็ถูกมัดมือไว้ด้านหลัง พร้อมกับถูกปิดปากด้วยเทปกาวหนานกงเล่อแทบไม่ได้สนใจเสียงตะโกนของพวกเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้เขาคงรีบจัดการผู้หญิงสองคนนั้นให้หมดสติไปนานแล้วแต่เขากลับไม่ต้องการที่จะทำแบบนั้น เขาแค่ต้องการให้ผ
“คุณชายหนานกงพูดจริงเหรอ?” เหอฉุนรู้ดีว่า ตระกูลชนชั้นสูงแบบพวกเขา ไม่มีทางที่จะแต่งงานกับดาราอย่างแน่นอนแน่นอน ว่าก็อาจจะมีบางกรณีที่พิเศษจริง ๆ“แน่นอนสิ!”หนานกงเล่อพูดอย่างมั่นใจ แม้ในใจจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังคงต้องโกหกไปก่อน เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง“หากว่าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันคิดว่าเฟยเฟยก็อาจจะพอพิจารณาดูได้ แต่ว่า ตระกูลหนานกงจะยอมรับได้จริง ๆ เหรอคะ?” เหอฉุนถาม“ในเมื่อผมรับปากแล้ว ก็จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เฟยเฟย คุณคิดว่ายังไง?” หนานกงเล่อเปิดปากถามออกไปเฉินเฟยเฟยชะงักไปชั่วขณะ เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีขณะที่เหอฉุนกำลังจะพูดหนานกงเล่อก็โบกมือ แล้วพูดออกไปตรง ๆ ว่า “คุณไม่ต้องพูด!” เขาไม่ใช่คนโง่ เมื่อกี้ตอนที่คุยกับเหอฉุน เขาก็สังเกตสีหน้าของเฉินเฟยเฟยอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่ามีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ตรงกันบวกกับข่าวที่ตัวเองเพิ่งได้มาจากประธานหวัง ไหนจะยังมีเรื่องที่เฉินเฟยเฟยร้องเพลงคู่กับชายคนนั้นบนเวทีอีกเฉินเฟยเฟยรู้สึกงงงวย “ฉัน ฉัน......”“หรือที่ประธานเหอพูดกับผมเมื่อกี้แค่พูดพอเป็นพิธีเท่านั้น หลอกผมอยู่งั้นเหรอ?” หนานกงเล่อถา
สีหน้าของหนานกงเล่อเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที พร้อมกับถามออกไปอย่างเย็นชาว่า “ประธานเหอ นี่คุณหมายความว่ายังไง คุณเห็นผมเป็นสัตว์ร้ายงั้นเหรอ?”เหอฉุนเปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “จะเป็นแบบไปได้ยังไงกันคะ คุณชายหนานกงล้อกันเล่นแล้วล่ะค่ะ ก็แค่พวกเฟยเฟยกำลังแต่งตัวกันอยู่ ไม่ค่อยสุภาพสักเท่าไหร่ เลยจะดูไม่เหมาะสม หากจะมีผู้ชายอยู่ในห้องน่ะค่ะ”“งั้นเหรอ เช่นนั้นก็ให้ผมดูหน่อยสิ ว่ามันจะไม่สุภาพสักแค่ไหนกันเชียว” หนานกงเล่อไม่สนใจคำพูดของเหอฉุนเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะยืนรอที่ประตู เขาเดินตรงเข้าไปทันทีประธานหวังที่เห็นแบบนั้น ก็รีบพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นคุณชายหนานกง ผมยังมีธุระที่ต้องไปจัดการ คงไม่อยู่รบกวนแล้วนะครับ”“ไปเถอะ!”หนานกงเล่อไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ เดินมุ่งตรงเข้าไปข้างในท่าเดียวสีหน้าของเหอฉุนดูไม่ค่อยดีนัก จึงรีบเดินตามไปในทันทีบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังเป็นคนปิดประตู ทั้งยังล็อกกลอนจากด้านในอีกต่างหาก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากประตู สีหน้าของเฉินเฟยเฟยและจางผิงก็เปลี่ยนไปทันที เพราะพวกเธอรู้แล้วว่า หนานกงเล่อมาแล้วจริง ๆ ทำไมถึ
“เอ่อคือ มีสิ!” ไป๋หยางพูดอย่างระมัดระวัง “คุณชายหนานกงพยายามตามจีบเฉินเฟยเฟยอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธตลอด มันเลยทำให้เขาโกรธมาก ตอนนี้เขาอาจจะกำลังไปที่โรงแรมที่เธอพักอยู่”“แกว่าไงนะ!”สีหน้าของเย่เทียนหยู่มืดมนลงทันทีไป๋หยางตกใจมาก และกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะลงมือกับเขาอีก จึงรีบพูดออกไปว่า “ฉัน ฉันจะบอกทุกอย่าง แต่แกห้ามลงมือกับฉันนะ แล้วก็ ทุกสิ่งที่ฉันพูดคือเรื่องจริง ตำแหน่งของโรงแรมก็เป็นฉันที่บอกเขา”“ตอนนี้คุณชายหนานกงก็น่าจะไปถึงโรงแรมแล้ว”ไป๋หยางตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดแค่ว่าต้องล่อให้เย่เทียนหยู่ไปหาหนานกงเล่อให้เร็วที่สุด แต่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาพูดจะทำให้เย่เทียนหยู่โกรธมากแค่ไหนสีหน้าของเย่เทียนหยู่เย็นชาลงทันที แล้วรีบถามออกไปว่า “โรงแรมไหน ห้องอะไร?”ทันทีที่ไป๋หยางได้ยิน เขาก็รีบบอกทันทีโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับบริเวณที่เขาอยู่พอดี ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก“ทางที่ดีแกก็ภาวนาให้เฉินเฟยเฟยยังคงปลอดภัยอยู่เถอะ เพราะไม่อย่างนั้น แกได้ตายอย่างน่าสังเวชแน่นอน”หลังจากที่เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาจบ ก็ใช้เท้าเตะไปที่ตัวไป๋หยางอย่างแรง เห็นได้ชัดว่าจาก
“แก แกคิดจะทำอะไร?” ไป๋หยางตกใจจนหน้าซีด เขาทั้งกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน“ทำอะไรล่ะ เมื่อกี้ก็บอกแกไปแล้วนี่ แกต้องการชีวิตฉันเลยนะ ฉันแค่ต้องการขาสองข้างของแกก็เท่านั้น ไม่เกินไปหรอกมั้ง?” เย่เทียนหยู่พูดอด้วยน้ำเสียงที่ดูเฉยเมย“ไม่ ไม่ได้นะ!”ไป๋หยางรู้สึกร้อนรน จึงรีบพูดขึ้นว่า “เอางี้นะ ขอแค่แกปล่อยฉันไป เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วฉันก็จะไม่ถือโทษโกรธเคืองอีก”“กลับกัน หากแกลงมือกับฉัน ตระกูลไป๋จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่ ด้วยความสามารถของตระกูลไปแล้ว ต่อให้แกจะเก่งแค่ไหน แกก็คงจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี”“นี่แกยังกล้ามาข่มขู่ฉันอยู่อีกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่ ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการขอร้อง ขอความเมตตา” เมื่อเห็นท่าทางของเย่เทียนหยู่ ไป๋หยางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ เขาจึงไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไปไม่ว่ายังไงก็ต้องหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ก่อน รอให้ผ่านวันนี้ไปได้ ตนก็มีอีกเป็นหมื่นวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายตายอย่างน่าสังเวชมากที่สุด“ท่าทีของแกตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่น่าเสียดา
ตอนนี้ถึงทีของเย่เทียนหยู่แสดงสีหน้าดูถูกออกมาแล้ว เขาส่ายหัวพลางพูดขึ้นว่า “ขยะพวกนี้มาจากไหนกัน กล้าดียังไงมาอวดดีต่อหน้าฉัน เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่กันแล้วรึไง!”คำพูดนี้ทำให้คนเหล่านั้นโกรธอย่าเห็นได้ชัด แต่ก็กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาเวลาแบบนี้ ใครมันจะกล้าเสนอหน้าออกไปกัน นั่นไม่เท่ากับเป็นการหาเหาใส่หัวหรอกเหรอ?แต่สุดท้ายแล้ว มันก็จะมีคนที่โง่มาก ๆ ชอบทำตัวเสร่อ ไป๋หยางที่โดนชนจนได้รับบาดเจ็บก็พยายามตะเกียกตะกายออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธออกมาว่า “ไอ้หนู แกอย่าได้เหลิงนักนะ!”“แกรู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน?”“ก็คุณชายไป๋ไง เมื่อกี้แกก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่แยแสไป๋หยางหมดคำจะพูด ก่อนจะโต้กลับด้วยความโกรธ “งั้นแกรู้ไหม ว่าเป็นคุณชายไป๋คนไหน รู้ไหมว่าคุณชายไป๋ที่ว่าหมายถึงอะไร มันหมายความว่าฉันคือคุณชายจากตระกูลไป๋ยังไงล่ะ” “......”เย่เทียนหยู่ไม่มีอะไรจะพูด นี่หัวมันโดนชนจนพังไปแล้วเหรอไป๋หยางรู้สึกว่าตนเองอาจจะอธิบายได้ไม่ชัดเจนมากพอ ก่อนจะรีบพูดเสริมอีกว่า “ที่ฉันจะสื่อก็คือ ตระกูลไป๋นั้นไม่ธรรมดา เป็นถึงหนึ่
ผั๊วะ ผั๊วะ......หลังจากที่คนเหล่านั้นเดินล้อมเข้ามาด้วยความดุดัน เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นในทันทีเมื่อมองอย่างละเอียด ก็พบว่าทั้งหมดคือกลุ่มคนที่พุ่งเข้าไปเพื่อหวังจะล้อมโจมตีเย่เทียนหยู่ พวกเขากลับต้องนอนกองบนพื้นเรียงตัว ได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองเอาไว้ และร้องด้วยความเจ็บปวดที่แท้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เย่เทียนหยู่ที่ในมือกำลังถือไม้เอาไว้อยู่นั้น เขาเหวี่ยงมันใส่พวกเขาได้อย่างแม่นยำ จนทำให้พวกเขาล้มลงกันหมด พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยที่ดังขึ้นเป็นระนาวบางคนโดนตีจนขาทั้งสองข้างหัก แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคดีหน่อย ที่โดนตีขาหักแค่ข้างเดียวในตอนนี้เอง เหล่าลูกน้องต่างก็มองไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย แทบจะเข้าประชิดตัวเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำแววตาของไป๋หยางเองก็แสดงความประหลาดใจออกมา แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความโหดเหี้ยมเสียมากกว่า เขาจึงพูดพลางหัวเราะขึ้นว่า “ไอ้หนู คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเก่งกังฟูขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวอวดดีแบบนี้!”“ฉันเนี่ยนะ ที
เดี๋ยวนะ หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องของเทียนเฟิงกรุ๊ปงั้นเหรอ?“ยังจะมัวคิดอยู่อีก!”ไป๋หยางทำหน้านิ่งเฉย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อฉันเองก็พูดออกไปมากขนาดนี้แล้ว งั้นฉันก็จะช่วยให้แกได้รู้แจ้งขึ้นอีกหน่อยก็แล้วกัน ลองคิดดูสิ ว่าแกเผลอทำอะไรลงไปบ้าง!”“เฉินเฟยเฟยงั้นเหรอ?”จู่ ๆ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง อาจเป็นเรื่องผู้หญิงก็ได้“โอ้ ถือว่าแกยังพอมีสมองอยู่บ้างนิดหน่อย แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว คุณชายหนานกงพูดเอาไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องจัดการแกให้ได้ แกไม่เหลือเวลาให้ต้องเสียใจแล้วล่ะ”ไป๋หยางพูดคำสุดท้ายอย่างเย็นชา “ลงมือ!”“ช้าก่อน!”เย่เทียนหยู่บอกให้อีกฝ่ายหยุดอีกครั้ง ในเมื่ออีกฝ่ายบอกข้อมูลกับเขามากมายขนาดนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะให้โอกาสอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เขาค่อย ๆ เอ่ยปากขึ้นว่า “นี่พวกแกคิดจะจัดการกับฉันเพื่อตระกูลหนานกงจริง ๆ น่ะเหรอ?”“ไร้สาระ ไม่งั้นแกคิดว่าพวกฉันมาทำอะไรที่นี่กันวะ?!”“ฉันคิดว่า ทางที่ดีแกเปลี่ยนใจจะดีกว่านะ เพราะไม่อย่างนั้น ฉันกลัวว่าผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะทำให้พวกแกรับไม่ไหว!” เย่เทียนหยู่ยังคงมีความเมตตาอยู่มาก“ตลกสิ
ทันทีที่เดินไปถึงข้างรถ เย่เทียนหยู่ก็สังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านใน การแต่งตัวค่อนข้างประหลาด เสื้อเชิ้ตเปิดออกเล็กน้อย ท่าทางก็ดูหยิ่งยโสไม่เกรงกลัวใคร“ไอ้หนู แกรู้ไหมว่าแกทำผิดพลาดอะไรไป?”ชายหนุ่มที่ว่าคือไป๋หยาง เขามองไปยังเย่เทียนหยู่ และเล่นกับไม้เบสบอลในมือด้วยท่าทางที่ดูชั่วร้าย พร้อมกับถามคำถามออกมา“ไม่รู้”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว เขาไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นั่นแหละ แล้วก็ไม่ได้มีใครบอกเขาด้วย“แกไม่รู้งั้นเหรอ?”“ไอ้หนู แกทำอะไรลงไปบ้าง แกจะบอกว่าไม่รู้เลยงั้นเหรอ?” ชายคนที่เพิ่งพาตัวเย่เทียนหยู่มากล่าวด้วยความโกรธเคือง หากไม่ใช่เพราะยังไม่ได้รับคำสั่งจากคุณชายไป๋ เขาคงจะลงมือไปนานแล้วเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “มีอะไรก็เชิญพูดมาตรง ๆ เถอะ ฉันไม่ได้มีเวลามามัวไร้สาระกับพวกแกมากขนาดนั้น!”“โอ้ ไอ้เด็กนี่ยังทำตัวหยิ่งอีกด้วย”ชายหนุ่มโกรธจัด ขณะที่เขาเตรียมจะลงมือแต่คุณชายไป๋ก็ได้โบกมือไปมา และพูดเยาะเย้ยขึ้นว่า “ดูสีหน้าท่าทางของไอ้เด็กนี่สิ เกรงว่ามันคงจะไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองทำอะไรลงไป หรือเผลอไปล่วงเกินใครเขาเข้า”“ก็คงใช่ ถ