หลินหว่านหรูเดินออกไป แต่เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงกังวลอย่างสถานการณ์ภายใน และก็อดไม่ได้ที่จะอยากหยุดและกลับไปดูอีกครั้ง แต่เมื่อคิดว่าตัวเองเคยไม่เชื่อฟังเย่เทียนหยู่มาก่อน แถมยังเป็นความผิดพลาดทุกครั้งในที่สุดเธอก็รั้งไว้และลงไปชั้นล่าง หลังจากที่เธอนั่งได้ไม่ถึงนาที เย่เทียนหยู่ก็ลงมาเร็วมากหลินหว่านหรูรีบก้าวไปข้างหน้าและถามด้วยความกังวล: “เจรจาสรุปแล้วเหรอ”“ครับ เรียบร้อยแล้ว”“พวกเขาจะไม่สร้างปัญหาให้เราอีก”เย่เทียนหยู่ยิ้ม ก่อนจะคิดกับตัวเองว่า เพราะทุกคนตายแล้ว ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่สร้างปัญหาอีกเมื่อมองจากภายนอกเขาดูผ่อนคลายมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการบาดเจ็บภายในของเขารุนแรงขึ้นจากนัดที่แล้วแม้ว่าจะไม่ได้ใช้พลังงานที่แท้จริง แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพยังคงสร้างความเสียหายได้มากในความเป็นจริง เป็นการดีที่สุดสำหรับเขาที่จะนอนราบและพักผ่อนอย่างเต็มที่ในเวลานี้ หรือนั่งขัดสมาธิเพื่อให้ลมปราณเริ่มไหลเวียนอย่างช้าๆ และฟื้นฟูร่างกายของเขาอย่างช้าๆหลินหว่านหรู ไม่เคยฝึกฝนและไม่เข้าใจนักรบเลย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ทั้งหมดนี้ เธอแค่ถามอย่างสงสัย: “ดีเลย คุ
แต่ตอนนี้เพื่อเอาใจเย่เทียนหยู่ ลูกเขยผู้ไม่มีใครเทียบได้ ทุกอย่างสามารถอดทนได้ต่อไปความสนุกสนานยังคงดำเนินต่อไปอย่างเป็นธรรมชาติและการต้อนรับก็สนุกสนานมากเกือบจะเหมือนวีไอพีมากกว่าวีไอพีแม้ว่าเธอจะอับอายเล็กน้อยที่โต๊ะอาหารเย็น แต่แม่หลินก็ไม่สนใจเลย เขาจงใจดึงลูกสาวออกไปข้างนอกและเตือนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าบอกลูกสาวของคุณให้คว้าโอกาสและมีความสัมพันธ์กับเย่เทียนหยู่ฉันหวังว่าฉันจะตั้งครรภ์โดยเร็วที่สุด เพื่อที่ฉันจะได้รักษาตำแหน่งของฉันในฐานะภรรยาของราชามังกรได้อย่างสมบูรณ์หลินหว่านหรู ดูหมดหนทางมาดามราชามังกร ถ้าแม่ของฉันตื่นจากความฝันอันแสนหวานนี้หากเธอรู้ว่าเทียนหยู่ไม่ใช่ราชามังกรองค์ใหม่เลย เธอก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากขนาดไหนเธอยังไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเขาเป็นราชามังกรแห่งประตูมังกรจริงๆ แล้วเขาจะอยู่เคียงข้างเธอและทำให้ครอบครัวของเธออับอายในทุกรูปแบบได้ยังไงฉันจะมีคุณสมบัติเป็นภรรยาของราชามังกรด้วยตัวเองได้ยังไงมันเป็นเพียงการคิดปรารถนา“สีหน้าของคุณเป็นยังไงบ้าง”“อย่าบอกนะว่าไม่อยากทำ” แม่ตระกูลหลินมองดูรูปร่างหน้าตาของลูกสาว เธอมักจะรู้สึก
เมื่อฟังเสียงที่เคลื่อนไหวนั้น เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆแต่ในขณะนี้ จู่ ๆ หลินหว่านหรูก็อุทานว่า “เดี๋ยวก่อน!”“มีอะไรเหรอครับ”เย่เทียนหยู่รีบถามจนแทบลืร่างกายอ่อนนุ่มที่ถูกเขากดทับอยู่ด้านล่าง“ฉ..ฉันจะอาบน้ำก่อน”“นี่มันกี่โมงแล้ว ทำไมต้องอาบน้ำด้วย...” เย่เทียนหยู่พูดไม่ออกและเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง“ไม่ ฉันอาจจะอยู่ที่นี่” หลินหว่านหรูไม่แน่ใจ เธอจึงบอกว่าเธออยากอาบน้ำ"อะไร"เย่เทียนหยู่ตกตะลึง: "จริงเหรอ" เขาถามอย่างสงสัย"อือ!"หลินหว่านหรูตอบกลับจู่ ๆ เย่เทียนหยู่ก็น้ำตาไหล ยังคงเป็นไปได้ไม่ใช่หรือว่าเขาไม่สามารถแตะต้องมันได้อย่างน้อยหนึ่งหรือสองสัปดาห์ ในที่สุดเขาก็บรรลุเป้าหมายหลินหว่านหรูลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบ ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอาย เธอจึงเดินตรงไปหาเสื้อผ้าแล้ววิ่งไปอาบน้ำเย่เทียนหยู่ถูกทิ้งให้นอนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง ยุ่งวุ่นวายท่ามกลางสายลมในที่สุดหลินหว่านหรูก็รู้สึกถูกและก็อยู่ที่นี่จริงๆจริง ๆ แล้วเธอไม่ต้องการ แต่เธอก็ควบคุมมันไม่ได้หลังจากนอนไม่หลับมาทั้งคืนหลินหว่านหรูตื่นเช้าวันรุ่งขึ้นและไปทำงานทันที เธอเขินอายเก
หลังจากโทรศัพท์ดังกล่าว คุณหลินก็เข้าใจทุกอย่างทันทีครั้งสุดท้ายที่เราจัดการกับตระกูลหลี่ว์ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเย่เทียนหยู่เลยหลินหว่านหรูเป็นผู้ที่แอบโทรมาขอความช่วยเหลือจากเย่เซวียนนายน้อยของตระกูลเย่ใน เมืองหลงตูจากนั้นหลินหว่านหรูก็จงใจมอบเครดิตทั้งหมดให้กับ เย่เทียนหยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกสิ่งที่พวกเขารู้ได้รับการบอกเล่าจากหลินหว่านหรูรวมถึงราชามังกรเย่เทียนหยู่แบบไหนด้วยสัญญาณทั้งหมดรวมกันบ่งชี้ว่าทั้งหมดนี้เป็นการหลอกลวงที่เกิดจากการสมรู้ร่วมคิดของหลินหว่านหรูและ เย่เทียนหยู่หลังจากพิจารณาทุกอย่างจนเสร็จสิ้น คุณปู่ตระกูลหลินหน้าดำคร่ำเครียด ความโกรธพวยพุ่งอยู่ภายใจใน นี่มันลูกไม้ที่เอามาหลอกลวงพวกเขาทั้งเพเมื่อแม่ตระกูลหลินได้ยินสิ่งคุณปู่บอก เธอก็ตกตะลึงทันทีและตบตัวเองหลายครั้งด้วยความสำนึกผิดเธอบอกว่าไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอมักจะรู้สึกเสมอว่าท่าทางของลูกสาวเธอผิดอย่างสิ้นเชิงหลายครั้ง แม้ว่าเธอจะมีความสุขมากที่ได้ทำตัวปกติ แต่เธอก็ดูเหมือนคนกังวลตลอดเวลาปรากฏว่านี่เป็นการหลอกลวงตั้งแต่ต้นจนจบสิ่งนี้ทำให้พวกเขาแต่ละคนรู้สึกอับอายอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพ
เย่เทียนหยู่ต้องการการฝึกฝนตนเองเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังจากที่เขาออกจากบ้านพักของตระกูลหลิน เขาก็ไม่ได้ไปที่บริษัทโดยธรรมชาติ แต่ไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งนั่นเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขาในการปลูกฝังถ้าฉันไม่ย้ายมาอยู่บ้านหลิน ฉันคงเขินอายที่จะไม่ย้ายในวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้ เขาต้องการอยู่กับหลินหว่านหรูดังนั้นเขาจึงมาที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งเพื่อพักฟื้นแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้เมื่อคืนนี้ อาการบาดเจ็บของเขาไม่เพียงแต่ไม่หายเท่านั้น แต่ยังแย่ลงอีกด้วย และเวลาที่เขาไม่สามารถดำเนินการได้ก็ยาวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้อีกครั้งขณะที่เขาเข้าไปในวิลล่าและกำลังจะพักผ่อนและพักฟื้น เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินหว่านหรู“เทียนหยู่ ตอนนี้คุณว่างแล้วหรือยัง คุณช่วยฉันหน่อยได้มั้ย” หลินหว่านหรูถาม เธอมีบางอย่างที่เธอไม่สามารถออกไปได้ และพ่อแม่ของเธอก็ไม่ว่างเป็นไปไม่ได้ ลูกพี่ลูกน้องของฉันซึ่งฉันสนิทสนมด้วยเดินทางมาที่บ้านของฉัน และไม่มีแม้แต่ใครที่จะไปรับเธอที่สนามบินและจากความประทับใจของเธอ เย่เทียนหยู่เป็นคนสบายๆ เสมอ และแม้ว่าเขาจะไปที่บริษัท เขาก็มักจะอยู่ที่นั่นเพื่
หลิวเมิ่งจงใจเข้าใกล้เย่เทียนหยู่มากขึ้นขณะที่กำลังพูดจนกระทั่งจับมือเขาเย่เทียนหยู่ตกตะลึง ลูกพี่ลูกน้องคนนี้จะเป็นมิตรเกินไปหรือเปล่านะ ทำเอาจู่ ๆ เขาก็ทำอะไรไม่ถูกเลยการกระทำของเธอทำเอาชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังหงุดงหงิด สีหน้าของเขาแย่มาก เขามองเย่เทียนหยู่ด้วยสายตาโหดเหี้ยมและพูดเยาะเย้ยว่า “ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย แค่หน้าตาดีจะมีประโยชน์อะไร ที่สำคัญมันคือความสามารถ”“ใช่ ที่เขาพูดน่ะถูกต้องแล้วละ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ชายคือการมีความสามารถ หลิวเมิ่ง ทำไมคุณไม่แนะนำสักหน่อยล่ะ” เย่เทียนหยู่เปลี่ยนเรื่องทันที“เขาชื่อหม่าจวิ้น ไล่ตามจีบฉันมานานแล้วค่ะ แล้วก็ตามปกป้องฉันมาถึงเมืองเทียนไห่ จริงสิ พี่เขย ได้ยินมาว่าพี่เก่งกังฟูถึงขั้นไร้คู่ต่อสู้เลยเหรอคะ” หลิวเมิ่งถามอย่างสงสัยเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็กำลังจะปฏิเสธแต่หม่าจวิ้นกลับเยาะเย้ยทันที: “รูปร่างผอมเพรียวแบบนี้จะเก่งกังฟูจริงเหรอ? ถ้าจริง สงสัยจะเจอพวกขยะมาเยอะ ถ้ามาถึงมือผมนะ แค่นาทีก็จัดการได้แล้ว”“หม่าจวิ้น เลิกขี้โม้เถอะน่า พี่เขยฉันน่ะเก่งสุด ๆ อีกพักโดนชกจนลงไปคุกเข่าอย่าร้องไห้ซะละ”“จะเป็นไปได้
หลิวเมิ่งพูดไม่หยุดตลอดทาง: “พวกคุณสู้ก็สู้นะแต่ต้องระวังตัวกันด้วย อย่าทำเอาบาดเจ็บกันละ โดยเฉพาะหม่าจวิ้น ห้ามทำร้ายพี่เขยฉันนะ”คำที่เธอพูดทำให้หม่าจวิ้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกเย่เทียนหยู่ยังสังเกตเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะพูดแทนเขาครั้งแล้วครั้งเล่าก็จริง แต่กลับเป็นการรดน้ำมันบนกองเพลิง ยิ่งพูดเรื่องยิ่งใหญ่กว่าเดิมตลอดในขณะนี้ พวกเขามาถึงสถานที่ซึ่งรกร้างอย่างรวดเร็ว“คุณแน่ใจเหรอ”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ“แน่อยู่แล้ว!” หม่าจวิ้นพูดอย่างมั่นใจ“งั้นมาเริ่มกันเถอะ”ทันทีที่เย่เทียนหยู่พูดจบ เขาก็พุ่งเข้าไปยกหมัดขวาขึ้นโจมตี หมัดนี้ดูอ่อนแอราวกับปุยหนุนไม่ต้องพูดถึงหม่าจวิ้น แม้แต่หลิวเมิ่งก็ตกตะลึงหมัดแบบนี้ กังฟูของเขาแข็งแกร่งจริงๆ เหรอ?"ฮ่าฮ่า ท่าสวยแต่ใช้การไม่ได้!"“ขยะแบบแก ต่อให้ฉันไม่ขยับ แกก็ทำร้ายฉันไม่ได้แม้แต่มิลเดียว”หม่าจวิ้นแทบจะระเบิดหัวเราะออกมาทันทีในเวลานี้ เย่เทียนหยู่เข้าใกล้เขาแล้ว ทว่าจู่ ๆ แรงที่มือขวาของเขากลับเพิ่มขึ้น จากนั้นก็โจมตีอย่างแรงในทันที โดยเลือกโจมตีจุดสำคัญของอีกฝ่ายหม่าจวิ้นตั้งท่าจะลงมือบดขยี้อีกฝ่าย แต่ไม่คิด
หลิวเมิ่งรู้สึกประหลาดใจอย่างลับๆ พี่เขยผู้ไร้ยางอายคนนี้ค่อนข้างฉลาด เขาค้นพบปัญหาจากคำพูดเพียงไม่กี่คำจากตัวเขาเองโชคดีที่เจอข้อแก้ตัวนี้จึงรีบพูดทันทีว่า “จริงเหรอ ครั้งนี้ฉันรู้สึกขอบคุณพี่เขยมาก คราวหน้าบอกมาเถอะว่าพี่เขยอยากให้ทำอะไร”“ไม่จำเป็น คุณเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ที่ผมช่วยก็ถูกแล้ว” เย่เทียนหยู่กล่าว“พี่เขย พี่ใจดีมากเลยนะคะ”หลิวเมิ่งกล่าวชื่นชมเย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ผู้หญิงคนนี้ก็ดูน่ารักดีอยู่หรอก จากนั้นเขาก็เริ่มขับรถกลับจุดหมายปลายทางของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าคือวิลล่าตระกูลหลินบรรยากาศเป็นกันเองมากตลอดทาง แต่เมื่อผ่านสี่แยก เย่เทียนหยู่ก็ตรงไปที่ถนนสายหลัก และอีกฝ่ายก็ออกมาจากถนนด้านข้างทันทีด้านหน้า มีรถกำลังจะพุ่งชนเข้ามาสีหน้าของเย่เทียนหยู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขาก็เบรกอย่างรวดเร็วที่สุดปฏิกิริยาของเขาเร็วมากแล้ว ตราบใดที่อีกฝ่ายเคลื่อนไปข้างหน้าตามปกติ ก็คงเพียงพอแล้วที่จะหลีกทางให้แต่คนขับที่กระโดดออกมาโดยไม่คาดคิดก็หันเข้าหารถของเขาเล็กน้อยแล้วชนเข้ากับมันอาจเป็นเพราะเขาตื่นตระหนกโครม!ร่างกายของเย่เทียนหยู่สั่น และหัวของเขาเกือบจะกระแทกเขา
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง แรงกดดันมหาศาลกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจอย่างมากอึก!มารโลหิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่ตัวเขาจะเดินถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่หมัดเดียว อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจนไม่เหลือชิ้นดี สภาพดูน่าอนาถมาก เห็นได้ชัดว่าภายในได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงต้องเข้าใจก่อนว่า ความสามารถของเขาเองก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเช่นกันแม้ว่าระยะเวลาในการบรรลุจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้วพูดตามตรง ความแข็งแกร่งของเขายังห่างจากหยางผั่วจวินอยู่มาก ซึ่งความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินตอนนี้ก็ได้ไปถึงคอขวดของระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว บวกกับร่างกายที่ไม่เหมือนใครของหยางผั่วจวินที่ทำการโจมตีอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถรับกระบวนท่านี้ของอีกฝ่ายได้ ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริง ๆ!เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก!ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้วเมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ
พูดกันตามตรง สนามนี้เป็นสนามต่อสู้ที่ดูไม่เลวเหมือนกัน“ไม่เลว!”เย่เทียนหยู่เหลือบมองหยางผั่วจวิน ก่อนจะพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ทำไม อยากลองสนามรึไง?”“แน่นอนสิครับ ไม่งั้นเจ้านายก็มอบโอกาสนี้ให้ผมเถอะนะครับ” ท่าทีของหยางผั่วจวินดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก“ไม่ได้!”เจวี๋ยเทียนที่ได้ยินก็รีบปฏิเสธออกไปโดยไม่ลังเลการเอาชนะหยางผั่วจวินแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของเขา หากเป็นตอนปกติเขาแทบไม่มีความมั่นใจได้เลยว่าจะสามารถเอาชนะหยางผั่วจวินได้ เว้นเสียแต่จะได้รับการสนับสนุนจากเวทอาคมที่ตนเตรียมเอาไว้ และแม้ว่าเวทอาคมที่เตรียมไว้จะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่ในระยะเวลาสั้น ๆ เกรงว่าคงจะใช้ได้แค่ครั้งเดียว ขุมพลังนี้มีเอาไว้รับมือกับหยู่เทียน มีเอาไว้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์“ได้ยินไหม คนเขาไม่เห็นด้วยน่ะ” เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด นี่หยางผั่วจวินชอบการต่อสู้มากขนาดนั้นเชียวเหรอถังวั่นหลี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เดิมทีเขาคิดว่าพลังของตนนั้นค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ตั้งแต่มาที่นี่ ก็พบว่าความแข็งแกร่งของประมุกแต่ละสำนักช่างน่ากลัวอะไรขนาด
หลังจากที่คำพูดนั้นถูกพูดออกมา คนจากสำนักเจวี๋ยฉิงต่างก็พากันตกตะลึงเจ้าตำหนักหยู่คนนี้ กล้ายอมรับคำท้าจริง ๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ?หรือพวกเขามองผิดกันไปเองจริง ๆ?เยว่เหลียนหานและคนในสำนักดอกไม้ต่างก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อสายตามากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเวลานี้ พวกเธอเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ไพ่ตายของมู่หรงอินไม่ใช่เย่เทียนหยู่แห่งพรรคมังการตั้งแต่แรกแล้ว แต่คือเจ้าตำหนักหยู่ผู้ลึกลับคนนี้ต่างหากอย่าว่าแต่พลังที่แท้จริงเป็นอย่างไรเลย แค่มีคนที่น่ากลัวอย่างหยางผั่วจวินเป็นลูกน้องก็เพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล้าตอบรับคำท้าจากประมุกสำนักเจวี๋ยฉิงอย่างเด็ดเดี่ยวอีกต่างหากในเวลานี้ เธอรู้สึกคาดหวังมากจริง ๆ คาดหวังว่าความสามารถของเจ้าตำหนักหยู่จะอยู่ในระดับไหนกันแน่แววตามู่หรงอินและจูเก่อหลิวหลีต่างก็ส่องประกายออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเธอคาดหวังให้เย่เทียนหยู่แสดงฝีมือมาโดยตลอดมีเพียงหยางผั่วจวินเท่านั้นที่สีหน้าดูหม่นหมอง เดิมทีนี่คือโอกาสที่เขาจะได้ต่อสู้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีอีกแล้ว เขาได้สูญเสียโอกาสประลองฝีมือไปแล้วอีกครั้งหนึ่งยังมีหลินเจวี๋ยอีกคนที่สีหน้าดูซีดเซียว แต่พอเห็