หลิวเมิ่งจงใจเข้าใกล้เย่เทียนหยู่มากขึ้นขณะที่กำลังพูดจนกระทั่งจับมือเขาเย่เทียนหยู่ตกตะลึง ลูกพี่ลูกน้องคนนี้จะเป็นมิตรเกินไปหรือเปล่านะ ทำเอาจู่ ๆ เขาก็ทำอะไรไม่ถูกเลยการกระทำของเธอทำเอาชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังหงุดงหงิด สีหน้าของเขาแย่มาก เขามองเย่เทียนหยู่ด้วยสายตาโหดเหี้ยมและพูดเยาะเย้ยว่า “ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย แค่หน้าตาดีจะมีประโยชน์อะไร ที่สำคัญมันคือความสามารถ”“ใช่ ที่เขาพูดน่ะถูกต้องแล้วละ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ชายคือการมีความสามารถ หลิวเมิ่ง ทำไมคุณไม่แนะนำสักหน่อยล่ะ” เย่เทียนหยู่เปลี่ยนเรื่องทันที“เขาชื่อหม่าจวิ้น ไล่ตามจีบฉันมานานแล้วค่ะ แล้วก็ตามปกป้องฉันมาถึงเมืองเทียนไห่ จริงสิ พี่เขย ได้ยินมาว่าพี่เก่งกังฟูถึงขั้นไร้คู่ต่อสู้เลยเหรอคะ” หลิวเมิ่งถามอย่างสงสัยเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็กำลังจะปฏิเสธแต่หม่าจวิ้นกลับเยาะเย้ยทันที: “รูปร่างผอมเพรียวแบบนี้จะเก่งกังฟูจริงเหรอ? ถ้าจริง สงสัยจะเจอพวกขยะมาเยอะ ถ้ามาถึงมือผมนะ แค่นาทีก็จัดการได้แล้ว”“หม่าจวิ้น เลิกขี้โม้เถอะน่า พี่เขยฉันน่ะเก่งสุด ๆ อีกพักโดนชกจนลงไปคุกเข่าอย่าร้องไห้ซะละ”“จะเป็นไปได้
หลิวเมิ่งพูดไม่หยุดตลอดทาง: “พวกคุณสู้ก็สู้นะแต่ต้องระวังตัวกันด้วย อย่าทำเอาบาดเจ็บกันละ โดยเฉพาะหม่าจวิ้น ห้ามทำร้ายพี่เขยฉันนะ”คำที่เธอพูดทำให้หม่าจวิ้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกเย่เทียนหยู่ยังสังเกตเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะพูดแทนเขาครั้งแล้วครั้งเล่าก็จริง แต่กลับเป็นการรดน้ำมันบนกองเพลิง ยิ่งพูดเรื่องยิ่งใหญ่กว่าเดิมตลอดในขณะนี้ พวกเขามาถึงสถานที่ซึ่งรกร้างอย่างรวดเร็ว“คุณแน่ใจเหรอ”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ“แน่อยู่แล้ว!” หม่าจวิ้นพูดอย่างมั่นใจ“งั้นมาเริ่มกันเถอะ”ทันทีที่เย่เทียนหยู่พูดจบ เขาก็พุ่งเข้าไปยกหมัดขวาขึ้นโจมตี หมัดนี้ดูอ่อนแอราวกับปุยหนุนไม่ต้องพูดถึงหม่าจวิ้น แม้แต่หลิวเมิ่งก็ตกตะลึงหมัดแบบนี้ กังฟูของเขาแข็งแกร่งจริงๆ เหรอ?"ฮ่าฮ่า ท่าสวยแต่ใช้การไม่ได้!"“ขยะแบบแก ต่อให้ฉันไม่ขยับ แกก็ทำร้ายฉันไม่ได้แม้แต่มิลเดียว”หม่าจวิ้นแทบจะระเบิดหัวเราะออกมาทันทีในเวลานี้ เย่เทียนหยู่เข้าใกล้เขาแล้ว ทว่าจู่ ๆ แรงที่มือขวาของเขากลับเพิ่มขึ้น จากนั้นก็โจมตีอย่างแรงในทันที โดยเลือกโจมตีจุดสำคัญของอีกฝ่ายหม่าจวิ้นตั้งท่าจะลงมือบดขยี้อีกฝ่าย แต่ไม่คิด
หลิวเมิ่งรู้สึกประหลาดใจอย่างลับๆ พี่เขยผู้ไร้ยางอายคนนี้ค่อนข้างฉลาด เขาค้นพบปัญหาจากคำพูดเพียงไม่กี่คำจากตัวเขาเองโชคดีที่เจอข้อแก้ตัวนี้จึงรีบพูดทันทีว่า “จริงเหรอ ครั้งนี้ฉันรู้สึกขอบคุณพี่เขยมาก คราวหน้าบอกมาเถอะว่าพี่เขยอยากให้ทำอะไร”“ไม่จำเป็น คุณเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ที่ผมช่วยก็ถูกแล้ว” เย่เทียนหยู่กล่าว“พี่เขย พี่ใจดีมากเลยนะคะ”หลิวเมิ่งกล่าวชื่นชมเย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ผู้หญิงคนนี้ก็ดูน่ารักดีอยู่หรอก จากนั้นเขาก็เริ่มขับรถกลับจุดหมายปลายทางของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าคือวิลล่าตระกูลหลินบรรยากาศเป็นกันเองมากตลอดทาง แต่เมื่อผ่านสี่แยก เย่เทียนหยู่ก็ตรงไปที่ถนนสายหลัก และอีกฝ่ายก็ออกมาจากถนนด้านข้างทันทีด้านหน้า มีรถกำลังจะพุ่งชนเข้ามาสีหน้าของเย่เทียนหยู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขาก็เบรกอย่างรวดเร็วที่สุดปฏิกิริยาของเขาเร็วมากแล้ว ตราบใดที่อีกฝ่ายเคลื่อนไปข้างหน้าตามปกติ ก็คงเพียงพอแล้วที่จะหลีกทางให้แต่คนขับที่กระโดดออกมาโดยไม่คาดคิดก็หันเข้าหารถของเขาเล็กน้อยแล้วชนเข้ากับมันอาจเป็นเพราะเขาตื่นตระหนกโครม!ร่างกายของเย่เทียนหยู่สั่น และหัวของเขาเกือบจะกระแทกเขา
หลิวเมิ่งถูกกดดันจากแรงผลักดันของจางเหยาและรู้สึกกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก แต่เขาจำได้อย่างรวดเร็วว่าครอบครัวของป้าของเขาไม่ใช่มังสวิรัติ และพูดทันที: “อะไร คิดว่าแฟนตัวเองมีอิทธิพลอยู่คนเดียวรึไง”“ฉันกำลังทำอะไรอยู่ หลิวเมิ่งเธอนี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง รู้มั้ยว่าแฟนของฉันคือประธานเฉินผู้มีชื่อเสียง ตระกูลเฉินเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลมหาอำนาจในเมืองเทียนไห่นะ ทั้งเมืองเทียนไห่นี่จะมีคนไม่กี่คนที่กล้ายั่วยุเขา”จางเหยากล่าวด้วยความโกรธใบหน้าของ หลิวเมิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ยินว่าอีกฝ่ายมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้แม้ว่าเขาจะไม่ได้มาจากเมืองเทียนไห่ แต่เนื่องจากครอบครัวของป้าของเขา เขายังคงมีความเข้าใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเมืองเทียนไห่อยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสี่ตระกูลหลัก ซึ่งทั้งหมดนี้น่ากลัวอย่างยิ่งแม้แต่ครอบครัวของป้าลินก็ไม่สามารถต้านทานตระกูลหลักทั้งสี่ตระกูลได้ และจะถูกทำลายลงในไม่กี่นาทีเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของ หลิวเมิ่งจางเหยาก็ยิ่งภูมิใจและเยาะเย้ย: "อะไรนะ ตอนนี้คุณรู้ว่าคุณกลัวแล้ว"“ตอนนี้ก็รู้แล้วว่ากลัว ทำไมไม่รีบคุกเข่าลงและโค้งคำนับฉันเพื่อขอโทษ!”เมื่อเห
เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านี้กระตุ้นให้จางเหยาโกรธจัด: “แก แก!”“เอาล่ะ ฉันขอบอกเลยนะ วันนี้แกชนรถฉัน นี่คือรถหรูมูลค่ามากกว่าห้าล้านบาท แกต้องจ่ายเงินก่อน”“สองล้านห้า พวกแกจะไปไม่ได้ถ้าไม่จ่ายครึ่งหนึ่งของห้าล้านให้ฉันก่อน”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ และพูดอย่างใจเย็น: “มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณที่จะตัดสินใจว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้กับใครเป็นจำนวนเท่าใด ลองโทรหาตำรวจแล้วขอให้พวกเขามาตัดสินใจกัน”“ตำรวจ”“ฮ่าฮ่า คุณคิดว่าถ้าคุณโทรหาตำรวจจราจรที่นี่ พวกเขาจะช่วยคุณหรือเปล่า”“ฉันไม่กลัวที่จะบอกคุณว่าผู้อำนวยการเฉินของทีมตำรวจจราจรมาจากตระกูลเฉิน เวลาฉันไปเยี่ยมทีมตำรวจจราจรก็เหมือนได้กลับบ้าน คุณคิดว่าพวกเขาจะพูดแทนใครเมื่อมาถึง” จางเหยาเยาะเย้ย“ฉันไม่รู้ ฉันคิดว่าพวกเขาทั้งหมดยุติธรรมมากและจะช่วยความยุติธรรม” เย่เทียนหยู่พูดเบา ๆ แต่จริงๆ แล้วเขาเริ่มบันทึกเสียงอย่างเงียบ ๆ แล้ว“ความยุติธรรมเหรอ นั่นมันไร้สาระ เชื่อหรือไม่ว่าถ้าพวกเขามาที่นี่ ฉันจะขอให้พวกเขายึดรถและใบขับขี่ของคุณทันที”“ไม่เชื่อ!”“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” จางเหยาพูดด้วยความโกรธ วันนี้เขาต้องบอกให้เด็กคนนี้รู้ว่าเขาแข็
จางเหยาโทรมาทันที และคราวนี้เขาโทรหาเฉินเฟิง ลูกชายคนที่สองของตระกูลเฉินนายน้อยเฉินคนที่สองชอบเขามาก เขาเกือบจะทำทุกอย่างที่เธอพูด เขายังคุยกับครอบครัวของเขาเพื่อแต่งงานกับเธอและเข้าร่วมตระกูลเฉินด้วยซ้ำถ้าเย่เทียนหยู่รู้เรื่องนี้ เขาคงพูดไม่ออกเลย นายน้อยเฉินมีวิสัยทัศน์แบบไหนที่จะตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้หลังจากวางสายไม่ถึงสิบนาที รถยนต์หรูหราหลายคันก็ขับผ่านไป จากนั้นประตูรถก็เปิดออก และชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งก็ก้าวออกไปโดยเฉพาะพระเอกที่สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม Versace ถือนาฬิกาชื่อดัง ตุ้มหูอยู่ในหู อวดลุคที่ดูเผินๆ“พี่ปิน คุณมาแล้ว เหยาเหยาเกือบถูกรังแกจนตาย” จางเหยาก้าวไปข้างหน้าทันทีและจับมือเขาทำท่ายั่วยวน“อะไรนะ ยังมีคนที่กล้ารังแกพี่สะใภ้ของฉัน พวกเขากล้าหาญมาก”“คุณโง่เขลาและโง่เขลาขนาดนี้ได้ยังไง คุณกล้ารังแกหญิงสาวของเรา นายน้อยเฉิน คุณอยากตายได้ยังไง”“คนโง่สองคนนี้กำลังมองหาความตายจริงๆ จะใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีในการคุกเข่าลงบนพื้นและคุกเข่าขอความเมตตา” อีกคนส่ายหน้าแล้วพูดนายน้อยรองตระกูลเฉินดูมีอำนาจเหนือกว่า เขาก้าวไปข้างหน้าและเตะรถของเย่เทียนหยู่อย่างแรง และพูดอย่
ไม่ใช่ว่าเย่เทียนหยู่ไม่อาจช่วยหวงลี่ได้ แต่เหตุผลที่เขาไม่ดำเนินการทันทีเพราะเขาอยากให้คนอื่นได้เห็นใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์ของคนเหล่านี้เพราะตอนนี้ทุกคนยืนอยู่หน้ารถ กล้องบันทึกภาพในรถก็เพียงพอที่จะบันทึกทุกอย่างไว้ที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น ตำรวจจราจรอีกคนยังมีเครื่องบันทึกอุบัติเหตุอีกด้วยเขายังมีการบันทึกรายละเอียดของกระบวนการทั้งหมดอีกด้วยเพียงแต่ดูเหมือนนายน้อยเฉินจะไม่สนใจเรื่องทั้งหมดนี้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นเครื่องบันทึกอยู่ในมือของตำรวจจราจรอีกคนอย่างชัดเจนเมื่อเห็นว่าเกือบจะเสร็จแล้ว เย่เทียนหยู่ก็กำลังจะลงมือเมื่อมีรถตำรวจอีกคันเข้ามา ซึ่งยังคงเป็นรถตำรวจจราจร ซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันทีเมื่อประตูรถเปิดออก คนสองคนก็ก้าวออกไป เห็นได้ชัดว่าเสื้อผ้าของผู้นำมีตำแหน่งที่สูงกว่า มันคือผู้กองหวังที่เข้ามาด้วยตนเอง และเขาก็เป็นคนที่จางเหยาเรียกแต่แรกด้วยทันทีที่ผู้กองหวังลงมา เขาเห็นเฉินเฟิงยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขารีบก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยความเคารพ: "คุณเฉิน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ด้วย"“ฮึ่ม ฉันไม่กล้ามาได้ยังไง ถ้าฉันไม่มา คนข
เมื่อเห็นหลิวเมิ่งเจียมเนื้อเจียมตัว จางเหยาก็ยิ่งได้ใจก็: “รู้แล้วใช่มั้ยว่าตัวเองผิด ถ้ารู้ซะแต่แรกก็ดี จะได้ไม่ต้องเลยเถิด!” เธอพูดอย่างเย็นชา“ใช่ ขอโทษนะ ฉันมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ขอให้เธอเห็นแกที่เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ปล่อยฉันไปสักครั้งเถอะนะ”หลิวเมิ่งรู้สึกเสียใจมาก แต่เล็กจนโต เธอยังไม่เคยถูกทำให้น้อยเนื้อต่ำใจขนาดนี้มาก่อนเลยโดยเฉพาะผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ เมื่อก่อนเธอไม่เคยแลตามองเลยด้วยซ้ำ ทว่าตอนนี้กลับถูกอีกฝ่ายทำให้อับอายในที่สาธารณะแบบนี้“ถุย คนแบบเธอเหรอเป็นเพื่อนร่วมชั้น จะดูถูกฉันเกินไปแล้ว!”จางเหยาเยาะเย้ย: “ถ้าเธอยอมขอโทษและรับผิดซะแต่แรก แล้วชดใช้เงินแค่สองล้านห้าแสน เรื่องนี้ก็คงจบไปง่าย ๆ แล้ว”“แต่ว่า ตอนนี้มันคงไม่ง่ายแบบนั้นแล้วละ แต่เห็นแก่ที่เราเคยรู้จักกัน ฉันจะให้โอกาสเธอสักครั้ง”“เอาอย่างนี้แล้วกัน ค่าชดเชยห้าล้าน บวกกับพวกเธอสองคนไปคลานรอดใต้หว่างขาพี่เฟิง แล้วฉันจะยอมจบเรื่องนี้”เมื่อได้ยินคำขอของเธอ ใบหน้าของหลิวเมิ่งก็ดูเหยเกทันที เธอจะรับได้ยังไงที่ถูกสั่งให้ไปคลานรอดใต้หว่างขาชายคนหนึ่ง เธอระงับความโกรธภายในใจและพูดว่า: “จางเหยา...”
สีหน้าของหนานกงเล่อเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที พร้อมกับถามออกไปอย่างเย็นชาว่า “ประธานเหอ นี่คุณหมายความว่ายังไง คุณเห็นผมเป็นสัตว์ร้ายงั้นเหรอ?”เหอฉุนเปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “จะเป็นแบบไปได้ยังไงกันคะ คุณชายหนานกงล้อกันเล่นแล้วล่ะค่ะ ก็แค่พวกเฟยเฟยกำลังแต่งตัวกันอยู่ ไม่ค่อยสุภาพสักเท่าไหร่ เลยจะดูไม่เหมาะสม หากจะมีผู้ชายอยู่ในห้องน่ะค่ะ”“งั้นเหรอ เช่นนั้นก็ให้ผมดูหน่อยสิ ว่ามันจะไม่สุภาพสักแค่ไหนกันเชียว” หนานกงเล่อไม่สนใจคำพูดของเหอฉุนเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะยืนรอที่ประตู เขาเดินตรงเข้าไปทันทีประธานหวังที่เห็นแบบนั้น ก็รีบพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นคุณชายหนานกง ผมยังมีธุระที่ต้องไปจัดการ คงไม่อยู่รบกวนแล้วนะครับ”“ไปเถอะ!”หนานกงเล่อไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ เดินมุ่งตรงเข้าไปข้างในท่าเดียวสีหน้าของเหอฉุนดูไม่ค่อยดีนัก จึงรีบเดินตามไปในทันทีบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังเป็นคนปิดประตู ทั้งยังล็อกกลอนจากด้านในอีกต่างหาก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากประตู สีหน้าของเฉินเฟยเฟยและจางผิงก็เปลี่ยนไปทันที เพราะพวกเธอรู้แล้วว่า หนานกงเล่อมาแล้วจริง ๆ ทำไมถึ
“เอ่อคือ มีสิ!” ไป๋หยางพูดอย่างระมัดระวัง “คุณชายหนานกงพยายามตามจีบเฉินเฟยเฟยอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธตลอด มันเลยทำให้เขาโกรธมาก ตอนนี้เขาอาจจะกำลังไปที่โรงแรมที่เธอพักอยู่”“แกว่าไงนะ!”สีหน้าของเย่เทียนหยู่มืดมนลงทันทีไป๋หยางตกใจมาก และกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะลงมือกับเขาอีก จึงรีบพูดออกไปว่า “ฉัน ฉันจะบอกทุกอย่าง แต่แกห้ามลงมือกับฉันนะ แล้วก็ ทุกสิ่งที่ฉันพูดคือเรื่องจริง ตำแหน่งของโรงแรมก็เป็นฉันที่บอกเขา”“ตอนนี้คุณชายหนานกงก็น่าจะไปถึงโรงแรมแล้ว”ไป๋หยางตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดแค่ว่าต้องล่อให้เย่เทียนหยู่ไปหาหนานกงเล่อให้เร็วที่สุด แต่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาพูดจะทำให้เย่เทียนหยู่โกรธมากแค่ไหนสีหน้าของเย่เทียนหยู่เย็นชาลงทันที แล้วรีบถามออกไปว่า “โรงแรมไหน ห้องอะไร?”ทันทีที่ไป๋หยางได้ยิน เขาก็รีบบอกทันทีโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับบริเวณที่เขาอยู่พอดี ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก“ทางที่ดีแกก็ภาวนาให้เฉินเฟยเฟยยังคงปลอดภัยอยู่เถอะ เพราะไม่อย่างนั้น แกได้ตายอย่างน่าสังเวชแน่นอน”หลังจากที่เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาจบ ก็ใช้เท้าเตะไปที่ตัวไป๋หยางอย่างแรง เห็นได้ชัดว่าจาก
“แก แกคิดจะทำอะไร?” ไป๋หยางตกใจจนหน้าซีด เขาทั้งกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน“ทำอะไรล่ะ เมื่อกี้ก็บอกแกไปแล้วนี่ แกต้องการชีวิตฉันเลยนะ ฉันแค่ต้องการขาสองข้างของแกก็เท่านั้น ไม่เกินไปหรอกมั้ง?” เย่เทียนหยู่พูดอด้วยน้ำเสียงที่ดูเฉยเมย“ไม่ ไม่ได้นะ!”ไป๋หยางรู้สึกร้อนรน จึงรีบพูดขึ้นว่า “เอางี้นะ ขอแค่แกปล่อยฉันไป เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วฉันก็จะไม่ถือโทษโกรธเคืองอีก”“กลับกัน หากแกลงมือกับฉัน ตระกูลไป๋จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่ ด้วยความสามารถของตระกูลไปแล้ว ต่อให้แกจะเก่งแค่ไหน แกก็คงจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี”“นี่แกยังกล้ามาข่มขู่ฉันอยู่อีกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่ ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการขอร้อง ขอความเมตตา” เมื่อเห็นท่าทางของเย่เทียนหยู่ ไป๋หยางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ เขาจึงไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไปไม่ว่ายังไงก็ต้องหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ก่อน รอให้ผ่านวันนี้ไปได้ ตนก็มีอีกเป็นหมื่นวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายตายอย่างน่าสังเวชมากที่สุด“ท่าทีของแกตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่น่าเสียดา
ตอนนี้ถึงทีของเย่เทียนหยู่แสดงสีหน้าดูถูกออกมาแล้ว เขาส่ายหัวพลางพูดขึ้นว่า “ขยะพวกนี้มาจากไหนกัน กล้าดียังไงมาอวดดีต่อหน้าฉัน เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่กันแล้วรึไง!”คำพูดนี้ทำให้คนเหล่านั้นโกรธอย่าเห็นได้ชัด แต่ก็กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาเวลาแบบนี้ ใครมันจะกล้าเสนอหน้าออกไปกัน นั่นไม่เท่ากับเป็นการหาเหาใส่หัวหรอกเหรอ?แต่สุดท้ายแล้ว มันก็จะมีคนที่โง่มาก ๆ ชอบทำตัวเสร่อ ไป๋หยางที่โดนชนจนได้รับบาดเจ็บก็พยายามตะเกียกตะกายออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธออกมาว่า “ไอ้หนู แกอย่าได้เหลิงนักนะ!”“แกรู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน?”“ก็คุณชายไป๋ไง เมื่อกี้แกก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่แยแสไป๋หยางหมดคำจะพูด ก่อนจะโต้กลับด้วยความโกรธ “งั้นแกรู้ไหม ว่าเป็นคุณชายไป๋คนไหน รู้ไหมว่าคุณชายไป๋ที่ว่าหมายถึงอะไร มันหมายความว่าฉันคือคุณชายจากตระกูลไป๋ยังไงล่ะ” “......”เย่เทียนหยู่ไม่มีอะไรจะพูด นี่หัวมันโดนชนจนพังไปแล้วเหรอไป๋หยางรู้สึกว่าตนเองอาจจะอธิบายได้ไม่ชัดเจนมากพอ ก่อนจะรีบพูดเสริมอีกว่า “ที่ฉันจะสื่อก็คือ ตระกูลไป๋นั้นไม่ธรรมดา เป็นถึงหนึ่
ผั๊วะ ผั๊วะ......หลังจากที่คนเหล่านั้นเดินล้อมเข้ามาด้วยความดุดัน เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นในทันทีเมื่อมองอย่างละเอียด ก็พบว่าทั้งหมดคือกลุ่มคนที่พุ่งเข้าไปเพื่อหวังจะล้อมโจมตีเย่เทียนหยู่ พวกเขากลับต้องนอนกองบนพื้นเรียงตัว ได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองเอาไว้ และร้องด้วยความเจ็บปวดที่แท้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เย่เทียนหยู่ที่ในมือกำลังถือไม้เอาไว้อยู่นั้น เขาเหวี่ยงมันใส่พวกเขาได้อย่างแม่นยำ จนทำให้พวกเขาล้มลงกันหมด พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยที่ดังขึ้นเป็นระนาวบางคนโดนตีจนขาทั้งสองข้างหัก แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคดีหน่อย ที่โดนตีขาหักแค่ข้างเดียวในตอนนี้เอง เหล่าลูกน้องต่างก็มองไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย แทบจะเข้าประชิดตัวเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำแววตาของไป๋หยางเองก็แสดงความประหลาดใจออกมา แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความโหดเหี้ยมเสียมากกว่า เขาจึงพูดพลางหัวเราะขึ้นว่า “ไอ้หนู คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเก่งกังฟูขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวอวดดีแบบนี้!”“ฉันเนี่ยนะ ที
เดี๋ยวนะ หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องของเทียนเฟิงกรุ๊ปงั้นเหรอ?“ยังจะมัวคิดอยู่อีก!”ไป๋หยางทำหน้านิ่งเฉย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อฉันเองก็พูดออกไปมากขนาดนี้แล้ว งั้นฉันก็จะช่วยให้แกได้รู้แจ้งขึ้นอีกหน่อยก็แล้วกัน ลองคิดดูสิ ว่าแกเผลอทำอะไรลงไปบ้าง!”“เฉินเฟยเฟยงั้นเหรอ?”จู่ ๆ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง อาจเป็นเรื่องผู้หญิงก็ได้“โอ้ ถือว่าแกยังพอมีสมองอยู่บ้างนิดหน่อย แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว คุณชายหนานกงพูดเอาไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องจัดการแกให้ได้ แกไม่เหลือเวลาให้ต้องเสียใจแล้วล่ะ”ไป๋หยางพูดคำสุดท้ายอย่างเย็นชา “ลงมือ!”“ช้าก่อน!”เย่เทียนหยู่บอกให้อีกฝ่ายหยุดอีกครั้ง ในเมื่ออีกฝ่ายบอกข้อมูลกับเขามากมายขนาดนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะให้โอกาสอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เขาค่อย ๆ เอ่ยปากขึ้นว่า “นี่พวกแกคิดจะจัดการกับฉันเพื่อตระกูลหนานกงจริง ๆ น่ะเหรอ?”“ไร้สาระ ไม่งั้นแกคิดว่าพวกฉันมาทำอะไรที่นี่กันวะ?!”“ฉันคิดว่า ทางที่ดีแกเปลี่ยนใจจะดีกว่านะ เพราะไม่อย่างนั้น ฉันกลัวว่าผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะทำให้พวกแกรับไม่ไหว!” เย่เทียนหยู่ยังคงมีความเมตตาอยู่มาก“ตลกสิ
ทันทีที่เดินไปถึงข้างรถ เย่เทียนหยู่ก็สังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านใน การแต่งตัวค่อนข้างประหลาด เสื้อเชิ้ตเปิดออกเล็กน้อย ท่าทางก็ดูหยิ่งยโสไม่เกรงกลัวใคร“ไอ้หนู แกรู้ไหมว่าแกทำผิดพลาดอะไรไป?”ชายหนุ่มที่ว่าคือไป๋หยาง เขามองไปยังเย่เทียนหยู่ และเล่นกับไม้เบสบอลในมือด้วยท่าทางที่ดูชั่วร้าย พร้อมกับถามคำถามออกมา“ไม่รู้”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว เขาไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นั่นแหละ แล้วก็ไม่ได้มีใครบอกเขาด้วย“แกไม่รู้งั้นเหรอ?”“ไอ้หนู แกทำอะไรลงไปบ้าง แกจะบอกว่าไม่รู้เลยงั้นเหรอ?” ชายคนที่เพิ่งพาตัวเย่เทียนหยู่มากล่าวด้วยความโกรธเคือง หากไม่ใช่เพราะยังไม่ได้รับคำสั่งจากคุณชายไป๋ เขาคงจะลงมือไปนานแล้วเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “มีอะไรก็เชิญพูดมาตรง ๆ เถอะ ฉันไม่ได้มีเวลามามัวไร้สาระกับพวกแกมากขนาดนั้น!”“โอ้ ไอ้เด็กนี่ยังทำตัวหยิ่งอีกด้วย”ชายหนุ่มโกรธจัด ขณะที่เขาเตรียมจะลงมือแต่คุณชายไป๋ก็ได้โบกมือไปมา และพูดเยาะเย้ยขึ้นว่า “ดูสีหน้าท่าทางของไอ้เด็กนี่สิ เกรงว่ามันคงจะไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองทำอะไรลงไป หรือเผลอไปล่วงเกินใครเขาเข้า”“ก็คงใช่ ถ
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ปิงเยว่ก็รีบพูดขึ้นทันที “คุณเองก็ไม่เลว คุณสามารถยับยั้งเขตแดนแรงกดดันของฉันได้ในทันที ไม่ทราบว่าพอจะบอกได้ไหม ว่าความแข็งแกร่งของคุณอยู่ในระดับไหน?”ตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยเหรอ แน่นอนว่าเย่เทียนหยู่จะไม่บอกเธอ เขายิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปว่า “ก็แค่เทคนิคเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร”ปิงเยว่ที่ได้ยินเช่นนนั้น เธอก็รู้แล้วว่าตนนั้นเดาไม่ผิด ว่ามันเป็นแค่เทคนิคอะไรบางอย่างจริง ๆ ขณะที่เธอกำลังจะพูดในตอนนั้นเอง ก็มีรถสีดำคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ หน้าต่างรถถูกลดระดับลง เห็นได้ชัดว่ามารับพวกปิงเยว่ทั้งสองคนเธอไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนที่จะรีบขึ้นรถไปพร้อมกับเสี่ยวลู่ขณะที่มองดูทั้งสองคนเดินจากไป สีหน้าของเย่เทียนหยู่ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวขึ้นว่า “หลิวหลี ผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา ส่งคนไปตรวจสอบพวกเขาหน่อย ดูว่าพวกเธอกำลังทำอะไรกันแน่”“อืม!”“ฉันส่งคนไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ” จูเก่อหลิวหลียกโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอยังได้ทำการแอบถ่ายรูปของทั้งสองคนเอาไว้อีกด้วยเย่เทียนหยู่ไม่สามารถหุบยิ้มได้ “คุณนี่ฉ
“จริงสิ สืบเรื่องผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ เขาด้วย ถ้าพวกเธอเป็นคนของเขาจริง ๆ ก็จับพวกเธอมาด้วย” ดวงตาของหนานกงเล่อเต็มไปด้วยความชั่วร้ายแม้จะได้เห็นพวกเธอผ่านแค่ในจอเท่านั้น แต่ก็สามารถเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของหญิงสาวทั้งสองได้ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับเทพธิดาในใจของเขาอย่างเฟยเฟยด้วยเช่นกัน แน่นอน ว่าในใจของเขา ไม่ว่ายังไงเทพธิดาเฟยเฟยก็สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเขา“ได้ครับ!”ไป๋หยางพยักหน้า แต่ในใจลึก ๆ ของเขากลับแอบหดหู่ เขารู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เดิมทีเขาตั้งใจจะเก็บเอาไว้เอง แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายหนานกงจะโลภมากขนาดนี้ ถึงกับจะฮุบเอาไว้หมดคนเดียวไม่คิดจะเหลือไว้ให้เขาเลยสักคำแต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นคุณชายแห่งตระกูลหนานกง เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งเฉินเฟยเฟยไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เธอขยับเข้าไปหาเย่เทียนหยู่ แล้วกระซิบว่า “พี่เย่คะ อีกเดี๋ยวพองานจบ ฉันขอเลี้ยงมื้อดึกพี่นะคะ”เย่เทียนหยู่มองออกว่าเฉินเฟยเฟยคิดยังไงกับตน เขาเลยกลัวว่ามันอาจจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ เขาจึงปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็ว “เอ่อคือ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระอยู่ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไว