ยังไงก็ตามเขาไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะเดิมทีร่างกายของเขาก็ร้อยพิษไม่กล้ำกลายอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สบายดีแบบนี้ และเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะไปป้องกันของพรรคนี้“เป็นยังไง รู้ตัวแล้วงั้นรึ?”บรรพจารย์พรรคถังเยาะเย้ย“4 คนเมื่อกี้นี้”ทันใดนั้น เย่เทียนหยู่ก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งและพูดอย่างเย็นชา “พวกเขาสี่คน เดิมทีคุณไม่ได้ส่งพวกขามาฆ่าผม แต่เพราะให้ผมลดการป้องกันลงระหว่างการต่อสู้ และค่อย ๆ ถูกพิศโดยไม่รู้ตัวอย่างนั้นสินะ?”“ถูกต้อง!”“ลำพังไอ้พวกนั้นจะไปเอาชีวิตเจ้าได้ยังไง”“เพราะยังไง เจ้าก็เป็นถึงราชามังกรองค์ใหม่แห่งพรรคมังกร แต่ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าช่างรู้ตัวไวเสียจริง เสียดายที่เจ้ามั่นใจในตัวเองเกินไป”บรรพจารย์ของตระกูลถังเยาะเย้ยและดูภูมิใจแต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถังจื้อและคนอื่น ๆ นี่หมายความว่ายังไง เย่เทียนหยู่คือราชามังกรองค์ใหม่ของพรรคถังอย่างนั้นเหรอ?พวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แล้วบรรพจารย์รู้ได้ยังไงอีกอย่าง หากรู้ว่าอีกฝ่ายคือราชามังกรองค์ใหม่ของพรรคมังกรเสียแต่แรก พวกเขาคงไม่มีเรื่องกันขนาดนี้ เพราะถึงยังไงพลังของ
ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน บรรพจารย์พรรคถังวาดมือคว้าถังชั่นด้วยมือขวา จากนั้นเขาก็ใช้เริ่มใช้วิถีอเวจีดูดซับชี่แท้ออกจากตัวถังชั่นเย่เทียนหยู่ตกตะลึง นี่เขากำลังทำอะไร แทนที่จะจัดการกับเขาแต่กลับลงมือกับฝ่ายตัวเองก่อนงั้นเหรอ?สีหน้าของถังจื้อและถังเฟยฝานเปลี่ยนไป พวกเขาทั้งตกใจและโกรธต่อสิ่งที่บรรพจารย์ทำ โดยเฉพาะ ถังจื้อ เพราถังชั่นเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา“บรรพจารย์ น…นี่ท่านกำลังทำอะไร” ถังชั่นดูหน้าซีดและตะโกนด้วยความหวาดกลัว“เหอะ หยางเฉียนเฉียนอยู่ที่พรรคถังมานานแล้ว แต่เจ้าก็ยังไม่อาจดูดลมปราณซวนหมิงของเธอและทะลวงถึงระดับปรมาจารย์สักที!”“ข้าให้โอกาสแล้วแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้จักใช้ ข้าจะเก็บเจ้าไว้ทำอะไรอีก?”บรรพจารย์พรรคถังพูดอย่างเย็นชาพร้อมรัศมีอันน่าสยดสยองทั่วร่างกายของเขา“ไม่ อย่าเลย ฉันจะทำงานหนัก หลังจากวันนี้ ฉันจะซึมซับมันและทะลุผ่านทันที” ถังชั่นมีสีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและความสิ้นหวังเพราะเขารู้สึกถึงการสูญเสียพลังชี่แท้ในร่างกายอย่างชัดเจน แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมบรรพจารย์ถึงกระทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าถังจื้อร้อนใจอย่างมาก เขาคุกเข่าลงทันที “ท่าน
เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยใช้ถังชั่นเพื่อทะลวงระดับพลังความจริงแล้วเมื่อเขาสอนถังชั่นให้ใช้ยุทธการยอดขุนศึกเป็นครั้งแรก เขาก็ตั้งจะดูดซับพลังของเขา แต่เพื่อฝึกฝนเขา และวันหนึ่งใช้วิถีอเวจีระดับสูงสุดเพื่อยึดร่างกายของเขาจากนี้ไปไม่จำเป็นต้องปกป้องร่างเก่าที่อาจตายเมื่อใดก็ได้เหตุผลที่เขาดำเนินการกับ ถังชั่นในตอนนี้ก็เพราะเขาพบร่างกายที่ดีกว่า เย่เทียนหยู่เป็นเพราะการปรากฏตัวของเย่เทียนหยู่อย่างชัดเจนทำให้เขาเปลี่ยนแผนดูดซับพลังชี่แท้ของยุทธการยอดขุนศึกของถังชั่นและหลังจากการหลอมรวม เขาสามารถทะลวงไปสู่สถานะสูงสุดของวิถีอเวจีที่ประสบความสำเร็จ จากนั้นจึงยึดร่างของเย่เทียนหยู่ในที่สุด ร่างกายของเย่เทียนหยู่ก็ถูกใช้เพื่อรวมเข้ากับหยางเฉียนเฉียนทั้งหมดนี้สมบูรณ์แบบมาก อีกไม่นานเขาจะกลายเป็นปรมาจารย์ที่น่ากลัวที่สุดในโลกในเวลานั้น แม้ว่าชิงหลงจะมา เขาก็จะไม่กลัวในขณะนี้ ถังชั่นนอนอยู่ข้างๆ เขาเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว ไม่เพียงแต่เขาจะไร้ชีวิตชีวาเท่านั้น เขายังผอมและน่าเกลียดอีกด้วยใบหน้าของ ถังจื้อเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตาย เขามองไปที่ เย่เท
“พี่เย่ เราควรทำยังไงดี หนีไปกันเถอะ” หยางเฉียนเฉียนพูดขึ้นทันที ตอนนี้กระทั่งเธอเข้าใจแล้วว่าพี่เย่ถูกหลอก และบรรพจารย์พรรคถังก็มีอำนาจไร้เทียมทานเย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หนีไม่พ้นหรอก”คราวนี้ฉันคงได้แต่โทษตัวเองที่มั่นใจเกินไป ตามความเข้าใจของเขา ด้วยพลังระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดของตนเองเพียงพอที่จะต่อกรกับพรรคถังทั้งพรรคได้อย่างสบาย ๆต่อให้มีบรรพจารย์พรรคถังอยู่ด้วยก็ตาม เพราะเขาเข้าใจว่าบรรพจารย์พรรคถังไม่ได้พึ่งพาการฝึกฝนของเขาเองเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ทะลวงระดับพลัง และพลังการต่อสู้ของเขาก็ไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น“ยอดมาก!”“สมเป็นราชามังกรอย่างที่คาดไว้ ช่างตระหนักรู้ตนเองเป็นอย่างดี”ทันทีที่เขาพูดจบ บรรพจารย์พรรคถังก็ลุกขึ้น ในเวลานี้ไอพลังของเขายิ่งใหญ่มากกว่าเดิม และยังเย็นชาน่ากลัวเป็นพิเศษ อุณหภูมิโดยรอบดูเหมือนจะลดลงหลายองศาทั้งที่ดูดพลังชี่แท้ยอดขุนศึกซึ่งเป็นชี่แท้ที่มีพลังแข็งแกร่งของถังชั่นไปแล้วแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก นั่นก็หมายความว่าภายในร่างกายของเขามีชี่แท้อยู่มหาศาล สีหน้าของเย่เทียนหยู่ไม่สู้ดีนัก อาจมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นคื
หยางเฉียนเฉียนเองก็รีบพูดด้วยความร้อนใจ “พี่เย่ รีบหนีไปไม่ต้องสนใจฉัน พี่จะมาช่วยฉันได้ก็ต่อเมื่อพี่หนีพ้นเท่านั้น”“หนีเหรอ คิดว่าหนีรอดหรือไง”บรรพจารย์พรรคถังกล่าวเยาะเย้ย “เย่เทียนหยู่ เจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดเหลือล้นอย่างนั้นรึ คิดว่าข้าไม่รู้หรือไงว่าเจ้ากำลังถ่วงเวลา”เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเย่เทียนหยู่ก็เปลี่ยนไปทันที ราวกับว่าเรื่องที่เขากำลังปิดบังถูกจับได้“เหอะ เหอะ คุณสังเกตมั้ยว่ายิ่งคุณพยายามแก้ไขมันมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งตกอยู่ในมันมากขึ้นเท่านั้น ถ้าฉันไม่ทำผิดพลาดในการตัดสินของฉัน คุณก็จะสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ แม้ในฐานะปรมาจารย์ธรรมดา ๆ ก็ตาม”บรรพจารย์พรรคถังกล่าวอย่างภาคภูมิใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของเย่ เทียนหยู่ เขารู้สึกว่าเขามั่นใจในสิ่งนั้นเมื่อฟังคำพูดเหล่านี้ หยางเฉียนเฉียนก็หมดหวังมากยิ่งขึ้น “ฉันขอโทษค่ะพี่เย่ ฉันเป็นคนทำร้ายพี่”ถังเฟยฟานเองก็ดูสิ้นหวังเช่นกันความหวังสุดท้ายนี้สูญสิ้นไป แม้ว่าความหวังนี้จะริบหรี่มากก็ตาม แต่ก็มีความหวังเล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่มีความหวังแล้ว“เอาล่ะ มันดึกแล้ว เย่เทียนหยู่ คุณควรออกเดินทาง
เดิมทีถังเฟยฝานนึกว่าปรมาจารย์เย่หมดกำลังต่อสู้ไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำลายฤทธิ์ของผงสลายกำลังยุทธ์ได้ แถมยังแอบสะสมพลังเพื่อการลอบโจมตีระดับอันตรายถึงชีวิตกระบวนท่านี้ ช่างปราดเปรื่องยิ่งนักแต่นั่นก็จุดประกายความหวังอันแข็งแกร่งในตัวเขาขึ้นมาอีกครั้งเช่นกันหยางเฉียนเฉียนประหลาดใจมากตอนที่เธอเห็น เทียนหยู่โจมตีใส่บรรพจารย์พรรคถังและกลับมาอิสระอีกครั้ง แต่แรงปะทะจากการโจมตีของทั้งคู่นั้นน่าสะพรึงมาก โชคยังดีที่ถังเฟยฝานช่วยสลายให้บ้าง ไม่เช่นนั้นเธอคงจะทนรับไม่ไหวแน่แต่ถึงกระนั้น ทั้งสองก็ยังถอยหนีไปซ่อนตัวอยู่อีกด้านทว่ามองดูห้องใต้ดินที่พังทลายนี้ เห็นได้ชัดว่าเขายังกังวลอยู่เล็กน้อย พลังการต่อสู้ของทั้งสองน่ากลัวมาก แม้แต่ห้องใต้ดินลับที่ไม่มีทางถูกระเบิดทำลายแห่งนี้ก็ยังได้รับความเสียหายอย่างหนักบรรพจารย์ล้มลงและจ้องมองเย่เทียนหยู่ เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย: “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด หรือที่จริงแล้วเจ้าไม่ได้หลงกลข้าแต่แรก”“ผมจะหลงกลหรือไม่ ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ วันนี้เถ้ากระดูกของคุณจะถูกฝังอยู่ที่นี่”เย่เทียนหยู่สีหน้าไร้อารมณ์ ร่างกายของเขาแผ่ซ่านพ
หากแต่นี่ไม่ได้แปลว่าเย่เทียนหยู่ปลอดภัย เขาแค่ใช้กำลังที่เหลืออยู่เพื่อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพื่อทำลายเศษพลังพวยพุ่งที่โจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่งจากนั้นเขาก็พังเพดานแล้วกระโดดออกไปจากตรงนั้นพร้อมพาคนทั้งสองออกไปด้วยเพราะเห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้กำลังจะพังทะลาย ถ้าไม่รีบออกไป มีหวังได้ถูกฝังทั้งเป็นส่วนบรรพจารย์พรรคถัง เขาสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่เขาเอาชนะอีกฝ่ายได้แล้วว่าบรรพจารย์พรรคถังที่ไม่สามารถต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวจากการโจมตีของเขาได้ ทำให้อวัยวะภายในร่างกายของเขาแตกสลาย และสิ้นใจไปทันทีดังนั้น เย่เทียนหยู่จึงไม่มีเวลากังวลบรรพจารย์พรรคถัง และพาตัวถังเฟยฝานกับหยางเฉียนเฉียนออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วเป็นไปตามคาด ทันทีที่ทุกคนออกมาก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และทันใดนั้นห้องใต้ดินก็ทรุดตัวลงเมื่อครู่ถังเฟยฝานนึกว่าเขากำลังจะตาย คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังรอดชีวิตและมองดูทุกอย่างด้วยอาการเหม่อลอยสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ อยู่นอกเหนือจินตนาการของเขาเสื้อผ้าของเย่เทียนหยู่เลอะเทอะเล็กน้อยและดูอ่อนกำลังอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยก็ไม่ดูสบาย ๆ เหมือนก่อนหน้านี้ แถมมุมปาก
“ก็ได้ ถ้าคุณยืนกราน ผมจะเข้ามากำกับดูแลพรรคถัง ถ้าต่อไปพรรคถังเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ก็มาหาผมได้ทุกเมื่อ”พรรคถังเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของอาณาจักรมังกร การรับไว้มีแต่จะเป็นประโยชน์ต่อเขาแถมยังไร้ข้อเสีย ในเมื่ออีกฝ่ายขอร้องเขา เย่เทียนหยู่ก็ย่อมยอมรับไว้“ขอบคุณปรมาจารย์เย่ ไม่สิ ควรจะเป็นเจ้าสำนักเย่” ถังเฟยฟานกล่าวทันที หากมีปรมาจารย์เย่ปกป้อง อย่างน้อยพรรคถังก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียบรรพจารย์และเจ้าสำนักไป“ไม่จำเป็นต้องเรียกผมว่าเจ้าสำนักหรอก ต่อไปคุณจะเป็นเจ้าสำนักของพรรคถัง ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันของพรรคถัง และคุณจะมีสิทธิ์ตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง”“คือว่า…”“อะไรกัน? ผมให้อำนาจตัดสินใจคุณเต็มที่แบบนี้ไม่ดีเหรอ?”"แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีสำหรับพรรคถัง แต่ว่า...”“แต่ดูเหมือนว่าผมจะเสียเปรียบใช่มั้ย? ไม่ต้องห่วง เพราะโลกนี้ไม่มีผลประโยชน์ที่ได้มาฟรี ผมเองก็มีข้อกำหนดเช่นกัน เพราะต่อไป ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมมีคำสั่ง คุณต้องเชื่อฟังการเตรียมการของผม”“แน่นอน นั่นเป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว!”“ได้ ถ้าต่อไปมีโอกาสให้เติบโต ผมจะคิดเผื่อพรรคถังให้ด้วย”“เช่นนั้น
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป