หากแต่นี่ไม่ได้แปลว่าเย่เทียนหยู่ปลอดภัย เขาแค่ใช้กำลังที่เหลืออยู่เพื่อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพื่อทำลายเศษพลังพวยพุ่งที่โจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่งจากนั้นเขาก็พังเพดานแล้วกระโดดออกไปจากตรงนั้นพร้อมพาคนทั้งสองออกไปด้วยเพราะเห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้กำลังจะพังทะลาย ถ้าไม่รีบออกไป มีหวังได้ถูกฝังทั้งเป็นส่วนบรรพจารย์พรรคถัง เขาสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่เขาเอาชนะอีกฝ่ายได้แล้วว่าบรรพจารย์พรรคถังที่ไม่สามารถต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวจากการโจมตีของเขาได้ ทำให้อวัยวะภายในร่างกายของเขาแตกสลาย และสิ้นใจไปทันทีดังนั้น เย่เทียนหยู่จึงไม่มีเวลากังวลบรรพจารย์พรรคถัง และพาตัวถังเฟยฝานกับหยางเฉียนเฉียนออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วเป็นไปตามคาด ทันทีที่ทุกคนออกมาก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และทันใดนั้นห้องใต้ดินก็ทรุดตัวลงเมื่อครู่ถังเฟยฝานนึกว่าเขากำลังจะตาย คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังรอดชีวิตและมองดูทุกอย่างด้วยอาการเหม่อลอยสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ อยู่นอกเหนือจินตนาการของเขาเสื้อผ้าของเย่เทียนหยู่เลอะเทอะเล็กน้อยและดูอ่อนกำลังอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยก็ไม่ดูสบาย ๆ เหมือนก่อนหน้านี้ แถมมุมปาก
“ก็ได้ ถ้าคุณยืนกราน ผมจะเข้ามากำกับดูแลพรรคถัง ถ้าต่อไปพรรคถังเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ก็มาหาผมได้ทุกเมื่อ”พรรคถังเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของอาณาจักรมังกร การรับไว้มีแต่จะเป็นประโยชน์ต่อเขาแถมยังไร้ข้อเสีย ในเมื่ออีกฝ่ายขอร้องเขา เย่เทียนหยู่ก็ย่อมยอมรับไว้“ขอบคุณปรมาจารย์เย่ ไม่สิ ควรจะเป็นเจ้าสำนักเย่” ถังเฟยฟานกล่าวทันที หากมีปรมาจารย์เย่ปกป้อง อย่างน้อยพรรคถังก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียบรรพจารย์และเจ้าสำนักไป“ไม่จำเป็นต้องเรียกผมว่าเจ้าสำนักหรอก ต่อไปคุณจะเป็นเจ้าสำนักของพรรคถัง ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันของพรรคถัง และคุณจะมีสิทธิ์ตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง”“คือว่า…”“อะไรกัน? ผมให้อำนาจตัดสินใจคุณเต็มที่แบบนี้ไม่ดีเหรอ?”"แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีสำหรับพรรคถัง แต่ว่า...”“แต่ดูเหมือนว่าผมจะเสียเปรียบใช่มั้ย? ไม่ต้องห่วง เพราะโลกนี้ไม่มีผลประโยชน์ที่ได้มาฟรี ผมเองก็มีข้อกำหนดเช่นกัน เพราะต่อไป ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมมีคำสั่ง คุณต้องเชื่อฟังการเตรียมการของผม”“แน่นอน นั่นเป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว!”“ได้ ถ้าต่อไปมีโอกาสให้เติบโต ผมจะคิดเผื่อพรรคถังให้ด้วย”“เช่นนั้น
“ทุกครั้งฉันแทบจะเป็นบ้าตาย และครั้งสุดท้ายที่ฉันโทรหาพี่ก็เพราะฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะแตกสลาย”“ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าพี่จะยอมเสี่ยงอันตรายเพราะฉัน แล้วก็ไม่คิดเลยด้วยว่าพี่จะเก่งขนาดนี้”ทั้งที่มีสาวสวยราวกับเทพธิดาแนบกายใกล้ชิดกับเขาขนาดนี้ แต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่ไร้ซึ่งอารมณ์แห่งความปรารถนา เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความกลัวในใจของหยางเฉียนเฉียนอย่างชัดเจนทั้งน้ำเสียงและร่างกายที่สั่นเทาของเธอเผยให้เห็นถึงความทนทุกข์ทรมานจากความกลัวอันไร้ที่สิ้นสุดออกมาถ้าหยางต้าฝูรู้เรื่องราวทั้งหมดนี่แล้ว ไม่รู้เขาจะเสียใจหรือเปล่าที่ให้ลูกสาวของตัวเองไปแต่งงานเข้าตระกูลถังเพียงเพราะยึดติดกับอำนาจเย่เทียนหยู่ตบหลังหยางเฉียนเฉียนเบา ๆ และพูดว่า: “เอาล่ะ ทุกอย่างจบลงแล้วนะ ต่อไปจะไม่มีใครรังแกคุณได้อีก”“ใช่ค่ะ ต่อไปจะไม่มีใครรังแกฉันได้อีกแล้ว เพราะฉันมีคนที่ทรงพลังที่สุดอย่างพี่เย่อยู่ ใครจะมารังแกฉันได้อีก”“เด็กโง่ ผมจะปกป้องคุณไปตลอดชีวิตไม่ได้นะ”“ฉันไม่สนใจ หลังจากเหตุการณ์นี้ฉันเข้าใจแล้วจริง ๆ พี่เย่ ฉันชอบคุณและฉันจะชอบคุณเท่านั้น ฉันไม่สนใจว่าคุณมีภรรยาหรือไม่ ฉันจะเป็นผู้
แม้เย่เทียนหยู่จะพูดแบบนั้น แต่หยางเฉียนเฉียนก็ยังคงกังวลและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “พี่เย่ ฉันพาพี่ไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่ามั้ยคะ?”“ไม่ต้องหรอก ผมบาดเจ็บภายใน โรงพยาบาลรักษาไม่หายหรอก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าและอธิบาย: “อย่างที่คุณเพิ่งเห็น ระดับการฝึกฝนของพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา อาการบาดเจ็บพวกนี้มีแต่ต้องรักษาให้หายด้วยพลังภายในของเราเองเท่านั้น”“อือ ฉันรู้ค่ะ เห็นพวกละครก็แสดงแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่า พี่ไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ?”“จริง คุณตั้งใจขับรถเถอะ ผมขอหลับตาพักผ่อนสักหน่อย”“ได้ค่ะ ได้”หยางเฉียนเฉียนพยักหน้าทันทีแล้วค่อย ๆ ออกรถ เธอไม่เคยขับรถอย่างระมัดระวังขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เพราะกลัวว่าจะกระทบกระเทือนแต่แน่นอนว่าทักษะของเธอใช้ได้ทีเดียว ทั้งพยายามคงความเร็วโดยไม่ให้รถกระเทือนมากนักจริง ๆ แล้ว เย่เทียนหยู่อยากลองปรับลมหายใจของเขา แต่มันไม่ได้ผล เขาจึงทำได้เพียงนอนหลัยตาพักไปอย่างหมดหนทางบางทีเขาอาจจะเหนื่อยเกินไปจากการต่อสู้ ทำให้เขาหลับไปในทันที แถมยังหลับสนิทมากด้วยขณะขับรถ หยางเฉียนเฉียนคอยมองเย่เทียนหยู่เป็นระยะ ขณะที่เห็นว่าเขานอนหลับ เสียงกรนเล็กน้อยของเขาทำให้เธอสติ
เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นเสียแล้ว แล้วทำไมเธอต้องยังคอยไปตามติดเขาไม่เลิกด้วย เพราะอย่างนั้นเธอจะไม่โทรไปแต่เธอไม่โทรกลับรู้สึกเหมือนคิดถึงเรื่องนี้ไม่เลิก นิ้วมือของเธอเอาแต่วนไปวนมาอยู่กับโทรศัพท์อยากจะโทรไปถามเขาอยู่หลายหนแต่สุดท้ายเธอก็อดทนมันไว้ได้ แต่ในตอนนี้เอง เย่เทียนหยู่ก็โทรเข้ามาเธอรับโทรศัพท์รับโทรศัพท์ไวปานแสงตามสัญชาตญาณ แต่หลังจากรับสายเธอก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันที นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่กันเนี่ย ทำไมต้องรีบขนาดนี้ด้วยทั้งที่เขาเป็นคนทำผิดแท้ ๆ แต่สถานการณ์กลับเหมือนเธอกำลังขอร้องเขาไม่ได้ ไม่ได้ ต้องห้ามใจไว้ ต้องอดทน“หว่านหรู!”“เหอะ เรียกชื่อฉันทำไม คุณนอนอยู่ไม่ใช่เหรอ นอนต่อไปสิ จริงสิ ข้าง ๆ นายน่ะคงเป็นสาวสวยละสินะ เธอปรนิบัตินายดีมั้ยละ?”หลินหว่านหรูพูดกระแทกกระทั้นเขาหลายครั้งด้วยความโมโหเธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอที่เป็นถึงประธานสาวสวยของหลินซื่อกรุ๊ปจะพูดคำพูดพรรคนี้กับผู้ชาย ราวกับตัวเองเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆแต่เวลาเธอรู้สึกไม่สบายใจ เธอก็อยากจะด่าเขา หรืออาจถึงขั้นอยากทุบตีเขาด้วยซ้ำเย่เทียนหยู่หมดหนทางและอธิบายว่า: “คุณเข้าใจผิดแล้
เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยู่ก็จงใจหลีกเลี่ยงคำถาม และตอบว่า: “ไม่หรอก จะมีเลือดได้ยังไงกันครับ คุณตาพร่าแล้ว”หลังจากพูดจบ เขาก็พูดทันทีว่า “โอเค ผมจะถึงบ้านในอีกครึ่งชั่วโมง กลับไปแล้วผมจะบอกคุณอีกทีนะ”“ไม่ต้องรีบ!”“อย่าเพิ่งกลับบ้าน มาที่บริษัทแล้วไปพบลูกค้ากับฉันเย็นนี้ก่อน” เนื่องจากเธอกำลังจะออกไปข้างนอกเย็นนี้ หลินหว่านหรูจึงหวังว่าเย่เทียนหยู่ไปเป็นเพื่อนเธอ เพราะมันทั้งปลอดภัยและสบายใจแต่ตอนนี้ เย่เทียนหยู่เลือดเลอะเต็มร่างและได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไม่อยากไป เพราะอย่างนั้นเขาเลยตอบไปว่า: “เรื่องอะไร ต้องให้ผมไปด้วยเหรอ”“นายไม่อยากเหรอ”หลินหว่านหรูตกตะลึง คำพูดของเขาเมื่อคืนมันฟังดูดีมาก แต่พอมาวันนี้ เขาไม่เต็มใจที่กระทั่งไปพบลูกค้ากับเธอด้วยซ้ำเขาไม่กลัวรึไงว่าเธอออกไปหาลูกค้าตอนกลางคืนจะเกิดเรื่องจะว่าไป คนอื่นเขามีแต่ได้ครอบครองแล้วก็เริ่มทิ้งขวาง แต่เขายังไม่ได้ครอบครองเธอเลยด้วยซ้ำนี่ไม่สิ ครั้งก่อนเขาเคยมีอะไรกับเธอไปแล้วในโรงแรม ตอนนี้หัวใจของเธอก็เป็นของเขาไปแล้ว ถ้าจะให้นับจริง ๆ ก็ถือว่าเขาได้ครอบครองเธอแล้วเย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดมาก เขาจ
ไอ้คนชั่ว!เย่เทียนหยู่ นายมันชั่วที่สุดไม่สิ ตอนแรกที่หยางเฉียนเฉียนรับสาย เธอบอกว่าเย่เทียนหยู่กำลังหลับอยู่ แถมตอนที่รับสายเธอก็ไม่ได้ยินเสียงแปลก ๆ อะไรเลย หรือว่าเธอจะเข้าใจผิดแต่ในตอนนั้นเอง เสียงแจ้งเตือนข้อความโทรศัพท์ของเธอดังขั้น เป็นเย่เทียนหยู่ส่งข้อความมา เมื่อเห็นว่าเขากำลังรีบกลับมาบริษัทเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเธอหลินหว่านหรูก็อารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย อีกพักเธอค่อยถามเขาก็ได้ เพราะถึงยังไงหยางเฉียนเฉียนก็แต่งงานกับคนตระกูลถังหากเทียนหยู่ทำยั่วยุล่วงเกินเธอ เขาคงได้จบเห่แน่ถ้าคนในตระกูลถังมารู้เรื่องนี้เข้าหยางเฉียนเฉียนนั่งรถกลับไปถึงที่บ้าน แม้เธอจะเป็นห่วงพี่เย่ แต่เธอก็มีความสุขมากที่ได้กลับบ้านที่เธอคุ้นเคยแต่ทันทีที่เธอกลับบ้าน เธอกลับได้รับสายตาเย็นชาจากพ่อแต่เล็กจนโต พ่อรักเธอมากที่สุดมาโดยตลอดแต่คราวนี้เขากลับเต็มไปด้วยความโกรธ “หยางเฉียนเฉียนกล้าดียังไงถึงกลับมา แกไปทำอะไรให้ตระกูลถังยกเลิกงานหมั้นกับแกได้ง่าย ๆ แบบนี้”หยางเฉียนเฉียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างรวดเร็ว: “พ่อไปได้ยินมาจากใครว่าตระกูลถังยกเลิกงานหมั้นกับหนู”“ใครบอกเหรอ ถังเฟยฝานหัวห
“อะไรนะ!”ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หยางต้าฝูและภรรยาของเขาก็ตกตะลึงอยู่กับที่ พวกเขาแทบไม่เชื่อหูของตัวเองเลยข่าวนี่มันทั้งเขย่าขวัญทั้งมหัศจรรย์เกินไปจากนั้นหยางเฉียนเฉียนก็เล่าเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่เธอตั้งเล่าแบบข้าม ๆ เพราะถึงจะยังไง พี่เย่ก็บอกแล้วว่า พยายามอย่าเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาแต่จากคำบอกเล่าเพียงเท่านี้ ก็เห็นได้ว่าความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่นั้นน่ากลัวมากแค่ไหน ทว่า ตัวหยางต้าฝูเองก็เห็นมันด้วยตัวเอง เพราะถึงจะยังไง ตอนที่เย่เทียนหยู่จัดการกับปรมาจารย์ตระกูลซาครั้งที่แล้ว เขาก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วยเพียงแต่ไม่คิดว่าจะเก่งกาจขนาดนี้“ที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงเหรอ”หลังจากได้ฟังทุกอย่าง หยางต้าฝูก็รู้สึกราวกับอยู่ในฝัน แต่ลูกสาวไม่เคยโกหกเขา คิดไม่ถึงเลยว่าภายในระยะเวลาอันสั้นจะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้“อีกอย่าง เหตุผลที่พี่เย่ไปที่นั่นก็เพราะหนูเองค่ะ”จากนั้นหยางเฉียนเฉียนก็เล่าเรื่องของตัวเองให้พวกเขาฟัง“อะไรนะ!”เมื่อฟังต่อไปอีกส่วนหนึ่ง หยางต้าฝูและภรรยาของเขาก็ทั้งตกใจและขุ่นเคือง พวกเขาแทบ
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ
พูดกันตามตรง สนามนี้เป็นสนามต่อสู้ที่ดูไม่เลวเหมือนกัน“ไม่เลว!”เย่เทียนหยู่เหลือบมองหยางผั่วจวิน ก่อนจะพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ทำไม อยากลองสนามรึไง?”“แน่นอนสิครับ ไม่งั้นเจ้านายก็มอบโอกาสนี้ให้ผมเถอะนะครับ” ท่าทีของหยางผั่วจวินดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก“ไม่ได้!”เจวี๋ยเทียนที่ได้ยินก็รีบปฏิเสธออกไปโดยไม่ลังเลการเอาชนะหยางผั่วจวินแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของเขา หากเป็นตอนปกติเขาแทบไม่มีความมั่นใจได้เลยว่าจะสามารถเอาชนะหยางผั่วจวินได้ เว้นเสียแต่จะได้รับการสนับสนุนจากเวทอาคมที่ตนเตรียมเอาไว้ และแม้ว่าเวทอาคมที่เตรียมไว้จะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่ในระยะเวลาสั้น ๆ เกรงว่าคงจะใช้ได้แค่ครั้งเดียว ขุมพลังนี้มีเอาไว้รับมือกับหยู่เทียน มีเอาไว้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์“ได้ยินไหม คนเขาไม่เห็นด้วยน่ะ” เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด นี่หยางผั่วจวินชอบการต่อสู้มากขนาดนั้นเชียวเหรอถังวั่นหลี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เดิมทีเขาคิดว่าพลังของตนนั้นค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ตั้งแต่มาที่นี่ ก็พบว่าความแข็งแกร่งของประมุกแต่ละสำนักช่างน่ากลัวอะไรขนาด
หลังจากที่คำพูดนั้นถูกพูดออกมา คนจากสำนักเจวี๋ยฉิงต่างก็พากันตกตะลึงเจ้าตำหนักหยู่คนนี้ กล้ายอมรับคำท้าจริง ๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ?หรือพวกเขามองผิดกันไปเองจริง ๆ?เยว่เหลียนหานและคนในสำนักดอกไม้ต่างก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อสายตามากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเวลานี้ พวกเธอเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ไพ่ตายของมู่หรงอินไม่ใช่เย่เทียนหยู่แห่งพรรคมังการตั้งแต่แรกแล้ว แต่คือเจ้าตำหนักหยู่ผู้ลึกลับคนนี้ต่างหากอย่าว่าแต่พลังที่แท้จริงเป็นอย่างไรเลย แค่มีคนที่น่ากลัวอย่างหยางผั่วจวินเป็นลูกน้องก็เพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล้าตอบรับคำท้าจากประมุกสำนักเจวี๋ยฉิงอย่างเด็ดเดี่ยวอีกต่างหากในเวลานี้ เธอรู้สึกคาดหวังมากจริง ๆ คาดหวังว่าความสามารถของเจ้าตำหนักหยู่จะอยู่ในระดับไหนกันแน่แววตามู่หรงอินและจูเก่อหลิวหลีต่างก็ส่องประกายออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเธอคาดหวังให้เย่เทียนหยู่แสดงฝีมือมาโดยตลอดมีเพียงหยางผั่วจวินเท่านั้นที่สีหน้าดูหม่นหมอง เดิมทีนี่คือโอกาสที่เขาจะได้ต่อสู้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีอีกแล้ว เขาได้สูญเสียโอกาสประลองฝีมือไปแล้วอีกครั้งหนึ่งยังมีหลินเจวี๋ยอีกคนที่สีหน้าดูซีดเซียว แต่พอเห็
พวกเขาต่างเข้าใจตรงกันว่าคนผู้นี้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเย่เทียนหยู่ แต่กลับไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะน่ากลัวขนาดนี้ ดูจากความน่าเกรงขามแล้ว เกรงว่าคงไม่ได้ด้อยไปกว่าเจวี๋ยเทียนเลยด้วยซ้ำซึ่งนี่มันก็ทำให้ความหวังของทูตใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเยว่เหลียนหานเองก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นหยางผั่วจวินแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาออกมา เพราะนั่นหมายความว่า พวกเธอยังไม่ได้หมดหวังไปเลยเสียทีเดียวสีหน้าของเจวี๋ยเทียนดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ พลังความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินคนนี้เกินกว่าที่ตนคาดการเอาไว้มาก เมื่อเทียบกับตนแล้ว เกรงว่าคงทำไม่ได้มากขนาดนี้แน่หยางผั่วจวินยังคงยืนอยู่กับที่ ราวกับว่าเขาคือเทพสงคราม ออร่าบนตัวเขาพุ่งพล่านออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชาออกไปว่า “วันนี้ ใครกล้าแตะต้องเจ้านายของฉัน ฉันก็จะเอาชีวิตคนผู้นั้นซะ!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนและคนอื่น ๆ ดูแย่มาก จากนั้นเขาจึงพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ประมุกหยาง ทั้งที่คุณแข็งแกร่งมากขนาดนี้ เหตุใดต้องยกสวะคนอย่างเขาเป็นนายด้วย คุณช่วยบอกผมหน่อยสิ ว่าเขาใช้กลอุบายข่มขู่คุณอย่างไร ผมจะช่วยคุณจัดการเอง”“ไร้สมอง!”
ปฏิกิริยาของทุกคนตอบสนองขึ้นพร้อมกัน และอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเย่เทียนหยู่เจ้าตำหนักหยู่คนนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้านายของประมุกหยาง ทำไมถึงรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลกันเลยล่ะ ดูปลอมเกินไปรึเปล่าเยว่เหลียนหานตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอเคยตรวจสอบความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินมาแล้ว เกรงว่าคงไม่ได้ด้วยไปกว่าตนเลย ส่วนเรื่องที่ว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหนนั้น เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อย่างน้อยก็คงแข็งแกร่งกว่าเจ้าตำหนักหยู่แน่นอนแต่ที่คาดไม่ถึงเลยก็คือ เขาจะเป็นลูกน้องของเจ้าตำหนักหยู่ได้ ทั้งยังเคารพเจ้าตำหนักหยู่มากอีกด้วย นี่กำลังเข้าใจอะไรผิดไปอยู่รึเปล่านะ?ยิ่งไปกว่านั้น ประมุกมู่หรงเองก็เป็นคนพูดเอง ว่าพวกเธอและประมุกราชาปีศาจได้ทำการร่วมมือกับตำหนักซิวหลัวเรียบร้อยแล้ว หรือพวกเขาต้องการที่จะช่วยให้เจ้าตำหนักหยู่ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำจริง ๆ?อย่าว่าแต่พวกเขาเลย หลินเจวี๋ยเองก็สับสนเช่นกัน เขาเคยตรวจสอบความแข็งแกร่งมาแล้ว เขาไม่สามารถคาดเดาหยางผั่วจวินคนนี้ได้เลยจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องแข็งแกร่งกว่าตนแน่นอนหลังจากที่เจวี๋ยเทียนถูกด่า สีหน้าก็ดูน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ใ
“ใช่!”ครั้งนี้ มู่หรงอินพยักหน้าโดยที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเยว่เหลียนหานตกตะลึงไปชั่วขณะ เรื่องเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เดี๋ยวนะ หรือว่ามู่หรงอินไม่คิดที่จะให้เย่เทียนหยู่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้เธอเลือกคนใหม่แล้วงั้นเหรอและคนที่เธอเลือกก็คือเจ้าตำหนักหยู่!แต่คำถามก็คือ เจ้าตำหนักหยู่เป็นแค่ปรมาจารย์ขั้นสุดท้าย เขาจะทำอะไรได้ ใช้เขาเป็นโล่กำบังให้ตัวเองอย่างนั้นเหรอ?“ประมุกเยว่ คุณล่ะ คุณเองก็สนับสนุนเจ้าตำหนักหยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?” เจวี๋ยเทียนค่อย ๆ ไล่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปเรื่อย ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ราวกับว่าถ้าเธอยอมรับ อนาคตเธอก็จะต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นของสำนักเจวี๋ยฉิงยังไงอย่างงั้นสีหน้าของเยว่เหลียนหานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรู้สึกลังเล ก่อนจะเหลือบมองไปที่มู่หรงอินมู่หรงอินไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้าให้เท่านั้นนี่เป็นการส่งสัญญาณว่า เยว่เหลียนหานควรเลือกสนับสนุนเจ้าตำหนักซิวหลัวเจวี๋ยเทียนเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน จิตสังหารฉายแววออกมาจากดวงตาของเขา ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกมาว่า “ประมุกเยว่ ทางที่ดีคุณก็ลองพิจารณาดูให้ดีก่อนเถอะ โดยเฉพาะ ตัวของคุณตอน
หลังจากที่พูดจจบ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่สายตาของทุกคนจะจ้องมองไปทางเขาเจ้าตำหนักคนนี้พูดพล่ามอะไรอยู่ เขามาเพื่อเป็นผู้นำสำนักงั้นเหรอ?นี่มันไร้สาระสิ้นดี!หลินเจวี๋ยรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก เมื่อเขาได้ยินคำพูดที่เจ้าตำหนักพูดกับเจวี๋ยเทียน เขาก็คิดแล้วว่า ทุกอย่างคงจบสิ้นแล้วจริง ๆ จบเห่แล้วแน่ ๆ เจ้าตำหนักอย่าได้พูดเหลวไหลอีกเลยนะกลับคิดไม่ถึงเลยว่า คำพูดต่อมาของเจ้าตำหนักจะบ้าบิ่นมากขึ้นกว่าเดิม เขากล้าพูดว่าตนจะขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสำนักจริง ๆ นี่เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่เห็นทุกคนอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยรวมถึงสำนักเจวี๋ยงฉิงเองก็ด้วยราชาสวรรค์ทั้งสองที่มากับหลินเจวี๋ยเองก็สับสนด้วยเช่นกัน นี่ใช่เจ้าตำหนักของพวกเขาจริง ๆ น่ะเหรอ นี่เขากำลังรนหาที่ตายชัด ๆเมื่อเห็นสายตาอันน่าสะพรึงกลัวของทุกคนที่มองมา ซึ่งเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาลแผ่ซ่านออกมาพวกเขาต่างก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่น!วันนี้ เกรงว่าคงได้ตายจริง ๆ แน่!เยว่เหลียนหานและคนอื่น ๆ จากสำนักดอกไม้เองก็รู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน บุตรแห่งสวรรค์ผู้ที่มู่หรงอินภาคภูมิใจยังไม่ทันได้ปรากฏตัว ก็กลับมีเจ้าตำหนักที่ไม่
“เพราะเหตุนี้ ผมจึงได้เชิญทุกท่านมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อจัดการประชุมศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้น!”คำพูดง่าย ๆ เหล่านี้ นับว่าเป็นการอธิบายเรื่องทั้งหมดได้อย่างคร่าว ๆ เจวี๋ยเทียนยิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นอกจากนี้ ทุกท่านสบายใจได้ ที่ผมเชิญทุกท่านมา ไม่ใช่เพื่อให้ทุกท่านมาก้มหัวเคารพผมโดยตรง”“แต่เราจะเลือกผู้ที่มีความสามารถสูงสุดในหมู่พวกเรา เพื่อขึ้นเป็นผู้ชี้นำทุกคนให้ก้าวไปข้างหน้าต่างหาก นั่นหมายความว่า ทุกคนจะได้รับความยุติธรรมและโอกาสที่เท่าเทียมกัน”หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ เยว่เหลียนหานกลับแอบส่ายหัวเบา ๆ การแข่งขันที่ยุติธรรมอะไรกัน ทุกคนต่างก็มีโอกาสเท่ากันงั้นเหรอ พวกเขามีโอกาสที่ไหนกันถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือเจวี๋ยเทียนเชื่อมั่นในพลังของตัวเองอย่างมาก ว่าจะไม่มีใครที่สามารถหยุดเขาจากการขึ้นเป็นผู้นำของสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้สิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรม ก็แค่การที่ปล่อยให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อให้ถูกโจมตีเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นทุก ๆ คนต่างก็มีความคิดที่คล้าย ๆ กัน แต่อีกฝ่ายก็มีความแข็งแกร่งมากจริง ๆ พวกเขาแทบไม่มีทางเลือกเลยด้วยซ้ำการประชุมในวันนี้ หากพวกเขาไม่มาก็ต้องตายสถานเดียว แ
“ฮ่า ๆ ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะ พอดีเมื่อกี้มีธุระนิดหน่อย เลยทำให้มาช้า”ทั้งสองคนแต่งตัวค่อนข้างเรียบร้อย ทั้งดูดีและมีเกียรติมากโดยเฉพาะเจวี๋ยเทียน เขาสวมชุดสีม่วง ท่าเดินก็ดูองอาจ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งความยิ่งใหญ่และความสง่างามเครื่องแต่งกายของเขาค่อนข้างคล้ายคลึงกับชุดที่มู่หรงชิงเคยสวมใส่ในตอนนั้น ซึ่งทำให้สีหน้าของมู่หรงอินดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เมื่อเห็นทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของหยางผั่วจวินก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังพวกเขาในทันที และพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อร่องรอยที่เจวี๋ยเทียนเคยทิ้งเอาไว้ในตอนที่เขาไปเยือนสำนักราชาผี ซึ่งนั่นก็ทำให้หยางผั่วจวินตกตะลึงอย่างมากหยางผั่วจวินเองก็สัมผัสได้ ไม่ว่ายังไงตนในตอนนั้นก็ไม่มีทางสู้อีกฝ่ายได้แต่ก่อนที่จะมาที่นี่ หลังจากที่เย่เทียนหยู่ใช้ของวิเศษของพรรคมารช่วยให้เขาพัฒนาตนเอง เขาก็สามารถทะลุจนเลื่อนขั้นสู่ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้แล้ว แถมยังทะลุไปถึงคอขวด จนเกือบจะถึงจุดที่สามารถเลื่อนขั้นได้แล้วด้วยซ้ำตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขา นับว่าอยู่ในจุดที่ไม่ธรรมดาแล้วดังนั้น เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้เห็นคู่ต่อสู้ที