“อะไรนะ!”ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หยางต้าฝูและภรรยาของเขาก็ตกตะลึงอยู่กับที่ พวกเขาแทบไม่เชื่อหูของตัวเองเลยข่าวนี่มันทั้งเขย่าขวัญทั้งมหัศจรรย์เกินไปจากนั้นหยางเฉียนเฉียนก็เล่าเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่เธอตั้งเล่าแบบข้าม ๆ เพราะถึงจะยังไง พี่เย่ก็บอกแล้วว่า พยายามอย่าเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาแต่จากคำบอกเล่าเพียงเท่านี้ ก็เห็นได้ว่าความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่นั้นน่ากลัวมากแค่ไหน ทว่า ตัวหยางต้าฝูเองก็เห็นมันด้วยตัวเอง เพราะถึงจะยังไง ตอนที่เย่เทียนหยู่จัดการกับปรมาจารย์ตระกูลซาครั้งที่แล้ว เขาก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วยเพียงแต่ไม่คิดว่าจะเก่งกาจขนาดนี้“ที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงเหรอ”หลังจากได้ฟังทุกอย่าง หยางต้าฝูก็รู้สึกราวกับอยู่ในฝัน แต่ลูกสาวไม่เคยโกหกเขา คิดไม่ถึงเลยว่าภายในระยะเวลาอันสั้นจะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้“อีกอย่าง เหตุผลที่พี่เย่ไปที่นั่นก็เพราะหนูเองค่ะ”จากนั้นหยางเฉียนเฉียนก็เล่าเรื่องของตัวเองให้พวกเขาฟัง“อะไรนะ!”เมื่อฟังต่อไปอีกส่วนหนึ่ง หยางต้าฝูและภรรยาของเขาก็ทั้งตกใจและขุ่นเคือง พวกเขาแทบ
“มันไม่สำคัญหรอกค่ะ ตราบใดที่หนูได้ติดตามเขา จะสถานะอะไรก็ไม่สำคัญ”ลูกสาวพูดถึงขนาดนี้แล้ว ทั้งคู่ก็คงต้องตามใจเธอ แต่ว่าการดูดซึมพลังเธอจะไม่อันตรายจริง ๆ หรือทันใดนั้น หยางต้าฝูก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ตามที่ราชามังกรคนเก่าพูดไว้ ว่าเขาได้เข้าสู่พรรคมังกรก็เพราะลูกสาวของเขา อีกทั้งยังได้รับการสั่งสอนอบรบวิชายุทธ์หรือว่าราชามังกรคนเก่ารักษาลูกสาวของเขาตอนนั้น ก็เพียงเพื่อให้ลูกศิษย์ของเขาได้รับลมปราณซวนหมิงของลูกสาวเขาตอนนี้ใช่แล้วละ!ต้องเป็นแบบนั้นแน่หลังจากคิดทุกอย่างได้ เขาก็เรียบเรียงเรื่องราวจนทุกอย่างชัดจนถ้าเป็นแบบนั้น ก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับตระกูลหยาง ลูกสาวของเขาก็ชอบราชามังกรมากขนาดนี้ เพียงแค่คำถามเดียว นี่มันไม่อันตรายจริง ๆ หรือช่างเถอะ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรมก็แล้วกันหลังผ่านเหตุการณ์นี้ไป หยางต้าฝูได้ตัดสินใจที่จะไม่กำหนดว่าลูกสาวของเขาเหมาะจะคบหากับใคร ตราบใดที่ลูกสาวของเขามีความสุขสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้คือการคอยปกป้องเธอเย่เทียนหยู่ขับรถของเขาไปที่บริษัท และเนื่องจากเป็นการซื้อเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ เขาจึงสวมเสื้อผ้าที่มี
“ดูคุณพูดสิ คุณจะเป็นใครได้ละครับ ก็ต้องเป็นเด็กน้อยที่น่ารักที่สุดของผมอยู่แล้ว” เย่เทียนหยู่ทำสีหน้าหลงรัก“ไปไกล ๆ เลย น่ารังเกียจชะมัด”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่บ่นเขาอย่างหงุดหงิด แต่หัวใจของเธอกลับรู้สึกหวานราวกับน้ำผึ้งอาบ และใบหน้าของเธอก็แสดงรอยยิ้มมีความสุขอย่างไม่อาจควบคุมแต่เมื่อคิดถึงเรื่องทีเกิดก่อนหน้า เธอก็รีบเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “เหอะ อย่าคิดว่าฉันจะลืมเรื่องที่เราพูดค้างไว้ก่อนหน้านี้นะ”“ครับ ถามมาได้เลย ผมสัญญาว่าจะบอกคุณทุกอย่าง”“ฉันขอถามนายว่าคนขับผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” หลินหวานหรูถามเมื่อได้ยินคำถามนี้ เย่เทียนหยู่เดาว่าเธออาจรู้อยู่แล้วว่าเป็นหยางเฉียนเฉียนและตอบกลับทันที: “เธอเหรรออครับ ที่จริงคุณก็รู้จักนะ เธอคือหยางเฉียนเฉียนลูกสาวตระกูลหยาง”“เป็นเธอจริงๆ!”แม้ว่าฉันจะรู้สึกไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่ได้โกหกและเล่าทุกอย่างตามจริง เธอก็รู้สึกดีขึ้นมากและตอบกลับทันที: “ทำไมนายถึงอยู่กับเธอ”“เรื่องมันยาวน่ะครับ แต่ไม่ต้องกังวล เธอกับผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจริงๆ” เย่เทียนหยู่ไม่รู้จะพูดอะไรถ้าเขาเล่าเรื่องทุกอย่างเกี่ยวก
ทันทีที่สิ้นคำพูด ในที่สุดหลินหว่านหรูก็เข้าใจสักทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ที่จริงเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เธอถึงได้เรียกเย่เทียนหยู่ไปกับเธอด้วยไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งประธานหรือหุ้นของหงหม่ากรุ๊ป เทียนหยู่ก็ยังครองหุ้นส่วนมาก ในสถานการณ์ปกติ เขาควรได้รับการติดต่อแต่ทำไมคนคนนั้นถึงมาหาเธอละ หรือเพราะมุ่งเป้าหาเธออยู่แล้วเหรอไม่ใช่แค่การนัดตอนกลางคืนเท่านั้น แต่ยังเป็นที่โรงแรมด้วย“มีอะไรผิดปกติเหรอ” เย่เทียนหยู่มองเธออย่างสงสัย“อาจจะมีปัญหาจริงๆ” หลินหว่านหรูแสดงความคิดของเธอทันที“ในเมื่อมีปัญหาก็ปฏิเสธไปเถอะ เรารีบกลับไปทานอาหารที่บ้านแล้วก็ทำเรื่องสำคัญยามดึกของเรากันดีกว่า” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“นิสัย นายนี่คิดแต่กับเรื่องแบบนั้นจริงๆ เลย”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ: “ถ้าอีกฝ่ายคิดจะโจมตีฉัน ต่อให้หนีได้รอบนี้ ก็ต้องมีแผนการอื่นที่จะจัดการกับฉัน”“คุณหมายถึง?” เย่เทียนหยู่ถาม“เราไปดูกันดีกว่า แต่นายเก่งกังฟูมาก มีนายอยู่กับฉัน พวกเขาทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เราจะได้ไปดูด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นใครและอยากทำอะไรกันแน่”“ไม่อย่างนั้น มันก็เป็นปัญหาที่ต้องระวังไปตลอด”หลินห
หลินหว่านหรูสูญเสียสติของตัวเองไปแล้ว เธอทำได้เพียงส่งเสียงหายใจหนักหน่วงเย่เทียนหยู่รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นมาก คราวนี้ เขาได้ครอบครองนางฟ้าในใจของเขาอย่างสมบูรณ์สักที อีกทั้งยังเป็นในสถานที่ที่พิเศษเช่นนี้แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูสำนักงานดังขึ้นเสียงเคาะประตูไม่ได้ดังมาก แต่มันปลุกสติของหลินหว่านหรูที่กำลังลุ่มหลงให้กลับมาตอบสนองและตื่นจากความสับสนในทันทีนี่เธอกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ในห้องทำงานแบบนี้น่าขายหน้าเสียจริงเธอผลักเย่เทียนหยู่ออกไปอย่างรวดเร็วเย่เทียนหยู่ดูหมดหนทาง เขาเกือบจะถอดกางเกงอยู่แล้ว ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วยนะ เขารู้สึกหดหู่ใจจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดสามลิตรหลินหว่านหรูมองไปที่ร่างกายอันยุ่งเหยิงของตัวเอง และรีบจัดการเล็กน้อย หัวใจที่กำลังวิตกกังวลของเธอแทบจะกระโดดออกจากอก“ไม่ต้องกังวลครับ ผมล็อกประตูแล้ว” เย่เทียนหยู่เตือนเธอเสียงเบาหลินหว่านหรูถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินแบบนั้น จากนั้นก็กลอกตาไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความโกรธนี่เขาวางแผนจะทำตัวหยุมหยามกับเธอในออฟฟิศมาแต่แรกแล้วเหรอโชคยังดี ไม่อย่างนั้นหลินหว่านหรูคงจะรู้สึกละอายใจมากถ้ามี
แต่เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่เข้ามาและล็อกประตู เห็นได้ชัดว่าเขาไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะทำเรื่องแบบนั้นแต่ถึงอย่างนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอไม่ได้ตำหนิเขา นอกจากความเขินอายแล้ว เธอยังแอบคาดหวังอย่างไม่อาจอธิบาย คาดหวังเรื่องที่เกิดในค่ำคืนนี้เหลือเวลาอีกเล็กน้อย หลินหว่านหรูรีบหยิบกระจกออกมาและเห็นความยุ่งเหยิงบนร่างกายของตัวเองทันที ถึงกับมีบางจุดที่มีรอยเธอแอบด่าเขาในใจอีกเล็กน้อยพร้อมกับจัดการตัวเองหลังจากนั้นไม่นาน หลิวเหวินก็มาตามนัดและเธอก็เห็นร่องรอยที่หลงเหลือด้วย แต่เธอก็ไม่ได้คิดผิด ได้แต่คิดกับตัวเองว่าประธานหลินช่างเข้าใจเล่นปกติแล้ว เธอเป็นประธานสาวผู้เย็นชาและคอยกีดกันคนแปลกหน้า ทว่าคิดไม่ถึงว่าเธอกับสามีจะรักใครลุ่มหลงกันมากแม้แต่ในออฟฟิศด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเย่เทียนหยู่ณ ห้องทำงานของประธานเย่เทียนหยู่ เย่เทียนหยู่ไม่มีที่ไปเดิมทีถ้าไม่มีธุระอะไรเขาก็จะกลับบ้าน แต่ปัญหาคือ เขาต้องไปพบลูกค้ากับหลินหว่านหรูในภายหลัง ดังนั้นเขาจึงยังไปไม่ได้ด้วยเหตุนี้ เย่เทียนหยู่จึงได้เดินทางไปยังแผนกขาย และตรงไปที่สำน
“พี่เย่!”หลิวซือซือเรียกเขาอย่างขัดเขิน“อือ!”เธอเพิ่งบังเอิญไปเห็นร่างกายของอีกฝ่ายมา ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย แต่สมองกลับฉายภาพเมื่อครู่ออกมาอย่างไม่อาจควบคุมไม่เพียงแต่รูปร่างโค้งมน กับเรียวขาและเอวบางเท่านั้น แต่ผิวของเธอขาวมากจริง ๆ ถ้าเป็นผู้ชายธรรมดา เกรงว่าคงจะระงับจินตนาการของตัวเองไว้ไม่อยู่หลิวสุ่ยรู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยสู้ดี เขาจึงพูดว่า: “พี่เย่ ผมยังมีเรื่องให้จัดการ ขอตัวก่อนนะครับ”“อืม”เย่เทียนหยู่พยักหน้าเมื่อเห็นหลิวสุ่ยเดินจากไป เย่เทียนหยู่ก็ลังเลและพูดว่า "ซือซือ เรื่องเมื่อกี้ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่ ไม่เกี่ยวกับคุณหรอกค่ะ ล็อกประตูพังน่ะ”“ฉันนึกว่าล็อกแล้ว ไม่คิดว่าตัวล็อกจะพัง” หลิวซือซืออธิบายอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าพี่เย่จะมองออกว่าเธอเที่ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทุกที่“อ๋อ ผมก็ว่า แต่ผมผิดเอง น่าจะเคาะประตูก่อน”“ที่ไหนกัน เมื่อก่อนที่นี่เป็นห้องทำงานคุณ ก็คงจะคุ้นแบบนั้นอยู่แล้ว”หลิวซือซือรีบตอบ“ขอบคุณที่เข้าใจนะ ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกมาได้เลย ผมมุระต้องไปตามหาหลิวสุ่ยก่อน ไว้ค่อยคุยกันนะ”เย่เทียน
ปกติแล้วจะมีบอดี้การ์ดสองคนคอยช่วยเหลือ ในประเทศที่ปลอดภัยอย่างแดนมังกรไม่มีทางเกิดเรื่อง จึงขจัดข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยไปได้เลยนี่คือเหตุผลที่หลินหว่านหรูต้องการเข้ามาพูดคุยแม้จะอยู่ในโรงแรมก็ตาม“คุณหลิน เชิญเข้า ประธานหลิวกำลังรอคุณอยู่ด้านในแล้วครับ” ชายหนุ่มพูดภาษาจีนกลางได้หลินหว่านหรูพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกับเย่เทียนหยู่เมื่อเข้ามาข้างในหลินหว่านหรูก็สังเกตเห็นชายหนุ่มในวัยสามสิบนั่งอยู่ในล็อบบี้ของห้องสูทเพรสซิเดนท์ เขามีรูปร่างกำยำ ดูเหมือนจะออกกำลังกายเป็นประจำแค่สีหน้าของเขาดูน่ากลัวนิดหน่อย และดูไม่ใช่คนดีเลยแต่ทันทีที่เขาเห็นหลินหว่านหรู ดวงตาของประธานหลิวก็เป็นประกายขึ้นมา และดูเหมือนจะเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนทันทีและยื่นมือขวาออกแล้วพูดว่า “ประธานหลิน ยินดีต้อนรับ”หลินหว่านหรูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ยื่นมือขวาออกมา ถึงจะยังไงก็เป็นการหารือความร่วมมือ การจับมือกันถือเป็นเรื่องปกติแต่ในขณะนั้นเอง เย่เทียนหยู่คว้ามือขวาของหลินหว่านหรู แล้วพูดอย่างใจเย็น: “ไม่จำเป็น”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ถลึงตาใส่เย่เทีย
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก
หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็เดินทางไปยังบ้านพักของตระกูลหยางและแจ้งให้หยางเฉียนเฉียนทราบด้วยตัวเองว่าปัญหาแก้ไขแล้ว หรือให้พูดตามตรงก็คือ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจวินาทีแรกที่หยางเฉียนเฉียนได้ยิน เธอก็ยินยอมรับปากเย่เทียนหยู่ สำหรับเธอขอแค่พี่เย่มีความสุขเธอก็มีความสุขต่อมาแม้เธอจะผิดหวังอยู่บ้าง ที่สุดท้ายเธอไม่ได้ลงเอยกับพี่เย่ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้จัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกับเขา และยังได้รับใบทะเบียนสมรสกับเขาด้วยหยางต้าฝูดูหดหู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นดูเหมือนว่า ความมั่งคั่งมหาศาลนั่น จะไม่ใช่ของตระกูลหยางของพวกเขาหลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ขับรถกลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งแต่ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู เขาก็พบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนถูกเขาลงโทษไปแล้ว เจ้าโง่นั่นก็ไม่ยอมแพ้แถมยังตามเขามาถึงที่นี่ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาคงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย!เดี๋ยวก่อน หลิวเมิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะน่ารำคาญเล็กน้อย แต่เธอกับหว่านหรูก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันพวกเขาทั้งสองเห็นเย่เทียนหยู่แล้วรีบรุดหน้ามาทันที
ใบหน้าของหลินหว่านหรูแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่อธิบายไม่ได้ในใจ“เฮ้ คุณบอกว่าคุณต้องการมันมากใช่ไหม” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากแก้ไขปัญหานี้ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเขาเป็นหนี้หยางเฉียนเฉียนมากจนเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญมันยังไง ในอนาคต“อะไรนะ ฉันจะมีอารมณ์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง” ในเวลานี้ หลินหว่านหรูรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น ตระกูลสวี่มาที่นี่หรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม ปัจจุบัน ตระกูลหลินควรจะมีเพียงธุรกิจของ หลินจื่อตงเท่านั้น“นั่นไม่เป็นความจริง แต่ตระกูลสวี่และตระกูลซุนตกลงกันว่าพ่อแม่ทั้งสองจะหมั้นกันในวันพรุ่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะเลือกวันอันเป็นมงคลอื่นก่อนจึงจะจัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ”“แล้วจื่อตงก็เริ่มวิตกกังวล พรุ่งนี้เขาต้องไปเยี่ยมตระกูลสวี่เขาบอกว่าแม้ว่าเขาจะตาย เขาก็จะไม่ปล่อยให้สวี่เจียเจียหมั้นหมายกับตระกูลซุนเลย” หลินหว่านหรูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในความเป็นจริง เขารู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายเพิ่งหมั้นกันและ
หลินหว่านหรูขมวดคิ้วทันที มาจนถึงตอนนี้แล้วทำไมแม่เธอยังไม่ได้สติอีก ถ้าแม่เธอยังเป็นอยู่แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่กลับมา จะช้าเร็วก็คงเกิดปัญหาอยู่ดีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นหน้าตาของลูกสาว เธอก็รำคาญทันที “สายตาอะไรของลูกฮะ หรือแกจะทนดูน้องชายตัวเองตายไปทั้งแบบนี้รึไง”คุณปู่ตระกูลหลินเองก็รีบ “หว่านหรู ไม่ว่ายังไงก็ น้องก็คอยสนับสนุนหลานมาโดยตลอด หลานต้องช่วยเขานะ”“ใช่ หว่านหรู ลูกต้องช่วยจื่อตงนะ” หลินหงรีบพูดเสริมหลินจื่อตงเปิดปาก เขาไม่ต้องการรบกวนพี่สาว เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วงนี้ แถมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับพี่เขยก็จบลงไปแล้วแต่เขาไม่อยากเสียสวี่เจียเจียไปเลยจริง ๆเมื่อมองดูสายตาของคนในตระกูล หลินหว่านหรูรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งและพูดว่า “คิดว่าหนูจะไม่ช่วยจื่อตงเหรอคะ”คุณปู่ตระกูลหลินดูไม่ค่อยดีนัก แต่หลินจื่อตงก็พูดทันที “พี่ อย่าฟังคุณปู่กับทุกคนเลยครับ ผมเชื่อพี่อยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่สะดวกจริง ๆ ผมจะไปเองครับ”“นายก็ยังไม่เชื่อพี่อยู่ดี”หลินหว่านหรูโกรธ เธอหันหลังกลับและเดินกลับห้องด้วยความโมโหคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ที่ถูกทิ้งไว้ มองหน้ากันอย่างไม่เช
“แต่เธอจะมาที่นี่เร็วๆ นี้”“โอเค ถ้างั้นผมจะรอ”ตอนนี้ ขอแค่แม่ของเขาสบายดีแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่เขากังวลว่าตอนนี้แม่ของเขาเป็นอิสระแล้วจริง ๆ หรือเปล่า“ผมขอยืนยันอีกที พวกคุณไม่ขอให้ผมจดทะเบียนกับหยางเฉียนเฉียนแล้วใช่มั้ย” เย่เทียนหยู่ถามย้ำ“ใช่!”“โอเค ถ้างั้นผมไปละ!”เย่เทียนหยู่จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะมีเสน่ห์มากและดูเหมือนเธอจะไม่ได้ต่อต้านการการลุกล้ำของเขาเลยด้วยซ้ำจูเก่อหลิวหลีตกอยู่ในอาการมึนงง นี่เขา ออกไปแล้วเหรอตัวเธอมีเสน่ห์ไม่พอเลยหรือไงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยในความสวยของตัวเอง!เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าถ้าเธอเต็มใจ ก็คงไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ท่านผู้หญิงของเธอโทรมา“ท่านผู้หญิง ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” จูเก่อหลิวหลีรับสายและพูดทันที“ไม่เป็นไร!”“ฉันเพิ่งรู้ว่าเทียนหยู่ได้รับพลังลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนมาแล้ว เพราะงั้นเขาจะอยู่กับหยางเฉียนเฉียนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”ท่านผู้หญิงตอบ“พลังลมปราณซวนหมิงนั่นคืออะไรคะ” จูเก่อหลิวหลีไม่เคยรู้