“มันไม่สำคัญหรอกค่ะ ตราบใดที่หนูได้ติดตามเขา จะสถานะอะไรก็ไม่สำคัญ”ลูกสาวพูดถึงขนาดนี้แล้ว ทั้งคู่ก็คงต้องตามใจเธอ แต่ว่าการดูดซึมพลังเธอจะไม่อันตรายจริง ๆ หรือทันใดนั้น หยางต้าฝูก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ตามที่ราชามังกรคนเก่าพูดไว้ ว่าเขาได้เข้าสู่พรรคมังกรก็เพราะลูกสาวของเขา อีกทั้งยังได้รับการสั่งสอนอบรบวิชายุทธ์หรือว่าราชามังกรคนเก่ารักษาลูกสาวของเขาตอนนั้น ก็เพียงเพื่อให้ลูกศิษย์ของเขาได้รับลมปราณซวนหมิงของลูกสาวเขาตอนนี้ใช่แล้วละ!ต้องเป็นแบบนั้นแน่หลังจากคิดทุกอย่างได้ เขาก็เรียบเรียงเรื่องราวจนทุกอย่างชัดจนถ้าเป็นแบบนั้น ก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับตระกูลหยาง ลูกสาวของเขาก็ชอบราชามังกรมากขนาดนี้ เพียงแค่คำถามเดียว นี่มันไม่อันตรายจริง ๆ หรือช่างเถอะ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรมก็แล้วกันหลังผ่านเหตุการณ์นี้ไป หยางต้าฝูได้ตัดสินใจที่จะไม่กำหนดว่าลูกสาวของเขาเหมาะจะคบหากับใคร ตราบใดที่ลูกสาวของเขามีความสุขสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้คือการคอยปกป้องเธอเย่เทียนหยู่ขับรถของเขาไปที่บริษัท และเนื่องจากเป็นการซื้อเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ เขาจึงสวมเสื้อผ้าที่มี
“ดูคุณพูดสิ คุณจะเป็นใครได้ละครับ ก็ต้องเป็นเด็กน้อยที่น่ารักที่สุดของผมอยู่แล้ว” เย่เทียนหยู่ทำสีหน้าหลงรัก“ไปไกล ๆ เลย น่ารังเกียจชะมัด”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่บ่นเขาอย่างหงุดหงิด แต่หัวใจของเธอกลับรู้สึกหวานราวกับน้ำผึ้งอาบ และใบหน้าของเธอก็แสดงรอยยิ้มมีความสุขอย่างไม่อาจควบคุมแต่เมื่อคิดถึงเรื่องทีเกิดก่อนหน้า เธอก็รีบเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “เหอะ อย่าคิดว่าฉันจะลืมเรื่องที่เราพูดค้างไว้ก่อนหน้านี้นะ”“ครับ ถามมาได้เลย ผมสัญญาว่าจะบอกคุณทุกอย่าง”“ฉันขอถามนายว่าคนขับผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” หลินหวานหรูถามเมื่อได้ยินคำถามนี้ เย่เทียนหยู่เดาว่าเธออาจรู้อยู่แล้วว่าเป็นหยางเฉียนเฉียนและตอบกลับทันที: “เธอเหรรออครับ ที่จริงคุณก็รู้จักนะ เธอคือหยางเฉียนเฉียนลูกสาวตระกูลหยาง”“เป็นเธอจริงๆ!”แม้ว่าฉันจะรู้สึกไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่ได้โกหกและเล่าทุกอย่างตามจริง เธอก็รู้สึกดีขึ้นมากและตอบกลับทันที: “ทำไมนายถึงอยู่กับเธอ”“เรื่องมันยาวน่ะครับ แต่ไม่ต้องกังวล เธอกับผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจริงๆ” เย่เทียนหยู่ไม่รู้จะพูดอะไรถ้าเขาเล่าเรื่องทุกอย่างเกี่ยวก
ทันทีที่สิ้นคำพูด ในที่สุดหลินหว่านหรูก็เข้าใจสักทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ที่จริงเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เธอถึงได้เรียกเย่เทียนหยู่ไปกับเธอด้วยไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งประธานหรือหุ้นของหงหม่ากรุ๊ป เทียนหยู่ก็ยังครองหุ้นส่วนมาก ในสถานการณ์ปกติ เขาควรได้รับการติดต่อแต่ทำไมคนคนนั้นถึงมาหาเธอละ หรือเพราะมุ่งเป้าหาเธออยู่แล้วเหรอไม่ใช่แค่การนัดตอนกลางคืนเท่านั้น แต่ยังเป็นที่โรงแรมด้วย“มีอะไรผิดปกติเหรอ” เย่เทียนหยู่มองเธออย่างสงสัย“อาจจะมีปัญหาจริงๆ” หลินหว่านหรูแสดงความคิดของเธอทันที“ในเมื่อมีปัญหาก็ปฏิเสธไปเถอะ เรารีบกลับไปทานอาหารที่บ้านแล้วก็ทำเรื่องสำคัญยามดึกของเรากันดีกว่า” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“นิสัย นายนี่คิดแต่กับเรื่องแบบนั้นจริงๆ เลย”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ: “ถ้าอีกฝ่ายคิดจะโจมตีฉัน ต่อให้หนีได้รอบนี้ ก็ต้องมีแผนการอื่นที่จะจัดการกับฉัน”“คุณหมายถึง?” เย่เทียนหยู่ถาม“เราไปดูกันดีกว่า แต่นายเก่งกังฟูมาก มีนายอยู่กับฉัน พวกเขาทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เราจะได้ไปดูด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นใครและอยากทำอะไรกันแน่”“ไม่อย่างนั้น มันก็เป็นปัญหาที่ต้องระวังไปตลอด”หลินห
หลินหว่านหรูสูญเสียสติของตัวเองไปแล้ว เธอทำได้เพียงส่งเสียงหายใจหนักหน่วงเย่เทียนหยู่รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นมาก คราวนี้ เขาได้ครอบครองนางฟ้าในใจของเขาอย่างสมบูรณ์สักที อีกทั้งยังเป็นในสถานที่ที่พิเศษเช่นนี้แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูสำนักงานดังขึ้นเสียงเคาะประตูไม่ได้ดังมาก แต่มันปลุกสติของหลินหว่านหรูที่กำลังลุ่มหลงให้กลับมาตอบสนองและตื่นจากความสับสนในทันทีนี่เธอกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ในห้องทำงานแบบนี้น่าขายหน้าเสียจริงเธอผลักเย่เทียนหยู่ออกไปอย่างรวดเร็วเย่เทียนหยู่ดูหมดหนทาง เขาเกือบจะถอดกางเกงอยู่แล้ว ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วยนะ เขารู้สึกหดหู่ใจจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดสามลิตรหลินหว่านหรูมองไปที่ร่างกายอันยุ่งเหยิงของตัวเอง และรีบจัดการเล็กน้อย หัวใจที่กำลังวิตกกังวลของเธอแทบจะกระโดดออกจากอก“ไม่ต้องกังวลครับ ผมล็อกประตูแล้ว” เย่เทียนหยู่เตือนเธอเสียงเบาหลินหว่านหรูถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินแบบนั้น จากนั้นก็กลอกตาไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความโกรธนี่เขาวางแผนจะทำตัวหยุมหยามกับเธอในออฟฟิศมาแต่แรกแล้วเหรอโชคยังดี ไม่อย่างนั้นหลินหว่านหรูคงจะรู้สึกละอายใจมากถ้ามี
แต่เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่เข้ามาและล็อกประตู เห็นได้ชัดว่าเขาไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะทำเรื่องแบบนั้นแต่ถึงอย่างนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอไม่ได้ตำหนิเขา นอกจากความเขินอายแล้ว เธอยังแอบคาดหวังอย่างไม่อาจอธิบาย คาดหวังเรื่องที่เกิดในค่ำคืนนี้เหลือเวลาอีกเล็กน้อย หลินหว่านหรูรีบหยิบกระจกออกมาและเห็นความยุ่งเหยิงบนร่างกายของตัวเองทันที ถึงกับมีบางจุดที่มีรอยเธอแอบด่าเขาในใจอีกเล็กน้อยพร้อมกับจัดการตัวเองหลังจากนั้นไม่นาน หลิวเหวินก็มาตามนัดและเธอก็เห็นร่องรอยที่หลงเหลือด้วย แต่เธอก็ไม่ได้คิดผิด ได้แต่คิดกับตัวเองว่าประธานหลินช่างเข้าใจเล่นปกติแล้ว เธอเป็นประธานสาวผู้เย็นชาและคอยกีดกันคนแปลกหน้า ทว่าคิดไม่ถึงว่าเธอกับสามีจะรักใครลุ่มหลงกันมากแม้แต่ในออฟฟิศด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเย่เทียนหยู่ณ ห้องทำงานของประธานเย่เทียนหยู่ เย่เทียนหยู่ไม่มีที่ไปเดิมทีถ้าไม่มีธุระอะไรเขาก็จะกลับบ้าน แต่ปัญหาคือ เขาต้องไปพบลูกค้ากับหลินหว่านหรูในภายหลัง ดังนั้นเขาจึงยังไปไม่ได้ด้วยเหตุนี้ เย่เทียนหยู่จึงได้เดินทางไปยังแผนกขาย และตรงไปที่สำน
“พี่เย่!”หลิวซือซือเรียกเขาอย่างขัดเขิน“อือ!”เธอเพิ่งบังเอิญไปเห็นร่างกายของอีกฝ่ายมา ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย แต่สมองกลับฉายภาพเมื่อครู่ออกมาอย่างไม่อาจควบคุมไม่เพียงแต่รูปร่างโค้งมน กับเรียวขาและเอวบางเท่านั้น แต่ผิวของเธอขาวมากจริง ๆ ถ้าเป็นผู้ชายธรรมดา เกรงว่าคงจะระงับจินตนาการของตัวเองไว้ไม่อยู่หลิวสุ่ยรู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยสู้ดี เขาจึงพูดว่า: “พี่เย่ ผมยังมีเรื่องให้จัดการ ขอตัวก่อนนะครับ”“อืม”เย่เทียนหยู่พยักหน้าเมื่อเห็นหลิวสุ่ยเดินจากไป เย่เทียนหยู่ก็ลังเลและพูดว่า "ซือซือ เรื่องเมื่อกี้ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่ ไม่เกี่ยวกับคุณหรอกค่ะ ล็อกประตูพังน่ะ”“ฉันนึกว่าล็อกแล้ว ไม่คิดว่าตัวล็อกจะพัง” หลิวซือซืออธิบายอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าพี่เย่จะมองออกว่าเธอเที่ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทุกที่“อ๋อ ผมก็ว่า แต่ผมผิดเอง น่าจะเคาะประตูก่อน”“ที่ไหนกัน เมื่อก่อนที่นี่เป็นห้องทำงานคุณ ก็คงจะคุ้นแบบนั้นอยู่แล้ว”หลิวซือซือรีบตอบ“ขอบคุณที่เข้าใจนะ ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกมาได้เลย ผมมุระต้องไปตามหาหลิวสุ่ยก่อน ไว้ค่อยคุยกันนะ”เย่เทียน
ปกติแล้วจะมีบอดี้การ์ดสองคนคอยช่วยเหลือ ในประเทศที่ปลอดภัยอย่างแดนมังกรไม่มีทางเกิดเรื่อง จึงขจัดข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยไปได้เลยนี่คือเหตุผลที่หลินหว่านหรูต้องการเข้ามาพูดคุยแม้จะอยู่ในโรงแรมก็ตาม“คุณหลิน เชิญเข้า ประธานหลิวกำลังรอคุณอยู่ด้านในแล้วครับ” ชายหนุ่มพูดภาษาจีนกลางได้หลินหว่านหรูพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกับเย่เทียนหยู่เมื่อเข้ามาข้างในหลินหว่านหรูก็สังเกตเห็นชายหนุ่มในวัยสามสิบนั่งอยู่ในล็อบบี้ของห้องสูทเพรสซิเดนท์ เขามีรูปร่างกำยำ ดูเหมือนจะออกกำลังกายเป็นประจำแค่สีหน้าของเขาดูน่ากลัวนิดหน่อย และดูไม่ใช่คนดีเลยแต่ทันทีที่เขาเห็นหลินหว่านหรู ดวงตาของประธานหลิวก็เป็นประกายขึ้นมา และดูเหมือนจะเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนทันทีและยื่นมือขวาออกแล้วพูดว่า “ประธานหลิน ยินดีต้อนรับ”หลินหว่านหรูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ยื่นมือขวาออกมา ถึงจะยังไงก็เป็นการหารือความร่วมมือ การจับมือกันถือเป็นเรื่องปกติแต่ในขณะนั้นเอง เย่เทียนหยู่คว้ามือขวาของหลินหว่านหรู แล้วพูดอย่างใจเย็น: “ไม่จำเป็น”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ถลึงตาใส่เย่เทีย
“หลิวเจี่ย?”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยความประหลาดใจเธอไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับหลิวเจี๋ยคนที่เคยตามจีบเธอที่นี่อีกฝ่ายเปลี่ยนไปมาก เขาผมลองมาก สภาพราวกับเนื้อหุ้มกระดูก ใบหน้ามีรอยแผลเป็นและหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างมากถ้าเธอไม่ได้ยินเสียงของหลิวเจี๋ย เธอคงไม่คิดว่าคน ๆ นี้คือหลิวเจี๋ยแน่“ใช่ ผมเอง!”“เพราะคุณ ผมถึงถูกทรมานอยู่นานหลายวันหลายคืน วันนี้ ถึงเวลาที่คุณต้องชดใช้ให้ผมแล้ว” สีหน้าของหลิวเจี๋ยโหดเหี้ยมเย็นชาทุกวันนี้ เนื่องจากเขาเป็นหนี้เงินจำนวนมาก เขาจึงถูกทำร้ายทุบตี และคอยหลบซ่อนทั้งขอทาน เก็บขยะกิน ทำงานหนักทุกรูปแบบ ถูกดูหมิ่น เหยียดหยาม ถูกทุบตี เคยผ่านมาหมดทุกอย่างสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเมื่อก่อนเพื่อหาเงิน เขาไปยังภาคเหนือของประเทศหนึ่งและถูกทรมานมาหลายเดือน พยายามหลบหนีและรอดชีวิตมาได้โดยบังเอิญเมื่อเห็นเขาเช่นนี้ หลินหว่านหรูก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเธอเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย แต่รู้สึกเหมือนว่าหลิวเจี๋ย ดูน่าสังเวชเล็กน้อยเย่เทียนหยู่ตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า: “หลิวเจี๋ย ตัวคุณเองถูกลงโทษก็อย่าเที่ยวโทษคนอื่นทุกอย่างสิ ถ้าคุณ
ตอนนี้กลับมาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าตัวเองแบบนี้งั้นเหรอ?แม้แต่แม่ตระกูลซุนเองก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ พวกเขารู้ดีว่าซุนต้าอวี่นั้นให้ความสำคัญกับหน้าตามาก ในช่วงเวลานี้เขากลับกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้และเธอเองก็ยังสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่อยู่ในใจของสามีตนอีกด้วยซุนต้าอวี่ไม่เพียงแค่คุกเข่าลงเท่านั้น แต่ภายใต้สายตาที่ดูตกตะลึงของทุกคน เขาก็พูดด้วยความโกรธไปว่า “พวกเธอสองคนมัวยืนทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบมาคุกเข่าลงอีก”“เพราะพวกเธอนั่นแหละที่มาทำตัวไม่เหมาะสมที่นี่ในวันนี้ ถึงได้เผลอไปล่วงเกินท่านราชามังกรเข้า ยังไม่รีบมารับผิดกับท่านราชามังกรอีก”ในใจเขาแอบด่าไม่หยุด เฉินอู่คนนั้นเป็นผู้มีทำนาจมากในแดนตะวันออกนี้ บุคคลสำคัญหลายคนต่างก็ต้องการเอาใจเขา เมื่อพบท่านราชามังกร ตัวเขาเองยังคุกเข่าลงเลยแล้วเหตุใดพวกเธอถึงจะไม่คุกเข่าลงล่ะ?และก็เป็นเพราะเหตุนี้เอง การที่เขาคุกเข่าลงนั้น มันก็สมควรแล้วสีหน้าของแม่ตระกูลซุนดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ถือว่าเธอได้เข้าใจถึงสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว ว่ายังไงก็ต้องขอความเมตตาจากท่านราชามังกรแต่ว่า เธอไม่อยากที่จะทำเรื่องขายหน้าแบบนี้เลย
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของคู่สามีภรรยาตระกูลสวี่แล้ว พวกซุนต้าอวี่ทั้งสามคนกลับมีความตื่นเต้นในอีกแบบหนึ่งปกติซุนซวี่ได้ยินเรื่องราวความลึกลับและความแข็งแกร่งของราชามังกรมาก็มากมาย และหวังจะได้พบมาโดยตลอด กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ตนจะกล้าหาญทำตัวอวดดีต่อหน้าคนคนนั้นได้นี่เท่าเขากำลังเต้นรำอยู่บนคมดาบไม่ใช่รึไง หากยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว เมื่อสังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา ใบหน้าก็ซีดลงทันที เขาแทบจะฉี่ราดตรงนั้นเลยด้วยซ้ำสีหน้าของคุณแม่ตระกูลซุนเองก็ดูไม่ดีเช่นกัน ไม่มีความบ้าคลั่งหรือหยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป ใบหน้าที่เหมือนแม่มดก็หายไปด้วยเช่นกัน เธอได้แต่ก้มหน้าเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรซุนต้าอวี่รู้สึกเสียใจจนแทบกระอักเลือด พอเขานึกถึงการแสดงออกของของอาจารย์จูเมื่อสักครู่นี้ เดิมทีก็รู้สึกว่ามันผิดปกติอยู่แล้ว แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยสักนิดเมื่อกี้เขาถูกความโกรธครอบงำ และความแข็งแกร่งของตระกูลซุนก็ทำให้เขาเลอะเลือน เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยไอคิวของเขาแล้ว เขาจะต้องสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้อย่างแน่นอนแต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เสียใจไปก็ไม่ได้อะไ
แม้แต่ซุนต้าอวี่เองก็ยังรู้สึกงงงวยอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลชุดนี้ดูเหมือนว่าจะใหญ่เกินไปหน่อย เขารู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้าสักเท่าไหร่ เขาไปดูถูกท่านราชามังกรตั้งแต่เมื่อไหร่กันแล้วอีกอย่าง ใครคือท่านราชามังกร ราชามังกรแห่งพรรคมังกรน่ะเหรอ นั่นเป็นถึงชายผู้แข็งแกร่งที่อยู่บนจุดสูงสุดเชียวนะ ตัวเขาจะกล้าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าท่านได้ยังไงช้าก่อน!จู่ ๆ ก็เหมือนว่าซุนต้าอวี่จะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง หรือว่า เจ้าเด็กนั่นคือราชามังกรงั้นเหรอ?เป็นไปไม่ได้!ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!ไม่ใช่แค่เขา คนอื่น ๆ เองก็หันมามองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็คาดเดาไปในทิศทางเดียวกันสวี่อี้เองก็คิดแบบนั้นด้วยเช่นกัน แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกสั่นสะท้านด้วยความไม่เชื่อ นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงความสับสนยังคงแขวนอยู่บนใบหน้าสวี่กวง หมายความว่ายังไง ขณะที่เขากำลังจะถามทันทีที่เฉินอู่ตำหนิซุนต้าอวี่เสร็จ เขาก็รีบหันไปหาเย่เทียนหยู่ ก่อนที่จะทรุดเข่าลงหนึ่งข้าง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพ และกล่าวขึ้นว่า “หนึ่งในสี่ผู้ส่งสารของพรรคมังกร ผู้ส่งสารอัสนี เฉิ
เมื่อคำพูดอันทรงพลังของเฉินอู่ดังขึ้น ทุกคนต่างก็หยุดชะงักกันไปตาม ๆ กัน ก่อนที่จะหันมองไปที่ประตูอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ทันทีที่หันไปมอง ก็เห็นเพียงชายที่ทรงพลังคนหนึ่งกำลังเดินผ่านประตูเข้ามาจากท่าทางรูปร่างของเขา รวมถึงออร่าที่ทรงพลังและน่าเกรงขามที่อยู่รอบตัว เหมือนว่าคนที่มาจะไม่ใช่คนธรรมดาซุนต้าอวี่ที่ได้ยินเสียงนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นเจ้าสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ตัวจริง ต้องเข้าใจก่อนว่า เฉินอู่คนนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเจ้าสำนักธรรมดาเท่านั้นลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงหลายคนของเขา ต่างก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่า ยังมีผู้มีอำนาจอีกมากมายแค่ไหน ที่ต้องการจะส่งลูกหลานของตัวเองให้มาคำนับเป็นศิษย์ของเขายกตัวอย่าง เช่นสวี่กวง เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ที่เก่งกว่าแล้ว เขายังมีข้อบกพร่องอยู่มากแต่ถึงอย่างนั้น เฉินอู่คนนี้วางท่าหยิ่งยโสเกินไปรึเปล่า แค่เพราะสถานะที่เหนือกว่าของเขา ตระกูลซุนก็จะต้องกลัวเขาด้วยรึไงก่อนหน้ายังมีความเกรงใจอยู่ แต่ก็เป็นเพียงความเคารพเลื่อมใสก็เท่านั้นหากเรื่องนี้เกี่
“อย่าลืมสิ คุณเป็นคนพูดเองนะ ว่าตระกูลซุนสามารถทำลายตระกูลสวี่ของพวกเราได้ในพริบตา หากตระกูลที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังจัดการไม่ได้ แล้วพวกเราจะจัดการได้ยังไง”“คุณ!”แม่ตระกูลซุนโกรธมาก แต่โชคดีที่ในขณะนั้น ในที่สุดอาจารย์จูก็หยุดมือแล้ว แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะไม่ได้สั่งให้หยุด แต่เขาก็ไม่กล้าทำต่อไปอีกอยู่ดีขืนยังทุบตีต่อ เขาได้ตายจริง ๆ แน่ หากเขาตาย ตนก็คงจบเห่ไปด้วยแต่ในตอนนี้ ใบหน้าของผู้นำตระกูลซุนก็ได้บวมจนเหมือนหัวหมูไปแล้ว แทบมองไม่เห็นโครงเดิมเลยด้วยซ้ำแต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่เขายังสามารถลุกขึ้นยืนได้ปกติดูเหมือนว่าอาจารย์จูจะไม่ได้ตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เขายังพอมีขอบเขตอยู่บ้าง เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แค่สองสามทีก็สามารถทำให้ซุนต้าอวี่ตายได้ในทันทีแต่ซุนต้าอวี่เองก็รู้สึกถึงความอับอายอย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธปนเศร้า ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ทำไมเขาถึงพาคนมาเพียงเท่านี้กันหากเขาเรียกตำรวจหรือคนอื่น ๆ มาที่นี่เดี๋ยวนี้ ยังจะกลัวว่าจะจัดการกับเด็กหนุ่มพวกนี้ไม่ได้อีกงั้นเหรออาจารย์จูไม่สนใจเขา และหันไปหาเย่เทียนหยู่แทน พร้อมกับพูดอย่
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทุกคนตกตะลึกขึ้นอีกครั้งทั้งสวี่กวงและสวี่อี้ต่างก็ตาโตปากค้างเป็นรูปตัวโอ พวกเขาคาดหวังให้เย่เทียนหยู่โชคร้ายอยู่ตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กล่าวขอโทษได้ล่ะพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ยังคงยืนอึ้งกันอยู่ ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อพ่อตระกูลสวี่ลองนึกย้อนดู หรือว่าอาจารย์จูสัมผัสถึงความเก่งกาจของเย่เทียนหยู่ได้กันนะซุนซวี่และแม่ตระกูลซุนต่างก็มีสีหน้าที่ดูบิดเบี้ยวและน่าเกลียดอย่างมากผู้นำตระกูลซุนหน้าตาเคร่งเครียด และพูดด้วยความโกรธว่า “อาจารย์จู คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”อาจารย์จูไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง ได้แต่ก้มหัวและโน้มตัวลง รอให้เย่เทียนหยู่พูดออกมาเย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ก่อนที่จะชี้ไปทางผู้นำตระกูลซุน แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เลว ดีที่คุณยังรู้ตัวได้ทันเวลา เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณก็จัดการกับตาแก่นี่ให้กลายเป็นหัวหมูซะ เรื่องวันนี้ผมก็จะไม่เอาความคุณอีก”ทุกคนต่างตกใจไปชั่วขณะ ทำร้ายแม่ตระกูลซุนกับซุนซวี่ไม่พอ นี่ถึงขั้นจะทำร้ายผู้นำตระกูลซุนอีกนี่มันแทบจะพลิกโลกแล้ว!ในตอนนี้เอง ทุกคนจ้องมองไปทาง
เมื่อเห็นท่าทีของน้องชายที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง หลินหว่านหรูก็หันไปมองเย่เทียนหยู่ และกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”หากไม่มีการสั่งสอนและการชี้แนะจากเย่เทียนหยู่ น้องชายของเธอก็คงไม่มีความสามารถ ไม่มีความรับผิดชอบ และความกล้าที่ทำอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่นอนเห็นได้ชัดว่า ที่น้องชายของเธอได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง ส่วนหนึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากเทียนหยู่แม้จะมีการบาดเจ็บระหว่างทางอยู่หลายครั้ง แต่หลินจื่อตงก็ไม่เคยยอมถอยเลยสักครั้ง แววตาแห่งความมุ่งมั่น เขาต่อสู้กับอีกฝ่ายคนแล้วคนเล่าอย่างไม่ย่อท้อหลังจากการต่อสู้ที่หนักหน่วง ในที่สุดคนเหล่านี้ก็ถูกโจมตีจนต้องถอยร่นกลับไปถึงแม้ว่า ด้วยพลังของเย่เทียนหยู่ อย่าว่าแต่เอาชนะพวกมือสังหารเล็ก ๆ เหล่านี้เลย เขาสามารถทำให้ร่างกายของบอดี้การ์ดเหล่านี้หายไปในพริบตาได้เลยด้วยซ้ำในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่พวกหลินหว่านหรูเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่ตระกูลสวี่เองก็แอบพยักหน้าเงียบ ๆ แม้ว่าหลินจื่อตงจะไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อยการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ไม่กลัวความเจ็บปวด การแส
ผู้คนรอบข้างต่างก็พากันตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนในระหว่างที่กำลังต่อสู้ ตระกูลซุนก็กลับทะเลาะกันเองขึ้นมาเสียอย่างนั้นพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกงงงวย เขาเริ่มไม่แน่ใจในสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว แต่ผู้ชมที่อยู่ข้าง ๆ กลับเห็นได้อย่างชัดเจน เขามักจะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่นั้นไม่ธรรมดา และการที่อาจารย์จูล้มลงก็อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของสวี่กวงก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ของเขาที่โทรมา เขาก็ละความสนใจจากละครฉากใหญ่ระหว่างอาจารย์จูและแม่ตระกูลซุนที่อยู่ตรงหน้าทันที ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านข้างเพื่อรีบรับสายโทรศัพท์“อาจารย์ครับ!”“อืม พ่อของเธออยู่ที่บ้านไหม?” อาจารย์เฉินแห่งสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ เพิ่งจะผ่านทางมาที่บ้านตระกูลสวี่พอดี เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับพ่อตระกูลสวี่ เขาจึงกะว่าแวะมาช่วยจัดการให้สักหน่อย“อยู่ครับ อยู่!”สวี่กวงพยักหน้ารัว ๆ พร้อมกับถามออกไปอย่างรีบเร่งว่า “อาจารย์มีธุระอะไรรึเปล่าครับ หากต้องการให้ผมช่วยอะไร ก็บอกมาได้เลยนะครับ”สถานะอาจารย์ถือว่าไม่ธรรมดา การได้คำนับ
พ่อตระกูลสวี่ที่เห็นฉากนี้ ก็แอบส่ายหัวเงียบ ๆเด็กคนนี้จบเห่แล้วเขาต้องตายแน่นอน!แทบทุกคนต่างก็เชื่อแบบนั้น รวมถึงสวี่เจียเจียเองก็ด้วยมีเพียงหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูสองคนเท่านั้น โดยเฉพาะหลินหว่านหรู เธอเคยเห็นการโจมตีที่แข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่มาแล้วหลายครั้ง ความเร็วแค่นี้ถือว่ากระจอกมากสำหรับเขาที่สำคัญก็คือ เย่เทียนหยู่นิ่งเฉยได้ขนาดนี้ จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอนเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่มือขวาของเขาจะดีดถั่วเมล็ดหนึ่งเบา ๆ ให้ลอยออกไป ตาเนื้อของคนทั่วไปแทบจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำแต่ท่านอาจารย์จูกลับถูกโจมตีเข้าที่ขาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นในทันทีเดิมทีเขายังพอจะสามารถใช้มือพยุงตัวได้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือของเขากลับถูกอะไรบางอย่างโจมตีจนหมดแรงไปซะดื้อ ๆจนล้มลงไปกองเหมือนหมาทันใดนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งกันหมดพวกเขาเพียงแค่เห็นว่าอาจารย์จูพุ่งเข้าไปด้วยแรงที่ทรงพลัง มือขวาของเขาราวกับกรงเล็บ พุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความน่าสะพรึงกลัว แต่ใครจะคิดล่ะว่า วินาทีต่อมาเขาจะเป็นแบบนี้เย่เทียนหยู่หัวเราะ ฮึ ๆ