“มันไม่สำคัญหรอกค่ะ ตราบใดที่หนูได้ติดตามเขา จะสถานะอะไรก็ไม่สำคัญ”ลูกสาวพูดถึงขนาดนี้แล้ว ทั้งคู่ก็คงต้องตามใจเธอ แต่ว่าการดูดซึมพลังเธอจะไม่อันตรายจริง ๆ หรือทันใดนั้น หยางต้าฝูก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ตามที่ราชามังกรคนเก่าพูดไว้ ว่าเขาได้เข้าสู่พรรคมังกรก็เพราะลูกสาวของเขา อีกทั้งยังได้รับการสั่งสอนอบรบวิชายุทธ์หรือว่าราชามังกรคนเก่ารักษาลูกสาวของเขาตอนนั้น ก็เพียงเพื่อให้ลูกศิษย์ของเขาได้รับลมปราณซวนหมิงของลูกสาวเขาตอนนี้ใช่แล้วละ!ต้องเป็นแบบนั้นแน่หลังจากคิดทุกอย่างได้ เขาก็เรียบเรียงเรื่องราวจนทุกอย่างชัดจนถ้าเป็นแบบนั้น ก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับตระกูลหยาง ลูกสาวของเขาก็ชอบราชามังกรมากขนาดนี้ เพียงแค่คำถามเดียว นี่มันไม่อันตรายจริง ๆ หรือช่างเถอะ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรมก็แล้วกันหลังผ่านเหตุการณ์นี้ไป หยางต้าฝูได้ตัดสินใจที่จะไม่กำหนดว่าลูกสาวของเขาเหมาะจะคบหากับใคร ตราบใดที่ลูกสาวของเขามีความสุขสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้คือการคอยปกป้องเธอเย่เทียนหยู่ขับรถของเขาไปที่บริษัท และเนื่องจากเป็นการซื้อเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ เขาจึงสวมเสื้อผ้าที่มี
“ดูคุณพูดสิ คุณจะเป็นใครได้ละครับ ก็ต้องเป็นเด็กน้อยที่น่ารักที่สุดของผมอยู่แล้ว” เย่เทียนหยู่ทำสีหน้าหลงรัก“ไปไกล ๆ เลย น่ารังเกียจชะมัด”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่บ่นเขาอย่างหงุดหงิด แต่หัวใจของเธอกลับรู้สึกหวานราวกับน้ำผึ้งอาบ และใบหน้าของเธอก็แสดงรอยยิ้มมีความสุขอย่างไม่อาจควบคุมแต่เมื่อคิดถึงเรื่องทีเกิดก่อนหน้า เธอก็รีบเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “เหอะ อย่าคิดว่าฉันจะลืมเรื่องที่เราพูดค้างไว้ก่อนหน้านี้นะ”“ครับ ถามมาได้เลย ผมสัญญาว่าจะบอกคุณทุกอย่าง”“ฉันขอถามนายว่าคนขับผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” หลินหวานหรูถามเมื่อได้ยินคำถามนี้ เย่เทียนหยู่เดาว่าเธออาจรู้อยู่แล้วว่าเป็นหยางเฉียนเฉียนและตอบกลับทันที: “เธอเหรรออครับ ที่จริงคุณก็รู้จักนะ เธอคือหยางเฉียนเฉียนลูกสาวตระกูลหยาง”“เป็นเธอจริงๆ!”แม้ว่าฉันจะรู้สึกไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่ได้โกหกและเล่าทุกอย่างตามจริง เธอก็รู้สึกดีขึ้นมากและตอบกลับทันที: “ทำไมนายถึงอยู่กับเธอ”“เรื่องมันยาวน่ะครับ แต่ไม่ต้องกังวล เธอกับผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจริงๆ” เย่เทียนหยู่ไม่รู้จะพูดอะไรถ้าเขาเล่าเรื่องทุกอย่างเกี่ยวก
ทันทีที่สิ้นคำพูด ในที่สุดหลินหว่านหรูก็เข้าใจสักทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ที่จริงเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เธอถึงได้เรียกเย่เทียนหยู่ไปกับเธอด้วยไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งประธานหรือหุ้นของหงหม่ากรุ๊ป เทียนหยู่ก็ยังครองหุ้นส่วนมาก ในสถานการณ์ปกติ เขาควรได้รับการติดต่อแต่ทำไมคนคนนั้นถึงมาหาเธอละ หรือเพราะมุ่งเป้าหาเธออยู่แล้วเหรอไม่ใช่แค่การนัดตอนกลางคืนเท่านั้น แต่ยังเป็นที่โรงแรมด้วย“มีอะไรผิดปกติเหรอ” เย่เทียนหยู่มองเธออย่างสงสัย“อาจจะมีปัญหาจริงๆ” หลินหว่านหรูแสดงความคิดของเธอทันที“ในเมื่อมีปัญหาก็ปฏิเสธไปเถอะ เรารีบกลับไปทานอาหารที่บ้านแล้วก็ทำเรื่องสำคัญยามดึกของเรากันดีกว่า” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“นิสัย นายนี่คิดแต่กับเรื่องแบบนั้นจริงๆ เลย”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ: “ถ้าอีกฝ่ายคิดจะโจมตีฉัน ต่อให้หนีได้รอบนี้ ก็ต้องมีแผนการอื่นที่จะจัดการกับฉัน”“คุณหมายถึง?” เย่เทียนหยู่ถาม“เราไปดูกันดีกว่า แต่นายเก่งกังฟูมาก มีนายอยู่กับฉัน พวกเขาทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เราจะได้ไปดูด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นใครและอยากทำอะไรกันแน่”“ไม่อย่างนั้น มันก็เป็นปัญหาที่ต้องระวังไปตลอด”หลินห
หลินหว่านหรูสูญเสียสติของตัวเองไปแล้ว เธอทำได้เพียงส่งเสียงหายใจหนักหน่วงเย่เทียนหยู่รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นมาก คราวนี้ เขาได้ครอบครองนางฟ้าในใจของเขาอย่างสมบูรณ์สักที อีกทั้งยังเป็นในสถานที่ที่พิเศษเช่นนี้แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูสำนักงานดังขึ้นเสียงเคาะประตูไม่ได้ดังมาก แต่มันปลุกสติของหลินหว่านหรูที่กำลังลุ่มหลงให้กลับมาตอบสนองและตื่นจากความสับสนในทันทีนี่เธอกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ในห้องทำงานแบบนี้น่าขายหน้าเสียจริงเธอผลักเย่เทียนหยู่ออกไปอย่างรวดเร็วเย่เทียนหยู่ดูหมดหนทาง เขาเกือบจะถอดกางเกงอยู่แล้ว ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วยนะ เขารู้สึกหดหู่ใจจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดสามลิตรหลินหว่านหรูมองไปที่ร่างกายอันยุ่งเหยิงของตัวเอง และรีบจัดการเล็กน้อย หัวใจที่กำลังวิตกกังวลของเธอแทบจะกระโดดออกจากอก“ไม่ต้องกังวลครับ ผมล็อกประตูแล้ว” เย่เทียนหยู่เตือนเธอเสียงเบาหลินหว่านหรูถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินแบบนั้น จากนั้นก็กลอกตาไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความโกรธนี่เขาวางแผนจะทำตัวหยุมหยามกับเธอในออฟฟิศมาแต่แรกแล้วเหรอโชคยังดี ไม่อย่างนั้นหลินหว่านหรูคงจะรู้สึกละอายใจมากถ้ามี
แต่เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่เข้ามาและล็อกประตู เห็นได้ชัดว่าเขาไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะทำเรื่องแบบนั้นแต่ถึงอย่างนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอไม่ได้ตำหนิเขา นอกจากความเขินอายแล้ว เธอยังแอบคาดหวังอย่างไม่อาจอธิบาย คาดหวังเรื่องที่เกิดในค่ำคืนนี้เหลือเวลาอีกเล็กน้อย หลินหว่านหรูรีบหยิบกระจกออกมาและเห็นความยุ่งเหยิงบนร่างกายของตัวเองทันที ถึงกับมีบางจุดที่มีรอยเธอแอบด่าเขาในใจอีกเล็กน้อยพร้อมกับจัดการตัวเองหลังจากนั้นไม่นาน หลิวเหวินก็มาตามนัดและเธอก็เห็นร่องรอยที่หลงเหลือด้วย แต่เธอก็ไม่ได้คิดผิด ได้แต่คิดกับตัวเองว่าประธานหลินช่างเข้าใจเล่นปกติแล้ว เธอเป็นประธานสาวผู้เย็นชาและคอยกีดกันคนแปลกหน้า ทว่าคิดไม่ถึงว่าเธอกับสามีจะรักใครลุ่มหลงกันมากแม้แต่ในออฟฟิศด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเย่เทียนหยู่ณ ห้องทำงานของประธานเย่เทียนหยู่ เย่เทียนหยู่ไม่มีที่ไปเดิมทีถ้าไม่มีธุระอะไรเขาก็จะกลับบ้าน แต่ปัญหาคือ เขาต้องไปพบลูกค้ากับหลินหว่านหรูในภายหลัง ดังนั้นเขาจึงยังไปไม่ได้ด้วยเหตุนี้ เย่เทียนหยู่จึงได้เดินทางไปยังแผนกขาย และตรงไปที่สำน
“พี่เย่!”หลิวซือซือเรียกเขาอย่างขัดเขิน“อือ!”เธอเพิ่งบังเอิญไปเห็นร่างกายของอีกฝ่ายมา ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย แต่สมองกลับฉายภาพเมื่อครู่ออกมาอย่างไม่อาจควบคุมไม่เพียงแต่รูปร่างโค้งมน กับเรียวขาและเอวบางเท่านั้น แต่ผิวของเธอขาวมากจริง ๆ ถ้าเป็นผู้ชายธรรมดา เกรงว่าคงจะระงับจินตนาการของตัวเองไว้ไม่อยู่หลิวสุ่ยรู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยสู้ดี เขาจึงพูดว่า: “พี่เย่ ผมยังมีเรื่องให้จัดการ ขอตัวก่อนนะครับ”“อืม”เย่เทียนหยู่พยักหน้าเมื่อเห็นหลิวสุ่ยเดินจากไป เย่เทียนหยู่ก็ลังเลและพูดว่า "ซือซือ เรื่องเมื่อกี้ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่ ไม่เกี่ยวกับคุณหรอกค่ะ ล็อกประตูพังน่ะ”“ฉันนึกว่าล็อกแล้ว ไม่คิดว่าตัวล็อกจะพัง” หลิวซือซืออธิบายอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าพี่เย่จะมองออกว่าเธอเที่ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทุกที่“อ๋อ ผมก็ว่า แต่ผมผิดเอง น่าจะเคาะประตูก่อน”“ที่ไหนกัน เมื่อก่อนที่นี่เป็นห้องทำงานคุณ ก็คงจะคุ้นแบบนั้นอยู่แล้ว”หลิวซือซือรีบตอบ“ขอบคุณที่เข้าใจนะ ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกมาได้เลย ผมมุระต้องไปตามหาหลิวสุ่ยก่อน ไว้ค่อยคุยกันนะ”เย่เทียน
ปกติแล้วจะมีบอดี้การ์ดสองคนคอยช่วยเหลือ ในประเทศที่ปลอดภัยอย่างแดนมังกรไม่มีทางเกิดเรื่อง จึงขจัดข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยไปได้เลยนี่คือเหตุผลที่หลินหว่านหรูต้องการเข้ามาพูดคุยแม้จะอยู่ในโรงแรมก็ตาม“คุณหลิน เชิญเข้า ประธานหลิวกำลังรอคุณอยู่ด้านในแล้วครับ” ชายหนุ่มพูดภาษาจีนกลางได้หลินหว่านหรูพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกับเย่เทียนหยู่เมื่อเข้ามาข้างในหลินหว่านหรูก็สังเกตเห็นชายหนุ่มในวัยสามสิบนั่งอยู่ในล็อบบี้ของห้องสูทเพรสซิเดนท์ เขามีรูปร่างกำยำ ดูเหมือนจะออกกำลังกายเป็นประจำแค่สีหน้าของเขาดูน่ากลัวนิดหน่อย และดูไม่ใช่คนดีเลยแต่ทันทีที่เขาเห็นหลินหว่านหรู ดวงตาของประธานหลิวก็เป็นประกายขึ้นมา และดูเหมือนจะเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนทันทีและยื่นมือขวาออกแล้วพูดว่า “ประธานหลิน ยินดีต้อนรับ”หลินหว่านหรูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ยื่นมือขวาออกมา ถึงจะยังไงก็เป็นการหารือความร่วมมือ การจับมือกันถือเป็นเรื่องปกติแต่ในขณะนั้นเอง เย่เทียนหยู่คว้ามือขวาของหลินหว่านหรู แล้วพูดอย่างใจเย็น: “ไม่จำเป็น”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ถลึงตาใส่เย่เทีย
“หลิวเจี่ย?”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยความประหลาดใจเธอไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับหลิวเจี๋ยคนที่เคยตามจีบเธอที่นี่อีกฝ่ายเปลี่ยนไปมาก เขาผมลองมาก สภาพราวกับเนื้อหุ้มกระดูก ใบหน้ามีรอยแผลเป็นและหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างมากถ้าเธอไม่ได้ยินเสียงของหลิวเจี๋ย เธอคงไม่คิดว่าคน ๆ นี้คือหลิวเจี๋ยแน่“ใช่ ผมเอง!”“เพราะคุณ ผมถึงถูกทรมานอยู่นานหลายวันหลายคืน วันนี้ ถึงเวลาที่คุณต้องชดใช้ให้ผมแล้ว” สีหน้าของหลิวเจี๋ยโหดเหี้ยมเย็นชาทุกวันนี้ เนื่องจากเขาเป็นหนี้เงินจำนวนมาก เขาจึงถูกทำร้ายทุบตี และคอยหลบซ่อนทั้งขอทาน เก็บขยะกิน ทำงานหนักทุกรูปแบบ ถูกดูหมิ่น เหยียดหยาม ถูกทุบตี เคยผ่านมาหมดทุกอย่างสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเมื่อก่อนเพื่อหาเงิน เขาไปยังภาคเหนือของประเทศหนึ่งและถูกทรมานมาหลายเดือน พยายามหลบหนีและรอดชีวิตมาได้โดยบังเอิญเมื่อเห็นเขาเช่นนี้ หลินหว่านหรูก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเธอเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย แต่รู้สึกเหมือนว่าหลิวเจี๋ย ดูน่าสังเวชเล็กน้อยเย่เทียนหยู่ตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า: “หลิวเจี๋ย ตัวคุณเองถูกลงโทษก็อย่าเที่ยวโทษคนอื่นทุกอย่างสิ ถ้าคุณ
สีหน้าของหนานกงเล่อเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที พร้อมกับถามออกไปอย่างเย็นชาว่า “ประธานเหอ นี่คุณหมายความว่ายังไง คุณเห็นผมเป็นสัตว์ร้ายงั้นเหรอ?”เหอฉุนเปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “จะเป็นแบบไปได้ยังไงกันคะ คุณชายหนานกงล้อกันเล่นแล้วล่ะค่ะ ก็แค่พวกเฟยเฟยกำลังแต่งตัวกันอยู่ ไม่ค่อยสุภาพสักเท่าไหร่ เลยจะดูไม่เหมาะสม หากจะมีผู้ชายอยู่ในห้องน่ะค่ะ”“งั้นเหรอ เช่นนั้นก็ให้ผมดูหน่อยสิ ว่ามันจะไม่สุภาพสักแค่ไหนกันเชียว” หนานกงเล่อไม่สนใจคำพูดของเหอฉุนเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะยืนรอที่ประตู เขาเดินตรงเข้าไปทันทีประธานหวังที่เห็นแบบนั้น ก็รีบพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นคุณชายหนานกง ผมยังมีธุระที่ต้องไปจัดการ คงไม่อยู่รบกวนแล้วนะครับ”“ไปเถอะ!”หนานกงเล่อไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ เดินมุ่งตรงเข้าไปข้างในท่าเดียวสีหน้าของเหอฉุนดูไม่ค่อยดีนัก จึงรีบเดินตามไปในทันทีบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังเป็นคนปิดประตู ทั้งยังล็อกกลอนจากด้านในอีกต่างหาก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากประตู สีหน้าของเฉินเฟยเฟยและจางผิงก็เปลี่ยนไปทันที เพราะพวกเธอรู้แล้วว่า หนานกงเล่อมาแล้วจริง ๆ ทำไมถึ
“เอ่อคือ มีสิ!” ไป๋หยางพูดอย่างระมัดระวัง “คุณชายหนานกงพยายามตามจีบเฉินเฟยเฟยอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธตลอด มันเลยทำให้เขาโกรธมาก ตอนนี้เขาอาจจะกำลังไปที่โรงแรมที่เธอพักอยู่”“แกว่าไงนะ!”สีหน้าของเย่เทียนหยู่มืดมนลงทันทีไป๋หยางตกใจมาก และกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะลงมือกับเขาอีก จึงรีบพูดออกไปว่า “ฉัน ฉันจะบอกทุกอย่าง แต่แกห้ามลงมือกับฉันนะ แล้วก็ ทุกสิ่งที่ฉันพูดคือเรื่องจริง ตำแหน่งของโรงแรมก็เป็นฉันที่บอกเขา”“ตอนนี้คุณชายหนานกงก็น่าจะไปถึงโรงแรมแล้ว”ไป๋หยางตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดแค่ว่าต้องล่อให้เย่เทียนหยู่ไปหาหนานกงเล่อให้เร็วที่สุด แต่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาพูดจะทำให้เย่เทียนหยู่โกรธมากแค่ไหนสีหน้าของเย่เทียนหยู่เย็นชาลงทันที แล้วรีบถามออกไปว่า “โรงแรมไหน ห้องอะไร?”ทันทีที่ไป๋หยางได้ยิน เขาก็รีบบอกทันทีโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับบริเวณที่เขาอยู่พอดี ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก“ทางที่ดีแกก็ภาวนาให้เฉินเฟยเฟยยังคงปลอดภัยอยู่เถอะ เพราะไม่อย่างนั้น แกได้ตายอย่างน่าสังเวชแน่นอน”หลังจากที่เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาจบ ก็ใช้เท้าเตะไปที่ตัวไป๋หยางอย่างแรง เห็นได้ชัดว่าจาก
“แก แกคิดจะทำอะไร?” ไป๋หยางตกใจจนหน้าซีด เขาทั้งกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน“ทำอะไรล่ะ เมื่อกี้ก็บอกแกไปแล้วนี่ แกต้องการชีวิตฉันเลยนะ ฉันแค่ต้องการขาสองข้างของแกก็เท่านั้น ไม่เกินไปหรอกมั้ง?” เย่เทียนหยู่พูดอด้วยน้ำเสียงที่ดูเฉยเมย“ไม่ ไม่ได้นะ!”ไป๋หยางรู้สึกร้อนรน จึงรีบพูดขึ้นว่า “เอางี้นะ ขอแค่แกปล่อยฉันไป เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วฉันก็จะไม่ถือโทษโกรธเคืองอีก”“กลับกัน หากแกลงมือกับฉัน ตระกูลไป๋จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่ ด้วยความสามารถของตระกูลไปแล้ว ต่อให้แกจะเก่งแค่ไหน แกก็คงจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี”“นี่แกยังกล้ามาข่มขู่ฉันอยู่อีกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่ ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการขอร้อง ขอความเมตตา” เมื่อเห็นท่าทางของเย่เทียนหยู่ ไป๋หยางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ เขาจึงไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไปไม่ว่ายังไงก็ต้องหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ก่อน รอให้ผ่านวันนี้ไปได้ ตนก็มีอีกเป็นหมื่นวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายตายอย่างน่าสังเวชมากที่สุด“ท่าทีของแกตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่น่าเสียดา
ตอนนี้ถึงทีของเย่เทียนหยู่แสดงสีหน้าดูถูกออกมาแล้ว เขาส่ายหัวพลางพูดขึ้นว่า “ขยะพวกนี้มาจากไหนกัน กล้าดียังไงมาอวดดีต่อหน้าฉัน เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่กันแล้วรึไง!”คำพูดนี้ทำให้คนเหล่านั้นโกรธอย่าเห็นได้ชัด แต่ก็กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาเวลาแบบนี้ ใครมันจะกล้าเสนอหน้าออกไปกัน นั่นไม่เท่ากับเป็นการหาเหาใส่หัวหรอกเหรอ?แต่สุดท้ายแล้ว มันก็จะมีคนที่โง่มาก ๆ ชอบทำตัวเสร่อ ไป๋หยางที่โดนชนจนได้รับบาดเจ็บก็พยายามตะเกียกตะกายออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธออกมาว่า “ไอ้หนู แกอย่าได้เหลิงนักนะ!”“แกรู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน?”“ก็คุณชายไป๋ไง เมื่อกี้แกก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่แยแสไป๋หยางหมดคำจะพูด ก่อนจะโต้กลับด้วยความโกรธ “งั้นแกรู้ไหม ว่าเป็นคุณชายไป๋คนไหน รู้ไหมว่าคุณชายไป๋ที่ว่าหมายถึงอะไร มันหมายความว่าฉันคือคุณชายจากตระกูลไป๋ยังไงล่ะ” “......”เย่เทียนหยู่ไม่มีอะไรจะพูด นี่หัวมันโดนชนจนพังไปแล้วเหรอไป๋หยางรู้สึกว่าตนเองอาจจะอธิบายได้ไม่ชัดเจนมากพอ ก่อนจะรีบพูดเสริมอีกว่า “ที่ฉันจะสื่อก็คือ ตระกูลไป๋นั้นไม่ธรรมดา เป็นถึงหนึ่
ผั๊วะ ผั๊วะ......หลังจากที่คนเหล่านั้นเดินล้อมเข้ามาด้วยความดุดัน เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นในทันทีเมื่อมองอย่างละเอียด ก็พบว่าทั้งหมดคือกลุ่มคนที่พุ่งเข้าไปเพื่อหวังจะล้อมโจมตีเย่เทียนหยู่ พวกเขากลับต้องนอนกองบนพื้นเรียงตัว ได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองเอาไว้ และร้องด้วยความเจ็บปวดที่แท้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เย่เทียนหยู่ที่ในมือกำลังถือไม้เอาไว้อยู่นั้น เขาเหวี่ยงมันใส่พวกเขาได้อย่างแม่นยำ จนทำให้พวกเขาล้มลงกันหมด พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยที่ดังขึ้นเป็นระนาวบางคนโดนตีจนขาทั้งสองข้างหัก แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคดีหน่อย ที่โดนตีขาหักแค่ข้างเดียวในตอนนี้เอง เหล่าลูกน้องต่างก็มองไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย แทบจะเข้าประชิดตัวเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำแววตาของไป๋หยางเองก็แสดงความประหลาดใจออกมา แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความโหดเหี้ยมเสียมากกว่า เขาจึงพูดพลางหัวเราะขึ้นว่า “ไอ้หนู คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเก่งกังฟูขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวอวดดีแบบนี้!”“ฉันเนี่ยนะ ที
เดี๋ยวนะ หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องของเทียนเฟิงกรุ๊ปงั้นเหรอ?“ยังจะมัวคิดอยู่อีก!”ไป๋หยางทำหน้านิ่งเฉย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อฉันเองก็พูดออกไปมากขนาดนี้แล้ว งั้นฉันก็จะช่วยให้แกได้รู้แจ้งขึ้นอีกหน่อยก็แล้วกัน ลองคิดดูสิ ว่าแกเผลอทำอะไรลงไปบ้าง!”“เฉินเฟยเฟยงั้นเหรอ?”จู่ ๆ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง อาจเป็นเรื่องผู้หญิงก็ได้“โอ้ ถือว่าแกยังพอมีสมองอยู่บ้างนิดหน่อย แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว คุณชายหนานกงพูดเอาไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องจัดการแกให้ได้ แกไม่เหลือเวลาให้ต้องเสียใจแล้วล่ะ”ไป๋หยางพูดคำสุดท้ายอย่างเย็นชา “ลงมือ!”“ช้าก่อน!”เย่เทียนหยู่บอกให้อีกฝ่ายหยุดอีกครั้ง ในเมื่ออีกฝ่ายบอกข้อมูลกับเขามากมายขนาดนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะให้โอกาสอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เขาค่อย ๆ เอ่ยปากขึ้นว่า “นี่พวกแกคิดจะจัดการกับฉันเพื่อตระกูลหนานกงจริง ๆ น่ะเหรอ?”“ไร้สาระ ไม่งั้นแกคิดว่าพวกฉันมาทำอะไรที่นี่กันวะ?!”“ฉันคิดว่า ทางที่ดีแกเปลี่ยนใจจะดีกว่านะ เพราะไม่อย่างนั้น ฉันกลัวว่าผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะทำให้พวกแกรับไม่ไหว!” เย่เทียนหยู่ยังคงมีความเมตตาอยู่มาก“ตลกสิ
ทันทีที่เดินไปถึงข้างรถ เย่เทียนหยู่ก็สังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านใน การแต่งตัวค่อนข้างประหลาด เสื้อเชิ้ตเปิดออกเล็กน้อย ท่าทางก็ดูหยิ่งยโสไม่เกรงกลัวใคร“ไอ้หนู แกรู้ไหมว่าแกทำผิดพลาดอะไรไป?”ชายหนุ่มที่ว่าคือไป๋หยาง เขามองไปยังเย่เทียนหยู่ และเล่นกับไม้เบสบอลในมือด้วยท่าทางที่ดูชั่วร้าย พร้อมกับถามคำถามออกมา“ไม่รู้”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว เขาไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นั่นแหละ แล้วก็ไม่ได้มีใครบอกเขาด้วย“แกไม่รู้งั้นเหรอ?”“ไอ้หนู แกทำอะไรลงไปบ้าง แกจะบอกว่าไม่รู้เลยงั้นเหรอ?” ชายคนที่เพิ่งพาตัวเย่เทียนหยู่มากล่าวด้วยความโกรธเคือง หากไม่ใช่เพราะยังไม่ได้รับคำสั่งจากคุณชายไป๋ เขาคงจะลงมือไปนานแล้วเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “มีอะไรก็เชิญพูดมาตรง ๆ เถอะ ฉันไม่ได้มีเวลามามัวไร้สาระกับพวกแกมากขนาดนั้น!”“โอ้ ไอ้เด็กนี่ยังทำตัวหยิ่งอีกด้วย”ชายหนุ่มโกรธจัด ขณะที่เขาเตรียมจะลงมือแต่คุณชายไป๋ก็ได้โบกมือไปมา และพูดเยาะเย้ยขึ้นว่า “ดูสีหน้าท่าทางของไอ้เด็กนี่สิ เกรงว่ามันคงจะไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองทำอะไรลงไป หรือเผลอไปล่วงเกินใครเขาเข้า”“ก็คงใช่ ถ
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ปิงเยว่ก็รีบพูดขึ้นทันที “คุณเองก็ไม่เลว คุณสามารถยับยั้งเขตแดนแรงกดดันของฉันได้ในทันที ไม่ทราบว่าพอจะบอกได้ไหม ว่าความแข็งแกร่งของคุณอยู่ในระดับไหน?”ตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยเหรอ แน่นอนว่าเย่เทียนหยู่จะไม่บอกเธอ เขายิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปว่า “ก็แค่เทคนิคเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร”ปิงเยว่ที่ได้ยินเช่นนนั้น เธอก็รู้แล้วว่าตนนั้นเดาไม่ผิด ว่ามันเป็นแค่เทคนิคอะไรบางอย่างจริง ๆ ขณะที่เธอกำลังจะพูดในตอนนั้นเอง ก็มีรถสีดำคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ หน้าต่างรถถูกลดระดับลง เห็นได้ชัดว่ามารับพวกปิงเยว่ทั้งสองคนเธอไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนที่จะรีบขึ้นรถไปพร้อมกับเสี่ยวลู่ขณะที่มองดูทั้งสองคนเดินจากไป สีหน้าของเย่เทียนหยู่ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวขึ้นว่า “หลิวหลี ผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา ส่งคนไปตรวจสอบพวกเขาหน่อย ดูว่าพวกเธอกำลังทำอะไรกันแน่”“อืม!”“ฉันส่งคนไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ” จูเก่อหลิวหลียกโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอยังได้ทำการแอบถ่ายรูปของทั้งสองคนเอาไว้อีกด้วยเย่เทียนหยู่ไม่สามารถหุบยิ้มได้ “คุณนี่ฉ
“จริงสิ สืบเรื่องผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ เขาด้วย ถ้าพวกเธอเป็นคนของเขาจริง ๆ ก็จับพวกเธอมาด้วย” ดวงตาของหนานกงเล่อเต็มไปด้วยความชั่วร้ายแม้จะได้เห็นพวกเธอผ่านแค่ในจอเท่านั้น แต่ก็สามารถเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของหญิงสาวทั้งสองได้ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับเทพธิดาในใจของเขาอย่างเฟยเฟยด้วยเช่นกัน แน่นอน ว่าในใจของเขา ไม่ว่ายังไงเทพธิดาเฟยเฟยก็สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเขา“ได้ครับ!”ไป๋หยางพยักหน้า แต่ในใจลึก ๆ ของเขากลับแอบหดหู่ เขารู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เดิมทีเขาตั้งใจจะเก็บเอาไว้เอง แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายหนานกงจะโลภมากขนาดนี้ ถึงกับจะฮุบเอาไว้หมดคนเดียวไม่คิดจะเหลือไว้ให้เขาเลยสักคำแต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นคุณชายแห่งตระกูลหนานกง เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งเฉินเฟยเฟยไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เธอขยับเข้าไปหาเย่เทียนหยู่ แล้วกระซิบว่า “พี่เย่คะ อีกเดี๋ยวพองานจบ ฉันขอเลี้ยงมื้อดึกพี่นะคะ”เย่เทียนหยู่มองออกว่าเฉินเฟยเฟยคิดยังไงกับตน เขาเลยกลัวว่ามันอาจจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ เขาจึงปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็ว “เอ่อคือ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระอยู่ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไว