“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน หากคุณขอโทษทันทีและยอมจำนนต่อพรรคถังฉันอาจจะไว้ชีวิตคุณได้” บรรพจารย์พรรคถังกล่าวอย่างเย็นชา“เหอะ เหอะ แค่พวกเขาเหรอ?”เย่เทียนหยู่ท่าทางสงบและเผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม“เจ้าดูถูกพวกเขาเกินไปแล้ว” บรรพจารย์พรรคถังเยาะเย้ยและพูด “ลงมือ”เมื่อได้ยินคำสั่ง ทั้งสี่คนก็ยกมือขึ้นโดยไม่ส่งเสียง ก่อนจะมีดาบสีดำปรากฏขึ้นในมือของพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะร่วมตัวกันตั้งแนวรบหากพวกเขาแยกจจากกันก็มีพลังแค่พลังผลัดเปลี่ยนเท่านั้น ไม่มีใครเป็นปรมาจารย์และสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแต่ในเวลานี้ เมื่อพวกเขาผนึกกำลังกัน พวกเขาก็ได้สร้างพลังอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาจริงๆอย่างน้อย ถังเฟยฝานก็พบว่าเขาไม่สามารถจัดการกับมันได้ โดยไม่คาดคิด มีการก่อตัวที่มหัศจรรย์และแปลกประหลาดในโลกที่สามารถปรับปรุงความแข็งแกร่งของบุคคลได้อย่างรวดเร็วความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของเย่เทียนหยู่ และเขาก็ได้ศึกษารูปแบบนี้ด้วย แต่รูปแบบดังกล่าวไม่เคยเห็นมาก่อน และดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของพวกมันจะเพิ่มขึ้นในสภาพแวดล้อมเช่นนี้กล่าวคือเขาแข็งแกร่งและสามารถรับมือกับมันได้อย่างง่ายดาย มิฉะนั้นในช่วงแรกของการเ
ยังไงก็ตามเขาไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะเดิมทีร่างกายของเขาก็ร้อยพิษไม่กล้ำกลายอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สบายดีแบบนี้ และเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะไปป้องกันของพรรคนี้“เป็นยังไง รู้ตัวแล้วงั้นรึ?”บรรพจารย์พรรคถังเยาะเย้ย“4 คนเมื่อกี้นี้”ทันใดนั้น เย่เทียนหยู่ก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งและพูดอย่างเย็นชา “พวกเขาสี่คน เดิมทีคุณไม่ได้ส่งพวกขามาฆ่าผม แต่เพราะให้ผมลดการป้องกันลงระหว่างการต่อสู้ และค่อย ๆ ถูกพิศโดยไม่รู้ตัวอย่างนั้นสินะ?”“ถูกต้อง!”“ลำพังไอ้พวกนั้นจะไปเอาชีวิตเจ้าได้ยังไง”“เพราะยังไง เจ้าก็เป็นถึงราชามังกรองค์ใหม่แห่งพรรคมังกร แต่ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าช่างรู้ตัวไวเสียจริง เสียดายที่เจ้ามั่นใจในตัวเองเกินไป”บรรพจารย์ของตระกูลถังเยาะเย้ยและดูภูมิใจแต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถังจื้อและคนอื่น ๆ นี่หมายความว่ายังไง เย่เทียนหยู่คือราชามังกรองค์ใหม่ของพรรคถังอย่างนั้นเหรอ?พวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แล้วบรรพจารย์รู้ได้ยังไงอีกอย่าง หากรู้ว่าอีกฝ่ายคือราชามังกรองค์ใหม่ของพรรคมังกรเสียแต่แรก พวกเขาคงไม่มีเรื่องกันขนาดนี้ เพราะถึงยังไงพลังของ
ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน บรรพจารย์พรรคถังวาดมือคว้าถังชั่นด้วยมือขวา จากนั้นเขาก็ใช้เริ่มใช้วิถีอเวจีดูดซับชี่แท้ออกจากตัวถังชั่นเย่เทียนหยู่ตกตะลึง นี่เขากำลังทำอะไร แทนที่จะจัดการกับเขาแต่กลับลงมือกับฝ่ายตัวเองก่อนงั้นเหรอ?สีหน้าของถังจื้อและถังเฟยฝานเปลี่ยนไป พวกเขาทั้งตกใจและโกรธต่อสิ่งที่บรรพจารย์ทำ โดยเฉพาะ ถังจื้อ เพราถังชั่นเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา“บรรพจารย์ น…นี่ท่านกำลังทำอะไร” ถังชั่นดูหน้าซีดและตะโกนด้วยความหวาดกลัว“เหอะ หยางเฉียนเฉียนอยู่ที่พรรคถังมานานแล้ว แต่เจ้าก็ยังไม่อาจดูดลมปราณซวนหมิงของเธอและทะลวงถึงระดับปรมาจารย์สักที!”“ข้าให้โอกาสแล้วแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้จักใช้ ข้าจะเก็บเจ้าไว้ทำอะไรอีก?”บรรพจารย์พรรคถังพูดอย่างเย็นชาพร้อมรัศมีอันน่าสยดสยองทั่วร่างกายของเขา“ไม่ อย่าเลย ฉันจะทำงานหนัก หลังจากวันนี้ ฉันจะซึมซับมันและทะลุผ่านทันที” ถังชั่นมีสีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและความสิ้นหวังเพราะเขารู้สึกถึงการสูญเสียพลังชี่แท้ในร่างกายอย่างชัดเจน แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมบรรพจารย์ถึงกระทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าถังจื้อร้อนใจอย่างมาก เขาคุกเข่าลงทันที “ท่าน
เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยใช้ถังชั่นเพื่อทะลวงระดับพลังความจริงแล้วเมื่อเขาสอนถังชั่นให้ใช้ยุทธการยอดขุนศึกเป็นครั้งแรก เขาก็ตั้งจะดูดซับพลังของเขา แต่เพื่อฝึกฝนเขา และวันหนึ่งใช้วิถีอเวจีระดับสูงสุดเพื่อยึดร่างกายของเขาจากนี้ไปไม่จำเป็นต้องปกป้องร่างเก่าที่อาจตายเมื่อใดก็ได้เหตุผลที่เขาดำเนินการกับ ถังชั่นในตอนนี้ก็เพราะเขาพบร่างกายที่ดีกว่า เย่เทียนหยู่เป็นเพราะการปรากฏตัวของเย่เทียนหยู่อย่างชัดเจนทำให้เขาเปลี่ยนแผนดูดซับพลังชี่แท้ของยุทธการยอดขุนศึกของถังชั่นและหลังจากการหลอมรวม เขาสามารถทะลวงไปสู่สถานะสูงสุดของวิถีอเวจีที่ประสบความสำเร็จ จากนั้นจึงยึดร่างของเย่เทียนหยู่ในที่สุด ร่างกายของเย่เทียนหยู่ก็ถูกใช้เพื่อรวมเข้ากับหยางเฉียนเฉียนทั้งหมดนี้สมบูรณ์แบบมาก อีกไม่นานเขาจะกลายเป็นปรมาจารย์ที่น่ากลัวที่สุดในโลกในเวลานั้น แม้ว่าชิงหลงจะมา เขาก็จะไม่กลัวในขณะนี้ ถังชั่นนอนอยู่ข้างๆ เขาเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว ไม่เพียงแต่เขาจะไร้ชีวิตชีวาเท่านั้น เขายังผอมและน่าเกลียดอีกด้วยใบหน้าของ ถังจื้อเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตาย เขามองไปที่ เย่เท
“พี่เย่ เราควรทำยังไงดี หนีไปกันเถอะ” หยางเฉียนเฉียนพูดขึ้นทันที ตอนนี้กระทั่งเธอเข้าใจแล้วว่าพี่เย่ถูกหลอก และบรรพจารย์พรรคถังก็มีอำนาจไร้เทียมทานเย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หนีไม่พ้นหรอก”คราวนี้ฉันคงได้แต่โทษตัวเองที่มั่นใจเกินไป ตามความเข้าใจของเขา ด้วยพลังระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดของตนเองเพียงพอที่จะต่อกรกับพรรคถังทั้งพรรคได้อย่างสบาย ๆต่อให้มีบรรพจารย์พรรคถังอยู่ด้วยก็ตาม เพราะเขาเข้าใจว่าบรรพจารย์พรรคถังไม่ได้พึ่งพาการฝึกฝนของเขาเองเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ทะลวงระดับพลัง และพลังการต่อสู้ของเขาก็ไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น“ยอดมาก!”“สมเป็นราชามังกรอย่างที่คาดไว้ ช่างตระหนักรู้ตนเองเป็นอย่างดี”ทันทีที่เขาพูดจบ บรรพจารย์พรรคถังก็ลุกขึ้น ในเวลานี้ไอพลังของเขายิ่งใหญ่มากกว่าเดิม และยังเย็นชาน่ากลัวเป็นพิเศษ อุณหภูมิโดยรอบดูเหมือนจะลดลงหลายองศาทั้งที่ดูดพลังชี่แท้ยอดขุนศึกซึ่งเป็นชี่แท้ที่มีพลังแข็งแกร่งของถังชั่นไปแล้วแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก นั่นก็หมายความว่าภายในร่างกายของเขามีชี่แท้อยู่มหาศาล สีหน้าของเย่เทียนหยู่ไม่สู้ดีนัก อาจมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นคื
หยางเฉียนเฉียนเองก็รีบพูดด้วยความร้อนใจ “พี่เย่ รีบหนีไปไม่ต้องสนใจฉัน พี่จะมาช่วยฉันได้ก็ต่อเมื่อพี่หนีพ้นเท่านั้น”“หนีเหรอ คิดว่าหนีรอดหรือไง”บรรพจารย์พรรคถังกล่าวเยาะเย้ย “เย่เทียนหยู่ เจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดเหลือล้นอย่างนั้นรึ คิดว่าข้าไม่รู้หรือไงว่าเจ้ากำลังถ่วงเวลา”เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเย่เทียนหยู่ก็เปลี่ยนไปทันที ราวกับว่าเรื่องที่เขากำลังปิดบังถูกจับได้“เหอะ เหอะ คุณสังเกตมั้ยว่ายิ่งคุณพยายามแก้ไขมันมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งตกอยู่ในมันมากขึ้นเท่านั้น ถ้าฉันไม่ทำผิดพลาดในการตัดสินของฉัน คุณก็จะสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ แม้ในฐานะปรมาจารย์ธรรมดา ๆ ก็ตาม”บรรพจารย์พรรคถังกล่าวอย่างภาคภูมิใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของเย่ เทียนหยู่ เขารู้สึกว่าเขามั่นใจในสิ่งนั้นเมื่อฟังคำพูดเหล่านี้ หยางเฉียนเฉียนก็หมดหวังมากยิ่งขึ้น “ฉันขอโทษค่ะพี่เย่ ฉันเป็นคนทำร้ายพี่”ถังเฟยฟานเองก็ดูสิ้นหวังเช่นกันความหวังสุดท้ายนี้สูญสิ้นไป แม้ว่าความหวังนี้จะริบหรี่มากก็ตาม แต่ก็มีความหวังเล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่มีความหวังแล้ว“เอาล่ะ มันดึกแล้ว เย่เทียนหยู่ คุณควรออกเดินทาง
เดิมทีถังเฟยฝานนึกว่าปรมาจารย์เย่หมดกำลังต่อสู้ไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำลายฤทธิ์ของผงสลายกำลังยุทธ์ได้ แถมยังแอบสะสมพลังเพื่อการลอบโจมตีระดับอันตรายถึงชีวิตกระบวนท่านี้ ช่างปราดเปรื่องยิ่งนักแต่นั่นก็จุดประกายความหวังอันแข็งแกร่งในตัวเขาขึ้นมาอีกครั้งเช่นกันหยางเฉียนเฉียนประหลาดใจมากตอนที่เธอเห็น เทียนหยู่โจมตีใส่บรรพจารย์พรรคถังและกลับมาอิสระอีกครั้ง แต่แรงปะทะจากการโจมตีของทั้งคู่นั้นน่าสะพรึงมาก โชคยังดีที่ถังเฟยฝานช่วยสลายให้บ้าง ไม่เช่นนั้นเธอคงจะทนรับไม่ไหวแน่แต่ถึงกระนั้น ทั้งสองก็ยังถอยหนีไปซ่อนตัวอยู่อีกด้านทว่ามองดูห้องใต้ดินที่พังทลายนี้ เห็นได้ชัดว่าเขายังกังวลอยู่เล็กน้อย พลังการต่อสู้ของทั้งสองน่ากลัวมาก แม้แต่ห้องใต้ดินลับที่ไม่มีทางถูกระเบิดทำลายแห่งนี้ก็ยังได้รับความเสียหายอย่างหนักบรรพจารย์ล้มลงและจ้องมองเย่เทียนหยู่ เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย: “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด หรือที่จริงแล้วเจ้าไม่ได้หลงกลข้าแต่แรก”“ผมจะหลงกลหรือไม่ ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ วันนี้เถ้ากระดูกของคุณจะถูกฝังอยู่ที่นี่”เย่เทียนหยู่สีหน้าไร้อารมณ์ ร่างกายของเขาแผ่ซ่านพ
หากแต่นี่ไม่ได้แปลว่าเย่เทียนหยู่ปลอดภัย เขาแค่ใช้กำลังที่เหลืออยู่เพื่อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพื่อทำลายเศษพลังพวยพุ่งที่โจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่งจากนั้นเขาก็พังเพดานแล้วกระโดดออกไปจากตรงนั้นพร้อมพาคนทั้งสองออกไปด้วยเพราะเห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้กำลังจะพังทะลาย ถ้าไม่รีบออกไป มีหวังได้ถูกฝังทั้งเป็นส่วนบรรพจารย์พรรคถัง เขาสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่เขาเอาชนะอีกฝ่ายได้แล้วว่าบรรพจารย์พรรคถังที่ไม่สามารถต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวจากการโจมตีของเขาได้ ทำให้อวัยวะภายในร่างกายของเขาแตกสลาย และสิ้นใจไปทันทีดังนั้น เย่เทียนหยู่จึงไม่มีเวลากังวลบรรพจารย์พรรคถัง และพาตัวถังเฟยฝานกับหยางเฉียนเฉียนออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วเป็นไปตามคาด ทันทีที่ทุกคนออกมาก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และทันใดนั้นห้องใต้ดินก็ทรุดตัวลงเมื่อครู่ถังเฟยฝานนึกว่าเขากำลังจะตาย คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังรอดชีวิตและมองดูทุกอย่างด้วยอาการเหม่อลอยสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ อยู่นอกเหนือจินตนาการของเขาเสื้อผ้าของเย่เทียนหยู่เลอะเทอะเล็กน้อยและดูอ่อนกำลังอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยก็ไม่ดูสบาย ๆ เหมือนก่อนหน้านี้ แถมมุมปาก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก
หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็เดินทางไปยังบ้านพักของตระกูลหยางและแจ้งให้หยางเฉียนเฉียนทราบด้วยตัวเองว่าปัญหาแก้ไขแล้ว หรือให้พูดตามตรงก็คือ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจวินาทีแรกที่หยางเฉียนเฉียนได้ยิน เธอก็ยินยอมรับปากเย่เทียนหยู่ สำหรับเธอขอแค่พี่เย่มีความสุขเธอก็มีความสุขต่อมาแม้เธอจะผิดหวังอยู่บ้าง ที่สุดท้ายเธอไม่ได้ลงเอยกับพี่เย่ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้จัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกับเขา และยังได้รับใบทะเบียนสมรสกับเขาด้วยหยางต้าฝูดูหดหู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นดูเหมือนว่า ความมั่งคั่งมหาศาลนั่น จะไม่ใช่ของตระกูลหยางของพวกเขาหลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ขับรถกลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งแต่ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู เขาก็พบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนถูกเขาลงโทษไปแล้ว เจ้าโง่นั่นก็ไม่ยอมแพ้แถมยังตามเขามาถึงที่นี่ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาคงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย!เดี๋ยวก่อน หลิวเมิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะน่ารำคาญเล็กน้อย แต่เธอกับหว่านหรูก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันพวกเขาทั้งสองเห็นเย่เทียนหยู่แล้วรีบรุดหน้ามาทันที
ใบหน้าของหลินหว่านหรูแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่อธิบายไม่ได้ในใจ“เฮ้ คุณบอกว่าคุณต้องการมันมากใช่ไหม” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากแก้ไขปัญหานี้ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเขาเป็นหนี้หยางเฉียนเฉียนมากจนเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญมันยังไง ในอนาคต“อะไรนะ ฉันจะมีอารมณ์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง” ในเวลานี้ หลินหว่านหรูรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น ตระกูลสวี่มาที่นี่หรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม ปัจจุบัน ตระกูลหลินควรจะมีเพียงธุรกิจของ หลินจื่อตงเท่านั้น“นั่นไม่เป็นความจริง แต่ตระกูลสวี่และตระกูลซุนตกลงกันว่าพ่อแม่ทั้งสองจะหมั้นกันในวันพรุ่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะเลือกวันอันเป็นมงคลอื่นก่อนจึงจะจัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ”“แล้วจื่อตงก็เริ่มวิตกกังวล พรุ่งนี้เขาต้องไปเยี่ยมตระกูลสวี่เขาบอกว่าแม้ว่าเขาจะตาย เขาก็จะไม่ปล่อยให้สวี่เจียเจียหมั้นหมายกับตระกูลซุนเลย” หลินหว่านหรูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในความเป็นจริง เขารู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายเพิ่งหมั้นกันและ
หลินหว่านหรูขมวดคิ้วทันที มาจนถึงตอนนี้แล้วทำไมแม่เธอยังไม่ได้สติอีก ถ้าแม่เธอยังเป็นอยู่แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่กลับมา จะช้าเร็วก็คงเกิดปัญหาอยู่ดีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นหน้าตาของลูกสาว เธอก็รำคาญทันที “สายตาอะไรของลูกฮะ หรือแกจะทนดูน้องชายตัวเองตายไปทั้งแบบนี้รึไง”คุณปู่ตระกูลหลินเองก็รีบ “หว่านหรู ไม่ว่ายังไงก็ น้องก็คอยสนับสนุนหลานมาโดยตลอด หลานต้องช่วยเขานะ”“ใช่ หว่านหรู ลูกต้องช่วยจื่อตงนะ” หลินหงรีบพูดเสริมหลินจื่อตงเปิดปาก เขาไม่ต้องการรบกวนพี่สาว เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วงนี้ แถมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับพี่เขยก็จบลงไปแล้วแต่เขาไม่อยากเสียสวี่เจียเจียไปเลยจริง ๆเมื่อมองดูสายตาของคนในตระกูล หลินหว่านหรูรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งและพูดว่า “คิดว่าหนูจะไม่ช่วยจื่อตงเหรอคะ”คุณปู่ตระกูลหลินดูไม่ค่อยดีนัก แต่หลินจื่อตงก็พูดทันที “พี่ อย่าฟังคุณปู่กับทุกคนเลยครับ ผมเชื่อพี่อยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่สะดวกจริง ๆ ผมจะไปเองครับ”“นายก็ยังไม่เชื่อพี่อยู่ดี”หลินหว่านหรูโกรธ เธอหันหลังกลับและเดินกลับห้องด้วยความโมโหคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ที่ถูกทิ้งไว้ มองหน้ากันอย่างไม่เช
“แต่เธอจะมาที่นี่เร็วๆ นี้”“โอเค ถ้างั้นผมจะรอ”ตอนนี้ ขอแค่แม่ของเขาสบายดีแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่เขากังวลว่าตอนนี้แม่ของเขาเป็นอิสระแล้วจริง ๆ หรือเปล่า“ผมขอยืนยันอีกที พวกคุณไม่ขอให้ผมจดทะเบียนกับหยางเฉียนเฉียนแล้วใช่มั้ย” เย่เทียนหยู่ถามย้ำ“ใช่!”“โอเค ถ้างั้นผมไปละ!”เย่เทียนหยู่จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะมีเสน่ห์มากและดูเหมือนเธอจะไม่ได้ต่อต้านการการลุกล้ำของเขาเลยด้วยซ้ำจูเก่อหลิวหลีตกอยู่ในอาการมึนงง นี่เขา ออกไปแล้วเหรอตัวเธอมีเสน่ห์ไม่พอเลยหรือไงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยในความสวยของตัวเอง!เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าถ้าเธอเต็มใจ ก็คงไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ท่านผู้หญิงของเธอโทรมา“ท่านผู้หญิง ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” จูเก่อหลิวหลีรับสายและพูดทันที“ไม่เป็นไร!”“ฉันเพิ่งรู้ว่าเทียนหยู่ได้รับพลังลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนมาแล้ว เพราะงั้นเขาจะอยู่กับหยางเฉียนเฉียนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”ท่านผู้หญิงตอบ“พลังลมปราณซวนหมิงนั่นคืออะไรคะ” จูเก่อหลิวหลีไม่เคยรู้