หรือว่า เขายังมีสถานะอะไรไม่ว่าอย่างไร หวงหงเจี้ยก็ยังซาบซึ้งใจอย่างมากจึงพูดว่า: “งั้นต้องขอบคุณแพทย์เซียนเย่มาก ๆ”“ไม่ต้องเกรงใจ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเรียบเฉย“ลุกขึ้นเถอะ”จากนั้นหวงหงเจี้ยนให้ลูกชายลุกขึ้นแล้วพูดขึ้น: “ได้ยินแล้วยัง ต่อไปห้ามหาเรื่องแพทย์เซียนเย่อีก เจอกับเขาต้องเคารพนบนอบ”“ครับ!”ครั้งนี้หวงโหย่วเหวยหวาดกลัวจริง ๆ แล้วตอนนี้หลี่ต้าเซียนเห็นหวงหงเจี้ยนจัดการเรื่องราวเสร็จ จู่ ๆ เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เทียนหยู่ทันทีเย่เทียนหยู่มึนงงทันทีหวงโหย่วเหวยก็ตะลึงตาค้าง เกิดอะไรขึ้นหวงหงเจี้ยนก็ตกตะลึงเช่นกัน“แพทย์เซียนหลี่ นี่คุณทำอะไรน่ะ!”เย่เทียนหยู่ตั้งตัวได้ก็รีบดึงเขาขึ้นมา“แพทย์เซียนเย่ ผมหลี่ต้าเซียนชีวิตนี้ไม่ต้องการสิ่งอื่นใด แค่หวังว่าจะสามารถทำให้แพทย์แผนจีนเจริญรุ่งเรืองได้ ตั้งแต่ครั้งที่แล้วได้เห็นการฝังเข็มที่น่าอัศจรรย์ของคุณ ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องฝากตัวเป็นศิษย์ของคุณ”“ขอร้องคุณรับผมเป็นศิษย์ ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่ลุกขึ้น”หวงหงเจี้ยนฟังจบก็แอบตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลี่ต้าเซียนเพื่อที่จะไหว้ครู ถึงกับไม่สนศักดิ์เย่เทียนหยู่ใบหน้าจน
ฟังถึงตรงนี้ เย่เทียนหยู่ถึงได้เข้าใจว่าเรื่องเป็นอย่างไร ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด ซูถิงน่าจะรู้สถานการณ์ ไม่อย่างนั้น หลิวเจี๋ยไม่กล้าแอบอ้าง“ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่เพราะนายน้อยหลิว หว่านรู้ก็ต้องจบเห่จริง ๆคุณพ่อตระกูลหลินเอ่ยปากพูด: “นายน้อยหลิว ครั้งนี้โชคดีที่มีคุณ พวกเราต่างไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณอย่างไรถึงจะดี”“คุณอาเกรงใจเกินไปแล้ว”หลิวเจี๋ยมองไปยังเย่เทียนหยู่อย่างลำพองใจ จากนั้นพูดต่อว่า: “ไม่ต้องพูดว่าผมชอบหว่านหรู เพื่อเธอแล้วอะไรก็ยอมทุ่มเทได้หมด ต่อให้เป็นคนแปลกหน้า ก็่อดไม่ได้ที่จะออกหน้า”คุณแม่หลินได้ยินก็พูดทันที: “เย่เทียนหยู่ นายฟังสิ ฟังสิ ดูนายน้อยหลิวทำอย่างไร แล้วดูนายทำเรื่องอะไรบ้าง แถมนายยังเป็นสามีของหว่านหรู”“ผมทำอะไร คุณควรถามว่าเขาทำอะไร!”ในตอนนี้ เย่เทียนหยู่หมดคำพูดจริง ๆ จากนั้นถามอย่างเฉยเมย: “หลิวเจี๋ย นายแน่ใจเหรอว่านายเป็นคนช่วยเอาไว้?”ทุกคนได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงแต่หลิวเจี๋ยกลับแสร้งทำเป็นงุนงง แล้วถามอย่างไม่เข้าใจ: “ไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใคร นายคงไม่ได้อยากพูดว่าเป็นนายหรอกนะ?”“หรือว่าไม่ใช่เหรอ?”“นายพูดว่าใช่ก็ใช่มั้ง นายต้องการความดีค
คุณพ่อตระกูลหลินพูดเสียงเข้ม“เอาเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว!”มองดูเย่เทียนหยู่ถูกกลุ่มคนโจมตี หลินหว่านหรูรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ถามขัดจังหวะคำพูดของทุกคน: “ถิงถิง เมื่อครู่ในโทรศัพท์เธอพูดว่านายน้อยหลินลงมือ แถมยังทำร้ายผู้จัดการธนาคารหลิวจนเจ็บหนัก“ใช่น่ะสิ นายน้อยหลิวเห็นเธอถูกมอมจนน่าเวทนาขนาดนั้น เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงอดไม่ได้ที่จะกระทืบพวกเขาทั้งหมดอย่างรุนแรง“งั้น เงินกู้ทำอย่างไร”หลินหว่านหรูสีหน้าขมขื่น เธอจะโทษหลิวเจี๋ยไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องจัดการปัญหาหลิวเจี๋ยได้ยิน กลับยิ้มและพูดขึ้นทันที: “กลัวอะไร ก็แค่ผู้จัดการธนาการคนเดียเอง กระทืบแล้วก็กระทืบไปเถอะ”“คุณวางใจได้ เดี๋ยวผมโทรหาพ่อของผม จัดการให้คุณได้ในทันที”“ดีมากเลย มีนายน้อยหลิวอยู่ ไม่มีปัญหาที่จัดการไม่ได้ หว่านหรูมีเพื่อนแบบคุณ เป็นโชคของเธอจริง ๆ”คุณแม่ตระกูลหลินพูดอย่างดีใจ“ขอบคุณครับคำชมครับคุณน้า ธนาคารไหน ผมโทรหาพ่อของผมตอนนี้เลยดีกว่า ไม่แน่เขาได้ยินชื่อพ่อของผม ก็กลัวจนรับปากในทันทีเลย”“หากเป็นแบบนี้ก็ดี หว่านหรู ธนาคารไหน มีเบอร์โทรศัพท์ไหม?”“ธนาคารฝูซาง หลิวหมิงผู้จัดการธนาคา
ซูถิงสีหน้าโมโห แต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่ลุกขึ้นเดินออกไปแล้ว อยากด่ากลับไปก็ไม่ได้ไอ้สารเลวนี่ เพื่อเกาะติดอยู่ข้างกายหว่านหรู ไม่มีศักดิ์ศรีสักนิดเลยจริง ๆแต่มีตัวเองอยู่ ไม่มีทางทำให้เขาสมหวังแน่นอนและในตอนนี้หลิวหมิงเพิ่งด่าคุณพ่อตระกูลหลิเสร็จ กำลังจะหาคนไปจัดการเย่เทียนหยู่สักหน่อยในตอนนี้เอง มีสายหนึ่งโทรเข้ามา ฟังจบรู้สึกเสียวสันหลังวูบ ๆคนทั้งคนเกือบจะเป็นลมไปที่แท้หยางเฉียนเฉียนตอนนั้นที่งานเลี้ยงเมื่อออกมาก็ตามเย่เทียนหยู่ไม่ทัน ถึงแม้ไม่ถาม แต่ก็สงสัยว่าเย่เทียนหยู่พบเจอปัญหาอะไร ถึงได้รีบร้อนกลับไปผ่านการสอบถาม ในที่สุดก็รู้เหตุผลแล้ว เธอใช้ความสามารถของตัวเองในทันที ให้ตระกูลหยางออกหน้าคราวนี้หลิวหมิงไม่ตกตะลึงตาค้างได้อย่างไรถึงแม้เขามีเส้นสายกว้างขวาง มีความสัมพันธ์กับตระกูลหวง แต่สุดท้ายก็แค่สนิทกับคุณชายหวงมาก ๆ พ่อของคุณชายหวงแข็งแกร่งซื่อตรงตกใจจนเขารีบโทรศัพท์หาหลินหว่านหรูในทันทีหลินหว่านหรูกำลังกังวลเรื่องเงินกู้ ตอนนี้จู่ ๆ ได้รับสายของผู้จัดการธนาคารหลิว สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากที่เธอดู ต่อให้คุณพ่อตระกูลหลิวจะช่วยเหลือ ก็ไม่มีทางเร็วขนาดนี
บังเอิญขนาดนี้เลยเหรอ?ครั้งนี้ใครช่วยเอาไว้?เย่เทียนหยู่ยิ้มเจื่อน ๆ อย่างอดไม่ได้ เขานั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินการสนทนาในโทรศัพท์ของหลินหว่านหรู ฟังออกว่าอีกฝ่ายกลัวคนที่กระทืบเขาเมื่อวานมาก นั่นก็คือตัวเองดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นพ่อของหลิวเจี๋ยช่วยเหลือใครกัน?ตระกูลหยาง?มีเพียงแบบนี้ที่เป็นไปได้มากสุด แต่ตระกูลหยางรู้เรื่องเมื่อคืนได้อย่างไร หรือจะเป็นเฉียนเฉียน?นี่เป็นไปได้ อย่าดูว่าเด็กสาวคนนั้นไร้เดียงสาอย่างมาก แถมเธอนิสัยเฉลียวฉลาด ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้ตัวเองไปรักษาคุณแม่ตระกูลหวงได้เร็วขนาดนี้“เย่เทียนหยู่ เห็นแล้วยัง นายดูให้ดี ๆ สิ นี่ถึงจะเรียกว่าความสามารถที่แท้จริง แต่ไม่ใช่อย่างนายที่พึ่งพาความบุญคุณที่มีน้อย”ซูถิงเอ่ยปากพูด“เธอประจบประแจงเก่งจริง ๆ แต่เธอแน่ใจขนาดนี้จริง ๆ เหรอว่าพ่อของหลิวเจี๋ยเป็นคนช่วยเหลือ?” เย่เทียนหยู่พูดเสียงเย็นชา“หึหึ ไม่ใช่พ่อของฉันแล้วเป็นใคร ถ้าหากไม่ใช่พ่อของฉันออกหน้า ผู้จัดการธนาคารหลิวสถานะอะไร จะไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องเมื่อคืนได้อย่างไร และก็อนุมัติเงินกู้ลงมาทันที”“จริงด้วย ความจริงวางอยู่ตรงหน้า นายยังยุยงอยู่ตรงน
“จริงด้วย จริงด้วย นายน้อยหลิวตระกูลใหญ่บริษัทใหญ่ สำหรับผู้จัดการธนาคารคนหนึ่งนั่นเป็นถึงลูกค้าที่ไม่สามารถล่วงเกินได้แน่นอน” คุณแม่ตระกูลหลินพูดเสริมทันที“นั่นน่ะสิ นี่เป็นผลงานของพวกเขา เป็นชีวิตของพวกเขา”ทุกคนเห็นด้วยอย่างมากเย่เทียนหยู่ถูกคำพูดซี้ซั้วของหลิวเจี๋ยทำให้หัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เมื่อคิดดูให้ดี ดูจากนิสัยของหลิวเจี๋ย พูดแบบนี้ถึงจะสอดคล้องกับนิสัยและการกระทำของเขา“เย่เทียนหยู่ ตอนนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว นายยังมีอะไรพูดอีก?” คุณแม่ตระกูลหลินจี้ถามอย่างเย็นชา“ความจริงเปิดเผยอะไร พวกคุณก็แค่ถูกเขาหลอกก็เท่านั้นแหละ”เย่เทียนหยู่พูดอย่างเฉยเมย“เย่เทียนหยู่ นายพอได้แล้ว!”หลินหว่านหรูโมโหอย่างถึงที่สุดและพูดอย่างเดือดดาล: “ตั้งแต่เริ่มต้น นายเอาแต่กวนไม่มีเหตุผลอยู่ที่นี่มาโดยตลอด นายอยากจะทำอะไรกันแน่?”“ฉันรู้ นายอิจฉาริษยาตระกูลและความสามารถของนายน้อยหลิวมาตลอด แต่จะใส่ร้ายป้ายสีแบบนี้ตลอดไม่ได้ ถึงขั้นสร้างเรื่องปลุกปั่น”อันที่จริงเธอรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้เกลียดชังเย่เทียนอยู่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ความรู้สึกที่มากกว่านั้นคือโมโหที่เขาไม่ได้ดั
“ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรครับ ก็แค่ตอนกลางวันอยากจะเลี้ยงอาหารคุณ ขอบคุณการช่วยเหลือของคุณ ขณะเดียวกันก็อยากจะขอโทษคุณเรื่องลูกชายของผม”“ไม่ต้องหรอก ผมก็ไม่ได้เก็บไปใส่ใจ”“คุณไม่เก็บไปใส่ใจ นั่นเป็นความใจกว้างของคุณ แต่ถ้าผมไม่เลี้ยงอาหารมื้อนี้ รู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ ครับ”เย่เทียนหยู่ได้ยินคำพูดนี้ นึกได้ว่าตัวเองไม่อยากอยู่ที่ตระกูลหลินพอดี จึงพูดขึ้น: “ก็ได้ ผมไปช้าหน่อย”“ได้ครับ ง้นตอนเที่ยงผมไปรับคุณไหม?”“ไม่ต้อง ส่งที่อยู่มาให้ผมก็พอ”หวงหงเจี้ยนตอบรับ จากนั้นส่งตำแหน่งของตึกสี่ฤดูไปให้ทันทีถึงแม้ว่าภรรยาจะยอมรับผิดต่อหวงหงเจี้ยนแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นด้วยที่สามีให้ความสำคัญกับเย่เทียนหยู่ขนาดนี้ จึงอดพูดขึ้นไม่ได้: “ถึงแม้เขาช่วยเหลือพวกเรามากมายจริง ๆ แต่คุณเป็นถึงผู้บริหารอันดับสองของเมืองเทียนไห่ จะทำแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”หวงโหย่วเหวยลูกชายของเขาก็อยู่ข้าง ๆ ในใจก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ผ่านเรื่องเมื่อคืน กลับไม่กล้าพูดอะไรมากนักหวงหงเจี้ยนส่งเสียงไม่พอใจแล้วพูดขึ้น: “คุณยังกล้าพูดอีก ถ้าไม่ใช่พวกคุณ พวกเราเกือบจะทำให้แพทย์เซียนเย่ขุ่นเคืองแล้ว”“พวกคุณรู้ไหมว่า เขามีต
หลิวเจี๋ยและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเล็กน้อย โดยเฉพาะหลิวเจี๋ย ตกตะลึงจนแทบจะกระอักเลือดแม่งเอ๊ย ไอ้เด็กยากจนคนนี้โชคดีมาจากไหนกันเด็กสาวที่สวยสุดยอดและไร้เดียงสาขนาดนี้ก็ยังอยู่ด้วยกันกับเขาแถมเขายังมีหว่านหรูคู่หมั้นที่สวยเพริศพริ้งขนาดนี้ ถึงแม้หว่านหรูจะต้องถีบหัวส่ง แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังเป็นสามีภรรยากันหลินหว่านหรูไม่รู้ว่าความรู้สึกในใจเป็นอย่างไร ก็แค่ไม่พอใจอย่างมาก หงุดหงิดมาก เหมือนสิ่งของของตัวเองถูกคนแย่งไปเธออดไม่ได้ที่จะเข้าไปพูดอย่างโมโห: “เย่เทียนหยู่ นายรู้ไหมว่านายทำอะไรอยู่!”เย่เทียนหยู่สีหน้านิ่งเฉยและพูดอย่างเฉยเมย: “รู้ ก็แค่ทานข้าว ทำไม เธอออกมาทานข้าวได้ ฉันมาไม่ได้เหรอ?”“เย่เทียนหยู่ นายพูดอะไรน่ะ นี่นายออกมาทานข้าวเหรอ นายกำลังมีชู้ต่างหาก!” ซูถิงพูดด่าทอ“เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย!” สำหรับซูถิง ต่อให้รูปร่างยั่วยวน หน้าตาสวยงาม เย่เทียนหยู่ก็ไม่มีความรู้สึกดี ๆ แล้ว“นาย!”“เย่เทียนหยู่!”หลินหว่านกลับโมโห: “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่านายจะเป็นคนแบบนี้ พวกเราไปกันเถอะ!”พูดคำนี้จบ เธอก็เดินเข้าไปข้างในโดยตรงหลิวเจี๋ยเห็นภาพนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
คุณนายไป๋คิดไม่ถึงเลยว่า ทั้งที่ตนบอกเป็นนัยไปแล้ว วังเถี่ยจะยังตอบกลับแบบนี้อยู่อีก นั่นจึงทำให้เธอถึงกับอึ้งไปเลยในเวลานี้ เธอแทบไม่ได้สนใจเรื่องที่จะเอาเงินสี่หมื่นห้าพันล้านกลับมาได้ไหมเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเรื่องที่เธอหลอกลวงท่านราชามังกรได้ถูกเปิดเผยแล้วหัวหน้าใหญ่ไป๋รู้สึกอ่อนแรง ดวงตาทั้งสองข้างอดไม่ได้ที่จะปิดลงจบสิ้นแล้ว!มันจบสิ้นแล้วจริง ๆ!สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของท่านราชามังกร“ฮึ ๆ ไม่ใช่ว่าพวกพี่มองผมเป็นพวกคนต่ำต้อยมาโดยตลอดหรอกเหรอ คิดว่าผมเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ไม่ใช่รึไง ตอนนี้ผมมีเงินสี่หมื่นห้าพันล้านนี่แล้ว แล้วผมยังจะสนใจสีหน้าของพวกพี่อยู่อีกทำไม”“อ่อ จริงสิ ตอนนี้ผมออกมาใช้ชีวิตที่ต่างประเทศแล้วนะ ส่วนเบอร์นี้ผมอาจจะไม่ใช้มันอีกแล้ว ลาก่อนนะ พี่สุดที่รักของผม”“......”สีหน้าวังเถี่ยเต็มไปด้วยความรู้สึกพอใจ ก่อนที่เขาจะกดวางสายในทันที เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังเผชิญกับชะตากรรมแบบใดอยู่ หรือต่อให้เขาจะรู้ ก็เกรงว่าคงจะไม่สนใจอยู่ดีเงินนี่ตั้งสี่หมื่นห้าพันล้านเชียวนะ เพื่อเงินสี่หมื่นห้าพันล้านแล้ว คิดว่ามีสิ่งใดบ้างที่เขาจะไ
“พี่เฉิน พี่เอาให้ท่านราชามังกรดูเถอะ”คุณนายไป๋กลัวว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋จะเปิดโปงเรื่องนี้ เธอจึงรีบเอ่ยขึ้นมาก่อนหัวหน้าใหญ่ไป๋ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเดาความคิดของภรรยาได้คร่าว ๆ โดยใช้เหตุผลโอนผิดมาเป็นข้ออ้าง แม้ว่าความคิดนี้จะเป็นความคิดที่ไร้สาระ แต่ก็กลับเป็นเพียงโอกาสเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้อย่างไรก็ตาม ตัวเขาเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายด้วยความประหม่าเย่เทียนหยู่รู้สึกตกใจนิดหน่อย เขาสังเกตเห็นท่าทีผิดปกติที่ปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง แต่พวกเขาก็กลับยังกล้าที่จะยื่นโทรศัพท์มาให้อยู่อีก เขาอยากรู้เสียจริง ว่าพวกเขายังคิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีกเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะสังเกตเห็นชื่อเจ้าของบัญชีวังเถี่ยงั้นเหรอ?เย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก มีความสามารถในการจดจำเป็นเลิศ สำหรับข้อมูลที่เกี่ยวกับตระกูลไป๋ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเคยรวบรวมทำเป็นสำเนาเอาไว้ให้เขาแล้วชุดหนึ่งแม้เขาจะเคยดูแค่ผ่าน ๆ แต่ก็กลับจำได้ว่าชื่อของคุณนายไป๋คือวังหรุ่ย และเธอก็มีน้องชายอยู่หนึ่งคน ชื่อวังเถี่ยนี่เธอโอนเงินให้น้องชายตัวเอง
สีหน้าของหัวหน้าใหญ่ไป๋ดูแย่ลงอย่างมาก ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด เขาแทบจะควบคุมร่ายกายเอาไว้ไม่อยู่ ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นว่าภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความวิตกกังวลมากแค่ไหนเพราะคำตอบที่จะได้ยินต่อจากนี้ จะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของพวกเขา กำหนดชะตากรรมของตระกูลไป๋ว่าจะยังสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้หรือไม่แต่ทว่า แววตาของเขากลับปรากฏเค้าลางของความสิ้นหวังขึ้นมาโดยเฉพาะเมื่อเขาสังเกตเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของภรรยา มีความเป็นไปได้มากถึงแปดเก้าส่วนที่ภรรยาของเขายังไม่ได้โอนเงินก้อนนั้นออกไปจริง ๆ แต่ตัวเขาก็เห็นเองกับตาว่าเงินมีประวัติถูกโอนออกไปแล้วไม่ใช่รึไง เช่นนั้นเธอโอนไปให้ใครกันเดิมทีคุณนายไป๋รู้สึกเจ็บปวดมากจนแทบไม่อยากที่จะขยับตัวไปไหน เพราะจากการที่เธอโดนตบครั้งแล้วครั้งเล่า มันทำให้ใบหน้าของเธอบวมเป่งและเจ็บปวดอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เธอไม่อยากพูดอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำแต่เมื่อต้องเผชิญกับสายตาของทุกคน เธอจึงพยายามอย่างหนักเพื่ออ้าปากและรีบพูดออกมาว่า “อะ โอนแล้ว!”โอนแล้วงั้นเหรอ?พอได้ยินแบบนั้น ความตื่นเต้นก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหัวหน้าใหญ่ไป๋ทันทีตัวเขาเอ
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง คุณนายไป๋กลับไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ ก่อนจะพึมพำออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง จะต้องมีการเข้าใจอะไรผิดแน่ ๆ!”โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนแอบเก็บเงินสี่หมื่นห้าพันล้านก้อนนั้นเอาไว้ นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นกว่าเดิมเธอไม่สามารถยอมรับมันได้จริง ๆ ก่อนจะหันไปมองเจวี๋ยซินที่เพิ่งยืนขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ พร้อมกับพูดออกไปว่า “ท่านเจ้าสำนักคะ นี่คุณเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า ใช่แล้ว จะต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ เป็นไปได้ไหมว่าท่านอาจจะจำคนผิด?”“เธอหุบปากไปเดี๋ยวนี้!”ในหัวของหัวหน้าใหญ่ไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว เขาพยายามใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อหาวิธีรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า อย่างน้อยก็ต้องรักษาชีวิตของตนกับภรรยา และปกป้องตระกูลไป๋ให้ได้ก่อนซึ่งเรื่องนี้เขาค่อนข้างมีความมั่นใจมากเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเผลอไปล่วงเกินท่านราชามังกร แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนจบก็มักจะเป็นพวกเขาที่เสียเปรียบมาโดยตลอด และเรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ ท่านราชามังกรเพียงต้องการเงินห้าหมื่นล้านเพื่อแลกกับการไม่ตามเอาความต่อนั่นเท่ากับว่า ขอแค่จำนวนเงินมีมากพอ
ในขณะเดียวกัน หัวหน้าใหญ่ไป๋เองก็นึกถึงจุดนี้ด้วยเช่นกันเขาคิดมาโดยตลอดว่า เจวี๋ยซินอาจจะกำลังโกรธที่ตนปิดบังตัวตนของศัตรูอยู่แต่ถึงอย่างไรเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรมันได้ แล้วอีกอย่าง ศัตรูที่แย่งดอกบัวเจ็ดสีไปก็มาหาถึงที่ขนาดนี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องจัดการกับศัตรูก่อนเป็นอันดับแรกดังนั้น รองเจ้าสำนักจะต้องลงมือจัดการเย่เทียนหยู่ด้วยตัวเองก่อนอย่างแน่นอนราชามังกรแห่งพรรคมังกรคนนี้อาจจะคิดว่าตัวเองมีอำนาจล้นฟ้า แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเขากำลังล่วงเกินกับการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ ซึ่งในวันนี้ ตอนนี้ ก็คือวันตายของเขาในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจินตนาการถึงความเป็นไปได้อันน่าตื่นเต้นอยู่นั้นเอง ทันใดนั้น เจวี๋ยซินก็รีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคุกเข่าลงในทันที พร้อมทั้งกล่าวออกไปด้วยความเคารพว่า “กระผมขอคารวะนายท่าน!”“คารวะท่านบรรพจารย์!”หลังจากที่เห็นเจวี๋ยซินคุกเข่า ทุกคนยกเว้นผู้ที่เกี่ยวข้องต่างก็มีสีหน้าตกตะลึก ดวงตาเบิกโพลงกันหมดอ้าปากกว้างจนสามารถยัดไข่ไก่เข้าไปได้ทั้งฟองเลยทีเดียวแม้แต่ผู้อาวุโสหูที่กำลังคุกเข่าคำนับบรรพจารย์ด้วยความประหม่าก
เมื่อผู้อาวุโสหูเห็นท่าทีที่น่าสงสารของทั้งสอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดเบา ๆ ออกไปว่า “ท่านเจ้าสำนัก ครั้งนี้เรื่องที่ไป๋เฉินปิดบังข้อมูลกับพวกเราเป็นสิ่งที่ไม่ควรก็จริง แต่เห็นแก่ความพยายามและความตั้งใจในอดีตของเขา พวกเราให้โอกาสเขาอีกสักครั้งดีไหมครับ?”“ให้โอกาสมันงั้นเหรอ แล้วใครจะให้โอกาสฉันกันล่ะ? !”เจวี๋ยซินแสดงท่าทีเย็นชาออกมาพร้อมกับความโกรธ เขาหันไปมองผู้อาวุโสหู จากนั้นชี่แท้ของเขาก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกาย ซึ่งมาพร้อมกับแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวผู้อาวุโสหูหน้าซีด ร่างกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา เขายังไม่เคยเห็นรองเจ้าสำนักโกรธตนมากขนาดนี้มาก่อน เรื่องนี้มันร้ายแรกมากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์อย่างเจ้าตำหนักหยู่ แท้จริงแล้วเขาคือราชามังกรแห่งพรรคมังกร เพราะไม่อย่านั้น เขาก็คงจะรู้เหตุผลแล้วว่าเพราะเหตุใดรองเจ้าสำนักถึงได้โมโหหัวหน้าใหญ่ไป๋เองก็รู้สึกสับสนเหมือนกัน และแรงกดดันมหาศาลก็ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านแต่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ต่อให้ราชามังกรแห่งพรรคมังกรจะแข็งแกร่งมากแค่ไห
คุณนายไป๋ที่ได้ยินคำพูดของหัวหน้าใหญ่ เธอก็ตระหนักได้ว่าตนน่าจะพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป เธอจึงรีบอธิบายออกไปทันทีว่า “นายท่านทั้งสอง ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่เมื่อกี้ฉันพูดอะไรออกไปโดยไม่คิด อย่าสนใจสิ่งที่ฉันพูดเลยนะคะ”หัวหน้าใหญ่ไป๋คิดว่า แค่ภรรยาของเขาปิดปากเงียบอย่างเชื่อฟัง ไม่พูดอะไรอีกก็เพียงพอแล้วแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เธอยังจะพูดประโยคพวกนี้ออกมาอีกนี่มันเท่ากับกำลังปกปิดความผิดตัวเองแบบหน้าด้าน ๆ เลยไม่ใช่รึไง?เจวี๋ยซินพูดอะไรไม่ออก นี่พวกมันสองผัวเมียคิดว่าพวกตนโง่มากรึไง พวกตนดูไม่มีสมองมากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?ผู้อาวุโสหูเองก็หมดคำจะพูด เขาได้แต่จ้องตาเขม็งไปยังหัวหน้าใหญ่ไป๋ ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “ไป๋เฉิน แกบังอาจมากนะ ทั้ง ๆ ที่รู้ตัวตนของอีกฝ่าย แต่แกกลับกล้าปิดบังพวกเรา”“ผมถูกใส่ร้ายครับ!”หัวหน้าใหญ่ไป๋รีบคิดข้อแก้ตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดออกไปว่า “กระผมถูกใส่ร้ายจริง ๆ นะครับ ตอนแรกที่ผมรายงานไป ผมแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย มาวันนี้ผมเองก็เพิ่งจะได้รู้ที่มาของอีกฝ่าย ว่าที่แท้ก็เป็นถึงราชามังกรแห่งพรรมังกร”ผู้อาวุโสหูที่ได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกว่าม
แม้ว่าจะเป็นรองเจ้าสำนัก แต่ที่ทุกคนต้องเรียกแบบนั้น ก็เพราะนั่นคือความต้องการของเจวี๋ยเทียนพอเห็นท่าทีของหัวหน้าใหญ่ไป๋ ในที่สุดคุณนายไป๋ก็ได้สติ เมื่อนึกถึงคำพูดที่หัวหน้าใหญ่ไป๋เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมา เธอก็เพิ่งจะตระหนักได้ ว่าสองคนที่อยู่ตรงหน้าคืนผู้แข็งแกร่งที่พวกตนรอคอยอยู่ แถมเธอก็เพิ่งจะด่าทออีกฝ่ายไป กระทั่งยังเผลอไปพูดจาอวดดีใส่จนถูกตบอีกด้วยใช่ว่าเธอจะไม่รู้ถึงความน่ากลัวและความแข็งแกร่งของสำนักเจวี๋ยฉิง ยังไงซะเธอก็ได้ยินหัวหน้าใหญ่ไป๋พูดถึงอยู่บ่อยครั้งแม้ว่าตระกูลไป๋จะดูแข็งแกร่งในสายตาของคนทั่วไป แต่ในสายตาของสำนักเจวี๋ยฉิง แทบไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลยแม้แต่น้อย พริบตาเดียวอีกฝ่ายก็สามารถทำให้พวกเขาหายไปจากโลกนี้ได้แล้วที่เธอพูดไม่คิดออกมาแบบนั้นก็เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่มา เธอแค่ต้องการระบายอารมณ์นิดหน่อยก็เท่านั้นเธอจะรู้ได้อย่างไร ว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายจะปรากฏตัวกะทันหันแบบนี้ คนใหญ่คนโตโดยทั่วไปแล้ว ควรจะเดินเข้ามาทางประตู จากนั้นก็มีการต้อนรับอย่างเป็นทางการไม่ใช่รึไงมีที่ไหนกันที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบนี้ เธอแทบไม่มีเวลาให้ป้องกันตัวเลยด้วยซ้ำ!เมื่อคุณนายไ
บางทีอาจจะเป็นเพราะรอนานจนเกินไป คุณนายไป๋จึงเริ่มรู้สึกหมดความอดทนขึ้นมา เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจออกไปว่า “พี่เฉินคะ คนของสำนักเจวี๋ยฉิงนี่มันยังไงกันแน่”“เป็นถึงรองเจ้าสำนักแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้จักมาให้ตรงเวลา แถมยังทำให้คนอื่นต้องรอนานขนาดนี้อีก”“หุบปาก หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว!”หัวหน้าใหญ่ไป๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตกใจ คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เขานั้นกลับรู้ดี สำนักเจวี๋ยฉิงเป็นสำนักที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมมากที่สุด ศิษย์ในสำนักแต่ละคนร้ายกาจกันทั้งนั้น กล้าพูดออกมาแบบนี้ได้ยังไงยิ่งไปกว่านั้น คนที่เธอด่าก็เป็นถึงรองเจ้าสำนักเจวี๋ยฉิง เป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้เชียวนะ เกิดเขามาได้ยินเข้า เกรงว่าคงไม่ได้ตายดีแน่พี่เฉินแทบจะไม่เคยด่าเธอเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับด่าเธอเพียงเพราะเธอพูดประโยคนี้ออกมานี่จึงทำให้คุณนายไป๋รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ก่อนจะบ่นออกไปว่า “ฉันพูดไร้สาระที่ไหน เห็น ๆ อยู่ว่ารองเจ้าสำนักคนนี้ทำตัวไม่มีเหตุผล เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน!”หัวหน้าใหญ่ไป๋ทั้งโกรธทั้งรน เขาอย่ากที่จะด่าเธอกลับแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงที่ค่อนข้างเย็นชาก็ดังขึ้นมาพร้อ