แม้ว่าฮูเหยียนลี่จะงุนงง แต่ลูกศรคลึงอยู่บนเชือกแล้วก็ต้องยิง เขายังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่ลังเล แต่การโจมตีของเขาก็โหดเหี้ยมกว่าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะแทงเย่เทียนหยู่ที่คอ เขาก็รู้สึกภูมิใจในใจ แต่ชายตรงหน้าก็ยังไม่ขยับเลย เมื่อกี้เขาตกใจไปเองแท้ ๆแต่วินาทีต่อมา สีหน้าของฮูเหยียนลี่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะในขณะนี้ ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็ลงมือ ยิ่งกว่านั้นทันทีที่เขาลงมือ เขาก็บีบคอของฮูเหยียนลี่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออ้ากกก!ไม่สิ ทำไมเขาถึงเร็วขนาดนี้!หรือว่าเขาเป็นจะเป็นปรมาจารย์จริง ๆ?กึก!วินาทีต่อมา ดวงตาของฮูเหยียนลี่ก็เบิกกว้างขึ้น เขาลืมตาเบิกโพลงดวยความเหลือเชื่อ เขาพยายามคิดถึงสถานการณ์ให้ชัดเจน แต่เขาสูญเสียพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงกับพื้นจนกระทั่งถึงช่วงเวลาแห่งความตาย เขาไม่มีไม่ทันได้ตอบสนองเลยเขาไม่อยากจะเชื่อเลย นี่เขาตายแบบนี้เหรอ?แต่ในวินาทีสุดท้าย ในที่สุดเขาก็เชื่อว่าเย่เทียนหยู่เป็นยอดแห่งผู้มากฝีมือจริงๆหลังจากจัดการกับฮูเหยียนลี่แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ส่ายหน้าวันนี้เขายังคงรู้สึกไม่สบายใจ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่ฆ่าคนขนาดน
เพราะอย่างนั้น แน่นอนว่าเขาไม่เห็น“อ่อ ไม่เป็นไร ผมไม่รบกวนคุณเย่แล้วครับ”“โอเค!”เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์และไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกกงซุนจื้อเป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ไม่ควรค่าแก่ความสนใจของเขาแต่กงซุนจื้อโกรธมาก เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเย่เทียนหยู่ เพียงแค่เขาไม่รู้ว่าเย่เทียนหยู่ทำได้ยังไงกันดูเหมือนว่าเขาจะประเมินเย่เทียนหยู่ต่ำไปจริง ๆเนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในบริษัทหลินหว่านหรูจึงมีงานยุ่งตลอดเวลา จนถึงเที่ยงวัน เธอก็ยังไม่เห็นเย่เทียนหยู่มาที่บริษัทตาบ้านั่นเขาหยุดงานเหรอ?แม้ว่าคำพูดบางคำของเขาจะรุนแรงเกินไปหน่อย แต่นั่นก็เพราะเขาชอบทำผิดเรื่องนี้อยู่เรื่อยหรอกเหรอ?ดูเหมือนเธอจำเป็นต้องพูดตรง ๆ กับเย่เทียนหยู่เพื่อดูว่าเขาคิดยังไงกันแน่ถ้าไม่เหมาะจริง ๆ การแยกทางกันจะดีต่อทั้งสองฝ่ายเย่เทียนหยู่ในตอนนี้ ด้วยผลงานที่โดดเด่นของเขา แม้ว่าในอนาคตอาจจะไม่ได้ร่ำรวยมหาศาล แต่การมีชีวิตรอดจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในขณะนี้หลินหว่านหรูสังเกตเห็นข่าวใหม่บนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องของหน้าม้าที่ถูกจ้างมาปฏิบัติการครั้งนี้ที่ต่างออกมา
หลินหว่านหรูกลับมาที่ห้องก่อนจะหยิบกล่องเก็บของออกจากตู้เซฟ เธอเปิดมันแล้วหยิบจี้หยกที่ซ่อนอยู่ข้างในขึ้นมา ความทรงจำวัยเด็กไหลทะลักเข้ามาในความทรงจำของเธอแม้ว่าเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันจะสั้นมาก แต่ความประทับใจนั้นกลับลึกซึ้งเกินบรรยายและเธอก็เก็บมันไว้ลึก ๆ ในใจเพื่อรอการปรากฏตัวของเขาแม้จะรอคอยมานานหลายปีแต่ตัวเธอก็ไม่เคยลืมมันเลยแต่ว่าเพราะอะไรกันนะ เธอไม่รู้สึกประหลาดใจหรือดีใจเลย เมื่อรู้ว่ากงซุนจื้อเป็นขอทานตัวน้อยในตอนนั้น ถึงกับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยด้วยซ้ำอาจเป็นเพราะเย่เทียนหยู่หลังจากใช้เวลาร่วมกันมาพักใหญ่ หลินหว่านหรูก็ค้นพบว่าเย่เทียนหยู่ได้เข้ามาอยู่ในหัวใจของเธอ และสถานะของเขาก็ไม่ได้ต่ำกว่าขอทานตัวน้อยในตอนนั้นเลยหากว่าตอนแรกเธอไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เหตุการณ์ในระยะนี้ทำให้เธอตระหนักได้มากขึ้นว่าเธอมีเย่เทียนหยู่อยู่ในใจแล้วแต่ว่าเธอรู้สึกอยู่เสมอว่าเธอผิดสัญญากับขอทานตัวน้อยแต่หลังจากพบว่า กงซุนจื้อเป็นขอทานตัวน้อยในตอนนั้น หลินหว่านหรูก็ตระหนักว่าเธอไม่อยากอยู่กับ กงซุนจื้อเลย และสิ่งเดียวที่อยู่ในสมองของเธอตอนนี้ก็คือเย่เทียนหยู่เพียงแค่ว่า เย่เ
เย่เทียนหยู่กดหมายเลขโทรศัพท์ของเฉินเค่อซินทันทีหลังจากนั้นไม่นานเฉินเค่อซินก็รับสาย “สวัสดีค่ะ!”“เค่อซิน ผมเองนะ”“พี่เย่!”“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหา” เย่เทียนหยู่พูดออกไปทันที“พี่เย่ ทำไมจู่ ๆ พี่ถึงคิดจะตามหาฉันล่ะคะ”“คิดว่ายังไงล่ะ ยัยสาวน้อย ทำจี้หยกหายก็ไม่บอกพี่เลยนะ รู้นี่ว่าพี่มีความสามารถและมีหลายวิธีน่ะ” เย่เทียนหยู่กล่าวเพียงแค่ได้ยินเสียงของเย่เทียนหยู่ เฉินเค่อซินก็รู้สึกโล่งใจมากและพูดว่า “พี่เย่ กำลังจัดการเรื่องใหญ่ ฉันกลัวรบกวนพี่น่ะค่ะ”“รบกวนอะไรกัน ถ้าแค่ดูแลเธอพี่ยังทำไม่ได้ จะให้พี่ทำอะไรได้อีก พี่จะวางสายแล้ว ส่งที่อยู่ของเธอมาให้พี่หน่อย”เย่เทียนหยู่กล่าวเมื่อมองดูโทรศัพท์ที่วางสายและคิดถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่เพิ่งพูด เฉินเค่อซินก็รู้สึกมีความสุขมาก ไม่ว่ายังไงเขาก็มีเธออยู่ในใจจริง ๆเรื่องนี้ทำให้อารมณ์หดหู่ของเฉินเค่อซินดีขึ้นมาก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งตำแหน่งของเธอ เธอรู้สึกไม่สบายใจและกำลังเดินไปตามชายหาด“ใครน่ะ?”เมื่อเห็นเฉินเค่อซินวางสายโทรศัพท์ สาวผมสั้นคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอจึงถามอย่างสงสัยสาวผมสั้นคนนั้นมีใบหน้าที่ละเอ
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มีเวลามองไปที่ติงอิ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวย แต่ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเฉินเค่อซินเป็นยังไงบ้างเมื่อได้ยินแบบนั้น เฉินเค่อซินก็รีบพูดว่า “ติงอิ่ง อย่าพูดไร้สาระ พี่เย่มีวิธีจริง ๆ นะ”“นอกจากนี้ พี่เย่ ฉันขอแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือ ติงอิ่ง เพื่อนร่วมชั้นวิทยาลัยของฉันและเป็นเพื่อนสนิทฉันค่ะ”“ติงอิ่ง นี่คือ เย่เทียนหยู่ พี่เย่ของฉันเอง”“เย่เทียนหยู่ใช่ไหม ชื่อก็ค่อนข้างดี แต่จะดีกว่าถ้าเป็นคนถ่อมตัวไม่ชอบคุยโวกับคนอื่น”ติงอิ่งกล่าวอย่างเยาะเย้ย“ติงอิ่ง!”“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ พี่เย่เป็นคนดีมากนะ ยิ่งกว่านั้น เขามีความอำนาจมาก” เฉินเค่อซินพูดด้วยความไม่พอใจ“ก็ได้ งั้นให้ฉันดูหน่อยว่าเขาจะช่วยเธอหาจี้หยกได้ยังไง”เมื่อเห็นเฉินเค่อซินคอยปกป้องเขา ติงอิ่งก็เลิกทำให้เธอำลบากใจ แต่เธอไม่ได้ตั้งใจปล่อยเย่เทียนหยู่ไปเช่นกันแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะสวยมาก แต่เย่เทียนหยู่ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะรับมือกับคนแบบเธอ เขาพูดว่า “เค่อซิน บอกผมหน่อยว่าคุณทำจี้หยกหายได้ยังไง”“ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่รู้หายไปตอนไหน” ติงอิ่งตอบแทนเธอเย
“ได้ พี่จะช่วยเธอหามันอย่างแน่นอน”เย่เทียนหยู่ยืนยัน แต่เจตนาสงัการกลับปรากฏขึ้นในหัวใจของเขาไม่รู้ว่าคนหน้าด้านคนไหนขโมยจี้หยกของเค่อซินไป แต่เขาจะไม่มีวันปล่อยคนคนนั้นไปแน่ และเขาจะสอนบทเรียนอันเลวร้ายให้เขากับเขาอย่างแน่นอน“ขอบคุณค่ะพี่เย่ รบกวนพี่ด้วยนะคะ”สีหน้าของเฉินเค่อซินอ่อนลงเล็กน้อยหลังจากได้รับสัญญาจากเย่เทียนหยู่แต่ว่าสีหน้าของเธอยังคงดูเศร้าอยู่มาก เห็นได้ชัดว่าเธอกังวลมากว่าอาจไม่สามารถหามันกลับมาได้ เพราะมันหายไปหลายวันแล้วเมื่อเห็นเฉินเค่อซินเช่นนี้ เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกลังเลเล็กน้อยในใจ เดิมที เขาวางแผนที่จะบอกตัวตนของเขากับเฉินเค่อซินแต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนถ้าพูดตอนนี้ เค่อซินจะโทษตัวเองหรือเปล่านะช่างมันเถอะ หาจี้หยกให้เจอก่อนแล้วกันเย่เทียนหยู่ถามเฉินเค่อซินว่าครั้งแรกที่รู้ตัวว่าจี้หยกหายไปคือตอนไหน หลังจากถามสถานการณ์แล้ว เขาก็โทรหาถันล่างทันทีเนื่องจากเมื่อเร็ว ๆ นี้เฉินเค่อซินได้ไปทำงานที่บริษัท เธอจึงสวมจี้หยกทุกครั้ง แม้ว่าจี้หยกจะซ่อนอยู่ในเสื้อผ้า แต่ก็มีเชือกคล้องรอบคอกล้องวงจรปิดเห็นได้แค่บางส่วนเท่านั้นจากเหตุโจมตีอาค
เช้าวันรุ่งขึ้น ติงอิ่งมาหาเฉินเค่อซินและยืนกรานที่จะอยู่กับเธอ เธอรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่เป็นคนโกหก และเธอต้องปกป้องเฉินเค่อซินเฉินเค่อซินได้แต่บอกเธอว่าพี่เย่ไม่ใช่คนโกหกอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น พี่เย่ยังบอกด้วยว่าเขาจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับตัวเธอในวันนี้เมื่อได้ยินแบบนั้น ติงอิ่งก็รบเร้าเฉินเค่อซินมากยิ่งขึ้น เธอไม่เชื่อว่าเย่เทียนหยู่จะแข็งแกร่งขนาดนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยง ที่เย่เทียนหยู่รีบไปตามที่อยู่ของเฉินเค่อซินเฉินเค่อซินมองเย่เทียนหยู่อย่างคาดหวัง แต่เห็นว่ามือของเขาว่างเปล่า แววตาของเธอก็ดูผิดหวัง แต่เธอก็ยังคงพูดว่า “พี่เย่ ในเวลาอันสั้นแบบนี้การจะหาไม่เจอก็เป็นเรื่องปกตินะคะ”“ไม่สิ มันจะเป็นเรื่องปกติได้ยังไง มีคนบอกว่าจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับเธอไม่ใช่เหรอ” ติงอิ่งไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยเย่เทียนหยู่ไปทั้งแบบนี้เย่เทียนหยู่เพิกเฉยต่อติงอิ่ง และเพียงพูดว่า “เค่อซิน พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ บอกให้เธอออกไปก่อนได้ไหม”“ไม่ ทำไมถึงอยากให้ฉันออกไป เรื่องนี้มีอะไรน่าละอายรึไง” ติงอิ่งไม่พอใจทันทีแต่เฉินเค่อซินพูดโดยไม่ลังเล “ติงอิ่ง ฉันขอโทษนะ เธอออกไปก่อนเถอะ”เมื
หลังจากยืนยันว่านี่คือจี้หยกที่เขาทำหล่น เฉินเค่อซิงก็จับมันไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เธอกลัวว่าจะพลาดหายไปอีกครั้ง และน้ำตาแห่งความตื่นเต้นก็ไหลลงมาไม่คิดเลยว่าหลังจากค้นหามันมานาน เธอจะพบมันโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆขณะที่ติงอิ่งกำลังมีความสุข เธอก็เยาะเย้ยว่า “มีคนอวดดีมากมาย แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่สำเร็จ ยังต้องให้คนอื่นเก็บกลับมาคืนอยู่ดี”“หาเจอก็ดีแล้วล่ะ บางทีหากไม่มีความพยายามของพี่เย่ที่จะช่วยฉันหา อีกฝ่ายก็คงไม่ริเริ่มคืนก็ได้นะ” เฉินเค่อซินกล่าวอย่างมีความสุข“ยังไปให้ความดีความชอบเขาอีก!”“เค่อซิน เธอบอกไปแล้วว่าเขามีภรรยา เธอต้องไม่สับสนสิ” ติงอิ่งพูดอย่างช่วยไม่ได้“รู้แล้วล่ะ”เฉินเค่อซินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่เย่ พี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย หิวกันหมดแล้วสินะคะ ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ วันนี้ผมจะเลี้ยงเอง”เย่เทียนหยู่พยักหน้าและอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเขาเห็นเธอดูผ่อนคลายและมีความสุขมาก เขารู้ว่าเขาควรจะบอกตัวตนของเขากับเธอในครั้งแรกแต่ว่าเขากังวลว่าศัตรูที่เผาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนั้นจะติดตามเบาะแสเพื่อตามหาเขา หากเขารู้เขายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ การเจอต