หลังจากยืนยันว่านี่คือจี้หยกที่เขาทำหล่น เฉินเค่อซิงก็จับมันไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เธอกลัวว่าจะพลาดหายไปอีกครั้ง และน้ำตาแห่งความตื่นเต้นก็ไหลลงมาไม่คิดเลยว่าหลังจากค้นหามันมานาน เธอจะพบมันโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆขณะที่ติงอิ่งกำลังมีความสุข เธอก็เยาะเย้ยว่า “มีคนอวดดีมากมาย แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่สำเร็จ ยังต้องให้คนอื่นเก็บกลับมาคืนอยู่ดี”“หาเจอก็ดีแล้วล่ะ บางทีหากไม่มีความพยายามของพี่เย่ที่จะช่วยฉันหา อีกฝ่ายก็คงไม่ริเริ่มคืนก็ได้นะ” เฉินเค่อซินกล่าวอย่างมีความสุข“ยังไปให้ความดีความชอบเขาอีก!”“เค่อซิน เธอบอกไปแล้วว่าเขามีภรรยา เธอต้องไม่สับสนสิ” ติงอิ่งพูดอย่างช่วยไม่ได้“รู้แล้วล่ะ”เฉินเค่อซินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่เย่ พี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย หิวกันหมดแล้วสินะคะ ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ วันนี้ผมจะเลี้ยงเอง”เย่เทียนหยู่พยักหน้าและอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเขาเห็นเธอดูผ่อนคลายและมีความสุขมาก เขารู้ว่าเขาควรจะบอกตัวตนของเขากับเธอในครั้งแรกแต่ว่าเขากังวลว่าศัตรูที่เผาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนั้นจะติดตามเบาะแสเพื่อตามหาเขา หากเขารู้เขายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ การเจอต
เฉินเค่อซินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินข้อเสนอของเย่เทียนหยู่ว่าจะไปกับเธอ โดยเฉพาะหลังจากวันนี้ เธอพบว่าเธอคิดถึงพี่เย่จริง ๆแม้ว่าทั้งสองจะไม่สามารถเป็นคู่รักกันได้ แต่เธอก็ยังมีความสุขที่ได้อยู่กับเขาเป็นครั้งคราวแต่ติงอิ่งก็พูดทันทีว่า “ไม่ พวกเรากำลังจะมีการรวมตัวเพื่อร่วมชั้น คุณไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของเรา ทำไมคุณถึงไปล่ะ”“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พวกเขาบอกว่าห้ามพาแฟนหรือสามีไปเหรอ?” เฉินเค่อซินโต้กลับทันที“แล้วเขาเป็นแฟนของคุณหรือสามีของเธอรึไง” ติงอิ่งถามด้วยความโกรธใบหน้าของเฉินเค่อซินเปลี่ยนเป็นสีแดง และเธอก็พูดไม่ออก แต่เย่เทียนหยู่ก็เข้ามารับหน้าที่ “ผมแกล้งทำก็ได้นี่”“ฮึ่ม แกล้งแบบไหนล่ะ? ฉันคิดว่าคุณแค่วางแผนจับเค่อซินหรอก” ติงอิ่งกล่าว“ติงอิ่ง!”เฉินเค่อซินอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่เย่ไม่ใช่คนอย่างที่เธอคิดนะ ถ้าเขาต้องการทำอะไรกับฉันจริง ๆ เขาคงทำสำเร็จไปนานแล้ว คงไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก”หลังจากพูดแบบนี้ เธอก็ตระหนักว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นผิด และใบหน้าของเธอก็แดงยิ่งขึ้นติงอิ่งดูตกตะลึง เธอคงจะบ้าไปแล้วจริง ๆเธอชอบผู้ชายที่แต่งงานแล้วมากถึงขนาดนี้เลยเหรอ ในความ
“ไม่ เธอไม่ต้องการหรอก” เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าติงอิ่งได้ยินก็พูดทันทีว่า “นี่ นายอยากทำอะไรล่ะ คงไม่ได้อยากหย่าแล้วมาจีบเค่อซินใช่ไหม”“ติงอิ่ง!”คราวนี้ ก่อนที่เย่เทียนหยู่จะพูดได้ เฉินเค่อซินก็ตะโกนด้วยความโกรธทันที“โอเค ฉันจะไม่พูดแล้ว” ติงอิ่งรู้สึกหวาดกลัวกับการเสียงของเฉินเค่อซิน และเธอก็เกลียดเย่เทียนหยู่มากยิ่งขึ้นเธอคิดกับตัวเองว่าแค่ชายหนุ่มรูปหล่อไร้ความสามารถไม่ใช่รึไง คืนนี้เธอจะต้องทำให้เย่เทียนหยู่อับอายให้ได้ ให้เขารู้ว่าเขาไม่คู่ควรกับเฉินเค่อซินเลยในทางกลับกัน เย่เทียนหยู่มีสีหน้าอ่อนลงและพูดว่า “เค่อซิน ไม่เป็นไรหรอก! พวกเธอจะรวมตัวกันที่ไหน? เกือบจะหกโมงแล้ว ใกล้จะถึงเวลาแล้วใช่ไหม?”“ดูเหมือนว่าจะหนึ่งทุ่มครึ่งนะ ที่ตึกหวังไห่” เฉินเค่อซินเหลือบมองติงอิ่งแล้วพูดติงอิ่งพยักหน้ารับเธอ“โอเค ไปที่นั่นตอนนี้เลย”เย่เทียนหยู่กล่าวเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลินหว่านหรูโกรธมาก แต่เย่เทียนหยู่ไม่ได้อยู่ตรงหน้าเธอไม่อย่างนั้นเธอคงตบหน้าเขาไปแล้วใครทำให้เขามั่นใจว่าจะเย่อหยิ่งผยอง และไม่สนใจเธอเลยได้แบบนี้เป็นเพราะอะไรกันแน่!ไม่ใช่คนที่เพิ่งลงมาจาก
ตึกหวังไห่ ดวงไฟเปิดเอาไว้สว่างไสว!บริเวณลานจอดรถบริเวณทางเข้ามีรถหรูหลายคัน เห็นได้ว่าร้านอาหารแห่งนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนในเวลานี้มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งประมาณยี่สิบคน หลายคนในกลุ่มนั้นมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าประหลาดใจมากกับทุกสิ่งที่นี่ชายหนุ่มผู้นำแต่งตัวหรูหรา เขาหล่อและมีเสน่ห์ทีเดียวชื่อของเขาคือเกาเสียง เขาเป็นสปอนเซอร์ให้กับการรวมตัวครั้งนี้ข้าง ๆ เขามีหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่งยืนอยู่เป็นหญิงสาวในสวมชุดเดรสยาวสีดำ มีรูปร่างที่สง่างาม และมีเสน่ห์เฉพาะตัว และแต่งหน้าแบบบางเบาเบื้องหลังทั้งสองคน คือ โจวเหยา หัวหน้าห้องที่ติดตามพวกเขาพูดเสียงดัง “เห็นไหมว่านี่คือหนึ่งในสี่อาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเทียนไห่ ตึกหวังไห่”“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดา อาหารอาจมีราคาหลายแสนบาท ผมเชื่อว่าพวกคุณคงไม่เคยกินมาก่อน วันนี้น่ะอาศัยบารมีพี่เสียงหรอกนะ ไม่อย่างนั้นทั้งชีวิตนี้คงไม่ได้กินหรอก”“ใช่ วันนี้ฉันควรจะขอบคุณพี่เสียงจริง ๆ ถ้าไม่มีเขา ฉันคงไม่กล้ามาที่นี่ด้วยซ้ำ”“ฮ่าฮ่า ฉันก็เหมือนกัน อีกพักเข้าไปแล้วฉันจะขอบคุณพี่เสียงสักหน่อย”“จริงสิ หัวหน้าห้อง คุณมีค
ในขณะนี้ เขาเห็นบุคคลหนึ่ง ภาพใหญ่ที่ทำให้ทุกคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาหวาดกลัว คุณชายเย่ ซึ่งประธานหยางบอกกับเขาร่างกายของผู้จัดการสั่นเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นเย่เทียนหยู่ท่ามกลางคนกลุ่มนี้ที่แท้แล้วเย่เทียนหยู่และอีกสามคนมาถึงช้าเล็กน้อย หลังจากเข้ามา ติงอิ่งพบว่าเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมดมารวมตัวกันที่นี่ และดูเหมือนว่าพวกเขาไม่มีห้องวีไอพีให้นั่งเธออดไม่ได้ที่จะแทรกตัวไปข้างหน้าเพื่อดูสถานการณ์เฉินเค่อซินตามมาและเย่เทียนหยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นติงอิ่งถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”“ห้องวีไอพีถูกยึดไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีห้องส่วนตัว พวกเขาบอกว่าจะให้เรานั่งในล็อบบี้” เพื่อนร่วมชั้นอธิบายเกาเสียงกังวลมาก เขายอมขายหน้าไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้แสดงให้เห็นถึงความสง่างามและอำนาจในปัจจุบันของเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงบีบให้จางซวนมาเป็นแฟนเขาต่อหน้าทุกคนไม่ได้หรอกเดิมที เขาแสวงหาความสุขไปกับการแก้แค้น แสดงความสามารถในปัจจุบันของเขาและเพลิดเพลินกับคำชมของทุกคนใครจะคิดว่ายังไม่ทันเริ่มก็ต้องขายหน้าเสียแล้ว“ผู้จัดการ ให้เกียรติผมหน่อยเถอะ ยังไงตระกูลเกาของเราก็มีอุตสาหกรรมมาก
“เฉินเค่อซิน คน ๆ นี้คือ?”เกาเสียงอยากหาเฉินเค่อซิน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน และไม่สามารถติดต่อได้ แต่ว่าในไม่ช้าเขาก็สังเกตเห็นเย่เทียนหยู่ข้าง ๆ เธอเฉินเค่อซินตกตะลึงเล็กน้อยและกำลังคิดว่าจะแนะนำเขายังไงเย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น “ผมชื่อ เย่เทียนหยู่ เป็นแฟนของเค่อซินครับ!”ทันทีที่สิ้นคำพูดเหล่านั้น สีหน้าของเกาเสียงก็เปลี่ยนไปทันทีแม้ว่าเขาจะไม่ได้เจอเธอมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เขาก็คิดถึงเฉินเค่อซินมาโดยตลอด เดิมทีเขามาที่นี่เพื่ออวดความสำเร็จของเขา แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเฉินเค่อซินแต่ว่าเขาไม่ได้แตกคอในทันที เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “แน่นอน นี่ไม่ใช่ความจริงใช่ไหม ต่อให้ตาบอดแค่ไหนก็คงไม่ตาบอดถึงขนาดนี้หรอกมั้ง”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็ส่ายหน้า เขาเป็นแค่เด็กงี่เง่าเอาแต่ใจชัด ๆเมื่อเฉินเค่อซินได้ยินคำแนะนำของเย่เทียนหยู่เธอก็แอบมีความสุขและเขินอาย แต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเกาเสียงเธอก็พูดทันที “เกาเสียงโปรดระวังสิ่งที่คุณพูด พี่เย่ไม่ใช่คนธรรมดานะ อย่างฉันไม่คู่ควรกับเขาด้วยซ้ำไป”“เหอะ ๆ เค่อซิน ถึงอยากจะโฆษณาแฟนยังไงก็ไม่ต้องพูดเกินจริงขนาดนั้
เกาเสียงดูเหมือนไม่คำนึงเลยว่าการกระทำจะทำให้เขาสูญเสียคุณค่า หรืออาจทำให้คนอื่นกลัว เขาพูดขึ้นว่า “จางซวน บอกทุกคนสิ ว่าคุณเป็นทาสของผมหรือเปล่า”ใบหน้าของจางซวนเขินอายมาก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความอัปยศอดสู แต่เธอพูดว่า “ใช่ ฉันเป็นทาสของพี่เสียง!”“พี่จาง!”“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยนะคะ!”เฉินเค่อซินเริ่มวิตกกังวลและพูดว่า “พี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ? บอกฉันแล้วเราจะช่วยพี่เอง”เธออาจไม่มีวิธีแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่พี่เย่ผู้มีอำนาจมหาศาลจะต้องมีวิธีแก้ปัญหาอย่างแน่นอนเพราะถึงยังไง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดในร้านอาหารครั้งที่แล้วหรือหลาย ๆ อย่างก่อนหน้านี้ เธอก็ค้นพบว่าพี่เย่มีพลังอำนาจมากจางซวนมองไปที่เฉินเค่อซินและลังเล แต่เธอก็ไม่พูดอะไร ตอนที่เฉินเค่อซินเรียนอยู่เธอยากจนมาก และแฟนที่เธอคบหาก็ดูธรรมดาๆแต่เธอขาดเงินมากกว่าห้าล้านบาท พูดเรื่องนี้ไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไร“เหอะ ๆ อยากช่วยเธอเหรอเฉินเค่อซิน บ้านเธอรวยขึ้นแล้วหรือยังไง?” เกาเสียงถามเสียงเรียบ“ไม่ต้องให้คุณมายุ่งหรอก!”“เป็นเรื่องเงินเหรอคะ? เท่าไร?” เฉินเค่อซินถามทันที“เฉินเค่อซินอย่างเธอน่ะอย่าดีก
ไม่มีใครเชื่อเขาเว้นแต่เฉินเค่อซินเธอรู้ว่าพี่เย่ต้องไม่ได้กำลังยิงธนูไร้เป้าอยู่แน่เมื่อมองดูท่าทางเยาะเย้ยของทุกคน เย่เทียนหยู่ก็ดูสงบและพูดอย่างใจเย็น “ดีมาก แฟนของคุณจะต้องภูมิใจที่มีแฟนแบบคุณแน่”“มันก็ต้องแหงอยู่แล้วสิ ฉันไม่เหมือนเฉินเค่อซินหรอกนะ ที่เจอขยะไร้หัวนอนปลายเท้าแบบนาย วัน ๆ ทำเป็นแค่คุยโวโอ้อวด”เพราะทุกคนรู้แค่ว่าเกาเสียงรวยมาก รวมกับที่งานเลี้ยงคราวนี้เขาเป็นคนสปอนเซอร์ เกาเสียงจึงเป็นศูนย์กลางในสายตาของทุกคนมาโดยตลอดไม่ง่ายเลยที่จะให้สายตาของทุกคนจะเบี่ยงมารวมกันอยู่ที่เธอบ้างแบบในตอนนี้ เพราะอย่างนั้นหลี่ว์เหมิงจึงภูมิใจมากสำหรับเย่เทียนหยู่ เธอไม่เชื่อเลยว่าคนแบบอีกฝ่ายจะทำอะไรได้ยังบอกอีกว่าจะโทรหาประธานของพวกเขา นี่มันคำพูดเล่นตลกชัด ๆ ไม่ใช่รึไง?ประธานของพวกเขามีฐานะระดับไหน มีคนใหญ่คนโตตั้งมากมายที่ไม่อาจเข้าพบเขาได้ การจะโทรหาเขามันเป็นนิทานปรัมปราชัด ๆถ้าเขาพูดอะไรที่มันพอเป็นไปได้หน่อยบางทีเธออาจจะกังวลใจอยู่บ้าง แต่บอกว่าจะโทรหาประธานถานมันช่างเป็นเรื่องที่น่าขันหลังจากนั้นไม่นาน โทรศัพท์ของเย่เทียนหยู่ก็ถูกรับสาย“คุณชาย!”ถานล่างกำล