เกาเสียงดูเหมือนไม่คำนึงเลยว่าการกระทำจะทำให้เขาสูญเสียคุณค่า หรืออาจทำให้คนอื่นกลัว เขาพูดขึ้นว่า “จางซวน บอกทุกคนสิ ว่าคุณเป็นทาสของผมหรือเปล่า”ใบหน้าของจางซวนเขินอายมาก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความอัปยศอดสู แต่เธอพูดว่า “ใช่ ฉันเป็นทาสของพี่เสียง!”“พี่จาง!”“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยนะคะ!”เฉินเค่อซินเริ่มวิตกกังวลและพูดว่า “พี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ? บอกฉันแล้วเราจะช่วยพี่เอง”เธออาจไม่มีวิธีแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่พี่เย่ผู้มีอำนาจมหาศาลจะต้องมีวิธีแก้ปัญหาอย่างแน่นอนเพราะถึงยังไง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดในร้านอาหารครั้งที่แล้วหรือหลาย ๆ อย่างก่อนหน้านี้ เธอก็ค้นพบว่าพี่เย่มีพลังอำนาจมากจางซวนมองไปที่เฉินเค่อซินและลังเล แต่เธอก็ไม่พูดอะไร ตอนที่เฉินเค่อซินเรียนอยู่เธอยากจนมาก และแฟนที่เธอคบหาก็ดูธรรมดาๆแต่เธอขาดเงินมากกว่าห้าล้านบาท พูดเรื่องนี้ไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไร“เหอะ ๆ อยากช่วยเธอเหรอเฉินเค่อซิน บ้านเธอรวยขึ้นแล้วหรือยังไง?” เกาเสียงถามเสียงเรียบ“ไม่ต้องให้คุณมายุ่งหรอก!”“เป็นเรื่องเงินเหรอคะ? เท่าไร?” เฉินเค่อซินถามทันที“เฉินเค่อซินอย่างเธอน่ะอย่าดีก
ไม่มีใครเชื่อเขาเว้นแต่เฉินเค่อซินเธอรู้ว่าพี่เย่ต้องไม่ได้กำลังยิงธนูไร้เป้าอยู่แน่เมื่อมองดูท่าทางเยาะเย้ยของทุกคน เย่เทียนหยู่ก็ดูสงบและพูดอย่างใจเย็น “ดีมาก แฟนของคุณจะต้องภูมิใจที่มีแฟนแบบคุณแน่”“มันก็ต้องแหงอยู่แล้วสิ ฉันไม่เหมือนเฉินเค่อซินหรอกนะ ที่เจอขยะไร้หัวนอนปลายเท้าแบบนาย วัน ๆ ทำเป็นแค่คุยโวโอ้อวด”เพราะทุกคนรู้แค่ว่าเกาเสียงรวยมาก รวมกับที่งานเลี้ยงคราวนี้เขาเป็นคนสปอนเซอร์ เกาเสียงจึงเป็นศูนย์กลางในสายตาของทุกคนมาโดยตลอดไม่ง่ายเลยที่จะให้สายตาของทุกคนจะเบี่ยงมารวมกันอยู่ที่เธอบ้างแบบในตอนนี้ เพราะอย่างนั้นหลี่ว์เหมิงจึงภูมิใจมากสำหรับเย่เทียนหยู่ เธอไม่เชื่อเลยว่าคนแบบอีกฝ่ายจะทำอะไรได้ยังบอกอีกว่าจะโทรหาประธานของพวกเขา นี่มันคำพูดเล่นตลกชัด ๆ ไม่ใช่รึไง?ประธานของพวกเขามีฐานะระดับไหน มีคนใหญ่คนโตตั้งมากมายที่ไม่อาจเข้าพบเขาได้ การจะโทรหาเขามันเป็นนิทานปรัมปราชัด ๆถ้าเขาพูดอะไรที่มันพอเป็นไปได้หน่อยบางทีเธออาจจะกังวลใจอยู่บ้าง แต่บอกว่าจะโทรหาประธานถานมันช่างเป็นเรื่องที่น่าขันหลังจากนั้นไม่นาน โทรศัพท์ของเย่เทียนหยู่ก็ถูกรับสาย“คุณชาย!”ถานล่างกำล
สำหรับเรื่องนี้ ติงอิ่งเห็นด้วยสุด ๆแต่แล้ว เฉินเค่อซินกลับมองเกาเสียงอย่างเย็นชา “ก่อนอื่น ฉันจะชอบใครมันก็เป็นเรื่องของฉัน ไม่ใช่กงการของใคร” เธอพูดเห็นได้ชัดว่าประโยคนี้เองก็หมายถึงติงอิ่งด้วยเช่นกัน“แล้วอีกอย่าง ฉันน่ะเชื่อในตัวพี่เย่ ฉันเชื่อทุกสิ่งที่เขาพูด”เมื่อติงอิ่งได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกหมดหนทางและพูดว่า “เค่อซิน เป็นแบบนี้แล้วเธอยังจะเชื่อเขาอีกเหรอ”“แน่นอน!”“แล้วก็นะ ติงอิ่ง ถ้าเธอยังไม่เลิกเพ่งเล็งพี่เย่อีก ก็อย่าโทษที่เราคงเป็นไม่ได้แม้แต่เพื่อนกันเลยนะ” เห็นได้ชัดว่าเฉินเค่อซินรู้สึกโกรธกับคำพูดของติงอิ่งมากติงอิ่งรู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอไม่คิดเลยว่าเฉินเค่อซินจะพูดคำที่รุนแรงแบบนี้กับเธอเพียงเพราะผู้ชายตัวไร้ค่าคนนี้ “นี่เธอจะเลิกเป็นเพื่อนกับฉันเพียงเพราะไอ้คนพูดจาอวดดีแบบนี้น่ะเหรอ?” เธอพูดด้วยความโมโห“เขาไม่ได้กำลังอวดดีนะ” เฉินเค่อซินโต้กลับ“ได้ เธอเชื่อเขาใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเรามาเดิมพันกัน ถ้าพรุ่งนี้มีแจ้งว่าแฟนของหลี่ว์เหมิงเกิดเรื่องจริง ฉันจะเชื่อทุกอย่างเกี่ยวกับเขา และต่อไปจะไม่ห้ามพวกเธอคบกันอีก”“แต่ถ้าไม่ เธอห้ามเจอเขาอีกตลอดไป เธอกล้า
เหยากวนพูดอะไรต่ออีกเล็กน้อยแล้วจากไป ก่อนจะจากไป เขามองไปที่เย่เทียนหยู่อีกครั้งก่อนจะเผยท่าทางลังเล แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เข้ามาตีสนิทแน่นอนว่าเย่เทียนหยู่สังเกตเห็น เขารู้ว่าทุกสิ่งที่อีกฝ่ายทำ รวมถึงการให้ห้องวีไอพีนี้มาด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะให้เกียรติเขาเพียงแต่เกาเสียงไม่รู้ เลยนึกว่าตัวเองมีอำนาจมากจนมีความสุขแทบจุกอกและทุกคนก็คิดว่าอีกฝ่ายกำลังทำเพราะให้เกียรติเกาเสียง แม้แต่หลี่ว์เหมิงเองก็ไม่กล้าพูดจาอวดเบ่งต่อ เดิมทีเธอคิดว่าแฟนของเธอเก่งกาจและยอดเยี่ยมมากไม่น่าแปลกใจเลย ที่ตอนนี้ เทียนมู่กรุ๊ปแทบจะกลายมาเป็นอำนาจให้กับเธอ และในสายตาของทุกคน อำนาจนี่ก็พอเทียบได้กับสี่ตระกูลที่ทรงอำนาจแห่งเมืองเทียนไห่“พี่เสียง ฉันขอดื่มอวยพรให้คุณนะคะ วันนี้คุณทำให้พวกเราได้เปิดโลกจริงๆ”“ได้ยินมาว่า อาคารหวังไห่ไม่ใช่สถานที่ที่คนทั่วไปจะเข้ามาได้ คนที่มาต่างก็ล้วนเป็นผู้ดีมีชาติตระกูล แม้แต่ผู้จัดการหวังก็ยังให้เกียรติคุณขนาดนี้”“นั่นน่ะสิ ถึงผมจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่ผมก็เคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับอาคารหวังไห่มาก็มา แต่จากนี้ไปพี่เสียงจะเป็นตำนานของเราแล้วละครับ”เมื่อเห็นทุกค
แต่เย่เทียนหยู่กลับมีท่าทีที่สงบมาก เขาเอ่ยปากเสียงเรียบว่า “นั่นเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจชีวิตจริง ๆ ของเธอต่างหาก ด้วยสถานะของเธอ จะอาหารที่โอชะหรือล้ำค่าขนาดไหนก็หาทานได้เพียงแค่กระดิกนิ้ว!”สิ่งที่เขาหมายถึง คือเค่อซินเป็นน้องสาวของเขา ด้วยความสามารถของเขาแล้ว เค่อซินจะได้รับทุกอย่างที่เธอต้องการ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องจริงแต่ติงอิ่งถึงกับพูดไม่ออกโดยเฉพาะสีหน้าจริงจังของเย่เทียนหยู่ เขาทำราวกับว่านี่มันเป็นเรื่องจริงยังไงหยั่งงั้นแน่นอนว่าเกาเสียงและคนอื่น ๆ ไม่มีทางเชื่อเรื่องแบบนี้ พวกเขาพากันเยาะเย้ย “แก ถ้าเก่งมากนัก วันนี้ก็เลี้ยงอาหารเราดูหน่อยเป็นไง”“ผมเลี้ยงเหรอ?”“ผมเป็นประสาทรึไง? ไม่ได้รู้จักมักจี่กับพวกคุณสักหน่อย ทำไม่ต้องเลี้ยงด้วย”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า“ลืมซะ ทุกคนไม่ต้องไปคุยกับเขา เขาบอกว่าคืนนี้จะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับแฟนของหลี่ว์เหมิง ถ้าไม่อย่างนั้น คืนนี้เราก็จัดการกับเขา”โจวเหยาเอ่ยปาก อาศัยคำพูดนี้ คืนนี้เขาต้องจัดการเย่เทียนหยู่ให้เละ“ถูกต้อง เราจะให้เวลาเขาอีกสองชั่วโมง” หลี่ว์เหมิงพูดอย่างเย็นชา“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้คุณลองโทรถามได้แล้ว ถ้าไม่ผิดพลาดล
เนื่องจากโทรศัพท์มือถือของหลี่ว์เหมิงเปิดลำโพง ทุกคนรอบตัวเธอจึงได้ยินเสียงของหูไหลที่กำลังโมโหเกรี้ยวกราดทันใดนั้น ทุกคนต่างก็ตะลึงงันเกิดอะไรขึ้น?หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าหูไหลคงถูกการกระทำของหลี่ว์เหมิงสร้างปัญหา เพราะอย่างนั้นเขาจึงส่งเสียงตะคอกด้วยความสิ้นหวังและโกรธเคืองหลี่ว์เหมิงตกใจและดูสับสน “พ...พี่หู นี่พี่กำลังทำอะไรกันคะ?”“ทำอะไรเหรอ? ก็ทำแม่งมันหมดนั่นล่ะวะ!”“ถ้าอยากโง่นักก็โง่ไปคนเดียวสิวะ ลากกูไปเกี่ยวด้วยทำไม!”“ยังกล้าพูดอีกว่าคนอื่นโง่ แกต่างหากที่เป็นคนที่โง่ที่สุด!”หูไหลโกรธมาก เขาไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าสาเหตุที่แท้จริงมาจากผู้หญิงที่เขาออกเดทด้วยไม่นานคนนี้หลี่ว์เหมิงตกตะลึง ในขณะนี้ เธอได้เข้าใจในที่สุด ว่าโทรศัพท์ของเย่เทียนหยู่เป็นการโทรถึงประธานถานจริง ๆ และเขาได้จับแฟนของเธอแล้วเธออยากอธิบายว่าเธอไม่ได้ตั้งใจแต่อีกโทรศัพท์ของหูไหลถูกตัดไป และไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก เขาทำได้เพียงสารภาพทุกอย่างไปตามความจริงการยั่วยุคนที่สามารถขัดขวางการประชุมใหญ่ของประธานถานให้รับโทรศัพท์ด้วยความเคารพได้ อีกฝ่ายจะต้อ
เฉินเค่อซินรู้สึกสงสารเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลี่ว์เหมิงทำในอดีต เธอก็พูดว่า “เธอก็รู้เหรอว่าเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน แล้วเธอเคยทำอะไรที่เพื่อนร่วมชั้นควรทำบ้าง”“ขอแค่เธอบอกเรื่องที่เคยช่วยฉันไว้ได้สักเรื่อง ฉันก็จะช่วยเธอ”หลี่ว์เหมิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอใช้สมองอย่างหนักเพื่อคิด แต่สุดท้ายคิดไปมากมายก็ล้วนมีแต่เรื่องที่เธอทำร้ายเฉินเค่อซินกับเรื่องที่คอยก่นด่าและดูถูกเธอไม่มีสักเรื่องเลยจริง ๆ แม้แต่เรื่องซื้อข้าวเช้าก็ยังไม่มีฉันรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งฉันคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นหลังจากที่หลี่ว์เหมิงหมดหวัง เธอก็คุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา “เค่อซิน ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ฉันเคยเป็นนังคนสารเลวมาก่อน ฉันสมควรตาย ขอร้องล่ะให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะนะ”“ขอแค่พวกคุณช่วยฉันได้ ฉันจะให้เงินพวกคุณได้ ห้าแสนบาท หรือถ้าห้าแสนไม่พอก็หนึ่งล้าน เอาอย่างนี้ดีไหม ห้าล้าน ฉันให้ได้มากแค่นั้นแล้ว”ภาพเบื้องหน้านี้ทำให้ทุกคนมึนงงเล็กน้อยแต่มันไม่ใช่กงการของพวกเขา เพราะงั้นถึงไม่มีใครพูดอะไรเลยน่าเสียดายที่เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยปากเสียงเรียบ “ผมไม่ขาดเงินแค่ห้าล้านน
เมื่อเห็นท่าทางเห็นด้วยของทุกคน ติงอิ่งก็ขมวดคิ้ว เธอแอบรู้สึกอยู่เสมอว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ธรรมดาโดยเฉพาะตอนที่เธอได้ยินเฉินเค่อซินบอกว่าเย่เทียนหยู่มีความสามารถมากอยู่หลายครั้ง ยิ่งกว่านั้น เธอรู้จักเฉินเค่อซินดีว่าเธอไม่เคยโกหกแต่หลี่ว์เหมิงไม่รู้สึกตัว เพราะว่าเธอได้รับการสนับสนุนจากทุกคนเธอยิ่งเย่อหยิ่งหนักกว่าเก่า “แต่ว่า เย่เทียนหยู่ ดวงของแกจบแค่ตรงนี้แหละ แกกล้าทำร้ายแฟนของฉัน ฉันจะทำให้แกต้องชดใช้แน่”เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ไม่เฉพาะแค่ความโง่เขลา แต่ยังหัวเราะเพราะการเปลี่ยนสีของพวกเขาช่างฉับไวเมื่อครู่ตอนที่เขาเห็นหลี่ว์เหมิง ผู้หญิงคนหนึ่งคุกเข่าลงอย่างน่าเวทนา เขายังแอบรู้สึกเห็นอกเห็นใจอยู่เล็กน้อย ตอนนี้มาคิดดูแล้ว เขายังมีเมตตาเกินไปเฉินเค่อซินยิ่งโมโหมากกว่าเก่า เสียใจที่เมื่อกี้เกือบจะปล่อยเธอไปอยู่แล้ว ก่อนจะพูดด้วยความโกรธ “ใครที่ต้องชดใช้ยังไม่แน่ จะมาบอกว่าตระกูลซูออกหน้า พวกคุณรู้รึไงว่าเวลานายน้อยคนรองตระกูลซูเจอพี่เย่เป็นบังไง?”“นายน้อยคนรองตระกูลซู?”“เธอหมายถึง ซูเหวินฮวา นายน้อยของตระกูลซูเหรอ?”“ใช่ เขานั่นละ
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก