แต่เย่เทียนหยู่กลับมีท่าทีที่สงบมาก เขาเอ่ยปากเสียงเรียบว่า “นั่นเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจชีวิตจริง ๆ ของเธอต่างหาก ด้วยสถานะของเธอ จะอาหารที่โอชะหรือล้ำค่าขนาดไหนก็หาทานได้เพียงแค่กระดิกนิ้ว!”สิ่งที่เขาหมายถึง คือเค่อซินเป็นน้องสาวของเขา ด้วยความสามารถของเขาแล้ว เค่อซินจะได้รับทุกอย่างที่เธอต้องการ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องจริงแต่ติงอิ่งถึงกับพูดไม่ออกโดยเฉพาะสีหน้าจริงจังของเย่เทียนหยู่ เขาทำราวกับว่านี่มันเป็นเรื่องจริงยังไงหยั่งงั้นแน่นอนว่าเกาเสียงและคนอื่น ๆ ไม่มีทางเชื่อเรื่องแบบนี้ พวกเขาพากันเยาะเย้ย “แก ถ้าเก่งมากนัก วันนี้ก็เลี้ยงอาหารเราดูหน่อยเป็นไง”“ผมเลี้ยงเหรอ?”“ผมเป็นประสาทรึไง? ไม่ได้รู้จักมักจี่กับพวกคุณสักหน่อย ทำไม่ต้องเลี้ยงด้วย”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า“ลืมซะ ทุกคนไม่ต้องไปคุยกับเขา เขาบอกว่าคืนนี้จะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับแฟนของหลี่ว์เหมิง ถ้าไม่อย่างนั้น คืนนี้เราก็จัดการกับเขา”โจวเหยาเอ่ยปาก อาศัยคำพูดนี้ คืนนี้เขาต้องจัดการเย่เทียนหยู่ให้เละ“ถูกต้อง เราจะให้เวลาเขาอีกสองชั่วโมง” หลี่ว์เหมิงพูดอย่างเย็นชา“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้คุณลองโทรถามได้แล้ว ถ้าไม่ผิดพลาดล
เนื่องจากโทรศัพท์มือถือของหลี่ว์เหมิงเปิดลำโพง ทุกคนรอบตัวเธอจึงได้ยินเสียงของหูไหลที่กำลังโมโหเกรี้ยวกราดทันใดนั้น ทุกคนต่างก็ตะลึงงันเกิดอะไรขึ้น?หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าหูไหลคงถูกการกระทำของหลี่ว์เหมิงสร้างปัญหา เพราะอย่างนั้นเขาจึงส่งเสียงตะคอกด้วยความสิ้นหวังและโกรธเคืองหลี่ว์เหมิงตกใจและดูสับสน “พ...พี่หู นี่พี่กำลังทำอะไรกันคะ?”“ทำอะไรเหรอ? ก็ทำแม่งมันหมดนั่นล่ะวะ!”“ถ้าอยากโง่นักก็โง่ไปคนเดียวสิวะ ลากกูไปเกี่ยวด้วยทำไม!”“ยังกล้าพูดอีกว่าคนอื่นโง่ แกต่างหากที่เป็นคนที่โง่ที่สุด!”หูไหลโกรธมาก เขาไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าสาเหตุที่แท้จริงมาจากผู้หญิงที่เขาออกเดทด้วยไม่นานคนนี้หลี่ว์เหมิงตกตะลึง ในขณะนี้ เธอได้เข้าใจในที่สุด ว่าโทรศัพท์ของเย่เทียนหยู่เป็นการโทรถึงประธานถานจริง ๆ และเขาได้จับแฟนของเธอแล้วเธออยากอธิบายว่าเธอไม่ได้ตั้งใจแต่อีกโทรศัพท์ของหูไหลถูกตัดไป และไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก เขาทำได้เพียงสารภาพทุกอย่างไปตามความจริงการยั่วยุคนที่สามารถขัดขวางการประชุมใหญ่ของประธานถานให้รับโทรศัพท์ด้วยความเคารพได้ อีกฝ่ายจะต้อ
เฉินเค่อซินรู้สึกสงสารเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลี่ว์เหมิงทำในอดีต เธอก็พูดว่า “เธอก็รู้เหรอว่าเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน แล้วเธอเคยทำอะไรที่เพื่อนร่วมชั้นควรทำบ้าง”“ขอแค่เธอบอกเรื่องที่เคยช่วยฉันไว้ได้สักเรื่อง ฉันก็จะช่วยเธอ”หลี่ว์เหมิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอใช้สมองอย่างหนักเพื่อคิด แต่สุดท้ายคิดไปมากมายก็ล้วนมีแต่เรื่องที่เธอทำร้ายเฉินเค่อซินกับเรื่องที่คอยก่นด่าและดูถูกเธอไม่มีสักเรื่องเลยจริง ๆ แม้แต่เรื่องซื้อข้าวเช้าก็ยังไม่มีฉันรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งฉันคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นหลังจากที่หลี่ว์เหมิงหมดหวัง เธอก็คุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา “เค่อซิน ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ฉันเคยเป็นนังคนสารเลวมาก่อน ฉันสมควรตาย ขอร้องล่ะให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะนะ”“ขอแค่พวกคุณช่วยฉันได้ ฉันจะให้เงินพวกคุณได้ ห้าแสนบาท หรือถ้าห้าแสนไม่พอก็หนึ่งล้าน เอาอย่างนี้ดีไหม ห้าล้าน ฉันให้ได้มากแค่นั้นแล้ว”ภาพเบื้องหน้านี้ทำให้ทุกคนมึนงงเล็กน้อยแต่มันไม่ใช่กงการของพวกเขา เพราะงั้นถึงไม่มีใครพูดอะไรเลยน่าเสียดายที่เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยปากเสียงเรียบ “ผมไม่ขาดเงินแค่ห้าล้านน
เมื่อเห็นท่าทางเห็นด้วยของทุกคน ติงอิ่งก็ขมวดคิ้ว เธอแอบรู้สึกอยู่เสมอว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ธรรมดาโดยเฉพาะตอนที่เธอได้ยินเฉินเค่อซินบอกว่าเย่เทียนหยู่มีความสามารถมากอยู่หลายครั้ง ยิ่งกว่านั้น เธอรู้จักเฉินเค่อซินดีว่าเธอไม่เคยโกหกแต่หลี่ว์เหมิงไม่รู้สึกตัว เพราะว่าเธอได้รับการสนับสนุนจากทุกคนเธอยิ่งเย่อหยิ่งหนักกว่าเก่า “แต่ว่า เย่เทียนหยู่ ดวงของแกจบแค่ตรงนี้แหละ แกกล้าทำร้ายแฟนของฉัน ฉันจะทำให้แกต้องชดใช้แน่”เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ไม่เฉพาะแค่ความโง่เขลา แต่ยังหัวเราะเพราะการเปลี่ยนสีของพวกเขาช่างฉับไวเมื่อครู่ตอนที่เขาเห็นหลี่ว์เหมิง ผู้หญิงคนหนึ่งคุกเข่าลงอย่างน่าเวทนา เขายังแอบรู้สึกเห็นอกเห็นใจอยู่เล็กน้อย ตอนนี้มาคิดดูแล้ว เขายังมีเมตตาเกินไปเฉินเค่อซินยิ่งโมโหมากกว่าเก่า เสียใจที่เมื่อกี้เกือบจะปล่อยเธอไปอยู่แล้ว ก่อนจะพูดด้วยความโกรธ “ใครที่ต้องชดใช้ยังไม่แน่ จะมาบอกว่าตระกูลซูออกหน้า พวกคุณรู้รึไงว่าเวลานายน้อยคนรองตระกูลซูเจอพี่เย่เป็นบังไง?”“นายน้อยคนรองตระกูลซู?”“เธอหมายถึง ซูเหวินฮวา นายน้อยของตระกูลซูเหรอ?”“ใช่ เขานั่นละ
เมื่อหลี่ว์เหมิงได้ยินแบบนั้น เธอก็โกรธมากและเธอก็กำลังเตรียมจะพูดแต่เกาเสียงขัดจังหวะ “หลี่ว์เหมิง พูดเรื่องไร้สาระอะไร ไม่เห็นหรือว่าเขาจงใจเปลี่ยนเรื่อง”“ใช่ ก็เมื่อกี้บอกว่าจะโทรหานายน้อยซูไม่ใช่เหรอ? หรือโทรออกไม่ได้กันละ?” มีคนกำลังพูดล้อเลียน“ก็นั่นน่ะสิ ไม่อย่างนั้นจะติดนั่นติดนี่ได้ยังไง”“สงสัยจะสมองกลับแล้วมั้ง”เฉินเค่อซินโกรธกับคำพูดของพวกเขามากเย่เทียนหยู่ส่ายหน้า พวกเขาบอกว่าให้โทรไป แต่เดิมทีเขาไม่คิดอยากจะโทรแต่ว่าเขาไม่อยากให้เฉินเค่อซินถูกรัวแกและรองรับอารมณ์ ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างใจเย็น “แค่โทรใช่ไหม แต่ผมโทรแล้ว พวกคุณรู้จักซูเหวินฮวาตัวจริงใช่รึเปล่า?”“กล้าเรียกชื่อนายน้อยซูได้ยังไง รอผมบอกเขาก่อนเถอะ แกได้รู้แน่ว่าต้องตายยังไง”เกาเสียงตะคอกทันที “ส่วนเรื่องที่รู้จักนายน้อยซู แน่นอนว่าผมรู้จักเขา เพราะผมโชคดีทมีโอกาสได้ทานอาหารค่ำร่วมกับเขาครั้งที่แล้ว”“แน่ใจเหรอ? ว่าคุณเคยเห็นเขามาก่อน อีกสักครู่ผมโทรวิดีโอไปอย่างงละว่าอีกฝ่ายเป็นใคร” เย่เทียนหยู่กล่าว“ผมรู้จักแน่นอน อย่าคิดหาตัวปลอมมาหลอกกันซะให้ยาก”เกาเสียงโต้กลับ“ดี งั้นผมจะโทรแล้ว”เย่
ติงอิ่งมองดูทั้งหมดนี้ด้วยความประหลาดใจ เธออดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเกาเสียงทันที ก่อนจะเห็นว่าใบหน้าของเกาเสียงซีดและริมฝีปากของเขาก็สั่นเทาตัวเขาดูหวาดหวั่นนี่มัน?ไม่มีทาง!คุณชายซูในวิดีโอเป็นคุณชายซูตัวจริง!พระเจ้า นี่เค่อซินหาแฟนแบบไหนมากันแน่?ไม่น่าแปลกใจที่อีกฝ่ายมีครอบครัวแล้ว แต่เค่อซินก็ยังชอบเขามากเมื่อมองดูเย่เทียนหยู่ในขณะนี้ เธอก็มักจะรู้สึกเสมอว่าเขามีรัศมีบางอย่างที่แตกต่างออกไปแตกต่างไปจากท่าทางธรรมดาตอนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง มันเต็มไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนต้องถลำลึกในตัวเขาอย่างไม่อาจควบคุมในไม่ช้าทุกคนก็มองเห็นท่าทางผิดปกติของเกาเสียง และพวกเขาก็ตกใจมาก หรือว่านี่คือนายน้อยซูจริง ๆ เหรอโดยเฉพาะหลี่ว์เหมิง เธอไม่รู้จักซูเหวินฮวา เธอจึงทำได้แค่มองเกาเสียงด้วยความเหลือเชื่อ และพูดอย่างประหม่า “พี่เสียง พี่เสียง…”ในที่สุดเกาเสียงก็รู้สึกตัวจากความตื่นตระหนก และคุกเข่าลงพร้อมกับเสียงดังตึงขาของเขาอ่อนฮวบ เขาหวาดกลัวจริง ๆ“ค…คุณชายเย่ ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว!”“ผมขอโทษ ผมมันตาบอด ผมไม่ควรทำให้คุณขุ่นเคือง ได้โปรดอย่าถือสาผมเลย”เย่
แต่ครั้งนี้ซูเหวินฮวาไม่ได้ทำตัวยโสมากนัก จริง ๆ แล้ว เขาเพิ่งค้นพบปัญหามากมายกับซูหลิน และกำลังจะจัดการกับบุคคลนี้แต่ในสายตาของคนอื่น ๆ พวกเขารู้สึกถึงท่าทางที่น่ากลัวและทรงอำนาจของนายน้อยซูทุกคนตกใจมากโดยเฉพาะเกาเสียง“ตระกูลเกาใช่ไหม? ผมจะคิดดอกเบี้ยก่อน ขอบอกล่วงหน้าเลยแล้วกัน ภายในสามวันตระกูลเกาจะถูกทำลาย หากทำไม่ได้ ตัวอักษรซูนี่ผมจะเขียนมันกลับหัวซะ”ซูเหวินฮวากล่าวอย่างเย็นชาที่เขาทำแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นการแก้สถานการณ์ให้เย่เทียนหยู่ดู เพราะยังไงพี่เย่ก็โทรหาเขาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง“สำหรับคุณ เกาเสียง คุณควรขอร้องให้พี่เย่ยกโทษให้คุณซะ”“ไม่อย่างนั้น วันนี้ของปีหน้า จะเป็นวันครบรอบวันตายของคุณ!”ทันทีที่สิ้นคำพูด ทุกคนก็ตกใจและตกตะลึงนี่มันอันตรายถึงชีวิตจริง ๆ !เพื่อนร่วมชั้นหลายคนอดไม่ได้ที่จะหน้าซีด และหลายคนก็ตัวสั่นเล็กน้อยในทางตรงกันข้ามจางซวนซึ่งอยู่ข้าง ๆ เกาเสียงกลับมีความหวังในดวงตาของเขาหากเป็นเช่นนั้น เธอก็ไม่ต้องรับโทษทรมานจากเกาเสียงอีกแล้วส่วนเกาเสียงในตอนนี้ตัวแข็งราวกับเป็นอัมพาตเพราะความกลัว แล้ววยังมี ของเหลวสีเหลือ
ภาพเบื้องหน้าทำให้เฉินเค่อรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย เป็นเพราะเกาเสียงอยู่ในสภาพน่าสังเวช มีรอยฝ่ามือชัดเจนบนแก้มและมีคราบเลือดบนหน้าผากน่าสงสารจับใจทุกคนตกตะลึง กังวลและหวาดหวั่นกับทุกเรื่องที่เกิดในวันนี้ในเวลานี้ เมื่อทุกคนมองไปที่เฉินเค่อซิน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความยำเกรงและความอิจฉา ไม่มีสายตาดูถูกอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไปส่วนกับเย่เทียนหยู่ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงและหวาดหลัว“เฉินเค่อซิน ได้โปรด ได้โปรดเถอะนะ!”เกาเสียงเห็นความเมตตาของเฉินเค่อซิน และโค้งคำนับเธอครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินเค่อซินทนดูไม่ไหวอีกแล้ว เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “เอาล่ะ คุณอย่าเพิ่งคำนับ พูดกันดี ๆ ก่อน”“ได้สิ ได้ ขอแค่คุณปล่อยผมไป ผมจะทำทุกอย่าง จะให้ผมเป็นหมูเป็นหมาผมก็ยอม”เกาเสียงรีบกล่าวในขณะนี้ เขาไร้ซึ่งท่าทางสง่าผ่าเผยอย่างแต่ก่อน อย่าว่าแต่ท่าทางสูงส่งไม่สนใจใครเลย“ไม่ต้องพูดซะอนาถขนาดนั้นหรอก ฉันถามคุณว่าพี่จางมีเรื่องอะไร?” เฉินเค่อคิดกับตัวเองจางซวนกำลังรู้สึกตกใจกับพลังของเย่เทียนหยู่และสงสัยว่าเค่อซินมีวิธีช่วยเธอจริงหรือไม่หากพวกเขาช่วยคืนเงินได้ แล้วเธอยอมทำงานหนักเยี่ยงวัวเยี่ยงควายห
ปิงเยว่และจูเก่อหลิวหลีต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ที่ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ธรรมดา เสียงมากมายเหล่านั้นพวกเธอย่อมได้ยินอย่างชัดเจนพอได้ยินคำพูดที่ว่ามีสาวให้โอบซ้ายกอดขวาอะไรนั่นแล้ว จูเก่อหลิวหลีก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอแทบอยากจะประกาศออกไปเสียด้วยซ้ำถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงของคุณชายแต่ปิงเยว่กลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ่งฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้นไอ้ผู้ชายน่ารังเกียจที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนนี้ คิดอยากจะโอบกอดตนงั้นเหรอ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริงหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เธอคงฆ่าคนไปนานแล้ว!ไร้สาระทั้งเพ!เฉินเฟยเฟยเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของฝูงชนด้วยเช่นกัน และให้ความสนใจกับสาวงามที่ไม่อาจมีใครทัดเทียมทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่มากขึ้น คนอื่น ๆ ก็แค่คาดเดาแต่เธอกลับรู้สึกว่า สองคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพี่เย่อยู่จริง ๆแต่ยิ่งเหตุการณ์เป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เฉินเฟยเฟยไม่แค่ไม่อิจฉา กลับกัน เธอยิ่งชอบมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ดี ว่าตัวเธอเองก็มีเสน่ห์เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการเธอส่ว
“ไม่ได้ ถ้าเป็นเธอ งั้นก็ช่างเถอะ อย่างเธอน่ะนะ เธอจะทำให้คุณชายของฉันตกใจเสียเปล่า” จูเก่อหลิวหลีพูดประชดประชัน“เธอ!”เสี่ยวลู่รู้สึกโกรธอย่างมาก“หลิวหลี ช่างมันเถอะ” เย่เทียนหยู่เองก็หมดคำจะพูด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตนจะถูกเชิญขึ้นไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ยัยเด็กคนนี้ ถึงขั้นเล่นไม้นี้เลยงั้นเหรอ“เป็นพวกเธอต่างหากที่มั่นหน้าเกินไป แถมยังคิดเองเออเองอีกว่าคุณชายชอบพวกเธอ” จูเก่อหลิวหลีขมวดคิ้วอย่างเย็นชา“คุณชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ!”ปิงเยว่โกรธจัด รัศมีเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเธอ อุณหภูมิรอบตัวลดลงสิบองศาได้ในพริบตา จนทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัวจูเก่อหลิวหลีรู้สึกตกตะลึงที่ผู้หญิงคนนี้มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ ที่แท้ความรู้สึกเมื่อสักครู่ก็เป็นเรื่องจริง อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนเสียอีกตอนนี้ตัวเองก็อยู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่เธอกลับแข็งแกร่งกว่าตนอีก ความแข็งแกร่งของเธอจะน่ากลัวขนาดไหนกัน“พอแค่นี้เถอะ!”ในตอนนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็รีบพูดขึ้นมา ทันทีที่เขาเปิดปาก ความเย็นยะเยือกในอากาศทั้งหมดก็หายไป และกลับคืนสู่ภาวะปกติหลายคนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึก
“ไม่หรอกมั้ง เขาก็ดูใช้ได้อยู่นะ” จางผิงรีบตอบทันที“เป็นแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันว่าเขาดูเหมือนคนโรคจิตมากกว่า” เหอฉุนโต้แย้ง“เอ่อ ไม่น่าจะเป็นงั้นนะ ถ้าเขาเป็นคนเลวขนาดนั้น พี่เฟยเฟยก็คงเสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้ว”“หมายความว่ายังไง?”“เธอก็ถามพี่เฟยเฟยเองเถอะ” จางผิงไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เหอฉุนกลับส่ายหัว เธอมักจะรู้สึกว่าทั้งสองคงยังอ่อนต่อโลกเกินไป เลยอาจจะถูกเย่เทียนหยู่หลอกก็ได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเฟยเฟยก็ได้เริ่มร้องเพลงที่สองของเธอ สไตล์ของเพลงนี้แตกต่างไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไพเราะจับใจเช่นเดิมเวลาได้ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในขณะที่ผู้คนต่างก็กำลังหลงใหลและเพลิดเพลินอย่างสุดขีด มันก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ตอย่างช้า ๆ“คืนนี้ได้มีโอกาสมาพบกับทุกคนที่นี่ ฉันรู้สึกดีใจมากจริง ๆ ค่ะ แต่เวลาก็กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว การพบกันย่อมมีวันสิ้นสุดเสมอ”“แต่การจากลาในวันนี้ ก็เพื่อที่เราจะได้พบกันใหม่ในวันหน้า ขอส่งบทเพลงแห่งความสุขนี้ให้กับทุกคนค่ะ!”เมื่อเสียงของเธอสิ้นสุดลง เสียงที่ไพเราะของเธอก็ดังออกมา ทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่บรรยากาศนั้นอีกครั้ง ค่อย ๆ ผ่านไปช้า
ขณะที่ริมฝีปากของเธอเปิดออก คำพูดที่อ่อนโยนและชวนให้ลุ่มหลงก็หลุดออกมา กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ และถูกสุ่งให้ไปถึงหูของทุกคนทุกคนต่างก็พากันโบกแท่งเรืองแสงไปมา ขณะที่กำลังฟังเสียงร้องอันไพเราะและสมบูรณ์แบบของเธอ ทุกคนต่างก็พากันร้องตามไปด้วยเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเฉินเฟยเฟย มันก็กลับสมบูรณ์จนทำให้ผู้ฟังรู้สึกติดหูมากเสียงอันไพเราะและอ่อนหวานของเธอแทรกซึมเข้าไปในหูของทุก ๆ คน จนทำให้ทุกคนรู้สึกตามอย่างไม่อาจควบคุมได้ และจมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆในตอนนั้นเอง ใบหน้าของเย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เขารู้สึกแค่ว่าตนได้จมดิ่งเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้วในขณะเดียวกัน เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจได้ในที่สุด ว่าทำไมทุกคนถึงได้คลั่งไคล้มากขนาดนี้ เพราะเสียงนี้ของเธอนั้นดูสมจริงและไพเราะมากนี่ถือว่าเป็นเสียงที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็จมอยู่กับมันด้วยเช่นกัน สีหน้าและอารมณ์เองก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมบางทีอาจเพราะจมดิ่งกับมันมากเกินไป หรืออาจเพราะรู้สึกชอบมันมาก เลยไม่ทันได้สังเกตว่าตั้งแต่ที่เฉินเฟยเฟยเดินออกมา เธอก็เหมือนจะกำลังมอ
ทันใดนั้นผู้หญิงชุดเขียวก็รู้สึกโกรธ และกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาแต่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้ากลับดุขึ้นมาทันที “เสี่ยวลู่ เธอเป็นคนผิดก่อนนะ ช่างมันเถอะ”“ค่ะ นายท่าน!”ผู้หญิงชุดสีเขียวพยักหน้า และไม่พูดอะไรอีกไม่รู้ว่าอาจเพราะเธอกลัวจะเกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย หญิงสาวคนนั้นจึงนั่งลงตรงที่นั่งที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ ซึ่งหมายความว่า ที่นั่งของเธออยู่ด้านหลังเยื้องไปทางด้านซ้ายของเย่เทียนหยู่ และผู้หญิงชุดเขียวเองก็นั่งลงตรงที่นั่งซ้ายมือของเธอเช่นกันเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เดิมทีการปรากฏตัวของหญิงสาวลึกลับเช่นนี้ก็ทำให้เขาประหลาดใจมากพออยู่แล้ว และตอนนี้เธอก็กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหลังจากนั่งลงแล้ว หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนหยู่ แต่ก็เบือนหน้าหนีแทบจะในทันทีในสายตาของเธอ เย่เทียนหยู่หล่อมากจริง ๆ แต่นั่นก็มีเพียงเท่านั้นตั้งแต่ที่เธอเริ่มฝึกฝนอย่างหนักจนทำให้หลงลืมอารมณ์ความรู้สึกไป ตัวเธอเองก็เริ่มสนใจเรื่องความรู้สึกน้อยลงไปเรื่อย ๆ เธออุทิศตนให้กับการฝึกฝน และนั่นก็ทำให้เธอไม่รู้สึกสนใจผู้ชายคนไหนเลยนอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่สามารถทำให
“ไม่มีปัญหา!”จูเก่อหลิวหลีรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที เงินแค่ล้านเดียว สำหรับเธอแล้ว แค่นี้ไม่ถึงกับทำให้ขนหน้าแข้งร่วงด้วยซ้ำ เธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยหลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นตัวเลขหนึ่งล้านปรากฏบนข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามาเธอตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เธอมองดูหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เธอจะรีบถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารทันทีที่เงินเข้าบัญชี การโอนครั้งนั้นเธอก็จะถือว่าเป็นเรื่องจริงการฝากถอนเงินในปัจจุบันนี้ค่อนข้างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาทีเงินก็เข้าบัญชีแล้ว“ขอบคุณ ขอบคุณคุณผู้หญิงมากค่ะ!”หญิงสาวรีบขอบคุณเธอด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไปโดยไม่ลังเลเย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น และคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างขวางโลกเสียจริง เขาส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เธอซื้อตัวของผู้หญิงคนนั้นแล้ว แล้วที่นั่งของเธอล่ะ?”“ฉันไม่มีตั๋วหรอกค่ะ!”“เธอไม่มีตั๋ว แล้วเธอเข้ามาได้ยังไง?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจ“ฉันก็แค่มองพนักงานตรวจตั๋ว แล้วเขาก็ให้ฉันเข้ามาค่ะ”“......”เย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ถูก หมดคำจะพูดแล้วจริง ๆ “ถ้าเธอไม่มีตั๋ว แ
ในตอนที่เหอฉุนเดินออกมา เดิมทีเธอตั้งใจหยิบตั๋วเพิ่มมาสองสามใบ มีที่นั่งดี ๆ ในแถวแรกแค่หนึ่งที่เท่านั้น ส่วนที่นั่งอื่น ๆ อยู่ถัดลงไปด้านหลังอีกเล็กน้อยเวทีตรงนี้จัดไว้เพื่อที่เวลาทำการแสดง แม้ผู้ชมจะนั่งแถวหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย เป็นตำแหน่งที่สบายมากแต่เพราะสายตาที่ไม่อยู่นิ่งของเย่เทียนหยู่ เธอเลยหยิบตั๋วแบบลวก ๆ ให้เขาไปหนึ่งใบ เดิมทีตามคำขอของเฉินเฟยเฟยนั้น คือต้องการให้เย่เทียนหยู่นั่งอยู่ตรงกลางของแถวแรกอย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ได้รับนั้นก็ถือว่าค่อนข้างดีเช่นกัน อยู่ในแถวที่สาม ซึ่งอาจจะสบายกว่าด้วยซ้ำแต่การโต้ตอบกับดารานักร้องนั้น ก็อาจจะลำบากไปสักหน่อยเย่เทียนหยู่สังเกตเห็นอารมณ์ร้ายของเหอฉุนได้โดยธรรมชาติ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก เธอคงเคยถูกผู้ชายรังแกมาสินะในครั้งนี้ เขานั้นทายถูกแล้วจริง ๆแน่นอนว่าเย่เทียนหยู่ก็ไม่คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่แล้ว เขาเหลือบมองหมายเลขบนตั๋ว และเดินตามฝูงชนเข้าไปด้านในหลังจากผ่านความยากลำบากในการแหวกฝูงชนเข้ามา ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็พบที่นั่งของเขาที่อยู่ตรง
เธอถึงขั้นตั้งใจสืบเรื่องนี้มาโดยเฉพาะ และพบว่าตระกูลหนานกงเป็นถึงหนึ่งในตระกูลอันดับต้น ๆ ของอาณาจักรมังกร พวกเขามีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัว แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงพวกเขาได้เลยพี่เย่เก่งกาจมากก็จริง หากเป็นแค่ตระกูลทั่วไปในเมืองตะวันออก เธอก็อาจจะลองเสี่ยงดวงดู แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหนานกง ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรับมือพวกเขาได้เลย“คุณเย่จะมาเหรอคะ?” จางผิงถามด้วยความประหลาดใจ“อือ ฉันเชิญเขามาชมคอนเสิร์ตของฉันในคืนนี้ และเขาเองก็ตอบตกลงแล้วด้วย” เมื่อพูดถึงเย่เทียนหยู่ ใบหน้าของเฉินเฟยเฟยก็แสดงถึงความปิติขึ้นมา“ได้ค่ะ!”จางผิงพยักหน้า แต่ในใจเธอกลับกำลังคิดอยู่ว่า เธอควรจะใช้วิธีไหนเพื่อทำให้คุณเย่รู้เรื่องที่พี่เฟยเฟยกำลังถูกรังแกโดยเธอไม่จำเป็นต้องเป็นคนพูดดีไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เธอถึงมักคิดว่าตัวตนของคุณเย่นั้นไม่ธรรมดาบางที เขาอาจจะมีวิธีรับมือจริง ๆ ก็ได้เหอฉุนไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเองก็อยากที่จะพบกับบุคคลในตำนานคนนี้เหมือนกัน ดูว่าเขาโดดเด่นอย่างที่ทุกคนพูดกันจริงไหมแน่นอน หากดูจากเหตุการณ์ของปาร์คดาฮยอนก่อนหน้านี้แล้ว คนคนนี้น่าจะพอมีความสามา
เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว สุดท้ายหลินหว่านหรูก็ตัดสินใจปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา ยังไงอีกไม่นานความจริงก็จะถูกเปิดเผยออกมาแล้วและในเวลาเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ใกล้กับสนามกีฬาคนหนึ่งคือเฉินเฟยเฟย นักร้องชื่อดังจากอาณาจักรมังกร ตอนนี้เฉินเฟยเฟยกำลังโด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเธอจะต้องแบกรับแรงกดดันที่ค่อนข้างสูง แต่ตอนนี้เธอก็ค่อย ๆ ดีขึ้นมาบ้างแล้วอีกคนคืออดีตผู้ช่วยของเฉินเฟยเฟย ซึ่งปัจจุบันคนที่ทำหน้าที่แทนคือจางผิงคนสุดท้ายเป็นหญิงวัยสามสิบกว่า ๆ ที่มีใบหน้างดงาม หุ่นค่อนข้างสูง ทั้งหน้าอกและบั้นท้ายดูอวบอิ่ม มีเสน่ห์เฉพาะตัวในแบบของผู้หญิงที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่และก็เป็นเพราะไม่สามารถทนต่อการคุกคามจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเดิมได้ เธอจึงถูกบังคับให้ลาออก นอกจากนี้ก็เป็นเพราะได้รู้จักกับเฉินเฟยเฟย เฉินเฟยเฟยที่เดิมทีไม่ต้องการจะอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท ดังนั้นสตูดิโอส่วนตัวของเธอเองจึงต้องการผู้จัดการด้วยเช่นกันเหอฉุนจึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ เธอเป็นคนที่มีความสามารถ เธอจัดการทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบแต่เพราะค