เย่เทียนหยู่กดหมายเลขโทรศัพท์ของเฉินเค่อซินทันทีหลังจากนั้นไม่นานเฉินเค่อซินก็รับสาย “สวัสดีค่ะ!”“เค่อซิน ผมเองนะ”“พี่เย่!”“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหา” เย่เทียนหยู่พูดออกไปทันที“พี่เย่ ทำไมจู่ ๆ พี่ถึงคิดจะตามหาฉันล่ะคะ”“คิดว่ายังไงล่ะ ยัยสาวน้อย ทำจี้หยกหายก็ไม่บอกพี่เลยนะ รู้นี่ว่าพี่มีความสามารถและมีหลายวิธีน่ะ” เย่เทียนหยู่กล่าวเพียงแค่ได้ยินเสียงของเย่เทียนหยู่ เฉินเค่อซินก็รู้สึกโล่งใจมากและพูดว่า “พี่เย่ กำลังจัดการเรื่องใหญ่ ฉันกลัวรบกวนพี่น่ะค่ะ”“รบกวนอะไรกัน ถ้าแค่ดูแลเธอพี่ยังทำไม่ได้ จะให้พี่ทำอะไรได้อีก พี่จะวางสายแล้ว ส่งที่อยู่ของเธอมาให้พี่หน่อย”เย่เทียนหยู่กล่าวเมื่อมองดูโทรศัพท์ที่วางสายและคิดถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่เพิ่งพูด เฉินเค่อซินก็รู้สึกมีความสุขมาก ไม่ว่ายังไงเขาก็มีเธออยู่ในใจจริง ๆเรื่องนี้ทำให้อารมณ์หดหู่ของเฉินเค่อซินดีขึ้นมาก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งตำแหน่งของเธอ เธอรู้สึกไม่สบายใจและกำลังเดินไปตามชายหาด“ใครน่ะ?”เมื่อเห็นเฉินเค่อซินวางสายโทรศัพท์ สาวผมสั้นคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอจึงถามอย่างสงสัยสาวผมสั้นคนนั้นมีใบหน้าที่ละเอ
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มีเวลามองไปที่ติงอิ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวย แต่ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเฉินเค่อซินเป็นยังไงบ้างเมื่อได้ยินแบบนั้น เฉินเค่อซินก็รีบพูดว่า “ติงอิ่ง อย่าพูดไร้สาระ พี่เย่มีวิธีจริง ๆ นะ”“นอกจากนี้ พี่เย่ ฉันขอแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือ ติงอิ่ง เพื่อนร่วมชั้นวิทยาลัยของฉันและเป็นเพื่อนสนิทฉันค่ะ”“ติงอิ่ง นี่คือ เย่เทียนหยู่ พี่เย่ของฉันเอง”“เย่เทียนหยู่ใช่ไหม ชื่อก็ค่อนข้างดี แต่จะดีกว่าถ้าเป็นคนถ่อมตัวไม่ชอบคุยโวกับคนอื่น”ติงอิ่งกล่าวอย่างเยาะเย้ย“ติงอิ่ง!”“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ พี่เย่เป็นคนดีมากนะ ยิ่งกว่านั้น เขามีความอำนาจมาก” เฉินเค่อซินพูดด้วยความไม่พอใจ“ก็ได้ งั้นให้ฉันดูหน่อยว่าเขาจะช่วยเธอหาจี้หยกได้ยังไง”เมื่อเห็นเฉินเค่อซินคอยปกป้องเขา ติงอิ่งก็เลิกทำให้เธอำลบากใจ แต่เธอไม่ได้ตั้งใจปล่อยเย่เทียนหยู่ไปเช่นกันแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะสวยมาก แต่เย่เทียนหยู่ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะรับมือกับคนแบบเธอ เขาพูดว่า “เค่อซิน บอกผมหน่อยว่าคุณทำจี้หยกหายได้ยังไง”“ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่รู้หายไปตอนไหน” ติงอิ่งตอบแทนเธอเย
“ได้ พี่จะช่วยเธอหามันอย่างแน่นอน”เย่เทียนหยู่ยืนยัน แต่เจตนาสงัการกลับปรากฏขึ้นในหัวใจของเขาไม่รู้ว่าคนหน้าด้านคนไหนขโมยจี้หยกของเค่อซินไป แต่เขาจะไม่มีวันปล่อยคนคนนั้นไปแน่ และเขาจะสอนบทเรียนอันเลวร้ายให้เขากับเขาอย่างแน่นอน“ขอบคุณค่ะพี่เย่ รบกวนพี่ด้วยนะคะ”สีหน้าของเฉินเค่อซินอ่อนลงเล็กน้อยหลังจากได้รับสัญญาจากเย่เทียนหยู่แต่ว่าสีหน้าของเธอยังคงดูเศร้าอยู่มาก เห็นได้ชัดว่าเธอกังวลมากว่าอาจไม่สามารถหามันกลับมาได้ เพราะมันหายไปหลายวันแล้วเมื่อเห็นเฉินเค่อซินเช่นนี้ เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกลังเลเล็กน้อยในใจ เดิมที เขาวางแผนที่จะบอกตัวตนของเขากับเฉินเค่อซินแต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนถ้าพูดตอนนี้ เค่อซินจะโทษตัวเองหรือเปล่านะช่างมันเถอะ หาจี้หยกให้เจอก่อนแล้วกันเย่เทียนหยู่ถามเฉินเค่อซินว่าครั้งแรกที่รู้ตัวว่าจี้หยกหายไปคือตอนไหน หลังจากถามสถานการณ์แล้ว เขาก็โทรหาถันล่างทันทีเนื่องจากเมื่อเร็ว ๆ นี้เฉินเค่อซินได้ไปทำงานที่บริษัท เธอจึงสวมจี้หยกทุกครั้ง แม้ว่าจี้หยกจะซ่อนอยู่ในเสื้อผ้า แต่ก็มีเชือกคล้องรอบคอกล้องวงจรปิดเห็นได้แค่บางส่วนเท่านั้นจากเหตุโจมตีอาค
เช้าวันรุ่งขึ้น ติงอิ่งมาหาเฉินเค่อซินและยืนกรานที่จะอยู่กับเธอ เธอรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่เป็นคนโกหก และเธอต้องปกป้องเฉินเค่อซินเฉินเค่อซินได้แต่บอกเธอว่าพี่เย่ไม่ใช่คนโกหกอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น พี่เย่ยังบอกด้วยว่าเขาจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับตัวเธอในวันนี้เมื่อได้ยินแบบนั้น ติงอิ่งก็รบเร้าเฉินเค่อซินมากยิ่งขึ้น เธอไม่เชื่อว่าเย่เทียนหยู่จะแข็งแกร่งขนาดนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยง ที่เย่เทียนหยู่รีบไปตามที่อยู่ของเฉินเค่อซินเฉินเค่อซินมองเย่เทียนหยู่อย่างคาดหวัง แต่เห็นว่ามือของเขาว่างเปล่า แววตาของเธอก็ดูผิดหวัง แต่เธอก็ยังคงพูดว่า “พี่เย่ ในเวลาอันสั้นแบบนี้การจะหาไม่เจอก็เป็นเรื่องปกตินะคะ”“ไม่สิ มันจะเป็นเรื่องปกติได้ยังไง มีคนบอกว่าจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับเธอไม่ใช่เหรอ” ติงอิ่งไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยเย่เทียนหยู่ไปทั้งแบบนี้เย่เทียนหยู่เพิกเฉยต่อติงอิ่ง และเพียงพูดว่า “เค่อซิน พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ บอกให้เธอออกไปก่อนได้ไหม”“ไม่ ทำไมถึงอยากให้ฉันออกไป เรื่องนี้มีอะไรน่าละอายรึไง” ติงอิ่งไม่พอใจทันทีแต่เฉินเค่อซินพูดโดยไม่ลังเล “ติงอิ่ง ฉันขอโทษนะ เธอออกไปก่อนเถอะ”เมื
หลังจากยืนยันว่านี่คือจี้หยกที่เขาทำหล่น เฉินเค่อซิงก็จับมันไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เธอกลัวว่าจะพลาดหายไปอีกครั้ง และน้ำตาแห่งความตื่นเต้นก็ไหลลงมาไม่คิดเลยว่าหลังจากค้นหามันมานาน เธอจะพบมันโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆขณะที่ติงอิ่งกำลังมีความสุข เธอก็เยาะเย้ยว่า “มีคนอวดดีมากมาย แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่สำเร็จ ยังต้องให้คนอื่นเก็บกลับมาคืนอยู่ดี”“หาเจอก็ดีแล้วล่ะ บางทีหากไม่มีความพยายามของพี่เย่ที่จะช่วยฉันหา อีกฝ่ายก็คงไม่ริเริ่มคืนก็ได้นะ” เฉินเค่อซินกล่าวอย่างมีความสุข“ยังไปให้ความดีความชอบเขาอีก!”“เค่อซิน เธอบอกไปแล้วว่าเขามีภรรยา เธอต้องไม่สับสนสิ” ติงอิ่งพูดอย่างช่วยไม่ได้“รู้แล้วล่ะ”เฉินเค่อซินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่เย่ พี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย หิวกันหมดแล้วสินะคะ ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ วันนี้ผมจะเลี้ยงเอง”เย่เทียนหยู่พยักหน้าและอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเขาเห็นเธอดูผ่อนคลายและมีความสุขมาก เขารู้ว่าเขาควรจะบอกตัวตนของเขากับเธอในครั้งแรกแต่ว่าเขากังวลว่าศัตรูที่เผาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนั้นจะติดตามเบาะแสเพื่อตามหาเขา หากเขารู้เขายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ การเจอต
เฉินเค่อซินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินข้อเสนอของเย่เทียนหยู่ว่าจะไปกับเธอ โดยเฉพาะหลังจากวันนี้ เธอพบว่าเธอคิดถึงพี่เย่จริง ๆแม้ว่าทั้งสองจะไม่สามารถเป็นคู่รักกันได้ แต่เธอก็ยังมีความสุขที่ได้อยู่กับเขาเป็นครั้งคราวแต่ติงอิ่งก็พูดทันทีว่า “ไม่ พวกเรากำลังจะมีการรวมตัวเพื่อร่วมชั้น คุณไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของเรา ทำไมคุณถึงไปล่ะ”“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พวกเขาบอกว่าห้ามพาแฟนหรือสามีไปเหรอ?” เฉินเค่อซินโต้กลับทันที“แล้วเขาเป็นแฟนของคุณหรือสามีของเธอรึไง” ติงอิ่งถามด้วยความโกรธใบหน้าของเฉินเค่อซินเปลี่ยนเป็นสีแดง และเธอก็พูดไม่ออก แต่เย่เทียนหยู่ก็เข้ามารับหน้าที่ “ผมแกล้งทำก็ได้นี่”“ฮึ่ม แกล้งแบบไหนล่ะ? ฉันคิดว่าคุณแค่วางแผนจับเค่อซินหรอก” ติงอิ่งกล่าว“ติงอิ่ง!”เฉินเค่อซินอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่เย่ไม่ใช่คนอย่างที่เธอคิดนะ ถ้าเขาต้องการทำอะไรกับฉันจริง ๆ เขาคงทำสำเร็จไปนานแล้ว คงไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก”หลังจากพูดแบบนี้ เธอก็ตระหนักว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นผิด และใบหน้าของเธอก็แดงยิ่งขึ้นติงอิ่งดูตกตะลึง เธอคงจะบ้าไปแล้วจริง ๆเธอชอบผู้ชายที่แต่งงานแล้วมากถึงขนาดนี้เลยเหรอ ในความ
“ไม่ เธอไม่ต้องการหรอก” เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าติงอิ่งได้ยินก็พูดทันทีว่า “นี่ นายอยากทำอะไรล่ะ คงไม่ได้อยากหย่าแล้วมาจีบเค่อซินใช่ไหม”“ติงอิ่ง!”คราวนี้ ก่อนที่เย่เทียนหยู่จะพูดได้ เฉินเค่อซินก็ตะโกนด้วยความโกรธทันที“โอเค ฉันจะไม่พูดแล้ว” ติงอิ่งรู้สึกหวาดกลัวกับการเสียงของเฉินเค่อซิน และเธอก็เกลียดเย่เทียนหยู่มากยิ่งขึ้นเธอคิดกับตัวเองว่าแค่ชายหนุ่มรูปหล่อไร้ความสามารถไม่ใช่รึไง คืนนี้เธอจะต้องทำให้เย่เทียนหยู่อับอายให้ได้ ให้เขารู้ว่าเขาไม่คู่ควรกับเฉินเค่อซินเลยในทางกลับกัน เย่เทียนหยู่มีสีหน้าอ่อนลงและพูดว่า “เค่อซิน ไม่เป็นไรหรอก! พวกเธอจะรวมตัวกันที่ไหน? เกือบจะหกโมงแล้ว ใกล้จะถึงเวลาแล้วใช่ไหม?”“ดูเหมือนว่าจะหนึ่งทุ่มครึ่งนะ ที่ตึกหวังไห่” เฉินเค่อซินเหลือบมองติงอิ่งแล้วพูดติงอิ่งพยักหน้ารับเธอ“โอเค ไปที่นั่นตอนนี้เลย”เย่เทียนหยู่กล่าวเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลินหว่านหรูโกรธมาก แต่เย่เทียนหยู่ไม่ได้อยู่ตรงหน้าเธอไม่อย่างนั้นเธอคงตบหน้าเขาไปแล้วใครทำให้เขามั่นใจว่าจะเย่อหยิ่งผยอง และไม่สนใจเธอเลยได้แบบนี้เป็นเพราะอะไรกันแน่!ไม่ใช่คนที่เพิ่งลงมาจาก
ตึกหวังไห่ ดวงไฟเปิดเอาไว้สว่างไสว!บริเวณลานจอดรถบริเวณทางเข้ามีรถหรูหลายคัน เห็นได้ว่าร้านอาหารแห่งนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนในเวลานี้มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งประมาณยี่สิบคน หลายคนในกลุ่มนั้นมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าประหลาดใจมากกับทุกสิ่งที่นี่ชายหนุ่มผู้นำแต่งตัวหรูหรา เขาหล่อและมีเสน่ห์ทีเดียวชื่อของเขาคือเกาเสียง เขาเป็นสปอนเซอร์ให้กับการรวมตัวครั้งนี้ข้าง ๆ เขามีหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่งยืนอยู่เป็นหญิงสาวในสวมชุดเดรสยาวสีดำ มีรูปร่างที่สง่างาม และมีเสน่ห์เฉพาะตัว และแต่งหน้าแบบบางเบาเบื้องหลังทั้งสองคน คือ โจวเหยา หัวหน้าห้องที่ติดตามพวกเขาพูดเสียงดัง “เห็นไหมว่านี่คือหนึ่งในสี่อาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเทียนไห่ ตึกหวังไห่”“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดา อาหารอาจมีราคาหลายแสนบาท ผมเชื่อว่าพวกคุณคงไม่เคยกินมาก่อน วันนี้น่ะอาศัยบารมีพี่เสียงหรอกนะ ไม่อย่างนั้นทั้งชีวิตนี้คงไม่ได้กินหรอก”“ใช่ วันนี้ฉันควรจะขอบคุณพี่เสียงจริง ๆ ถ้าไม่มีเขา ฉันคงไม่กล้ามาที่นี่ด้วยซ้ำ”“ฮ่าฮ่า ฉันก็เหมือนกัน อีกพักเข้าไปแล้วฉันจะขอบคุณพี่เสียงสักหน่อย”“จริงสิ หัวหน้าห้อง คุณมีค