เย่เทียนหยู่กดหมายเลขโทรศัพท์ของเฉินเค่อซินทันทีหลังจากนั้นไม่นานเฉินเค่อซินก็รับสาย “สวัสดีค่ะ!”“เค่อซิน ผมเองนะ”“พี่เย่!”“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหา” เย่เทียนหยู่พูดออกไปทันที“พี่เย่ ทำไมจู่ ๆ พี่ถึงคิดจะตามหาฉันล่ะคะ”“คิดว่ายังไงล่ะ ยัยสาวน้อย ทำจี้หยกหายก็ไม่บอกพี่เลยนะ รู้นี่ว่าพี่มีความสามารถและมีหลายวิธีน่ะ” เย่เทียนหยู่กล่าวเพียงแค่ได้ยินเสียงของเย่เทียนหยู่ เฉินเค่อซินก็รู้สึกโล่งใจมากและพูดว่า “พี่เย่ กำลังจัดการเรื่องใหญ่ ฉันกลัวรบกวนพี่น่ะค่ะ”“รบกวนอะไรกัน ถ้าแค่ดูแลเธอพี่ยังทำไม่ได้ จะให้พี่ทำอะไรได้อีก พี่จะวางสายแล้ว ส่งที่อยู่ของเธอมาให้พี่หน่อย”เย่เทียนหยู่กล่าวเมื่อมองดูโทรศัพท์ที่วางสายและคิดถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่เพิ่งพูด เฉินเค่อซินก็รู้สึกมีความสุขมาก ไม่ว่ายังไงเขาก็มีเธออยู่ในใจจริง ๆเรื่องนี้ทำให้อารมณ์หดหู่ของเฉินเค่อซินดีขึ้นมาก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งตำแหน่งของเธอ เธอรู้สึกไม่สบายใจและกำลังเดินไปตามชายหาด“ใครน่ะ?”เมื่อเห็นเฉินเค่อซินวางสายโทรศัพท์ สาวผมสั้นคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอจึงถามอย่างสงสัยสาวผมสั้นคนนั้นมีใบหน้าที่ละเอ
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มีเวลามองไปที่ติงอิ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวย แต่ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเฉินเค่อซินเป็นยังไงบ้างเมื่อได้ยินแบบนั้น เฉินเค่อซินก็รีบพูดว่า “ติงอิ่ง อย่าพูดไร้สาระ พี่เย่มีวิธีจริง ๆ นะ”“นอกจากนี้ พี่เย่ ฉันขอแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือ ติงอิ่ง เพื่อนร่วมชั้นวิทยาลัยของฉันและเป็นเพื่อนสนิทฉันค่ะ”“ติงอิ่ง นี่คือ เย่เทียนหยู่ พี่เย่ของฉันเอง”“เย่เทียนหยู่ใช่ไหม ชื่อก็ค่อนข้างดี แต่จะดีกว่าถ้าเป็นคนถ่อมตัวไม่ชอบคุยโวกับคนอื่น”ติงอิ่งกล่าวอย่างเยาะเย้ย“ติงอิ่ง!”“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ พี่เย่เป็นคนดีมากนะ ยิ่งกว่านั้น เขามีความอำนาจมาก” เฉินเค่อซินพูดด้วยความไม่พอใจ“ก็ได้ งั้นให้ฉันดูหน่อยว่าเขาจะช่วยเธอหาจี้หยกได้ยังไง”เมื่อเห็นเฉินเค่อซินคอยปกป้องเขา ติงอิ่งก็เลิกทำให้เธอำลบากใจ แต่เธอไม่ได้ตั้งใจปล่อยเย่เทียนหยู่ไปเช่นกันแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะสวยมาก แต่เย่เทียนหยู่ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะรับมือกับคนแบบเธอ เขาพูดว่า “เค่อซิน บอกผมหน่อยว่าคุณทำจี้หยกหายได้ยังไง”“ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่รู้หายไปตอนไหน” ติงอิ่งตอบแทนเธอเย
“ได้ พี่จะช่วยเธอหามันอย่างแน่นอน”เย่เทียนหยู่ยืนยัน แต่เจตนาสงัการกลับปรากฏขึ้นในหัวใจของเขาไม่รู้ว่าคนหน้าด้านคนไหนขโมยจี้หยกของเค่อซินไป แต่เขาจะไม่มีวันปล่อยคนคนนั้นไปแน่ และเขาจะสอนบทเรียนอันเลวร้ายให้เขากับเขาอย่างแน่นอน“ขอบคุณค่ะพี่เย่ รบกวนพี่ด้วยนะคะ”สีหน้าของเฉินเค่อซินอ่อนลงเล็กน้อยหลังจากได้รับสัญญาจากเย่เทียนหยู่แต่ว่าสีหน้าของเธอยังคงดูเศร้าอยู่มาก เห็นได้ชัดว่าเธอกังวลมากว่าอาจไม่สามารถหามันกลับมาได้ เพราะมันหายไปหลายวันแล้วเมื่อเห็นเฉินเค่อซินเช่นนี้ เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกลังเลเล็กน้อยในใจ เดิมที เขาวางแผนที่จะบอกตัวตนของเขากับเฉินเค่อซินแต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนถ้าพูดตอนนี้ เค่อซินจะโทษตัวเองหรือเปล่านะช่างมันเถอะ หาจี้หยกให้เจอก่อนแล้วกันเย่เทียนหยู่ถามเฉินเค่อซินว่าครั้งแรกที่รู้ตัวว่าจี้หยกหายไปคือตอนไหน หลังจากถามสถานการณ์แล้ว เขาก็โทรหาถันล่างทันทีเนื่องจากเมื่อเร็ว ๆ นี้เฉินเค่อซินได้ไปทำงานที่บริษัท เธอจึงสวมจี้หยกทุกครั้ง แม้ว่าจี้หยกจะซ่อนอยู่ในเสื้อผ้า แต่ก็มีเชือกคล้องรอบคอกล้องวงจรปิดเห็นได้แค่บางส่วนเท่านั้นจากเหตุโจมตีอาค
เช้าวันรุ่งขึ้น ติงอิ่งมาหาเฉินเค่อซินและยืนกรานที่จะอยู่กับเธอ เธอรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่เป็นคนโกหก และเธอต้องปกป้องเฉินเค่อซินเฉินเค่อซินได้แต่บอกเธอว่าพี่เย่ไม่ใช่คนโกหกอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น พี่เย่ยังบอกด้วยว่าเขาจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับตัวเธอในวันนี้เมื่อได้ยินแบบนั้น ติงอิ่งก็รบเร้าเฉินเค่อซินมากยิ่งขึ้น เธอไม่เชื่อว่าเย่เทียนหยู่จะแข็งแกร่งขนาดนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยง ที่เย่เทียนหยู่รีบไปตามที่อยู่ของเฉินเค่อซินเฉินเค่อซินมองเย่เทียนหยู่อย่างคาดหวัง แต่เห็นว่ามือของเขาว่างเปล่า แววตาของเธอก็ดูผิดหวัง แต่เธอก็ยังคงพูดว่า “พี่เย่ ในเวลาอันสั้นแบบนี้การจะหาไม่เจอก็เป็นเรื่องปกตินะคะ”“ไม่สิ มันจะเป็นเรื่องปกติได้ยังไง มีคนบอกว่าจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับเธอไม่ใช่เหรอ” ติงอิ่งไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยเย่เทียนหยู่ไปทั้งแบบนี้เย่เทียนหยู่เพิกเฉยต่อติงอิ่ง และเพียงพูดว่า “เค่อซิน พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ บอกให้เธอออกไปก่อนได้ไหม”“ไม่ ทำไมถึงอยากให้ฉันออกไป เรื่องนี้มีอะไรน่าละอายรึไง” ติงอิ่งไม่พอใจทันทีแต่เฉินเค่อซินพูดโดยไม่ลังเล “ติงอิ่ง ฉันขอโทษนะ เธอออกไปก่อนเถอะ”เมื
หลังจากยืนยันว่านี่คือจี้หยกที่เขาทำหล่น เฉินเค่อซิงก็จับมันไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เธอกลัวว่าจะพลาดหายไปอีกครั้ง และน้ำตาแห่งความตื่นเต้นก็ไหลลงมาไม่คิดเลยว่าหลังจากค้นหามันมานาน เธอจะพบมันโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆขณะที่ติงอิ่งกำลังมีความสุข เธอก็เยาะเย้ยว่า “มีคนอวดดีมากมาย แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่สำเร็จ ยังต้องให้คนอื่นเก็บกลับมาคืนอยู่ดี”“หาเจอก็ดีแล้วล่ะ บางทีหากไม่มีความพยายามของพี่เย่ที่จะช่วยฉันหา อีกฝ่ายก็คงไม่ริเริ่มคืนก็ได้นะ” เฉินเค่อซินกล่าวอย่างมีความสุข“ยังไปให้ความดีความชอบเขาอีก!”“เค่อซิน เธอบอกไปแล้วว่าเขามีภรรยา เธอต้องไม่สับสนสิ” ติงอิ่งพูดอย่างช่วยไม่ได้“รู้แล้วล่ะ”เฉินเค่อซินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่เย่ พี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย หิวกันหมดแล้วสินะคะ ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ วันนี้ผมจะเลี้ยงเอง”เย่เทียนหยู่พยักหน้าและอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเขาเห็นเธอดูผ่อนคลายและมีความสุขมาก เขารู้ว่าเขาควรจะบอกตัวตนของเขากับเธอในครั้งแรกแต่ว่าเขากังวลว่าศัตรูที่เผาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนั้นจะติดตามเบาะแสเพื่อตามหาเขา หากเขารู้เขายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ การเจอต
เฉินเค่อซินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินข้อเสนอของเย่เทียนหยู่ว่าจะไปกับเธอ โดยเฉพาะหลังจากวันนี้ เธอพบว่าเธอคิดถึงพี่เย่จริง ๆแม้ว่าทั้งสองจะไม่สามารถเป็นคู่รักกันได้ แต่เธอก็ยังมีความสุขที่ได้อยู่กับเขาเป็นครั้งคราวแต่ติงอิ่งก็พูดทันทีว่า “ไม่ พวกเรากำลังจะมีการรวมตัวเพื่อร่วมชั้น คุณไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของเรา ทำไมคุณถึงไปล่ะ”“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พวกเขาบอกว่าห้ามพาแฟนหรือสามีไปเหรอ?” เฉินเค่อซินโต้กลับทันที“แล้วเขาเป็นแฟนของคุณหรือสามีของเธอรึไง” ติงอิ่งถามด้วยความโกรธใบหน้าของเฉินเค่อซินเปลี่ยนเป็นสีแดง และเธอก็พูดไม่ออก แต่เย่เทียนหยู่ก็เข้ามารับหน้าที่ “ผมแกล้งทำก็ได้นี่”“ฮึ่ม แกล้งแบบไหนล่ะ? ฉันคิดว่าคุณแค่วางแผนจับเค่อซินหรอก” ติงอิ่งกล่าว“ติงอิ่ง!”เฉินเค่อซินอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่เย่ไม่ใช่คนอย่างที่เธอคิดนะ ถ้าเขาต้องการทำอะไรกับฉันจริง ๆ เขาคงทำสำเร็จไปนานแล้ว คงไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก”หลังจากพูดแบบนี้ เธอก็ตระหนักว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นผิด และใบหน้าของเธอก็แดงยิ่งขึ้นติงอิ่งดูตกตะลึง เธอคงจะบ้าไปแล้วจริง ๆเธอชอบผู้ชายที่แต่งงานแล้วมากถึงขนาดนี้เลยเหรอ ในความ
“ไม่ เธอไม่ต้องการหรอก” เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าติงอิ่งได้ยินก็พูดทันทีว่า “นี่ นายอยากทำอะไรล่ะ คงไม่ได้อยากหย่าแล้วมาจีบเค่อซินใช่ไหม”“ติงอิ่ง!”คราวนี้ ก่อนที่เย่เทียนหยู่จะพูดได้ เฉินเค่อซินก็ตะโกนด้วยความโกรธทันที“โอเค ฉันจะไม่พูดแล้ว” ติงอิ่งรู้สึกหวาดกลัวกับการเสียงของเฉินเค่อซิน และเธอก็เกลียดเย่เทียนหยู่มากยิ่งขึ้นเธอคิดกับตัวเองว่าแค่ชายหนุ่มรูปหล่อไร้ความสามารถไม่ใช่รึไง คืนนี้เธอจะต้องทำให้เย่เทียนหยู่อับอายให้ได้ ให้เขารู้ว่าเขาไม่คู่ควรกับเฉินเค่อซินเลยในทางกลับกัน เย่เทียนหยู่มีสีหน้าอ่อนลงและพูดว่า “เค่อซิน ไม่เป็นไรหรอก! พวกเธอจะรวมตัวกันที่ไหน? เกือบจะหกโมงแล้ว ใกล้จะถึงเวลาแล้วใช่ไหม?”“ดูเหมือนว่าจะหนึ่งทุ่มครึ่งนะ ที่ตึกหวังไห่” เฉินเค่อซินเหลือบมองติงอิ่งแล้วพูดติงอิ่งพยักหน้ารับเธอ“โอเค ไปที่นั่นตอนนี้เลย”เย่เทียนหยู่กล่าวเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลินหว่านหรูโกรธมาก แต่เย่เทียนหยู่ไม่ได้อยู่ตรงหน้าเธอไม่อย่างนั้นเธอคงตบหน้าเขาไปแล้วใครทำให้เขามั่นใจว่าจะเย่อหยิ่งผยอง และไม่สนใจเธอเลยได้แบบนี้เป็นเพราะอะไรกันแน่!ไม่ใช่คนที่เพิ่งลงมาจาก
ตึกหวังไห่ ดวงไฟเปิดเอาไว้สว่างไสว!บริเวณลานจอดรถบริเวณทางเข้ามีรถหรูหลายคัน เห็นได้ว่าร้านอาหารแห่งนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนในเวลานี้มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งประมาณยี่สิบคน หลายคนในกลุ่มนั้นมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าประหลาดใจมากกับทุกสิ่งที่นี่ชายหนุ่มผู้นำแต่งตัวหรูหรา เขาหล่อและมีเสน่ห์ทีเดียวชื่อของเขาคือเกาเสียง เขาเป็นสปอนเซอร์ให้กับการรวมตัวครั้งนี้ข้าง ๆ เขามีหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่งยืนอยู่เป็นหญิงสาวในสวมชุดเดรสยาวสีดำ มีรูปร่างที่สง่างาม และมีเสน่ห์เฉพาะตัว และแต่งหน้าแบบบางเบาเบื้องหลังทั้งสองคน คือ โจวเหยา หัวหน้าห้องที่ติดตามพวกเขาพูดเสียงดัง “เห็นไหมว่านี่คือหนึ่งในสี่อาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเทียนไห่ ตึกหวังไห่”“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดา อาหารอาจมีราคาหลายแสนบาท ผมเชื่อว่าพวกคุณคงไม่เคยกินมาก่อน วันนี้น่ะอาศัยบารมีพี่เสียงหรอกนะ ไม่อย่างนั้นทั้งชีวิตนี้คงไม่ได้กินหรอก”“ใช่ วันนี้ฉันควรจะขอบคุณพี่เสียงจริง ๆ ถ้าไม่มีเขา ฉันคงไม่กล้ามาที่นี่ด้วยซ้ำ”“ฮ่าฮ่า ฉันก็เหมือนกัน อีกพักเข้าไปแล้วฉันจะขอบคุณพี่เสียงสักหน่อย”“จริงสิ หัวหน้าห้อง คุณมีค
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก