หากไม่มีตำแหน่งทายาทเขาก็ไม่มีอะไรเลยในขณะนี้ ซูเหวินฮุยรู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังจะถล่มเขาต้องการพูด แต่ซูชังก็เดินออกไปแล้วในความเป็นจริง เขาทนไม่ได้ แต่หลังจากการสอบสวน พฤติกรรมของหลานชายคนโตของเขาทำให้ใจเขาแตกสลายจริงๆสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคำสั่งของเจ้าตำหนักซิวหลัวเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติตาม ไม่อย่างนั้นเขาเองก็อยากให้โอกาสหลายชายได้กลับตัวประมาณสองชั่วโมงต่อมา สมาชิกของตระกูลซูมารวมตัวกันที่ตระกูลซู รวมทั้งซูเหวินฮวาด้วยเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วซูเหวินฮวา คร่ำครวญว่าดูเหมือนเขาจะต้องรอโอกาสต่อไป แต่แล้วจู่ๆ ก็มีสายเข้าไม่น่าแปลกใจที่ซูเหวินฮวารู้สึกว่าไม่มีโอกาส ก็เพราะเวลาผ่านไปยามชั่วคืนแล้วแต่ตระกูลซูก็ยังไร้วี่แววจนถึงเช้าทุกอย่างก็ยังคงเงียบสงบในความเห็นของเขา แม้แต่พี่เย่เองก็คงยังเป็นเรื่องยาก ดังนั้น เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ชั่วคราวและรอโอกาสต่อไป แต่เขาไม่ได้ตำหนิเย่เทียนหยู่ เพราะถึงยังไงแล้ว เรื่องทั้งหมดนี่ก็ยากมากจริง ๆสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ สายที่เขาได้รับในเวลานี้มาจากคุณปู่เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ปู่ซูชังไม่เคยโทรหาเขาเลย
สวีผิงรู้จักตระกูลซูเป็นอย่างดีหลังจากอยู่ในตระกูลซูมาหลายปีซูเหวินฮุยมีความสามารถที่โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก สถานะของเขาไม่สั่นคลอนอย่างแน่นอนหวังเยี่ยนหรูแม่ของซูเหวินฮุย มาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง และครอบครัวของเธอก็มีอำนาจเช่นกัน ตระกูลซูก็ยอมรับเธอ ทำให้ตำแหน่งของเยี่ยนหรูมั่นคงมากเพราะอย่างนั้น ตำแหน่งของพวกเขาได้ยึดที่มั่นหยั่งรากลึกแล้วและไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ขอแค่พวกเขาไม่สั่นคลอน พวกเขาคู่แม่ลูกก็ถูกกำหนดให้มีชีวิตที่ย่ำแย่ต่อไป ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเซอร์ไพรส์ใด ๆ เลยซูชังเหลือบมองทุกคนที่มา และพูดเสียงเข้มว่า “วันนี้ปู่เรียกทุกคนมาที่นี่เป็นพิเศษเพราะปู่มีเรื่องสำคัญจะประกาศ”เขาอารมณ์ไม่ดีและขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอ้อมค้อม ดังนั้นเขาจึงพูดต่อทันที “เนื่องจากความประพฤติที่ไม่ดีของซูเหวินฮุย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ใช่ทายาทของตระกูลซูอีกต่อไป แต่เขาจะยัง ไม่สามารถแตะต้องทรัพย์สินใด ๆ ของตระกูลซูได้อีกต่อไป! ”ทันทีที่สิ้นคำพูด ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความโกลาหล ทุกคนต่างก็ตกตะลึงนี่มันหมายความว่ายังไงไม่เพียงแต่ตำแหน่งทา
“ดังคำพูดที่ว่าผู้คนไม่กลัวการทำผิดพลาด แต่กลัวการทำผิดพลาดไปตลอดชีวิต เหวินฮุยเพิ่งทำผิดไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขอร้องพ่อแบบนี้ พ่อไม่ให้โอกาสเขาเลยเหรอครับ”ซูไข่ถามซูชังขมวดคิ้ว เขาอยากให้โอกาสหลานชายใจจะขาด แต่เจ้าตำหนักไม่ยอมให้โอกาสเขา แต่เขาไม่ควรบอกคนอื่นเกี่ยวกับตำหนักซิวหลัวเขาส่ายหน้าและพูดอย่างเย็นชา: “เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องพูดมากกว่านี้ พ่อตัดสินใจแล้ว! ”“ทายาทของเหวินหุยถูกยกเลิกแล้ว นับจากนี้ไป ตระกูลซูของเรามีทายาทเพียงคนเดียวเท่านั้น และนั่นคือซูเหวินฮวา! ”ทันทีที่สิ้นคำพูด ทั้งสถานที่ก็ตกอยู่ในความตะลึงงัน ทุกคนนิ่งอึ้งกันไปหมดไม่มีใครคาดคิดว่าซูเหวินฮุยจะถูกปลด และซูเหวินฮวาจะขึ้นมารับตำแหน่ง แม้ว่าพวกเขาจะตกใจที่ซูเหวินฮุยถูกปลด แต่ก็ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงเรื่องนี้ได้ซูเหวินฮวา ลูกชายที่เกิดจากเมียน้อยจะมีคุณธรรมและความสามารถแค่ไหนกัน?ยิ่งไปกว่านั้น เขาเก่งเรื่องกิน ดื่ม สำมะเลเทเมาและเล่นการพนัน แล้วเขาจะมีคุณสมบัติที่จะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลซูในอนาคตได้ยังไงสวีผิงเองก็ตกใจและไม่อยากจะเชื่อหูของเธอ แต่เมื่อมองดูลูกชายของเธออีกครั้ง ทุกอย่างดู
ซูชังเองยังไงก็เป็นหัวหน้าตระกูลซู หากจำเป็น เขาสามารถส่งต่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจากเขาไปยังซูเหวินฮวาได้ตลอดเวลายิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของเขา ซูไข่ไร้ความสามารถโดยกำเนิด ดังนั้นเขายังต้องรับผิดชอบทรัพย์สินหลายอย่างของครอบครัวด้วยตัวของเขาเองเขาคิดไว้แล้วและวางแผนที่จะให้ซูเหวินฮุยเข้ามารับช่วงต่อเพียงแต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นซูเหวินฮวาก็เท่านั้นแต่เมื่อสิ้นคำพูดนี้ก็ทำให้ทุกคนในห้องตกใจหนักกว่าเดิมทุกคนเงียบจดได้ยินเสียงจั๊กจั่นร้อง!ความดีความชอบส่วนใหญ่ตระกูลซูที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นเพราะมีซูชังเป็นผู้ผลักดันตระกูลซู จนได้มาอยู่ในสถานะปัจจุบันดังนั้น ในตระกูลซูในปัจจุบัน ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนสถานะของซูชังได้แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าซูชังจะตั้งใจแน่วแน่ที่จะละทิ้งหลานชายคนโปรดที่เขารักมากมาโดยตลอดแล้วยังผลักซูเหวินฮวาขึ้นไปตำแหน่งที่สูงกว่าใบหน้าของซูเหวินฮุยซีดไปแล้ว ดวงตาของเขาว่างเปล่า เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมปู่ของเขาถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขาทำลงไปเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดแม้แต่ซูเหวินฮวาก็ยังตกตะลึง แต่ก็เห็นได้ว่าพี่เย่กดดันปู่ของเขามาก
จริง ๆ แล้วหลายคนในครอบครัวรู้ข้อเท็จจริงนี้ เพียงแต่พวกเขาไม่เคยสนใจแต่การถูกชี้ชัดแบบนี้ก็ยังทำให้ดูน่ารังเกียจและน่าอับอายอย่างเห็นได้ชัดแต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การตอบสนองของซูเหวินฮวาก็สมบูรณ์แบบ อย่างน้อยซูชังก็พอใจต่อท่าทีของเขาเป็นพิเศษสิ่งที่เขากลัวที่สุดคือซูเหวินฮวาหมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้น หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะเดือดร้อนในอนาคต เพราะถึงยังไงเขาได้รับการสนับสนุนจากเจ้าตำหนักโชคดีที่หลานชายของเขาคำนึงถึงส่วนรวมมากกว่า ดังนั้นเขาจึงพอใจมากสวีผิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน คนอื่น ๆ ไม่รู้ แต่เธอรู้ดีถึงความอัปยศอดสูและความเจ็บปวดที่ลูกชายของเธอต้องทนทุกข์ทรมาน เธอรู้ว่าลูกชายของเธอกำลังคิดที่จะเข้ามาแทนที่ซูเหวินฮุยและเหยียบย่ำซูเหวินฮุยเธอกังวลว่าลูกชายของเธอจะอารมณ์เสีย โกรธซูชัง และเสียโอกาสอันยิ่งใหญ่ไปแต่แล้วซูเหวินฮวาก็พูดต่อ: “แต่คุณปู่ ถ้ายังมีคนรังแกผมหรือข่มเหงผมหลังจากวันนี้ ผมควรทำยังไงดีครับ?”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ใจของทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้งซูเหวินฮวาฉลาดขนาดนนี้ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ครอบครัวซูเหวินฮุยไม่เต็มใจที่จะสูญเสียต
ใบหน้าของซูเหวินฮุยดูน่าเกลียด แต่เมื่อมองด้วยสายตาเย็นชาของปู่ของเขา เขาทำได้เพียงถอดแหวนออกอย่างจริงใจแล้วมอบให้ซูเหวินฮวาเมื่อมองดูซูเหวินฮวาในเวลานี้ ซูเหวินฮุยรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งในสายตาของเขา ซูเหวินฮวาเป็นเพียงมดที่สามารถเหยียบย่ำได้ตลอดเวลาเขาแค่ไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเขาเลือดเย็นเกินไป และซูเหวินฮวาก็เป็นคนสิ้นเปลืองที่กิน ดื่ม ค้าประเวณี และเล่นการพนัน และไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย ดังนั้นเขาจึงไม่เคยฆ่าเขาเลยแต่เขาไม่คิดเลยว่ามดที่เขาดูถูกจะทำให้โลกพลิกคว่ำเขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้!แต่เขาจะทำอะไรได้ แม้แต่คุณปู่ก็ยังยืนเคียงข้างอีกฝ่ายในทางตรงกันข้าม ซูเหวินฮวาดูสงบแต่นั่นเป็นเพียงผิวเผิน ลึก ๆ ในใจของเขากำลังสับสนวุ่นวายอยู่แล้วเพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอดกลั้นมาหลายปีและใช้ชีวิตอย่างไร้ศักดิ์ศรีเพื่อให้ได้มาฉันคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ในชีวิตนี้ เพราะซูเหวินฮุยเป็นที่นิยมในครอบครัวของเขาและมีความสามารถมากแต่จู่ ๆ ก็ได้รับความช่วยเหลือจากพี่เย่เส้นชัยอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้วโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลยการเตรียมการทั้งหมดที่เขาทำนั้นไม่เสียเปล่าเลยจริงๆอย่าง
“ได้ ทำตามที่หลานบอกเถอะ”ซูชังตกลงและส่งมอบเรื่องนี้กับซูเหวินฮวาขณะที่ซูเหวินฮวาจากไป ซูไข่และซูเหวินฮุยก็เข้ามาพวกเขาไม่เข้าใจและต้องเข้าใจเรื่องทั้งหมดให้ได้ในวันนี้เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามา ซูชังไม่รอให้พวกเขาถาม และพูด: “พ่อรู้ว่าแกต้องการถามอะไร แต่มีเพียงแกและลูกชายของแกเท่านั้นที่จะได้รู้ และจะต้องไม่บอกคนอื่นเด็ดขาด แกเข้าใจไหม?”พวกเขาสองคนตกใจมาก แน่นอนว่ามีปัญหาเกิดขึ้นและพวกเขาก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ครั้งนี้ เหวินฮุยมีปัญหากับคนที่ทรงอำนาจมาก ๆ ความแข็งแกร่งของเขาอยู่เหนือจินตนาการของแก ในสายตาของเขา ตระกูลซูสามารถถูกทำลายได้ด้วยการกระดิกนิ้วเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”“ใครกันครับที่น่ากลัวขนาดนี้”“เขาเป็นลูกชายของตระกูลใหญ่เมืองจิงตูเหรอครับ?” ซูไข่ถามด้วยความตกใจซูเหวินฮุยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “ไม่สิ ถึงระยะนี้ผมจะทำเรื่องเลวไปบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ยั่วยุใครเลย ไม่ต้องพูดถึงนายน้อยจากจิงตูเลยนะครับ”“หลานยั่วยุเขา” ซูชังถอนหายใจ“ไม่อย่างแน่นอนครับ เดี๋ยวก่อน เหมือนจะมีอยู่คนหนึ่ง แต่นั่นเป็นเพียงประธานบริษัทกับพนักงานบริษัทธรรมดา ๆ ไม่มีทางที่คนแบบนั้นจะเป็นภัยคุก
ความยินดีสูงสุดของหลินหว่านหรูในตอนนี้คือการได้อ่านความคิดเห็นและดูว่าทุกคนพูดถึงเครื่องสำอางใหม่ของหลินซื่อกรุ๊ปยังไงแต่แน่นอนว่าเธอยังต้องทำงานในขณะนี้ ซูถิงเข้ามารายงาน: “ประธานหลิน นายน้อยของซูซื่อกรุ๊ปมาพบคุณค่ะ”ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุด เธอทำงานเป็นเลขาของหลินหว่านหรูอย่างเชื่อฟัง จริงจังและปฏิบัติตัวดีมาก โดยไม่ก่อปัญหาใด ๆแม้แต่ความวุ่นวายครั้งใหญ่นั้น เธอก็แค่ให้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหลินหว่านหรูให้กับกงซุนจื้อเท่านั้น และไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีกตอนนี้เธอมุ่งความสนใจไปที่การทำลายหลินหว่านหรูและเย่เทียนหยู่ ของที่ฉันไม่ได้มาเธอก็อย่าคิดอย่าหวังซูซื่อกรุ๊ป?ต้องเป็นซูเหวินฮุยแน่ใบหน้าของหลินหว่านหรูเย็นชาเล็กน้อยและเธอก็พูดอย่างเย็นชา: “เขามีธุระอะไร?”“ฉันไม่แน่ใจคะ ดูเหมือนจะมีอีกหลายคนที่มากับเขาแต่ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไร”“ได้ พาพวกเขาไปที่ห้องประชุม เดี๋ยวฉันจะตามไป”หลินหว่านหรูโกรธมาก แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของอีกฝ่ายในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลซูเธอก็ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น ไม่ว่าในกรณีใดตระกูลซูไม่ใช่คนที่เธอสามารถทำให้ขุ่นเคืองได้ซูถิงพยักหน้าและด
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป