“ดังคำพูดที่ว่าผู้คนไม่กลัวการทำผิดพลาด แต่กลัวการทำผิดพลาดไปตลอดชีวิต เหวินฮุยเพิ่งทำผิดไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขอร้องพ่อแบบนี้ พ่อไม่ให้โอกาสเขาเลยเหรอครับ”ซูไข่ถามซูชังขมวดคิ้ว เขาอยากให้โอกาสหลานชายใจจะขาด แต่เจ้าตำหนักไม่ยอมให้โอกาสเขา แต่เขาไม่ควรบอกคนอื่นเกี่ยวกับตำหนักซิวหลัวเขาส่ายหน้าและพูดอย่างเย็นชา: “เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องพูดมากกว่านี้ พ่อตัดสินใจแล้ว! ”“ทายาทของเหวินหุยถูกยกเลิกแล้ว นับจากนี้ไป ตระกูลซูของเรามีทายาทเพียงคนเดียวเท่านั้น และนั่นคือซูเหวินฮวา! ”ทันทีที่สิ้นคำพูด ทั้งสถานที่ก็ตกอยู่ในความตะลึงงัน ทุกคนนิ่งอึ้งกันไปหมดไม่มีใครคาดคิดว่าซูเหวินฮุยจะถูกปลด และซูเหวินฮวาจะขึ้นมารับตำแหน่ง แม้ว่าพวกเขาจะตกใจที่ซูเหวินฮุยถูกปลด แต่ก็ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงเรื่องนี้ได้ซูเหวินฮวา ลูกชายที่เกิดจากเมียน้อยจะมีคุณธรรมและความสามารถแค่ไหนกัน?ยิ่งไปกว่านั้น เขาเก่งเรื่องกิน ดื่ม สำมะเลเทเมาและเล่นการพนัน แล้วเขาจะมีคุณสมบัติที่จะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลซูในอนาคตได้ยังไงสวีผิงเองก็ตกใจและไม่อยากจะเชื่อหูของเธอ แต่เมื่อมองดูลูกชายของเธออีกครั้ง ทุกอย่างดู
ซูชังเองยังไงก็เป็นหัวหน้าตระกูลซู หากจำเป็น เขาสามารถส่งต่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจากเขาไปยังซูเหวินฮวาได้ตลอดเวลายิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของเขา ซูไข่ไร้ความสามารถโดยกำเนิด ดังนั้นเขายังต้องรับผิดชอบทรัพย์สินหลายอย่างของครอบครัวด้วยตัวของเขาเองเขาคิดไว้แล้วและวางแผนที่จะให้ซูเหวินฮุยเข้ามารับช่วงต่อเพียงแต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นซูเหวินฮวาก็เท่านั้นแต่เมื่อสิ้นคำพูดนี้ก็ทำให้ทุกคนในห้องตกใจหนักกว่าเดิมทุกคนเงียบจดได้ยินเสียงจั๊กจั่นร้อง!ความดีความชอบส่วนใหญ่ตระกูลซูที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นเพราะมีซูชังเป็นผู้ผลักดันตระกูลซู จนได้มาอยู่ในสถานะปัจจุบันดังนั้น ในตระกูลซูในปัจจุบัน ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนสถานะของซูชังได้แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าซูชังจะตั้งใจแน่วแน่ที่จะละทิ้งหลานชายคนโปรดที่เขารักมากมาโดยตลอดแล้วยังผลักซูเหวินฮวาขึ้นไปตำแหน่งที่สูงกว่าใบหน้าของซูเหวินฮุยซีดไปแล้ว ดวงตาของเขาว่างเปล่า เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมปู่ของเขาถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขาทำลงไปเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดแม้แต่ซูเหวินฮวาก็ยังตกตะลึง แต่ก็เห็นได้ว่าพี่เย่กดดันปู่ของเขามาก
จริง ๆ แล้วหลายคนในครอบครัวรู้ข้อเท็จจริงนี้ เพียงแต่พวกเขาไม่เคยสนใจแต่การถูกชี้ชัดแบบนี้ก็ยังทำให้ดูน่ารังเกียจและน่าอับอายอย่างเห็นได้ชัดแต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การตอบสนองของซูเหวินฮวาก็สมบูรณ์แบบ อย่างน้อยซูชังก็พอใจต่อท่าทีของเขาเป็นพิเศษสิ่งที่เขากลัวที่สุดคือซูเหวินฮวาหมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้น หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะเดือดร้อนในอนาคต เพราะถึงยังไงเขาได้รับการสนับสนุนจากเจ้าตำหนักโชคดีที่หลานชายของเขาคำนึงถึงส่วนรวมมากกว่า ดังนั้นเขาจึงพอใจมากสวีผิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน คนอื่น ๆ ไม่รู้ แต่เธอรู้ดีถึงความอัปยศอดสูและความเจ็บปวดที่ลูกชายของเธอต้องทนทุกข์ทรมาน เธอรู้ว่าลูกชายของเธอกำลังคิดที่จะเข้ามาแทนที่ซูเหวินฮุยและเหยียบย่ำซูเหวินฮุยเธอกังวลว่าลูกชายของเธอจะอารมณ์เสีย โกรธซูชัง และเสียโอกาสอันยิ่งใหญ่ไปแต่แล้วซูเหวินฮวาก็พูดต่อ: “แต่คุณปู่ ถ้ายังมีคนรังแกผมหรือข่มเหงผมหลังจากวันนี้ ผมควรทำยังไงดีครับ?”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ใจของทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้งซูเหวินฮวาฉลาดขนาดนนี้ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ครอบครัวซูเหวินฮุยไม่เต็มใจที่จะสูญเสียต
ใบหน้าของซูเหวินฮุยดูน่าเกลียด แต่เมื่อมองด้วยสายตาเย็นชาของปู่ของเขา เขาทำได้เพียงถอดแหวนออกอย่างจริงใจแล้วมอบให้ซูเหวินฮวาเมื่อมองดูซูเหวินฮวาในเวลานี้ ซูเหวินฮุยรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งในสายตาของเขา ซูเหวินฮวาเป็นเพียงมดที่สามารถเหยียบย่ำได้ตลอดเวลาเขาแค่ไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเขาเลือดเย็นเกินไป และซูเหวินฮวาก็เป็นคนสิ้นเปลืองที่กิน ดื่ม ค้าประเวณี และเล่นการพนัน และไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย ดังนั้นเขาจึงไม่เคยฆ่าเขาเลยแต่เขาไม่คิดเลยว่ามดที่เขาดูถูกจะทำให้โลกพลิกคว่ำเขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้!แต่เขาจะทำอะไรได้ แม้แต่คุณปู่ก็ยังยืนเคียงข้างอีกฝ่ายในทางตรงกันข้าม ซูเหวินฮวาดูสงบแต่นั่นเป็นเพียงผิวเผิน ลึก ๆ ในใจของเขากำลังสับสนวุ่นวายอยู่แล้วเพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอดกลั้นมาหลายปีและใช้ชีวิตอย่างไร้ศักดิ์ศรีเพื่อให้ได้มาฉันคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ในชีวิตนี้ เพราะซูเหวินฮุยเป็นที่นิยมในครอบครัวของเขาและมีความสามารถมากแต่จู่ ๆ ก็ได้รับความช่วยเหลือจากพี่เย่เส้นชัยอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้วโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลยการเตรียมการทั้งหมดที่เขาทำนั้นไม่เสียเปล่าเลยจริงๆอย่าง
“ได้ ทำตามที่หลานบอกเถอะ”ซูชังตกลงและส่งมอบเรื่องนี้กับซูเหวินฮวาขณะที่ซูเหวินฮวาจากไป ซูไข่และซูเหวินฮุยก็เข้ามาพวกเขาไม่เข้าใจและต้องเข้าใจเรื่องทั้งหมดให้ได้ในวันนี้เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามา ซูชังไม่รอให้พวกเขาถาม และพูด: “พ่อรู้ว่าแกต้องการถามอะไร แต่มีเพียงแกและลูกชายของแกเท่านั้นที่จะได้รู้ และจะต้องไม่บอกคนอื่นเด็ดขาด แกเข้าใจไหม?”พวกเขาสองคนตกใจมาก แน่นอนว่ามีปัญหาเกิดขึ้นและพวกเขาก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ครั้งนี้ เหวินฮุยมีปัญหากับคนที่ทรงอำนาจมาก ๆ ความแข็งแกร่งของเขาอยู่เหนือจินตนาการของแก ในสายตาของเขา ตระกูลซูสามารถถูกทำลายได้ด้วยการกระดิกนิ้วเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”“ใครกันครับที่น่ากลัวขนาดนี้”“เขาเป็นลูกชายของตระกูลใหญ่เมืองจิงตูเหรอครับ?” ซูไข่ถามด้วยความตกใจซูเหวินฮุยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “ไม่สิ ถึงระยะนี้ผมจะทำเรื่องเลวไปบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ยั่วยุใครเลย ไม่ต้องพูดถึงนายน้อยจากจิงตูเลยนะครับ”“หลานยั่วยุเขา” ซูชังถอนหายใจ“ไม่อย่างแน่นอนครับ เดี๋ยวก่อน เหมือนจะมีอยู่คนหนึ่ง แต่นั่นเป็นเพียงประธานบริษัทกับพนักงานบริษัทธรรมดา ๆ ไม่มีทางที่คนแบบนั้นจะเป็นภัยคุก
ความยินดีสูงสุดของหลินหว่านหรูในตอนนี้คือการได้อ่านความคิดเห็นและดูว่าทุกคนพูดถึงเครื่องสำอางใหม่ของหลินซื่อกรุ๊ปยังไงแต่แน่นอนว่าเธอยังต้องทำงานในขณะนี้ ซูถิงเข้ามารายงาน: “ประธานหลิน นายน้อยของซูซื่อกรุ๊ปมาพบคุณค่ะ”ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุด เธอทำงานเป็นเลขาของหลินหว่านหรูอย่างเชื่อฟัง จริงจังและปฏิบัติตัวดีมาก โดยไม่ก่อปัญหาใด ๆแม้แต่ความวุ่นวายครั้งใหญ่นั้น เธอก็แค่ให้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหลินหว่านหรูให้กับกงซุนจื้อเท่านั้น และไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีกตอนนี้เธอมุ่งความสนใจไปที่การทำลายหลินหว่านหรูและเย่เทียนหยู่ ของที่ฉันไม่ได้มาเธอก็อย่าคิดอย่าหวังซูซื่อกรุ๊ป?ต้องเป็นซูเหวินฮุยแน่ใบหน้าของหลินหว่านหรูเย็นชาเล็กน้อยและเธอก็พูดอย่างเย็นชา: “เขามีธุระอะไร?”“ฉันไม่แน่ใจคะ ดูเหมือนจะมีอีกหลายคนที่มากับเขาแต่ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไร”“ได้ พาพวกเขาไปที่ห้องประชุม เดี๋ยวฉันจะตามไป”หลินหว่านหรูโกรธมาก แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของอีกฝ่ายในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลซูเธอก็ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น ไม่ว่าในกรณีใดตระกูลซูไม่ใช่คนที่เธอสามารถทำให้ขุ่นเคืองได้ซูถิงพยักหน้าและด
“ขอบคุณที่น้อยซูเข้าใจนะคะ ไม่ทราบว่าวันนี้นายน้อยซูมีธุระหรือเปล่าคะ?” หลินหว่านหรูรีบถามเธอรู้สึกว่าทายาทที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งของตระกูลซูคนนี้ ออกจะสุภาพกับเธอมากเกินไปเล็กน้อยในเวลานี้ เธอนึกถึงคำพูดของเย่เทียนหยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งแรกที่บอกว่านายน้อยคนรองของตระกูลซูแสร้งทำเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยา เพื่อหลอกลวงให้ศัตรูตายใจแต่จริง ๆ แล้วเขาเก่งกาจมากถึงขั้นว่ากันว่า ผู้สืบทอดซูซื่อกรุ๊ปอาจมีการถูกเปลี่ยนแปลงในตอนนั้นเธอไม่เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว และรู้สึกว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน เพราะถึงยังไงก็มีข่าวลือว่า นายน้อยคนรองของตระกูลซูไร้ความสามารถ แล้วเขาจะแทนที่นายน้อยผู้เก่งกาจซูได้ยังไงแต้ไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็เปลี่ยนแปลงไปเย่เทียนหยู่พูดถูกอีกครั้งแต่ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนี้เขามีน้ำเสียงแปลก ๆ ในโทรศัพท์และบอกว่าเขาไม่แน่ใจ เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าผู้มาเยือนเป็นซูเหวินฮวาไม่ใช่ซูเหวินฮุยที่มาอิตานี่ชอบทำแบบนี้จริงๆ ไม่ยอมพูดอะไรสักอย่างเมื่อเห็นหลินหว่านหรูถาม ซูเหวินฮวาก็รีบพูดว่า: “จริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรเลย มันแค
“ได้ครับ ผมจะรอเขาอยู่ที่นี่” ซูเหวินฮวารีบพูดขึ้นมาทันที ก่อนจะนั่งตัวตรงมากขึ้นราวกับว่าเย่เทียนหยู่มาถึงแล้วหลินหว่านหรูหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาทันทีพร้อมกับกดหมายเลขของเย่เทียนหยู่ เธอโทรออกอย่างรวดเร็วและถามว่า “เย่เทียนหยู่อยู่ที่บริษัทหรือเปล่า”“อยู่สิ!”โดยบังเอิญ วันนี้เย่เทียนหยู่เองก็มาที่บริษัท“มาที่ห้องประชุมหน่อย!”“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” เย่เทียนหยู่ถาม“ไม่มีอะไรหรอก ไว้นายจะรู้เองตอนนายมาที่นี่”“ก็ได้ครับ!”เย่เทียนหยู่เดินไปอย่างช่วยไม่ได้ทันทีที่เขาเห็นเย่เทียนหยู่ ซูเหวินฮวาก็ยืดตัวตรง ลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพอย่างมาก “คุณชายเย่!”หลินหว่านหรูมองไปที่ซูเหวินฮวาด้วยความประหลาดใจ เย่เทียนหยู่ทำอะไร ทำไมเขาถึงต้องสุภาพขนาดนี้?เย่เทียนหยู่ยิ้มและพูดว่า “นี่มันนายน้อยซูไม่ใช่เหรอครับ เรียกผมมามีเรื่องอะไรเหรอ?”หลินหว่านหรูไม่มีเวลาให้ทันได้คิดอย่างถี่ถ้วน เธอโพล่งความคิดของเธอออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็ส่ายหน้าทันทีและพูดว่า “ผมจะเอาหุ้นพวกนั้นไปทำอะไรครับ ไม่สู้ผมยกให้คุณยังดีกว่า ถ้าเป
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก