“ ฉันเอง! ”หลี่ซินเยว่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว เธอยื่นนามบัตรที่เขียนว่าผู้จัดการของเธอออกไป“ ใช่แล้วค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ ประธานถานจะรอคุณอยู่ข้างบน ” พูดด้วยใบหน้าที่งามและดูสุภาพ“ ประธานถานกำลังรอฉันอยู่เหรอ? ”หลี่ซินเยว่รู้สึกปลื้มใจเล็กน้อยทันที แม้ว่าประธานถานจะปรากฏตัวไม่นาน แต่ตอนนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับผู้นําเมืองที่จะอยากเจอเธอผู้หญิงสวยพยักหน้าหัวใจหลี่ซินเยว่เต้นเร็วขึ้นและรู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัดนี่ไม่ใช่การจัดการของเย่เทียนหยู่ใช่ไหม แต่จะเป็นไปได้ยังไง ถ้าเย่เทียนหยู่เก่งกาจขนาดนี้ จะมาทำงานที่บริษัทเป็นเซลล์ทำไมไม่ต้องพูดถึงเย่เทียนหยู่ แม้แต่ประธานหลินก็ไม่สามารถทำได้หรือว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดหรือเปล่า?นี่เป็นไปได้มากที่สุด ทำได้แค่นึกถึงความผิดพลาด ไปทีละขั้นตอนเถอะในใจของสาวสวยก็แอบสงสัยเล็กน้อย ก็แค่ผู้จัดการตัวเล็ก ๆ ของบริษัทหลินซื่อกรุ๊ป ทำไมถึงรบกวนประธานถานให้รอนานขนาดนี้ ยังให้ตนออกมาพบพวกเขาเพียงเพื่อรักษาหน้าอีก ไม่ต้องพูดถึงการต้อนรับ“ พวกคุณรู้จักประธานถานเหรอ? ”สาวสวยอดไม่ได้ที่จะถามอย่างอยากรู้อยากเห็น“ ไม่ ฉันไม่ค
“อะไรนะ?”ทันใดที่คำพูดนั้นเปล่งออกมา หลี่ซินเยว่สองคนต่างพากันตกตะลึงอย่างสุดขีดประธานถานทำเพื่อต้อนรับพวกเราสองคนจริงๆแทบเหลือเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง มันน่าเหลือเชื่อจริงๆถานล่างเมื่อเห็นทั้งสองคนตกใจ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นดูสีหน้าตกตะลึงของทั้งสองคน ดูเหมือนว่าเจ้าชายจะถ่อมตัวเกินไปเลยไม่ได้แสดงถึงพลังอำนาจของตนเอง และไม่ได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเขาเองจากนั้นพักหนึ่ง หลี่ซินเยว่ก็ได้สติเลยรีบถามขึ้น “ประธานถาม ฉันอยากจะถามคุณว่ารู้จักเย่เทียนหยู่ไหม?”“รู้จักสิ เขาคือคนให้ฉันมาต้อนรับพวกคุณ”ถานล่างยืนยันไม่ตอบ ยังไม่เสียคุณชายก็ไม่ได้บอกว่าห้ามพูดอีกทั้งยังช่วยเขาให้ได้ความดีความงามจากหญิงสาว ไม่แน่ว่าคุณชายอาจจะชื่นชมตัวเองด้วยซ้ำรู้จักกันจริงๆด้วย!และเย่เทียนหยู่ที่ขอให้เขามาต้องรับทั้งสองคนจริงๆพวกเขาทั้งสองตกตะลึงอีกครั้ง แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นกันตอนนี้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถานล่างถึงดูสุภาพขนาดนี้เลขาก็ตกตะลึงเช่นกัน ผู้มีอำนาจจริงๆ ไม่ใช่ทั้งสองคนนี้ แต่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาชื่อเย่เทียนหยู่หลี่ซินเยว
เย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งเขาแอบส่ายหัว ถานล่างทำแบบนี้ชื่อคงถูกเอาไปพูดข้างนอกได้เขาเบื่อพวกคำเยินยอที่น่าเกลียดของคนบางคนจริงๆ เลยพูดว่า “เรื่องนี้คุณไม่ต้องสนใจและเรื่องวันนี้ก็ไม่ต้องบอกใครด้วย”หลี่ซินเยว่ตกตะลึงพักหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่พูดจะให้เครดิตคุณยังไง?”“ฉันไม่ต้องให้เครดิตฉันแบบนี้”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวพูดอย่างเฉยชา“อ่อ โอเค”หลี่ซินเยว่วางสายไปก็นึกถึงเรื่องเย่เทียนหยู่เอาสำเร็จเรื่องการชำระหนี้ 30 ล้านเครดิตเรื่องสัญญา 50 ล้านในวันนี้เขายังไม่เอา แล้วเขาจะอ้างเครดิตหลอกๆได้อย่างไร?อีกอย่างเพราะเขาสามารถสั่งประธานถานตามใจชอบ แค่เรื่องเก็บเงินไม่ได้อะไร ทำไมเขาจะแสร้งทำเป็นเครดิตของเขาพูดได้ว่า เรื่องขอคืนเงินเขาทำได้แน่นอน แต่ทำไมประธานหลินบอกอยู่ตลอดว่าเธอทำได้หล่ะช่างมันเถอะ เรื่องระดับสูงตัวเองไม่เข้าใจมันเนื่องจากเย่เทียนหยู่ไม่ได้พูดมากกว่านี้ ตัวเองก็เลยไม่ได้พูดเดี๋ยวนะยังมีเรื่องนึงที่ต้องทำ สัญญานี้ต้องให้ตัวเองประทับตรากับเซ็นสัญญาเลย หลี่ซินเยว่เลยรีบให้หลิวเหวินแจ้งให้รู้ถึงข่าวดีหลิวเหวินได้ยินก็ดีใจมาก เธออยู่กับหลินหว่านหรูพอดีเลยพู
“เย่เทียนหยู่ ฉันจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้ายตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลินหว่านหรูถามด้วยความโกรธเย่เทียนหยู่สีหน้าเบื่อหน่าย พูดความจริงกับคุณก็ไม่เชื่อเขาเลยพูดอย่างเบื่อหน่ายว่า “ นี่ เขาอยากจะตอบแทนฉัน”พอได้ยินคำนี้ หลินหว่านก็เชื่อแปดสิบเปอร์เซ็น จริงๆแล้วคือการตอบแทนเลยรีบถามว่า “คุณช่วยเขาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ตอนที่ครอบครัวซาตกเป็นเป้า ฉันก็มีความขัดแย้งกับตระกูลซา เขาเลยคิดว่ามีประโยชน์ต่อเขาก็แค่เพื่อขอบคุณฉัน เขาเลยใช้โอกาสี้ช่วยฉัน” เย่เทียนหยู่พูดซี้ซั้ว“แล้วคุณก็เลยใช้โอกาสนี้กับเรื่องนี้งั้นหรอ” หลินหว่านหรู ฟังดูหงุดหงิดเล็กน้อยช่างสิ้นเปลืองโอกาสเหลือเกินทุกวันนี้ถานล่างหยิ่งยะโสโอหังและบุคคลนี้ลึกลับมาก คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ แล้วก็ยังไม่มีทางผูกมิตรได้จริงๆแล้วนับเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่เย่เทียนหยู่พูดอย่างไม่เห็นด้วย “ ใช่สิ พอดีว่ามันจำเป็นจะทิ้งไว้มันก็เสียดายนะสิ?” หลินหว่านหรูยิ้มอย่างขมขื่น เพียงเท่านั้น ยังไงเสียเขาเป็นเพียงผู้ชายจากภูเขาที่ลงมาจากป่าภูเขา ก็คงมีสภาพแบบนี้แหละ“ใช้ไปแล้วก็ใช้เถอะ ครั้งนี้ก็ขอบคุณนะ”“จะขอบคุณฉันทำไม ฉันแค่ทำเพื่องานของ
อะไรนะ?เย่เทียนหยู่?เขาได้รับสัญญาครั้งใหญ่จริงๆหนอ?ไม่ใช่พูดว่าแต่ก่อนการชำระคืน 30 ล้านครั้งก่อนหน้า ไปอ้างเครดิตไม่ถูกต้องใช่ไหมทุกคนต่างความสงสัยในสายตาของพวกเขา ไม่ค่อยจะเชื่อในความสามารถของเย่เทียนหยู่“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้เป็นฉันจัดการเอง อีกฝ่ายก็ยอมรับว่าเป็นเย่เทียนหยู่เจรจาได้ อีกอย่างนี่มันเป็นสัญญาที่ใหญ่มาก”หลี่ซินเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม“งั้น แล้วเท่าไหร่ล่ะ?” มีคนถามด้วยความตื่นเต้นหลี่ซินเยว่เหยียดนิ้วห้านิ้วออก“ห้าล้านหรอ?”“ไม่ถูกสิ ห้าล้านไม่พอ หรือว่าห้า ห้าสิบล้าน?”“แต่ว่า เป็นไปได้ยังไง!”“มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ก็คือ 50 ล้าน!”แม้ว่าหลี่ซินเยว่จะผ่านมาคืนนึง ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นานแค่ไหนแล้วที่แผนกขายของพวกเขามียอดจำนวนมากขนาดนี้ในครั้งเดียว50 สิบล้านจริงๆ!โอ้มายก๊อด!ทุกคนต่างตื่นเต้นและตกใจมากอีกด้วย!เย่เทียนหยู่ได้ยินสิ่งก็เลยส่ายหัวแล้วพูดว่า “ หัวหน้าทีม คุณกำลังประกาศตอนนี้ ไม่กลัวว่ากลุ่มหนึ่งจะได้รับข่าว ใช้วิธีการอื่นหรอ?”“คงไม่หรอก ตอนนี้เวลาก็ใกล้จะถึงแล้ว ถ้าพวกเขาต้องการเล่นแง่ก็คงจะทำไม่ได้หรอก” หลี่ซินเยว่
หลี่ซินเยว่อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เทียนหยู่ที่นั่งอยู่ข้างล่าง แค่เห็นเขานั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบเหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับเขาซึ่งไม่ได้กังวลเลยแต่ครั้งนี้เป็นผู้เข้าร่วมเดิมพันจริงๆเป็นเพราะเหตุนี้ เหม่ยหรงหรงเลยขอให้เย่เทียนหยู่มาแสดงตัวที่นี่แต่เวลานี้ เหม่ยหรงหรงก็พูดขึ้น“ ประธานหลิน ประธานหลิว คณะกรรมการระดับสูงของบริษัททุกท่าน รบกวนสักครู่ฉันรู้สึกว่าคิดว่าข้อมูลตัวเลขนี้มีบางอย่างผิดปกติ”ทุกคนต่างพากันตกใจเล็กน้อย สีหน้าของหลินหว่านหรูก็เข้มขึ้น เห็นได้ชัดว่าเธอสังเกตเห็นว่าบางอย่างผิดปกติ แต่เธอก็ได้สติแล้วพูดอย่างใจเย็น “ มีปัญหาอะไร?”“ ข้อมูลตัวเลขการขายของเราไม่ถูกต้อง ยอดจำนวน 30 ล้านรายการนี้ไม่ได้รวมอยู่ ”เหม่ยหรงหรงพูดไปด้วยแล้วหยิบสัญญาใหม่ออกมาแล้วส่งให้ก้นบึ้งของหัวใจหลี่ซินเยว่ก็จมลงเล็กน้อยตอนที่เธอนึกถึงคำพูดของเย่เทียนหยู่ถ้าเกิดรีบทำอีกฝ่ายอาจคงจะเตรียมการสำรองไว้ สุดท้ายใต้แรงกดดันของเขาเอง เย่เทียนหยู่ก็ยอมให้ไปที่บริษัทเทียนมู่กรุ๊ปเธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เทียนหยูอีกครั้ง เห็นได้ว่าสีหน้าของเขาสงบไม่มีอะไรผิดปกติไปแต่ในใจคงจ
“เอาอีกแล้ว คุณมีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าฉันดิสเครดิตไหม ถ้าไม่มี นั่นก็เป็นการใส่ร้าย คุณต้องขอโทษฉันด้วย” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชา“คุณ!”“คุณใส่ร้ายฉันโดยที่ไม่มีข้อมูลเหรอ? แต่ฉันขี้เกียจเกินกว่าจะเถียงกับคุณ วันนี้เป็นเรื่องเของการแข่งขัน” เหม่ยหรงหรงพูดอย่างเย็นชา“ถ้าเป็นเรื่องการแข่งขันก็โอเค แต่คุณต้องขอโทษฉันก่อน หรือเอาหลักฐานออกมาว่าฉันดิสเครดิตจริงๆ” เย่เทียนหยู่ตอบอย่างเย็นชาเหม่ยหรงหรงโกรธมาก แต่ในเวลานี้เธอได้รับคำใบ้ ว่าไม่สามารถทำลายภาพรวมได้ ยิ่งไม่ยอมรับเรื่องดักฟังจึงตอบอย่างช่วยไม่ได้ “ เอาล่ะ ฉันขอโทษในสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไป ”“ทำไมคำพูด ดูไม่ชัดเจน ไม่มีความจริงใจสักนิดเลย” เย่เทียนหยู่ไม่ยอมรับ“คุณ โอเค ฉันพูดว่า! ฉันขอโทษที่ใส่ร้ายคุณเมื่อกี้ ขอโทษ!” เหม่ยหรงหรงขอโทษอย่างช่วยไม่ได้“เอาล่ะ ดี ก็แค่นั้นแหละ งั้นฉันจะยกโทษให้กับความไม่รู้ของคุณล่ะกัน”เย่เทียนหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆเหม่ยหรงหรงโกรธมาก และพูดว่า “ตอนนี้ฉันขอโทษแล้ว ควรบอกผลการแข่งขันได้แล้วสิ?”“แน่นอน ฉันจำสิ่งที่ฉันพูดตอนนั้นได้ ถ้าทีมที่สองของเราชนะ คุณจะลาออก และสละตำแหน่งหัวหน้
ดวงตาของหลินหว่านหรูเป็นประกายขึ้น รีบให้เย่เทียนหยู่มอบสัญญามาผู้นำอาวุโสหลายคนผลัดกันดู วิธีการก็คล้ายกับของเหม่ยหรงหรง สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ โอนเงินเข้าหรือยังเย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย และกล่าวว่า “ หัวหน้าทีมเหม่ย ไม่ว่าจะพูดยังไง คุณและหัวหน้าทีมหลี่คือหัวกะทิของบริษัท บริษัทสูญเสียใครสักคน ก็เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ”“คุณต้องการบอกอะไร?” เหม่ยหรงหรงถามอย่างเย็นชา“ที่ฉันหมายถึงคือ งั้นก็เอาแบบนี้ ให้มันเสมอกัน แบบนี้ ก็ไม่มีใครต้องจากไป และเราก็จะยังคงเป็นเพื่อนร่วมงานที่รักใคร่กัน”เย่เทียนหยู่อธิบายด้วยรอยยิ้มทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีใครคาดคิดว่า เย่เทียนหยู่จะพูดแบบนี้ในเวลานี้หลินหว่านหรูฟังจบก็ตกใจเล็กน้อย และแอบยิ้มอย่างขมขื่น เย่เทียนหยู่คงรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์อุบายเมืองร้างสินะกลัวว่านี่เป็นสัญญาปลอม หรือเป็นสัญญาที่ยังไม่ทำการโอนเงินมาเธอคิดแบบนี้ และเหม่ยหรงหรงก็คิดเรื่องนี้ในตอนแรก คิดอีกว่าคนในแผนกการเงินของตัวเองตรวจสอบว่าไม่ได้รับเงินในช่วงสองวันที่ผ่านมาเหม่ยหรงหรงมั่นใจทันที และพูดด้วยรอยยิ้ม “เย่เทียนหยู่ ถ้าคุณไม่พูดคำที่ฟังดูสูงส่งขนาดน
เมื่อมองไปยังสายตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของเย่เทียนหยู่ หนานกงเล่อก็รู้สึกว่าตนอาจจะตัดสินใจผิดไป ไอ้เด็กนี่อาจจะไม่ต้องการเจรจากับเขาจริง ๆเขาต้องการที่จะทำลายไอ้นั่นของตนจริง ๆแม้ไอ้นั่นของเขาที่อยู่หว่างขาจะสั้นและไม่มีประโยชน์ และมักจะต้องพึ่งยาอยู่เสมอแต่อย่างน้อยก็ยังใช้การได้อยู่ จะให้มันหายไปไม่ได้ครั้งนี้หนานกงเล่อตกใจมากจริง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัว จนต้องเดินถอยหลัง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คะ คุณชายเย่ อย่าทำแบบนั้นเลยนะครับ ผมผิดไปแล้ว คุณอยากให้ผมชดใช้ยังไง บอกผมมาได้เลยครับ ขอแค่เป็นสิ่งที่ผมให้ได้ ไม่ว่าอะไรผมก็จะให้คุณทุกอย่าง!”“แกให้ไม่ได้หรอก”เย่เทียนหยู่พูดพลางส่ายหัว“ให้ได้สิครับ ขอแค่คุณเอ่ยออกมา ผมก็ให้ได้ทั้งนั้น” หนานกงเล่อรู้สึกลนลานมากจริง ๆ“ถ้าฉันบอกว่าต้องการทั้งตระกูลหนานกงล่ะ แกให้ได้ไหม?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาพอจะรู้เรื่องที่ตระกูลหนานกงกดดันตระกูลเย่มาอยู่บ้างบวกกับเรื่องที่คนของตระกูลหนานกงเพิ่งจะมาหาเรื่องหลินหว่านหรูไป ตอนนี้ก็มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกสำหรับตระกูลหนานกงแล้ว เย่เทียนหยู่ไม่ได้รู้สึกดีด้ว
บนใบหน้าไม่ได้มีแค่รอยนิ้วมือที่ชัดเจนปรากฏเท่านั้น แต่ยังบวมขึ้นมาอีกด้วยซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลงมือครั้งนี้นั้นหนักหนาสาหัสเพียงใดหนานกงเล่อพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดที่ใบหน้าอย่างมาก เขาจ้องมองเย่เทียนหยู่ด้วยความโกรธ ไม่ใช่ว่าแกควรจะกลัวตระกูลหนานกง และคิดหาวิธีแกไขปัญหารึไงวะแต่แกกลับลงมือรุนแรงขนาดนี้ แล้วแกจะให้ฉันเจรจากับแกได้ยังไง?สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เขายังไม่ทันจะยืนขึ้น เย่เทียนหยูก็เดินเข้ามาอีกครั้ง หนานกงเล่อรู้สึกตกใจ ไอ้เด็กนี่มันไม่เล่นตามกฎเลยจริง ๆสีหน้าของเหอฉุนเองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในเมื่อต้องการที่จะเจรจา อาจจะต้องมีการข่มขู่กันบ้าง แต่อย่างน้อยก็ต้องมีขอบเขตกันบ้าง เธอคิดว่าเย่เทียนหยู่จะฉลาด และคิดวิธีออกแล้วเสียอีกแต่กลับยังคงเป็นวัยรุ่นเลือดร้อน ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ขนาดนั้นเธออยากที่จะเตือน แต่ก็รู้สึกอายเกินกว่าที่จะพูด เพราะตั้งแต่ที่เธอได้เจอกับเขา เธอยังไม่เคยพูดคุยกับเขาเลยสักประโยค ความสัมพันธ์ก็ยังไม่มี จะให้เธอพูดยังไงแต่หากไม่รีบสอนเด็กหนุ่มคนนี้ล่ะก็ เขาอาจจะเผลอทำเรื่องผิดพลาดก็ได้เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา หนานก
เย่เทียนหยู่รู้สึกงงงวยเล็กน้อย ว่าตอนนี้ในหัวเด็กสาวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ช่างเถอะ ยังไงก็ควรแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก่อน เย่เทียนหยู่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะสังเกตเห็นสองสาวที่ถูกมัดอยู่ข้าง ๆ ซึ่งก็คือเหอฉุนและจางผิงเห็นว่าพวกเธอถูกมัดโดยเอามือไขว้หลังเอาไว้อยู่ และปากก็ถูกปิดด้วยเทปกาว พวกเธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้เลยตนเข้ามาก็นานพอสมควร แต่ก็กลับลืมช่วยพวกเธอแก้มัดเสียอย่างนั้น อันที่จริงมันก็ดูไม่ดีสักเท่าไหร่ทันใดนั้น เย่เทียนหยู่ก็สะบัดมือขวา ซึ่งไม่รู้ว่าเขาทำยังไง เชือกที่ผูกมือของทั้งสองสาวก็ขาดออกได้ในทันทีสองสาวดูตกใจเล็กน้อย พวกเธอสัมผัสได้ว่าเชือกมันขาดไปแล้ว ทั้งแม้จะรู้สึกประหลาดใจกับวิธีการอันมหัศจรรย์ของเย่เทียนหยู่ก็ตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบบ่นในใจพี่ชาย ในที่สุดคุณก็จำได้เสียที ว่ายังมีพวกเราอยู่ด้วย!พวกเราถูกเชือกมัดเอาไว้อยู่ตลอด แค่จะพูดก็ยังทำไม่ได้ แถมยังต้องมานั่งดูพวกคุณแสดงความรักต่อกันอีกเย่เทียนหยู่เองก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่นิดหน่อยจริง ๆ ก่อนที่จะถามออกไปว่า “พวกคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเย่ พวกเราโอเค ขอบคุณมากนะคะ”จางผิงพูดด้วย
หนานกงเล่อหน้าซีด เขาหยุดเดินแทบจะในทันที และกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่อีกฝ่ายกลับไม่แม้แต่จะมองเขา เพียงแค่ก้มหน้าปลอบใจเฉินเฟยเฟย “เอาล่ะ พี่เย่มาแล้ว จะไม่เกิดอะไรขึ้นอีกแน่นอน พี่เย่จะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง”“อืม!”หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก เฉินเฟยเฟยก็รู้สึกว่าอารมณ์คงที่ขึ้นมาก ถึงได้สังเกตเห็นว่าตนเองยังคงกอดพี่เย่เอาไว้แน่น โดยเฉพาะเสื้อผ้าบางจุดของเธอที่ตอนนี้กำลังเปิดอยู่ จึงทำให้ทั้งสองรู้สึกใกล้ชิดกันกว่าปกติ เธอรู้สึกหน้าแดงจนต้องรีบปล่อยมือออกทันทีถึงแม้ว่าเธออยากที่จะกอดอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่ก็เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่แต่ในตอนนี้เอง เฉินเฟยเฟยก็นึกถึงคู่ต่อสู้อย่างหนานกงเล่อ สีหน้าซีดเผือกทันที ก่อนจะพูดด้วยท่าทีตื่นเต้นขึ้นว่า “พี่เย่คะ เขาเป็นถึงคุณชายตระกูลหนานกง มีฐานะที่ไม่ธรรมดา”“พี่รู้”เย่เทียนหยู่ยิ้มพลางพูดออกไปว่า “วางใจเถอะ พี่ไม่กลัวตระกูลหนานกงหรอก”เมื่อคำนี้หลุดออกมา เฉินเฟยเฟยก็รู้สึกงงงวยทันทีพี่เย่เก่งกาจขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ แม้แต่ตระกูลหนานกงก็ยังไม่กลัว หรือเขาแค่พูดปลอบใจตนกันนะหนานกงเล่อยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเข
จางผิงและเหอฉุนต่างก็มองกันตาค้าง ในสายตาของพวกเธอ พลังของบอดี้การ์ดวัยกลางคนเมื่อสักครู่นี้ ก็ถือว่าน่าตกใจและน่ากลัวมากพอสำหรับพวกเธออยู่แล้วแต่หากไม่มีการเปรียบเทียบก็คงไม่รู้ผลลัพธ์ เมื่อเทียบกับเย่เทียนหยู่แล้ว แทบจะไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำสมแล้วที่เป็นถึงคุณเย่!เขาก็เป็นคนที่หล่อเท่แบบนี้แหละ!เป็นคนที่เก่งกาจมากจริง ๆ!จางผิงรู้สึกตื่นเต้นมาก ครั้งนี้คงรอดแล้วจริง ๆเหอฉุนรู้สึกดีใจที่เย่เทียนหยู่มีความสามารถ แต่ก็กลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนจางผิง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาคนนั้นก็เป็นถึงคุณชายรองแห่งตระกูลหนานกง ต่อให้เก่งกาจแค่ไหน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหนานกง เขาคงจบไม่สวยแน่ ๆอย่างไรก็ตาม วิกฤตชั่วคราวตอนนี้ก็น่าจะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะรับมือกับวิกฤตที่น่ากลัวหลังจากนี้อย่างไรดีเฉินเฟยเฟยยืนมองทุกอย่างด้วยความงงงวย จนกระทั่งเย่เทียนหยู่ก้าวเท้าเดินตรงมาหาเธอ เธอก็กลับยังคงไม่มีการตอบสนองใด ๆไม่นานหลังจากนั้น เย่เทียนหยู่ก็เดินมาถึงตัวของเฉินเฟยเฟยส่วนหนานกงเล่อ เขาถูกทำให้ตกใจจนต้องยืนอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หากเป็นพี่ใหญ่ของเขา บางที
ต้องเข้าใจก่อนว่า ตอนที่เธอคิดจะฆ่าตัวตาย บอดี้การ์ดคนนั้นอยู่ห่างจากเธอมาก แต่ถึงอย่างนั้น บอดี้การ์ดก็ยังคงเป็นคนแรกที่มาถึงตัวเธอ และหยุดเธอเอาไว้ได้ก่อนเห็นได้ชัดว่าบอดี้การ์ดคนนี้มีฝีมือที่แข็งแกร่งมากจริง ๆแต่สีหน้าของเย่เทียนหยู่กลับดูไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “ไสหัวไป!”เหอฉุนและจางผิงรู้สึกงงงวยอยู่นิดหน่อย พวกเธอคิดแค่ว่าต่อให้เขาจะมีอำนาจ หรือมีความกล้าหาญมากแค่ไหน แต่ว่าเขาจะสามารถเอาชนะบอดี้การ์ดที่น่ากลัวคนนั้นได้จริง ๆ น่ะเหรอสีหน้าบอดี้การ์ดวัยกลางคนคนนั้นดูเย็นชา อันที่จริง เขาสัมผัสได้ก่อนแล้ว ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของคุณชาย เขาจึงไม่สามารถหลีกทางให้ได้“เข้ามาเถอะ ให้ฉันได้เห็นความสามารถของแกหน่อย”บอดี้การ์ดวัยกลางคนคำรามเสียงดัง มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พลังบนร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เขาถึงกับเป็นฝ่ายที่พุ่งเข้าไปโจมตีเย่เทียนหยู่ก่อนโดยตรงทันใดนั้น สิ่งของในห้องก็เคลื่อนไหวได้ ทั้งที่ไม่มีลมพัด สร้างความน่าเกรงขามและทรงพลังอย่างมากเหล่าหญิงสาวต่างก็รับรู้ได้ถึงความกดดันที่น่ากลัว จากนั้นก็เห็
หลังจากที่เย่เทียนหยู่พังประตูเข้าไป หนานกงเล่อก็หันไปมองด้วยความโกรธ และเห็นว่าเป็นเย่เทียนหยู่ที่ถีบประตูเข้ามาโดยตรงสำหรับเย่เทียนหยู่ เขาค่อนข้างให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะวันนี้ที่ได้พบเขาบนเวทีไอ้เวรเอ้ย นี่มันไม่เป็นอะไรเลยงั้นเหรอ!แถมยังวิ่งมาที่นี่เพื่อทำลายเรื่องดี ๆ ของตนอีกไอ้สวะไป๋หยางนั่น ไม่ใช่ว่ามันหาคนไปจัดการกับไอ้เด็กนี่แล้วรึไง?เสียงที่เกิดขึ้นค่อนข้างดัง จึงทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง รวมถึงเหอฉุนและจางผิงเองก็ด้วยจางผิงรู้สึกตกใจนิดหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีใจ และตื่นตัวขึ้นทันทีเขาคือคุณเย่!คุณเย่มาแล้ว!ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคุณเย่จะรับมือไหวไหม แต่แค่ได้เห็นว่าเขามา ก็รู้สึกว่าตนมีความหวังขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยก็ยังดีกว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่รึไงเหอฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อย เธอมองไปยังผู้ชายที่ดูน่ากลัวและดุร้ายที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูคนนั้น เธอรู้สึกว่าเขาต่างจากที่เคยเห็นในตอนแรกไปโดยสิ้นเชิงแต่ว่า การที่เขาถึงกับรีบตรงมาที่นี่แบบนี้เขาก็น่าจะได้รับข่าวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่หนานกงเล่อมาที่นี่แน่นอน ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่รีบม
พระเจ้าช่วย หากช้าไปนิดเดียว เกรงว่าเฉินเฟยเฟยอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ แล้วเมื่อเห็นฉากนี้ หนานกงเล่อก็โกรธจัดขึ้นทันที เฉินเฟยเฟยถึงกับเลือกที่จะไม่ยอมแพ้แม้ตนจะต้องตาย จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรนี่เขาดูแย่มากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอผู้ชายคนนั้นนอกจากหล่อนิดหน่อยแล้ว ยังจะมีอะไรดีอีก?หรือความหล่อมันกินแทนข้าวได้รึไง?หนานกงเล่อโกรธจัด ความบ้าคลั่งเริ่มปรากฏ เขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ดูบิดเบี้ยว จับเฉินเฟยเฟยเอาไว้ แล้วพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เฉินเฟยเฟย เธอเกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอ ก็ดี ยิ่งเธอเกลียดฉันมากเท่าไหร่ วันนี้ฉันก็ยิ่งต้องเล่นสนุกกับเธอต่อหน้าทุกคนมากขึ้นเท่านั้น”“ไสหัวออกไปนะ!”เฉินเฟยเฟยเริ่มร้อนรน เธอยกมือขวาขึ้น ตบเข้าที่ใบหน้าของหนานกงเล่ออย่างแรงหนานกงเล่อรู้สึกงงงวยเล็กน้อย เขาไม่ทันได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะไม่อย่างนั้น แค่เฉินเฟยเฟยจะแตะต้องเขาได้อย่างไร“เวรเอ้ย แกกล้าตบฉันเหรอ!”หนานกงเล่อโกรธจัดทันที ก่อนที่เขาจะตบกลับไปอย่างแรงด้วยฝ่ามือเพี้ยะ!เสียงใส ๆ ดังก้องขึ้นอีกครั้งหนึ่งเฉินเฟยเฟยถูกตบที่ใบหน้าจนเ
ต้องบอกเลยว่า เหอฉุนค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียวแต่น่าเสียดาย ที่มันไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยหนานกงเล่อดูไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาสงบ และดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใด เขาพูดพลางหัวเราะเยาะว่า “ร้องไปเถอะ ดูสิ ว่าถ้าร้องจนคอแห้งแล้ว จะมีใครสนใจพวกเธออยู่ไหม!”“ลืมบอกไปเลย ว่าบริเวณรอบ ๆ พวกเธอตอนนี้ไม่มีผู้เช่าคนอื่นอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้มีไม่กี่ครอบครัวที่อาศัยอยู่ แต่ก็ถูกไล่ออกไปตั้งแต่ตอนที่คอนเสิร์ตเธอเริ่มแล้ว”ส่วนวิธีการไล่นั้น พวกเขาก็แค่ยัดเงินเล็กน้อยให้กับโรงแรม โรงแรมก็หาข้ออ้างจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายแล้วเมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา สาว ๆ ต่างก็รู้สึกหมดหวังกันอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ จะให้เรียกฟ้า ฟ้าก็คงไม่ตอบ เรียกดิน ดินก็คงไม่สนใจอีกแล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดที่มีพลังแข็งแกร่ง สองสาวแทบไม่มีแรงต้านเลยแม้แต่น้อย ในไม่ช้าพวกเธอก็ถูกมัดมือไว้ด้านหลัง พร้อมกับถูกปิดปากด้วยเทปกาวหนานกงเล่อแทบไม่ได้สนใจเสียงตะโกนของพวกเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้เขาคงรีบจัดการผู้หญิงสองคนนั้นให้หมดสติไปนานแล้วแต่เขากลับไม่ต้องการที่จะทำแบบนั้น เขาแค่ต้องการให้ผ