“ก็นั่นน่ะสิ เคยเห็นคนหน้าไม่อายนะ แต่ก็ไม่เคยเห็นคนที่หน้าไม่อายขนาดนี้ ทำให้ทีมพวกเราเจอปัญหาใหญ่ยังไม่พอแล้วยังทำเรื่องน่าอายนี่ออกมาอีก”“ไม่ได้ เรื่องแบบนี้พวกเรายอมรับไม่ได้ ทีม 2 ของพวกเราจะมีคนแบบนี้อยู่ในทีมไม่ได้”“ใช่ พี่เยว่พวกเราจะต้องไล่เขาออก เราไม่ควรเก็บเขาไว้ทำลายพวกเราอีกต่อไป”ทุกคนต่างพากันไล่เขาออกมีแค่หลิวสุ่ยที่ช่วยพูด “คือว่าทุกคนอย่าเพิ่งรีบโมโหไปเลยนะ ฉันว่าเย่เทียนหยู่ก็แค่ชอบพูดโอ้อวด ก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”“ล้อเล่นหรอ?”“เรื่องแบบนี้ล้อเล่นได้หรือไง?”“ฉันจะบอกอะไรให้นะหลิวสุ่ยถ้านายจะยืนอยู่ฝั่งเขาก็ลาออกไปด้วยกันกับเขาเลย”“เพราะยังไงนายก็เหมือนกันกับเขา เป็นคนที่ไร้ประโยชน์เหมือนเขานั่นแหละ”พอพูดประโยคนี้จบทุกคนก็อดจะขมวดคิ้วไม่ได้เรื่องการขายหลิวสุ่ยอาจจะไม่ได้เก่ง แต่เขาเป็นคนที่ดีมากแล้วก็พยายามมากๆ เขาขาดก็แค่เพียงเวลาและโอกาสก็เท่านั้น เป็นคนที่เหมาะจะเอาไปพัฒนาหลิวสุ่ยหน้าถอดสี เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาหลี่ซินเยว่เองก็โมโห “หวังลิ่วพูดอะไรระวังด้วยนะ หลิวสุ่ยไปทำอะไรให้นาย!”“หึ ฉันไม่สนหรอกนะ!
เธอเป็นถึงประธานบริษัทเชียวนะ จะมาแย่งความดีความชอบของพนักงานคนนึงงั้นหรอ มันน่าตลกเกินไปหรือเปล่า“ผมจะไปรู้ได้ไง เอาเป็นว่าเรื่องนี้คุณไม่ต้องสนใจ”เย่เทียนหยู่ไม่ได้สนใจก่อนจะเดินออกไปหลี่ซินเยว่เผยสีหน้าเหนื่อยใจ พอดีกับตอนที่หลิวเหวินเดินเข้ามา หลี่ซินเยว่จึงรีบเดินเข้าไปอธิบายสถานการณ์ หลิวเหวินตะลึงไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ต้องไปสนใจเขา!”“งั้นแล้วทางประธานหลินล่ะคะ?”“ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นอะไรหรอก”หลิวเหวินเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง สำหรับเรื่องของเย่เทียนหยู่เธอไม่อยากจะสนใจแล้วโดยเฉพาะเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตกลงกันกับหลินหว่านหรูเมื่อกี้นี้จากที่ปรึกษากัน ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็เป็นประธานหลินเป็นคนจัดการ คนอื่นไม่มารู้ด้วยสักหน่อย ก็ยกความดีความชอบให้เป็นของเย่เทียนหยู่ไปแบบนี้เย่เทียนหยู่ก็จะได้ไม่โดนใครว่า และประธานบริษัทที่รับเขาเข้ามาทำงานอย่างเธอก็จะได้ไม่โดนว่าลับหลังด้วย ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองทางแต่แบบนี้ก็จะทำให้ไอ่บ้านั่นสบายเกินไปหน่อยทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไร เอาแต่คอยโม้อยู่แบบนั้นก็ได้ความดีความชอบไป หลังจากนี้ก็คงถูกคนในทีมเคารพมากแน่ๆในเมื่อ
การเปลี่ยนคำของเธอมันชัดเจนเกินไป เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “ซูถิงใช่ไหม เธอเชื่อใจเขาขนาดนั้นเลยหรอ?”หลินหว่านหรูมองท่าทางเหนื่อยหน่ายของเย่เทียนหยู่ออกก่อนจะรีบอธิบาย “นายไม่ชอบเธอฉันพอจะเข้าใจแต่ว่าเธอไม่ได้คิดร้ายจริงๆนะ”“ครั้งนี้ก็เพราะเธอได้ยินว่าทีม 1 กับทีม 2 แข่งกันเรื่องยอดขายก็เลยช่วยหาคนมาจัดการเรื่องนี้ให้ จะได้ทำให้ทีม 2 มีโอกาสชนะทีม 1 ก็เหมือนกับว่าได้ช่วยนายด้วย”“ช่วยฉัน?”“ไม่จำเป็นหรอก!”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า “ฉันสงสัยจริงๆนะ เรื่องที่ทั้งสองทีมแข่งจะแข่งกันก็เป็นเรื่องที่ตกลงกันไปแค่ไม่กี่วันนี้เอง ทำไมถึงรู้?”“เธอก็ทำงานที่บริษัท ตอนนี้ทำอยู่ที่ฝ่ายบริหาร!”“ก่อนหน้านี้ก็ใช่อยู่ว่ามีปัญหากัน แต่ว่าตอนหลังเธอก็เข้ามาขอโทษฉัน เธอบอกว่าถึงแม้จะรู้ว่าทำไปเพื่อฉันแต่ก็ไม่ควรตัดสินใจเอง ต่อจากนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะถามความคิดเห็นฉันก่อน”พูดมาถึงตรงนี้ หลินหว่านหรูก็เริ่มที่จะพูดแทนซูถิง “ท่าทางของเธอจริงใจมาก เธอรู้สึกผิดจริงๆ ฉันเองก็ห้ามใจไม่ได้เลยให้อภัยไป”พูดถึงตอนนี้ก็มีคนมาเคาะประตู“เข้ามา!”หลินหว่านหรูพูดหลังจากประตูเปิดอ
ซูถิงถือโอกาสเสนอความคิดเห็น“อืม ถ้ามีเวลาไว้ค่อยนัดกัน”“ค่ะ งั้นฉันไปทำงานก่อนนะคะ”หลังจากหลินหว่านหรูพยักหน้าแล้ว ซูถิงถึงได้เดินออกไป ในใจอดจะหัวเราะไม่ได้ก้าวแรกเรียบร้อยแล้วต่อไปก็เริ่มก้าวที่สองเย่เทียนหยู่ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งกาจมาจากไหนแล้วก็จะได้หว่านหรูไปถ้ามีฉันอยู่อย่าหวังว่าจะสมหวังหลินหว่านหรู ในเมื่อเธอแย่งผู้ชายของฉันไปก็อย่ามาโทษฉัน เพราะไม่ว่ายังไงก็จะแยกพวกเธอให้ได้รอดูเถอะ เจ้าชีวิตของเธออย่างคุณชายกงซุนกำลังจะมาแล้วในเมื่อซูถิงทั้งเกรงใจทั้งขอโทษทั้งรับรองแสดงละครครบด้านขนาดนี้เย่เทียนหยู่ก็พูดอะไรไม่ได้“เย่เทียนหยู่นายเองก็เห็นแล้วว่าซูถิงเขารู้สึกผิดจริงๆ”“ต่อจากนี้นายก็อย่ามองเธอในแง่ลบนักเลย ที่จริงแล้วถ้าตัดว่าเธอเป็นคนปากร้ายไปก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ”“โอเค!”เมื่อกี้เย่เทียนหยู่ก็จ้องมองสายตาของเธอตอนพูดว่ามีวี่แววว่าจะกลับใจหรือไม่เพราะแค่มองดูก็รู้แล้ว อย่างน้อยๆเขาก็พอดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีวี่แววว่าจะกลับใจเลยแต่ตอนนี้พูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่รอเวลามาพิสูจน์ทุกอย่างเท่านั้น“เอาล่ะ เรื่องของซูถิงก็ถือว่าจบไปแล้วพวกเรามาคุยเรื่องค
“นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ กลับไปตั้งใจทำงานล่ะ ตราบใดที่ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ฉันจะปกป้องคุณ”ในที่สุดหลินหว่านหรูก็โล่งอก“โอเค ฉันจะฟังคุณ”เย่เทียนหยู่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วแค่ซูถิงคนเดียวก็ไม่สามารถเอาชนะพายุลมนี้ได้ เมื่อออกจากสำนักงานก็เดินทางกลับไปที่ทีมทันทีในเวลานี้ ทีมสองก็ไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ หลายคนคาดเดาว่าเย่เทียนหยู่จะเผชิญกับสถานการณ์ยังไงเพราะนั่นคือประธานหลินที่ทุกคนเกรงกลัวประธานหลินในสายตาของทุกคน มันดูสง่างามและน่ากดดันมาก แม้แต่การพูดสองสามคำก็ทำให้พวกเขารู้สึกประหม่ามากเพราะในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ประธานหลินที่บ้าอำนาจเมื่ออยู่ในบริษัทมักจะทำให้ผู้คนหวาดกลัว และยังกวาดล้างมอดที่มีผู้นำระดับสูงวางแผนไว้ไม่น้อย“ รีบดูสิ เย่เทียนหยู่กลับมาแล้ว! ”“ใช่ เขากลับมาแล้ว! ”“แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์ดีไม่น้อยเลย ไม่ได้คอตกเหมือนคนหดหู่ใจ”“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่ากำลังฮัมเพลงอยู่ด้วย”ทุกคนพูดไม่ออก และหลี่ซินเยว่ก็งงเช่นกัน เพราะในกรณีปกติแแล้วเย่เทียนหยู่จะต้องถูกไล่ออกแน่นอน แม้ว่าเขาจะบุกเข้าไปที่ห้องทำงานประธานก็ตามไม่ใช่ ผลที่ตามมาของการบุกเข้าไป
“ แต่นั่นคือความจริง! ”“ เมื่อสักครู่ฉันตั้งใจไปที่สำนักงานของประธานหลินโดยเฉพาะ และได้รับการยืนยันว่าเย่เทียนหยู่จัดการกับเงินคืนทั้งสามรายการนั้น” หลิวเหวินตอบอย่างเย็นชาอ๋า!มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!สีหน้าของหวังลิ่วน่าเกลียดเหมือนกินแมลงวันหมื่นตัวเข้าไป เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้คนอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคนไม่กี่คนที่มักโจมตีเย่เทียนหยู่อย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ดีกว่าหวังลิ่วมาก เพราะส่วนมากเป็นการโจมตีด้วยความโกรธในเวลานี้ หวังลิ่วนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไป ถ้ามีเขาต้องไม่มีเย่เทียนหยู่ ถ้ามีเย่เทียนหยู่ต้องไม่มีเขาตอนนี้เย่เทียนหยู่ผู้เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถูกไล่ออกตอนนี้หวังลิ่วรู้สึกเสียใจมาก ถ้ารู้อย่างนี้เขาคงรอและค่อยจัดการทีเดียวเมื่อนึกถึงเย่เทียนหยู่บอกว่าให้เขาอย่าชะล่าใจ ถ้าไม่รู้ว่าจะเสียใจแค่ไหน ก็ไม่ควรดีใจไปตั้งแต่เนิ่นๆหลี่ซินเยว่ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา "เย่เทียนหยู่ ขอโทษนะ เมื่อสักครู่ฉันเข้าใจผิดคุณและฉันหยาบคายกับคุณเล็กน้อย"“ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจอารมณ์ของคุณ ยิ่งไป
ใบหน้าหลี่ซินเยว่ที่ดูลำบากใจและมองไปที่หลิวเหวินอย่างช่วยไม่ได้สีหน้าหลิวเหวินเยือกเย็นและเคร่งครึมมาก จึงถามด้วยความเย็นชาว่า “ เย่เทียนหยู่ คุณแน่ใจหรือว่าจะต้องทำแบบนี้ ต้องให้พวกคุณใครสักคนหนึ่งออกไป ”ทุกคนตกใจมาก แม้ว่าประธานหลิวจะดูไม่บ้าอำนาจเหมือนประธานหลิน แต่การลงมือก็แข็งแกร่งมากเช่นกันจากทัศนคติของเธอแล้ว หากเย่เทียนหยู่ไม่เชื่อฟังวินัย คนที่ต้องออกไปอาจจะเป็นเขาเมื่อหลี่ซินเยว่เห็นแบบนี้จึงก็กระซิบอย่างรวดเร็วว่า “เย่เทียนหยู่ อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปก่อนเลย เรามาปรึกษากันหน่อยไหม บางทีอาจมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ก็ได้ ”“ ใช่ๆ เย่เทียนหยู่ ฟังหัวหน้าทีมของเราเถอะ ”หลิวสุ่ยก็เข้าใจหลิวเหวินอยู่บ้าง จึงรีบพูดโน้มน้าวใบหน้าหวังลิ่วรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าประธานหลิวจะช่วยตนจริงๆ ภายในใจยังคงพึมพำอยู่ว่าอย่าปรึกษา อย่าปรึกษาแน่นอน เย่เทียนหยู่ส่ายหัวอย่างที่เขาคิดจริงๆ และเขาพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “ ขอโทษนะ คุณหัวหน้าทีม ผมไม่สามารถฟังคุณเรื่องนี้ได้ วันนี้ใครก็ตามไม่สามารถพูดคุยเรื่องความรู้สึกกับผมได้ ”ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และไม่คิดว่าเย่เทียนหยู่จะแข็งแกร
เนื่องจากประธานหลินใส่ใจในตัวเย่เทียนหยู่ หลังจากหลิวเหวินเดินออกมาก็รีบไปรายงานกับหลินหว่านหรูทันทีไม่คิดว่าเมื่อหลินหว่านหรูได้ฟังแล้วจะรู้สึกโกรธมาก ๆ และเป็นเรื่องยากที่จะทำเธอโกรธได้ขนาดนี้เมื่อพูดคุยเจรจากันอย่างชัดเจนว่าทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน จึงขอร้องให้เธอต้องเก็บเย่เทียนหยู่ไว้ทันทีหลิวเหวินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินกลับไป เพีงแต่ในใจเธองงจริง ๆ ว่า เย่เทียนหยู่มีพลังศักดิ์สิทธิ์อะไรทำไมถึงทำให้ประธานหลินสนใจขนาดนี้“ ซินเยว่ คุณมาที่นี่สักครู่ ”หลี่ซินเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย รีบลุกขึ้นและติดตามไปเมื่อเดินไปข้าง ๆ หลิวเหวินก็พูดว่า “ คุณช่วยบอกฉันเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเย่เทียนหยู่และหวังลิ่วตั้งแต่เริ่มต้นให้ฉันฟังที”หากคุณต้องการเปลี่ยนการประกาศเมื่อกี้คุณต้องหาข้อแก้ตัว มิฉะนั้นอำนาจของเธอก็จะไม่มีทันทีที่หลี่ซินเยว่ได้ยินเรื่องนี้ก็รีบแจ้งให้ทราบทันทีฉันไม่ได้กล่าวถึงสิ่งก่อนหน้านี้ เพราะยังไงซะทุกคนก็ไม่ชอบหน้าเย่เทียนหยู่อยู่แล้วในในตอนแรกนี่เป็นเพียงสิ่งที่หวังลิ่วโต้เเย้งขึ้นมาหลายครั้งในวันนี้ เธอบอกหลิวเหวินอย่างชัดเจน รวมทั้งคำพูดท