เนื่องจากประธานหลินใส่ใจในตัวเย่เทียนหยู่ หลังจากหลิวเหวินเดินออกมาก็รีบไปรายงานกับหลินหว่านหรูทันทีไม่คิดว่าเมื่อหลินหว่านหรูได้ฟังแล้วจะรู้สึกโกรธมาก ๆ และเป็นเรื่องยากที่จะทำเธอโกรธได้ขนาดนี้เมื่อพูดคุยเจรจากันอย่างชัดเจนว่าทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน จึงขอร้องให้เธอต้องเก็บเย่เทียนหยู่ไว้ทันทีหลิวเหวินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินกลับไป เพีงแต่ในใจเธองงจริง ๆ ว่า เย่เทียนหยู่มีพลังศักดิ์สิทธิ์อะไรทำไมถึงทำให้ประธานหลินสนใจขนาดนี้“ ซินเยว่ คุณมาที่นี่สักครู่ ”หลี่ซินเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย รีบลุกขึ้นและติดตามไปเมื่อเดินไปข้าง ๆ หลิวเหวินก็พูดว่า “ คุณช่วยบอกฉันเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเย่เทียนหยู่และหวังลิ่วตั้งแต่เริ่มต้นให้ฉันฟังที”หากคุณต้องการเปลี่ยนการประกาศเมื่อกี้คุณต้องหาข้อแก้ตัว มิฉะนั้นอำนาจของเธอก็จะไม่มีทันทีที่หลี่ซินเยว่ได้ยินเรื่องนี้ก็รีบแจ้งให้ทราบทันทีฉันไม่ได้กล่าวถึงสิ่งก่อนหน้านี้ เพราะยังไงซะทุกคนก็ไม่ชอบหน้าเย่เทียนหยู่อยู่แล้วในในตอนแรกนี่เป็นเพียงสิ่งที่หวังลิ่วโต้เเย้งขึ้นมาหลายครั้งในวันนี้ เธอบอกหลิวเหวินอย่างชัดเจน รวมทั้งคำพูดท
แน่นอนว่ามันไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หลิวเหวินมองไปที่หวังลิ่วและพูดอย่างเย็นชา “ หวังลิ่ว คุณพูดและทำอะไรลงไปตัวเองเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด ดังนั้นอย่าโทษบริษัท ”“ คุณไปที่ฝ่ายธุรการและเคลียร์บัญชีบริษัทให้ชัดเจน จากนั้นก็สามารถไปได้ ”ใบหน้าของหวังลิ่วซีดเซียว เพราะเขาอายุมากแล้วจึงไม่อยากออกจากบริษัทไปแบบนี้จริง ๆ ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหางานใหม่ที่ดีกว่านี้ด้วยอายุและความสามารถของเขาเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ ประธานหลิว ฉันรู้ว่าฉันผิด ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม? ”หลิวเหวินส่ายหัวแล้วพูดว่า “ คุณและเย่เทียนหยู่บอกครั้งแล้วครั้งเล่าว่าทั้งสองคนสามารถอยู่ต่อได้เพียงคนเดียว คุณคิดว่าฉันควรให้ใครอยู่ต่อดีล่ะ? ”ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ใบหน้าของหวังลิ่วก็ซีดและไม่มีอะไรจะพูด เพราะเขารู้ว่าเย่เทียนหยู่ไม่มีทางจะที่จะปล่อยให้ตัวเองอยู่ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเย่เทียนหยู่ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจะออกไปอย่างไม่มีทางเลือกเมื่อหลิวเหวินจากไป หลี่ซินเยว่และคนอื่น ๆ ก็มีความสุขมาก ประการแรกคือ หวังลิ่วไม่เป็นที่ชื่นชอบจริงๆ ประการที่สองคือ เพราะเย่
ทุกคนงงเล็กน้อย ใครบ้างในทีมขายที่ไม่ลือว่าเย่เทียนหยู่มีแบคอัพที่ใหญ่ แต่พี่เหม่ยเพิกเฉยต่อมันโดยสิ้นเชิง หนำซ้ำยังเยาะเย้ยเขาอย่างเปิดเผยสีหน้าเย่เทียนหยู่ดูสงบและพูดสบาย ๆ ว่า “ ใช่ ฉันเป็นผู้สูงส่งที่คุณพูดถึง ทำไม คุณอยากมาเยี่ยมฉันเหรอ? ”“ ไปเยี่ยมคุณเหรอ? ฮ่าๆ อยากจะหัวเราะให้ตาย เย่เทียนหยู่ คุณคงไม่คิดว่าตัวเองเก่งจริงๆ ใช่ไหม? ” พี่เหม่ยเยาะเย้ยทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เย่เทียนหยู่ก็ขมวดคิ้วและถามว่า “ คุณหมายถึงอะไร? ” “ หมายถึงอะไรคุณรู้อยู่แก่ใจ เชื่อหรือไม่ ตราบใดที่ฉันพูดหนึ่งประโยค คุณจะได้ออกจากบริษัททันที ” พี่เหม่ยพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจและบ้าอำนาจ“ เหมยหรงหรง คุณพอได้แล้ว คุณคิดว่าคุณเป็นใครถึงอยากจะไล่ใครออกก็ไล่ได้? ” หลี่ซินเยว่พูดด้วยความโกรธ“ ฮ่าๆ แน่นอนว่าฉันไม่สามารถไล่ใครก็ได้ตามที่ฉันต้องการ แต่ตราบใดที่เขาเป็นคนของบริษัท ทุกคนก็อยากจะไล่เขาออกไป ”พี่เหม่ยตะโกนเสียงดัง“ คุณพูดเรื่องไร้สาระอะไร! ” หลี่ซินเยว่รู้สึกว่าเหมยหรงหรงบ้าไปแล้วหรือเปล่า แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไร้ยางอายและร้ายกาจ แต่ก็ไม่ได้บ้าขนาดนั้น
เย่เทียนหยู่มองไปรอบ ๆ และแน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นในสายตาคือความไม่เชื่อ แม้แต่หลี่ซินเยว่เองจู่ ๆ ก็ทำหน้าหมดหนทางอย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลี่ซินเยว่จะไม่เชื่อเย่เทียนหยู่ แต่กลับพูดทันทีว่า “ เหมยหรงหรง ถ้าคุณมีหลักฐานก็แสดงหลักฐานออกมา มิฉะนั้นก็อย่าพูดเรื่องไร้สาระที่นี่ ”“ หึ ถ้าไม่เชื่อก็ช่างมันเถอะ ยังไงซะพรุ่งนี้คุณจะได้เห็นผลลัพธ์ เมื่อถึงเวลานั้นคุณจะต้องออกไป! ”แน่นอนว่าเหมยหรงหรงไม่มีหลักฐาน เว้นแต่จะมีหลักฐานการสอดแนมถ้าเป็นเช่นนั้น มันจะไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าพวกเขาแอบฟังประธานหลิว เพียงเพื่อเรื่องเศษขยะอย่างเย่เทียนหยู่ การเปิดเผยเรื่องการสอดเเนมนี้ ถือว่าไม่คุ้มมากๆ“ งั้นก็อย่ามาเห่าไปเรื่อย! ” หลี่ซินเยว่พูดอย่างเย็นชา“ โอเค ฉันจะดูว่าพรุ่งนี้คุณจะร้องไห้อีท่าไหน! ”เหมยหรงหรงทิ้งคำพูดไว้และพาหวังซินออกไปหลังจากที่เขาจากไป หลี่ซินเยว่จ้องมองที่เย่เทียนหยู่อย่างดุดันและถามด้วยความโกรธ “ ที่เธอพูด สรุปแล้วจริงรึเปล่า? ”คนอื่น ๆ ก็จ้องมองเย่เทียนหยู่อย่างใกล้ชิด เห็นได้ชัดว่าต้องการได้ยินคำตอบจากปากของเขาเมื่อเย่เทียนหยู่กำลังจะตอบหลี่ซินเยว่พูดอีกครั้ง “
“ ถ้าประธานหลินมีวิธีจริง ๆ เมื่อทางสะดวกก็คงลงมือไปนานแล้ว ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับพวกคุณ ”หลิวเหวินพูดอย่างช่วยไม่ได้การตัดสินใจเดิมพันครั้งนี้ผิดพลาดมากจริงๆเอ๋ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเย่เทียนหยู่ไอ้สารเลวนั่น แล้วก็ยังไม่สามารถแตะต้องเขาได้!หลี่ซินเยว่เดินกลับไปด้วยใบหน้าที่สับสน และสมาชิกในทีมต่างก็มองเธอทันทีเมื่อพวกเขาเห็นเธอกลับมาแค่ดูรูปลักษณ์ที่ผิดหวังของเธอ ก็รู้ว่ามันหมดหนทางแล้วจากนั้นทุกคนก็มองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความโกรธแต่คราวนี้ทุกคนไม่รู้ว่าพวกเขาได้รับบทเรียนก่อนหน้านี้หรือไม่ พวกเขาไม่ได้พูดจา แต่มองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความไม่พอใจ“ เย่เทียนหยู่ คุณมาที่นี่หน่อย ”หลี่ซินเยว่ตะโกนให้เย่เทียนหยู่มาทางนี้“ เย่เทียนหยู่ คุณกำลังล้อเล่นฉันหรือเปล่า? ” หลี่ซินเยว่ถามอย่างตรงไปตรงมา“ ไม่แน่นอน ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น! ”“ ไม่ได้ล้อเล่น แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าก็แค่ห้าสิบกว่าล้านล่ะ เห็นได้ชัดว่าคุณไม่มีวิธี ถ้าไม่ได้ล้อฉันเล่นแล้วคืออะไร? ”หลี่ซินเยว่พูดด้วยความโกรธ“ ใครบอกว่าผมไม่มีวิธี ไม่ใช่ว่าทำ 150 ล้านก่อนหรอ แล้วหลังจากนั้น...”“ ไม่ต้อ
“ เดี๋ยวก่อน คุณกำลังพูดถึงใคร? ”“ บริษัทเทียนมู่กรุ๊ป ถานล่าง? ”“ นั่นคือราชาธุรกิจที่ร้อนแรงในปัจจุบัน คุณคิดว่าฉันเป็นคนพิการทางสมองเหรอ ถึงหลอกลวงฉันแบบนี้? ”ความโกรธของหลี่ซินเยว่ลุกเป็นไฟขึ้นถ้าคุณต้องการหลอกคน ก็เเต่งเรื่องให้น่าเชื่อถือหน่อยได้ไหม? ไม่ใช่ก็อย่าหลอกตัวเองเลย“ ทำไมผมต้องหลอกคุณ เรื่องอื่นอาจจะผิดพลาดได้ แต่อาคารใหญ่ของบริษัทเทียนมู่กรุ๊ปไม่น่าโกหกได้นะ คุณไปที่ตึกใหญ่นั่นและพบประธานถานของพวกเขาก็พอแล้ว ”เย่เทียนหยู่พูดอย่างหมดหนทาง“ แต่......”“ ไม่ต้องมาแต่... โอกาสได้มอบให้คุณแล้ว ถ้าคุณยังไม่เชื่อ ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ”ทันทีที่หลี่ซินเยว่ได้ยินว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปเเล้ว จึงพูดอย่างหมดความหวัง “ โอเค ฉันจะไป แต่ฉันควรถือสัญญาอะไรไป? ”“ คุณอยากถืออะไรไปก็ถือไป! ”"ฉันหมายถึงขายอะไร ราคายังไง ฉันไม่เคยการเจรจาธุรกิจใด ๆ มาก่อน?"“ ไม่ต้องเจรจา คุณสามารถขายอะไรก็ได้ เห็นตามสมควรก็พอ! ”“ พูดง่าย ๆ ก็คือ ตราบใดที่เป็นความต้องการของบริษัทเทียนมู่กรุ๊ป ก็สามารถขายให้พวกเขาได้ทั้งนั้น ส่วนราคาคุณสามารถตั้งได้ด้วยตัวเองเลย ” เย่เทียนหยู่กล่าว“ อะ
“ ฉันเอง! ”หลี่ซินเยว่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว เธอยื่นนามบัตรที่เขียนว่าผู้จัดการของเธอออกไป“ ใช่แล้วค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ ประธานถานจะรอคุณอยู่ข้างบน ” พูดด้วยใบหน้าที่งามและดูสุภาพ“ ประธานถานกำลังรอฉันอยู่เหรอ? ”หลี่ซินเยว่รู้สึกปลื้มใจเล็กน้อยทันที แม้ว่าประธานถานจะปรากฏตัวไม่นาน แต่ตอนนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับผู้นําเมืองที่จะอยากเจอเธอผู้หญิงสวยพยักหน้าหัวใจหลี่ซินเยว่เต้นเร็วขึ้นและรู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัดนี่ไม่ใช่การจัดการของเย่เทียนหยู่ใช่ไหม แต่จะเป็นไปได้ยังไง ถ้าเย่เทียนหยู่เก่งกาจขนาดนี้ จะมาทำงานที่บริษัทเป็นเซลล์ทำไมไม่ต้องพูดถึงเย่เทียนหยู่ แม้แต่ประธานหลินก็ไม่สามารถทำได้หรือว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดหรือเปล่า?นี่เป็นไปได้มากที่สุด ทำได้แค่นึกถึงความผิดพลาด ไปทีละขั้นตอนเถอะในใจของสาวสวยก็แอบสงสัยเล็กน้อย ก็แค่ผู้จัดการตัวเล็ก ๆ ของบริษัทหลินซื่อกรุ๊ป ทำไมถึงรบกวนประธานถานให้รอนานขนาดนี้ ยังให้ตนออกมาพบพวกเขาเพียงเพื่อรักษาหน้าอีก ไม่ต้องพูดถึงการต้อนรับ“ พวกคุณรู้จักประธานถานเหรอ? ”สาวสวยอดไม่ได้ที่จะถามอย่างอยากรู้อยากเห็น“ ไม่ ฉันไม่ค
“อะไรนะ?”ทันใดที่คำพูดนั้นเปล่งออกมา หลี่ซินเยว่สองคนต่างพากันตกตะลึงอย่างสุดขีดประธานถานทำเพื่อต้อนรับพวกเราสองคนจริงๆแทบเหลือเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง มันน่าเหลือเชื่อจริงๆถานล่างเมื่อเห็นทั้งสองคนตกใจ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นดูสีหน้าตกตะลึงของทั้งสองคน ดูเหมือนว่าเจ้าชายจะถ่อมตัวเกินไปเลยไม่ได้แสดงถึงพลังอำนาจของตนเอง และไม่ได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเขาเองจากนั้นพักหนึ่ง หลี่ซินเยว่ก็ได้สติเลยรีบถามขึ้น “ประธานถาม ฉันอยากจะถามคุณว่ารู้จักเย่เทียนหยู่ไหม?”“รู้จักสิ เขาคือคนให้ฉันมาต้อนรับพวกคุณ”ถานล่างยืนยันไม่ตอบ ยังไม่เสียคุณชายก็ไม่ได้บอกว่าห้ามพูดอีกทั้งยังช่วยเขาให้ได้ความดีความงามจากหญิงสาว ไม่แน่ว่าคุณชายอาจจะชื่นชมตัวเองด้วยซ้ำรู้จักกันจริงๆด้วย!และเย่เทียนหยู่ที่ขอให้เขามาต้องรับทั้งสองคนจริงๆพวกเขาทั้งสองตกตะลึงอีกครั้ง แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นกันตอนนี้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถานล่างถึงดูสุภาพขนาดนี้เลขาก็ตกตะลึงเช่นกัน ผู้มีอำนาจจริงๆ ไม่ใช่ทั้งสองคนนี้ แต่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาชื่อเย่เทียนหยู่หลี่ซินเยว
ตอนนี้กลับมาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าตัวเองแบบนี้งั้นเหรอ?แม้แต่แม่ตระกูลซุนเองก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ พวกเขารู้ดีว่าซุนต้าอวี่นั้นให้ความสำคัญกับหน้าตามาก ในช่วงเวลานี้เขากลับกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้และเธอเองก็ยังสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่อยู่ในใจของสามีตนอีกด้วยซุนต้าอวี่ไม่เพียงแค่คุกเข่าลงเท่านั้น แต่ภายใต้สายตาที่ดูตกตะลึงของทุกคน เขาก็พูดด้วยความโกรธไปว่า “พวกเธอสองคนมัวยืนทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบมาคุกเข่าลงอีก”“เพราะพวกเธอนั่นแหละที่มาทำตัวไม่เหมาะสมที่นี่ในวันนี้ ถึงได้เผลอไปล่วงเกินท่านราชามังกรเข้า ยังไม่รีบมารับผิดกับท่านราชามังกรอีก”ในใจเขาแอบด่าไม่หยุด เฉินอู่คนนั้นเป็นผู้มีทำนาจมากในแดนตะวันออกนี้ บุคคลสำคัญหลายคนต่างก็ต้องการเอาใจเขา เมื่อพบท่านราชามังกร ตัวเขาเองยังคุกเข่าลงเลยแล้วเหตุใดพวกเธอถึงจะไม่คุกเข่าลงล่ะ?และก็เป็นเพราะเหตุนี้เอง การที่เขาคุกเข่าลงนั้น มันก็สมควรแล้วสีหน้าของแม่ตระกูลซุนดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ถือว่าเธอได้เข้าใจถึงสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว ว่ายังไงก็ต้องขอความเมตตาจากท่านราชามังกรแต่ว่า เธอไม่อยากที่จะทำเรื่องขายหน้าแบบนี้เลย
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของคู่สามีภรรยาตระกูลสวี่แล้ว พวกซุนต้าอวี่ทั้งสามคนกลับมีความตื่นเต้นในอีกแบบหนึ่งปกติซุนซวี่ได้ยินเรื่องราวความลึกลับและความแข็งแกร่งของราชามังกรมาก็มากมาย และหวังจะได้พบมาโดยตลอด กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ตนจะกล้าหาญทำตัวอวดดีต่อหน้าคนคนนั้นได้นี่เท่าเขากำลังเต้นรำอยู่บนคมดาบไม่ใช่รึไง หากยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว เมื่อสังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา ใบหน้าก็ซีดลงทันที เขาแทบจะฉี่ราดตรงนั้นเลยด้วยซ้ำสีหน้าของคุณแม่ตระกูลซุนเองก็ดูไม่ดีเช่นกัน ไม่มีความบ้าคลั่งหรือหยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป ใบหน้าที่เหมือนแม่มดก็หายไปด้วยเช่นกัน เธอได้แต่ก้มหน้าเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรซุนต้าอวี่รู้สึกเสียใจจนแทบกระอักเลือด พอเขานึกถึงการแสดงออกของของอาจารย์จูเมื่อสักครู่นี้ เดิมทีก็รู้สึกว่ามันผิดปกติอยู่แล้ว แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยสักนิดเมื่อกี้เขาถูกความโกรธครอบงำ และความแข็งแกร่งของตระกูลซุนก็ทำให้เขาเลอะเลือน เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยไอคิวของเขาแล้ว เขาจะต้องสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้อย่างแน่นอนแต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เสียใจไปก็ไม่ได้อะไ
แม้แต่ซุนต้าอวี่เองก็ยังรู้สึกงงงวยอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลชุดนี้ดูเหมือนว่าจะใหญ่เกินไปหน่อย เขารู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้าสักเท่าไหร่ เขาไปดูถูกท่านราชามังกรตั้งแต่เมื่อไหร่กันแล้วอีกอย่าง ใครคือท่านราชามังกร ราชามังกรแห่งพรรคมังกรน่ะเหรอ นั่นเป็นถึงชายผู้แข็งแกร่งที่อยู่บนจุดสูงสุดเชียวนะ ตัวเขาจะกล้าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าท่านได้ยังไงช้าก่อน!จู่ ๆ ก็เหมือนว่าซุนต้าอวี่จะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง หรือว่า เจ้าเด็กนั่นคือราชามังกรงั้นเหรอ?เป็นไปไม่ได้!ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!ไม่ใช่แค่เขา คนอื่น ๆ เองก็หันมามองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็คาดเดาไปในทิศทางเดียวกันสวี่อี้เองก็คิดแบบนั้นด้วยเช่นกัน แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกสั่นสะท้านด้วยความไม่เชื่อ นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงความสับสนยังคงแขวนอยู่บนใบหน้าสวี่กวง หมายความว่ายังไง ขณะที่เขากำลังจะถามทันทีที่เฉินอู่ตำหนิซุนต้าอวี่เสร็จ เขาก็รีบหันไปหาเย่เทียนหยู่ ก่อนที่จะทรุดเข่าลงหนึ่งข้าง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพ และกล่าวขึ้นว่า “หนึ่งในสี่ผู้ส่งสารของพรรคมังกร ผู้ส่งสารอัสนี เฉิ
เมื่อคำพูดอันทรงพลังของเฉินอู่ดังขึ้น ทุกคนต่างก็หยุดชะงักกันไปตาม ๆ กัน ก่อนที่จะหันมองไปที่ประตูอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ทันทีที่หันไปมอง ก็เห็นเพียงชายที่ทรงพลังคนหนึ่งกำลังเดินผ่านประตูเข้ามาจากท่าทางรูปร่างของเขา รวมถึงออร่าที่ทรงพลังและน่าเกรงขามที่อยู่รอบตัว เหมือนว่าคนที่มาจะไม่ใช่คนธรรมดาซุนต้าอวี่ที่ได้ยินเสียงนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นเจ้าสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ตัวจริง ต้องเข้าใจก่อนว่า เฉินอู่คนนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเจ้าสำนักธรรมดาเท่านั้นลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงหลายคนของเขา ต่างก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่า ยังมีผู้มีอำนาจอีกมากมายแค่ไหน ที่ต้องการจะส่งลูกหลานของตัวเองให้มาคำนับเป็นศิษย์ของเขายกตัวอย่าง เช่นสวี่กวง เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ที่เก่งกว่าแล้ว เขายังมีข้อบกพร่องอยู่มากแต่ถึงอย่างนั้น เฉินอู่คนนี้วางท่าหยิ่งยโสเกินไปรึเปล่า แค่เพราะสถานะที่เหนือกว่าของเขา ตระกูลซุนก็จะต้องกลัวเขาด้วยรึไงก่อนหน้ายังมีความเกรงใจอยู่ แต่ก็เป็นเพียงความเคารพเลื่อมใสก็เท่านั้นหากเรื่องนี้เกี่
“อย่าลืมสิ คุณเป็นคนพูดเองนะ ว่าตระกูลซุนสามารถทำลายตระกูลสวี่ของพวกเราได้ในพริบตา หากตระกูลที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังจัดการไม่ได้ แล้วพวกเราจะจัดการได้ยังไง”“คุณ!”แม่ตระกูลซุนโกรธมาก แต่โชคดีที่ในขณะนั้น ในที่สุดอาจารย์จูก็หยุดมือแล้ว แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะไม่ได้สั่งให้หยุด แต่เขาก็ไม่กล้าทำต่อไปอีกอยู่ดีขืนยังทุบตีต่อ เขาได้ตายจริง ๆ แน่ หากเขาตาย ตนก็คงจบเห่ไปด้วยแต่ในตอนนี้ ใบหน้าของผู้นำตระกูลซุนก็ได้บวมจนเหมือนหัวหมูไปแล้ว แทบมองไม่เห็นโครงเดิมเลยด้วยซ้ำแต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่เขายังสามารถลุกขึ้นยืนได้ปกติดูเหมือนว่าอาจารย์จูจะไม่ได้ตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เขายังพอมีขอบเขตอยู่บ้าง เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แค่สองสามทีก็สามารถทำให้ซุนต้าอวี่ตายได้ในทันทีแต่ซุนต้าอวี่เองก็รู้สึกถึงความอับอายอย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธปนเศร้า ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ทำไมเขาถึงพาคนมาเพียงเท่านี้กันหากเขาเรียกตำรวจหรือคนอื่น ๆ มาที่นี่เดี๋ยวนี้ ยังจะกลัวว่าจะจัดการกับเด็กหนุ่มพวกนี้ไม่ได้อีกงั้นเหรออาจารย์จูไม่สนใจเขา และหันไปหาเย่เทียนหยู่แทน พร้อมกับพูดอย่
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทุกคนตกตะลึกขึ้นอีกครั้งทั้งสวี่กวงและสวี่อี้ต่างก็ตาโตปากค้างเป็นรูปตัวโอ พวกเขาคาดหวังให้เย่เทียนหยู่โชคร้ายอยู่ตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กล่าวขอโทษได้ล่ะพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ยังคงยืนอึ้งกันอยู่ ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อพ่อตระกูลสวี่ลองนึกย้อนดู หรือว่าอาจารย์จูสัมผัสถึงความเก่งกาจของเย่เทียนหยู่ได้กันนะซุนซวี่และแม่ตระกูลซุนต่างก็มีสีหน้าที่ดูบิดเบี้ยวและน่าเกลียดอย่างมากผู้นำตระกูลซุนหน้าตาเคร่งเครียด และพูดด้วยความโกรธว่า “อาจารย์จู คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”อาจารย์จูไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง ได้แต่ก้มหัวและโน้มตัวลง รอให้เย่เทียนหยู่พูดออกมาเย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ก่อนที่จะชี้ไปทางผู้นำตระกูลซุน แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เลว ดีที่คุณยังรู้ตัวได้ทันเวลา เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณก็จัดการกับตาแก่นี่ให้กลายเป็นหัวหมูซะ เรื่องวันนี้ผมก็จะไม่เอาความคุณอีก”ทุกคนต่างตกใจไปชั่วขณะ ทำร้ายแม่ตระกูลซุนกับซุนซวี่ไม่พอ นี่ถึงขั้นจะทำร้ายผู้นำตระกูลซุนอีกนี่มันแทบจะพลิกโลกแล้ว!ในตอนนี้เอง ทุกคนจ้องมองไปทาง
เมื่อเห็นท่าทีของน้องชายที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง หลินหว่านหรูก็หันไปมองเย่เทียนหยู่ และกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”หากไม่มีการสั่งสอนและการชี้แนะจากเย่เทียนหยู่ น้องชายของเธอก็คงไม่มีความสามารถ ไม่มีความรับผิดชอบ และความกล้าที่ทำอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่นอนเห็นได้ชัดว่า ที่น้องชายของเธอได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง ส่วนหนึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากเทียนหยู่แม้จะมีการบาดเจ็บระหว่างทางอยู่หลายครั้ง แต่หลินจื่อตงก็ไม่เคยยอมถอยเลยสักครั้ง แววตาแห่งความมุ่งมั่น เขาต่อสู้กับอีกฝ่ายคนแล้วคนเล่าอย่างไม่ย่อท้อหลังจากการต่อสู้ที่หนักหน่วง ในที่สุดคนเหล่านี้ก็ถูกโจมตีจนต้องถอยร่นกลับไปถึงแม้ว่า ด้วยพลังของเย่เทียนหยู่ อย่าว่าแต่เอาชนะพวกมือสังหารเล็ก ๆ เหล่านี้เลย เขาสามารถทำให้ร่างกายของบอดี้การ์ดเหล่านี้หายไปในพริบตาได้เลยด้วยซ้ำในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่พวกหลินหว่านหรูเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่ตระกูลสวี่เองก็แอบพยักหน้าเงียบ ๆ แม้ว่าหลินจื่อตงจะไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อยการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ไม่กลัวความเจ็บปวด การแส
ผู้คนรอบข้างต่างก็พากันตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนในระหว่างที่กำลังต่อสู้ ตระกูลซุนก็กลับทะเลาะกันเองขึ้นมาเสียอย่างนั้นพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกงงงวย เขาเริ่มไม่แน่ใจในสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว แต่ผู้ชมที่อยู่ข้าง ๆ กลับเห็นได้อย่างชัดเจน เขามักจะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่นั้นไม่ธรรมดา และการที่อาจารย์จูล้มลงก็อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของสวี่กวงก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ของเขาที่โทรมา เขาก็ละความสนใจจากละครฉากใหญ่ระหว่างอาจารย์จูและแม่ตระกูลซุนที่อยู่ตรงหน้าทันที ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านข้างเพื่อรีบรับสายโทรศัพท์“อาจารย์ครับ!”“อืม พ่อของเธออยู่ที่บ้านไหม?” อาจารย์เฉินแห่งสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ เพิ่งจะผ่านทางมาที่บ้านตระกูลสวี่พอดี เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับพ่อตระกูลสวี่ เขาจึงกะว่าแวะมาช่วยจัดการให้สักหน่อย“อยู่ครับ อยู่!”สวี่กวงพยักหน้ารัว ๆ พร้อมกับถามออกไปอย่างรีบเร่งว่า “อาจารย์มีธุระอะไรรึเปล่าครับ หากต้องการให้ผมช่วยอะไร ก็บอกมาได้เลยนะครับ”สถานะอาจารย์ถือว่าไม่ธรรมดา การได้คำนับ
พ่อตระกูลสวี่ที่เห็นฉากนี้ ก็แอบส่ายหัวเงียบ ๆเด็กคนนี้จบเห่แล้วเขาต้องตายแน่นอน!แทบทุกคนต่างก็เชื่อแบบนั้น รวมถึงสวี่เจียเจียเองก็ด้วยมีเพียงหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูสองคนเท่านั้น โดยเฉพาะหลินหว่านหรู เธอเคยเห็นการโจมตีที่แข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่มาแล้วหลายครั้ง ความเร็วแค่นี้ถือว่ากระจอกมากสำหรับเขาที่สำคัญก็คือ เย่เทียนหยู่นิ่งเฉยได้ขนาดนี้ จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอนเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่มือขวาของเขาจะดีดถั่วเมล็ดหนึ่งเบา ๆ ให้ลอยออกไป ตาเนื้อของคนทั่วไปแทบจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำแต่ท่านอาจารย์จูกลับถูกโจมตีเข้าที่ขาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นในทันทีเดิมทีเขายังพอจะสามารถใช้มือพยุงตัวได้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือของเขากลับถูกอะไรบางอย่างโจมตีจนหมดแรงไปซะดื้อ ๆจนล้มลงไปกองเหมือนหมาทันใดนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งกันหมดพวกเขาเพียงแค่เห็นว่าอาจารย์จูพุ่งเข้าไปด้วยแรงที่ทรงพลัง มือขวาของเขาราวกับกรงเล็บ พุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความน่าสะพรึงกลัว แต่ใครจะคิดล่ะว่า วินาทีต่อมาเขาจะเป็นแบบนี้เย่เทียนหยู่หัวเราะ ฮึ ๆ