ซูถิงถือโอกาสเสนอความคิดเห็น“อืม ถ้ามีเวลาไว้ค่อยนัดกัน”“ค่ะ งั้นฉันไปทำงานก่อนนะคะ”หลังจากหลินหว่านหรูพยักหน้าแล้ว ซูถิงถึงได้เดินออกไป ในใจอดจะหัวเราะไม่ได้ก้าวแรกเรียบร้อยแล้วต่อไปก็เริ่มก้าวที่สองเย่เทียนหยู่ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งกาจมาจากไหนแล้วก็จะได้หว่านหรูไปถ้ามีฉันอยู่อย่าหวังว่าจะสมหวังหลินหว่านหรู ในเมื่อเธอแย่งผู้ชายของฉันไปก็อย่ามาโทษฉัน เพราะไม่ว่ายังไงก็จะแยกพวกเธอให้ได้รอดูเถอะ เจ้าชีวิตของเธออย่างคุณชายกงซุนกำลังจะมาแล้วในเมื่อซูถิงทั้งเกรงใจทั้งขอโทษทั้งรับรองแสดงละครครบด้านขนาดนี้เย่เทียนหยู่ก็พูดอะไรไม่ได้“เย่เทียนหยู่นายเองก็เห็นแล้วว่าซูถิงเขารู้สึกผิดจริงๆ”“ต่อจากนี้นายก็อย่ามองเธอในแง่ลบนักเลย ที่จริงแล้วถ้าตัดว่าเธอเป็นคนปากร้ายไปก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ”“โอเค!”เมื่อกี้เย่เทียนหยู่ก็จ้องมองสายตาของเธอตอนพูดว่ามีวี่แววว่าจะกลับใจหรือไม่เพราะแค่มองดูก็รู้แล้ว อย่างน้อยๆเขาก็พอดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีวี่แววว่าจะกลับใจเลยแต่ตอนนี้พูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่รอเวลามาพิสูจน์ทุกอย่างเท่านั้น“เอาล่ะ เรื่องของซูถิงก็ถือว่าจบไปแล้วพวกเรามาคุยเรื่องค
“นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ กลับไปตั้งใจทำงานล่ะ ตราบใดที่ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ฉันจะปกป้องคุณ”ในที่สุดหลินหว่านหรูก็โล่งอก“โอเค ฉันจะฟังคุณ”เย่เทียนหยู่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วแค่ซูถิงคนเดียวก็ไม่สามารถเอาชนะพายุลมนี้ได้ เมื่อออกจากสำนักงานก็เดินทางกลับไปที่ทีมทันทีในเวลานี้ ทีมสองก็ไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ หลายคนคาดเดาว่าเย่เทียนหยู่จะเผชิญกับสถานการณ์ยังไงเพราะนั่นคือประธานหลินที่ทุกคนเกรงกลัวประธานหลินในสายตาของทุกคน มันดูสง่างามและน่ากดดันมาก แม้แต่การพูดสองสามคำก็ทำให้พวกเขารู้สึกประหม่ามากเพราะในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ประธานหลินที่บ้าอำนาจเมื่ออยู่ในบริษัทมักจะทำให้ผู้คนหวาดกลัว และยังกวาดล้างมอดที่มีผู้นำระดับสูงวางแผนไว้ไม่น้อย“ รีบดูสิ เย่เทียนหยู่กลับมาแล้ว! ”“ใช่ เขากลับมาแล้ว! ”“แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์ดีไม่น้อยเลย ไม่ได้คอตกเหมือนคนหดหู่ใจ”“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่ากำลังฮัมเพลงอยู่ด้วย”ทุกคนพูดไม่ออก และหลี่ซินเยว่ก็งงเช่นกัน เพราะในกรณีปกติแแล้วเย่เทียนหยู่จะต้องถูกไล่ออกแน่นอน แม้ว่าเขาจะบุกเข้าไปที่ห้องทำงานประธานก็ตามไม่ใช่ ผลที่ตามมาของการบุกเข้าไป
“ แต่นั่นคือความจริง! ”“ เมื่อสักครู่ฉันตั้งใจไปที่สำนักงานของประธานหลินโดยเฉพาะ และได้รับการยืนยันว่าเย่เทียนหยู่จัดการกับเงินคืนทั้งสามรายการนั้น” หลิวเหวินตอบอย่างเย็นชาอ๋า!มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!สีหน้าของหวังลิ่วน่าเกลียดเหมือนกินแมลงวันหมื่นตัวเข้าไป เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้คนอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคนไม่กี่คนที่มักโจมตีเย่เทียนหยู่อย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ดีกว่าหวังลิ่วมาก เพราะส่วนมากเป็นการโจมตีด้วยความโกรธในเวลานี้ หวังลิ่วนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไป ถ้ามีเขาต้องไม่มีเย่เทียนหยู่ ถ้ามีเย่เทียนหยู่ต้องไม่มีเขาตอนนี้เย่เทียนหยู่ผู้เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถูกไล่ออกตอนนี้หวังลิ่วรู้สึกเสียใจมาก ถ้ารู้อย่างนี้เขาคงรอและค่อยจัดการทีเดียวเมื่อนึกถึงเย่เทียนหยู่บอกว่าให้เขาอย่าชะล่าใจ ถ้าไม่รู้ว่าจะเสียใจแค่ไหน ก็ไม่ควรดีใจไปตั้งแต่เนิ่นๆหลี่ซินเยว่ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา "เย่เทียนหยู่ ขอโทษนะ เมื่อสักครู่ฉันเข้าใจผิดคุณและฉันหยาบคายกับคุณเล็กน้อย"“ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจอารมณ์ของคุณ ยิ่งไป
ใบหน้าหลี่ซินเยว่ที่ดูลำบากใจและมองไปที่หลิวเหวินอย่างช่วยไม่ได้สีหน้าหลิวเหวินเยือกเย็นและเคร่งครึมมาก จึงถามด้วยความเย็นชาว่า “ เย่เทียนหยู่ คุณแน่ใจหรือว่าจะต้องทำแบบนี้ ต้องให้พวกคุณใครสักคนหนึ่งออกไป ”ทุกคนตกใจมาก แม้ว่าประธานหลิวจะดูไม่บ้าอำนาจเหมือนประธานหลิน แต่การลงมือก็แข็งแกร่งมากเช่นกันจากทัศนคติของเธอแล้ว หากเย่เทียนหยู่ไม่เชื่อฟังวินัย คนที่ต้องออกไปอาจจะเป็นเขาเมื่อหลี่ซินเยว่เห็นแบบนี้จึงก็กระซิบอย่างรวดเร็วว่า “เย่เทียนหยู่ อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปก่อนเลย เรามาปรึกษากันหน่อยไหม บางทีอาจมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ก็ได้ ”“ ใช่ๆ เย่เทียนหยู่ ฟังหัวหน้าทีมของเราเถอะ ”หลิวสุ่ยก็เข้าใจหลิวเหวินอยู่บ้าง จึงรีบพูดโน้มน้าวใบหน้าหวังลิ่วรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าประธานหลิวจะช่วยตนจริงๆ ภายในใจยังคงพึมพำอยู่ว่าอย่าปรึกษา อย่าปรึกษาแน่นอน เย่เทียนหยู่ส่ายหัวอย่างที่เขาคิดจริงๆ และเขาพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “ ขอโทษนะ คุณหัวหน้าทีม ผมไม่สามารถฟังคุณเรื่องนี้ได้ วันนี้ใครก็ตามไม่สามารถพูดคุยเรื่องความรู้สึกกับผมได้ ”ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และไม่คิดว่าเย่เทียนหยู่จะแข็งแกร
เนื่องจากประธานหลินใส่ใจในตัวเย่เทียนหยู่ หลังจากหลิวเหวินเดินออกมาก็รีบไปรายงานกับหลินหว่านหรูทันทีไม่คิดว่าเมื่อหลินหว่านหรูได้ฟังแล้วจะรู้สึกโกรธมาก ๆ และเป็นเรื่องยากที่จะทำเธอโกรธได้ขนาดนี้เมื่อพูดคุยเจรจากันอย่างชัดเจนว่าทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน จึงขอร้องให้เธอต้องเก็บเย่เทียนหยู่ไว้ทันทีหลิวเหวินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินกลับไป เพีงแต่ในใจเธองงจริง ๆ ว่า เย่เทียนหยู่มีพลังศักดิ์สิทธิ์อะไรทำไมถึงทำให้ประธานหลินสนใจขนาดนี้“ ซินเยว่ คุณมาที่นี่สักครู่ ”หลี่ซินเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย รีบลุกขึ้นและติดตามไปเมื่อเดินไปข้าง ๆ หลิวเหวินก็พูดว่า “ คุณช่วยบอกฉันเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเย่เทียนหยู่และหวังลิ่วตั้งแต่เริ่มต้นให้ฉันฟังที”หากคุณต้องการเปลี่ยนการประกาศเมื่อกี้คุณต้องหาข้อแก้ตัว มิฉะนั้นอำนาจของเธอก็จะไม่มีทันทีที่หลี่ซินเยว่ได้ยินเรื่องนี้ก็รีบแจ้งให้ทราบทันทีฉันไม่ได้กล่าวถึงสิ่งก่อนหน้านี้ เพราะยังไงซะทุกคนก็ไม่ชอบหน้าเย่เทียนหยู่อยู่แล้วในในตอนแรกนี่เป็นเพียงสิ่งที่หวังลิ่วโต้เเย้งขึ้นมาหลายครั้งในวันนี้ เธอบอกหลิวเหวินอย่างชัดเจน รวมทั้งคำพูดท
แน่นอนว่ามันไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หลิวเหวินมองไปที่หวังลิ่วและพูดอย่างเย็นชา “ หวังลิ่ว คุณพูดและทำอะไรลงไปตัวเองเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด ดังนั้นอย่าโทษบริษัท ”“ คุณไปที่ฝ่ายธุรการและเคลียร์บัญชีบริษัทให้ชัดเจน จากนั้นก็สามารถไปได้ ”ใบหน้าของหวังลิ่วซีดเซียว เพราะเขาอายุมากแล้วจึงไม่อยากออกจากบริษัทไปแบบนี้จริง ๆ ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหางานใหม่ที่ดีกว่านี้ด้วยอายุและความสามารถของเขาเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ ประธานหลิว ฉันรู้ว่าฉันผิด ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม? ”หลิวเหวินส่ายหัวแล้วพูดว่า “ คุณและเย่เทียนหยู่บอกครั้งแล้วครั้งเล่าว่าทั้งสองคนสามารถอยู่ต่อได้เพียงคนเดียว คุณคิดว่าฉันควรให้ใครอยู่ต่อดีล่ะ? ”ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ใบหน้าของหวังลิ่วก็ซีดและไม่มีอะไรจะพูด เพราะเขารู้ว่าเย่เทียนหยู่ไม่มีทางจะที่จะปล่อยให้ตัวเองอยู่ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเย่เทียนหยู่ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจะออกไปอย่างไม่มีทางเลือกเมื่อหลิวเหวินจากไป หลี่ซินเยว่และคนอื่น ๆ ก็มีความสุขมาก ประการแรกคือ หวังลิ่วไม่เป็นที่ชื่นชอบจริงๆ ประการที่สองคือ เพราะเย่
ทุกคนงงเล็กน้อย ใครบ้างในทีมขายที่ไม่ลือว่าเย่เทียนหยู่มีแบคอัพที่ใหญ่ แต่พี่เหม่ยเพิกเฉยต่อมันโดยสิ้นเชิง หนำซ้ำยังเยาะเย้ยเขาอย่างเปิดเผยสีหน้าเย่เทียนหยู่ดูสงบและพูดสบาย ๆ ว่า “ ใช่ ฉันเป็นผู้สูงส่งที่คุณพูดถึง ทำไม คุณอยากมาเยี่ยมฉันเหรอ? ”“ ไปเยี่ยมคุณเหรอ? ฮ่าๆ อยากจะหัวเราะให้ตาย เย่เทียนหยู่ คุณคงไม่คิดว่าตัวเองเก่งจริงๆ ใช่ไหม? ” พี่เหม่ยเยาะเย้ยทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เย่เทียนหยู่ก็ขมวดคิ้วและถามว่า “ คุณหมายถึงอะไร? ” “ หมายถึงอะไรคุณรู้อยู่แก่ใจ เชื่อหรือไม่ ตราบใดที่ฉันพูดหนึ่งประโยค คุณจะได้ออกจากบริษัททันที ” พี่เหม่ยพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจและบ้าอำนาจ“ เหมยหรงหรง คุณพอได้แล้ว คุณคิดว่าคุณเป็นใครถึงอยากจะไล่ใครออกก็ไล่ได้? ” หลี่ซินเยว่พูดด้วยความโกรธ“ ฮ่าๆ แน่นอนว่าฉันไม่สามารถไล่ใครก็ได้ตามที่ฉันต้องการ แต่ตราบใดที่เขาเป็นคนของบริษัท ทุกคนก็อยากจะไล่เขาออกไป ”พี่เหม่ยตะโกนเสียงดัง“ คุณพูดเรื่องไร้สาระอะไร! ” หลี่ซินเยว่รู้สึกว่าเหมยหรงหรงบ้าไปแล้วหรือเปล่า แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไร้ยางอายและร้ายกาจ แต่ก็ไม่ได้บ้าขนาดนั้น
เย่เทียนหยู่มองไปรอบ ๆ และแน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นในสายตาคือความไม่เชื่อ แม้แต่หลี่ซินเยว่เองจู่ ๆ ก็ทำหน้าหมดหนทางอย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลี่ซินเยว่จะไม่เชื่อเย่เทียนหยู่ แต่กลับพูดทันทีว่า “ เหมยหรงหรง ถ้าคุณมีหลักฐานก็แสดงหลักฐานออกมา มิฉะนั้นก็อย่าพูดเรื่องไร้สาระที่นี่ ”“ หึ ถ้าไม่เชื่อก็ช่างมันเถอะ ยังไงซะพรุ่งนี้คุณจะได้เห็นผลลัพธ์ เมื่อถึงเวลานั้นคุณจะต้องออกไป! ”แน่นอนว่าเหมยหรงหรงไม่มีหลักฐาน เว้นแต่จะมีหลักฐานการสอดแนมถ้าเป็นเช่นนั้น มันจะไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าพวกเขาแอบฟังประธานหลิว เพียงเพื่อเรื่องเศษขยะอย่างเย่เทียนหยู่ การเปิดเผยเรื่องการสอดเเนมนี้ ถือว่าไม่คุ้มมากๆ“ งั้นก็อย่ามาเห่าไปเรื่อย! ” หลี่ซินเยว่พูดอย่างเย็นชา“ โอเค ฉันจะดูว่าพรุ่งนี้คุณจะร้องไห้อีท่าไหน! ”เหมยหรงหรงทิ้งคำพูดไว้และพาหวังซินออกไปหลังจากที่เขาจากไป หลี่ซินเยว่จ้องมองที่เย่เทียนหยู่อย่างดุดันและถามด้วยความโกรธ “ ที่เธอพูด สรุปแล้วจริงรึเปล่า? ”คนอื่น ๆ ก็จ้องมองเย่เทียนหยู่อย่างใกล้ชิด เห็นได้ชัดว่าต้องการได้ยินคำตอบจากปากของเขาเมื่อเย่เทียนหยู่กำลังจะตอบหลี่ซินเยว่พูดอีกครั้ง “
คุณนายไป๋ถูกหัวหน้าใหญ่ไป๋จ้องตาเขม็ง สีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อย ก่อนจะรีบพูดออกมาเบา ๆ ว่า “พี่เฉินคะ พะ พี่เป็นอะไรไป?”“เธอคิดว่ายังไงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเราจะมาถึงจุดนี้ได้ยังไง!”สีหน้าไป๋เฉินดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่“ละ แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะคะ ถึงต่อให้ฉันเป็นคนที่สร้างเรื่องขึ้นมา พี่ก็เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าสำนักเจวี๋ยฉิงจะสามารถจัดการเขาได้?”“เดิมทีมันก็อาจจะได้ แต่เมื่อกี้พยัคฆ์ทมิฬเพิ่งรายงานว่า เขาอาจจะเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรก็ได้ และจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ก็ดูเหมือนจะมีโอกาสมากถึงแปดเก้าส่วนที่จะเป็นเรื่องจริง”“หากว่าเขาเป็นราชามังกรจริง ๆ ล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่สำนักเจวี๋ยฉิงก็ทำอะไรเขาไม่ได้”ไป๋เฉินพูดด้วยความโกรธ“หา ไม่จริงน่า เป็นไปได้ไหมที่พยัคฆ์ทมิฬกำลังหลอกพี่อยู่”“เขาไม่มีทางหลอกฉันแน่”ไป๋เฉินถอนหายใจ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เขาถูกภรรยาชักจูงแบบผิด ๆ มาตั้งแต่แรก ต่อให้ตอนนี้ตนได้รู้เรื่องราวทั้งหมด แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่ปัญหาในการจัดการกับเย่เทียนหยู่ แต่เป็นจุดตันเถียนของเขา มันจะยังสามารถฟื้นฟูกลับมาไ
จากนั้น ไป๋เฉินก็หยิบกล่องเล็ก ๆ ที่ดูประณีตออกมาจากตัว เขานำมันติดตัวมาด้วย จากนั้นจึงยื่นให้เย่เทียนหยู่ด้วยท่าทีที่ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นี่คือสมบัติที่แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้น ว่ากันว่า หากกลั่นมันออกมาเป็นยา ก็จะสามารถช่วยให้ทะลวงเข้าสู่ระดับปรามาจารย์ได้ทันทีหากไม่ใช่เพราะแรงกดดันที่น่ากลัวจากสำนักเจวี๋ยฉิง เขาก็คงคิดที่จะเก็บมันเอาไว้ใช้เองเขาเคยเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ตอนที่ยอดฝีมือจากสำนักเจวี๋ยฉิงต่อสู้กับปรมาจารย์ที่น่ากลัวคนหนึ่ง กระบวนท่าเดียว ใช้เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น ก็สามารถฆ่ายอดฝีมือระดับปรมาจารย์คนนั้นได้ในทันทีดังนั้น การที่ไอ้เด็กนี่มันกล้าท้าทายอำนาจสำนักเจวี๋ยฉิงแบบนี้ มันจะต้องตายอย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่รับกล่องมา ก่อนจะเปิดดูด้านใน และพบว่านั่นคือดอกบัวสีเจ็ดสีจริง ๆ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมากเมื่อมาอยู่ในมือของเขา เขาจึงรับเก็บมันไว้ทันที แล้วพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยออกไปว่า “เห็นแก่ของเล่นชิ้นนี้ ผมจะปล่อยคุณไปสักครั้งก็แล้วกัน”“จำไว้นะว่า อีกสี่หมื่นห้าพันล้าน จะต้องถูกโอนเข้าบัญชีภายในหนึ่งวัน เพราะไม่อย่างนั้น ก็รอรับผลที่จะตามมาได้เลย!”ทันที
เมื่อคุณนายไป๋ได้ยินดังนั้น เธอก็รีบโต้กลับทันที “หากเป็นสมบัติธรรมดาพวกเขาต้องไม่สนใจอยู่แล้ว แต่นี่เป็นถึงดอกบัว......”“เลิกพูดมากได้แล้ว!”เมื่อกี้หยุดเอาไว้ไม่ทัน ตอนนี้ไป๋เฉินจึงรีบพูดห้ามขึ้นทันที “พูดจาไร้สาระให้มันน้อย ๆ หน่อย ทางที่ดีแกก็รีบปล่อยพวกเราไปซะ เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาอาจเกินกว่าที่แกจะรับไหวก็ได้”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดออกไปว่า “คุณนับว่าฉลาดกว่าภรรยาคุณอยู่นะ หากเป็นเธอล่ะก็ ป่านนี้เธอคงสั่งให้ผมรีบขอโทษและยอมรับผิดไปแล้ว” “แต่ว่านะ ถึงยังไงก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี! อย่าว่าแต่สำนักเจวี๋ยฉิงอะไรนั่นเลย ต่อให้เป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน วันนี้ หากคุณยังไม่คืนเงินล่ะก็ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ช่วยพวกคุณไม่ได้ทั้งนั้น”สีหน้าของไป๋เฉินเปลี่ยนไปทันที เขาทั้งโกรธและตกใจ “นี่แกไม่กลัวสำนักเจวี๋ยฉิงจริง ๆ หรือว่าแกไม่รู้ว่าสำนักเจวี๋ยฉิงมีการดำรงอยู่ที่น่ากลัวมากแค่ไหนกันแน่?”“รู้หรือไม่มันก็ไม่สำคัญหรอก ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย สี่หมื่นห้าพันล้าน จะให้หรือไม่ให้? !”สีหน้าเย่เทียนหยู่ดูเย็นชา เขาเสียเวลามามากพอสมควรแล้ว เขาไม่อยากพูด
แต่สิ่งนี้ก็ยืนยันได้อย่างชัดเจนแล้วว่า หัวหน้าใหญ่ไป๋ถูกจัดการแล้วจริง ๆ เขาถูกทำลายแล้วอย่างสิ้นเชิงคุณนายไป๋หน้าซีด สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจและหวาดกลัว เธอทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรง ในเวลานี้ เธอก็เข้าใจแล้วว่าเทพสงครามในสายตาของเธอได้ถูกทำลายลงแล้วจริง ๆเพราะความทะเยอทะยานของเธอ จึงทำให้ผู้ชายของเธอได้กลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง!ผ่านไปนานพอสมควร ในที่สุดไป๋เฉินก็สงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง ก่อนจะถามออกไปด้วยความกลัวว่า “แกเป็นใครกันแน่?”“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญก็คือ เงินอีกสี่หมื่นห้าพันล้านจะต้องเข้าบัญชีเดี๋ยวนี้” เย่เทียนหยูกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย “ภรรยาของคุณไม่สามารถเอาออกมาได้ แต่ตัวคุณก็น่าจะไม่มีปัญหาสินะ?”สีหน้าไป๋เฉินดูไม่ดีมากนัก เขารู้สึกเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างมาก ที่ทำให้ชี่แท้ของตนถูกทำลาย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “เงินก้อนนี้ฉันจะไม่มีวันมอบให้แน่นอน”“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยสนใจชีวิตภรรยาของคุณเลยสินะ”“พี่เฉินคะ......”คุณนายไป๋ลนลานขึ้นมาทันที เงินไม่มีก็หาใหม่ได้ แต่ถ้าคนตายไปแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางกลับมาได้อีก เ
แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋มีโอกาสที่จะชนะแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่นั้น เย่เทียนหยู่ก็กลับส่ายหัว ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมา พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่ดูสบาย ๆซึ่งมันก็เป็นการรับมือที่สบายมากจริง ๆ ไม่นาน เขาก็สามารถจับกรงเล็บที่เต็มไปด้วยพลังแห่งจิตสังหารของหัวหน้าใหญ่ไป๋เอาไว้ได้หัวหน้าใหญ่ไป๋ยังคงรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย แต่เขาก็กลับพบว่ามือที่เขาใช้โจมตีนั้น ได้ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ได้ นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พลังที่อยู่ภายในมือของเขากลับจางหายไปอย่างสิ้นเชิงอีกด้วยทะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!จากนั้นก็พบว่าร่างกายไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป และถูกอีกฝ่ายเหวี่ยงออกไปตามแนวระนาบ ก่อนจะกระแทกลงอย่างรุนแรงอ้าก!หัวหน้าใหญ่ไป๋ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาจึงส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและน่าสงสารออกมา ไม่นานความเจ็บปวดก็กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาถึงกับต้องสั่นสะเทือนเดิมทีด้วยพลังที่เขามี เขาสามารถทนต่อความเจ็บปวดทั่วไปได้ แต่ในครั้งนี้ เขาไม่สามารถทนได้จริง ๆคุณนายไป๋รู้สึกสับสนทันทีนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ลูกน้องที่ตามมาด้วยต
ไม่มีท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งอะไรนั่นหรอก ก็แค่ระดับหมิงจิ้นขั้นสูงธรรมดาเท่านั้น ขนาดระดับพลังจันทราขั้นต้นก็ยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ เย่เทียนหยู่ย่อมจัดการอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายอยู่แล้วผ่านไปไม่นาน ทั้งสามคนก็ทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวดทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนสีหน้าคุณนายไป๋ดูหม่นหมองลง เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทั้งสามคนแทบจะทำอะไรเขาไม่ได้เลย ตอนนี้ยิ่งเป็นการทำให้ไอ้เด็กนั่นได้ใจมากกว่าเดิมไม่ใช่รึไง เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “พี่เฉิน ถึงเด็กนั่นจะไม่เก่งเท่าพี่ แต่พลังของมันก็ไม่ธรรมดา เกรงว่าพี่อาจจะต้องลงมือด้วยตัวเองแล้วล่ะ”“ฉันรู้แล้ว!”หัวหน้าใหญ่ไป๋รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย เมื่อกี้ทั้งสามคนยังไม่ทันจะทำให้เย่เทียนหยู่เผยความสามารถออกมาเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดประชดออกไปว่า “ทำไม ถ้ายังไม่พร้อมล่ะก็ คุณจะลองโทรให้คนตรวจสอบความแข็งแกร่งของผมดูสักหน่อยไหมล่ะ?”“อวดดี!”“การจัดการกับเด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแก ฉันไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรทั้งนั้น!”หัวหน้าใหญ่ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “เมื่อกี้ ฉัน
“ความลับงั้นเหรอ?”ซึ่งมันก็ทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนอยู่นิดหน่อย หรืออีกฝ่ายรู้ตัวตนราชามังกรของตนแล้วงั้นเหรอ? ในเมื่อรู้แล้ว แต่กลับยังกล้าทำตัวหยิ่งยโสอยู่อีก ก็แสดงว่าคนที่คอยหนุนหลังพวกเขาอยู่นั้น มีสถานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน“เหอะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังจะเสแสร้งอยู่อีก!”สีหน้าคุณนายไป๋ดูพอใจอย่างมาก เธอจึงพูดเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ก็แค่อาศัยการเคลื่อนไหวแปลก ๆ นั่นของแก แล้วจู่โจมอย่างกะทันหันไม่ใช่รึไง หากไม่ใช่แบบนี้ แกก็คงจัดการกับพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เถาไม่ได้หรอก!”“ตอนนี้ แกได้สูญเสียความลับวิธีการโจมตีที่สำคัญไปแล้ว และพี่เฉินเองก็มีพลังที่เหนือกว่าที่แกจะจินตนาการได้เสียอีก อย่าว่าแต่แกจะใช้วิธีนี้ไม่ได้อีก ต่อให้แกจะมีวิธีอื่น แกก็ต้องตายอย่างแน่นอน”เมื่อได้ยินคำนี้ ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็เข้าใจว่าความลับที่พูดถึงคืออะไร เขาจึงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นี่คือความลับที่คุณพูดถึงเหรอ?”“ถูกต้อง ถึงแกจะไม่ยอมรับก็ไม่มีประโยชน์” คุณนายไป๋พูดอย่างเย็นชาหัวหน้าใหญ่ไป๋โบกมือไปมา ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “ไอ้หนู พูดจาไร้สาระให้น้อย ๆ หน่อย ตอนนี้
แต่พอลองคิดดูอีกที อีกเดี๋ยวหัวหน้าใหญ่ไป๋ก็จะมาถึงแล้ว เขาจึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาในทันที พร้อมกับพูดเสียงดังออกไปว่า “ไอ้หนู กะ แกคิดจะทำอะไร?”เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบออกไปว่า “ไม่ใช่ว่าพวกคุณให้ผมหยุดหรอกเหรอ?”“ใช่ พะ พวกเราสั่งให้แกหยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ให้แกเดินเข้ามาสักหน่อย”“......”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว พร้อมกับพูดอย่างเรียบเฉยออกไปว่า “ผมไม่ว่างมาเสียเวลาอยู่ที่นี่หรอกนะ” ทันทีที่พูดจบ เขาก็หันหลังเดินไปที่รถทันทีเมื่อทั้งสองที่เห็นแบบนั้น พวกเขาก็รู้ว่าจะปล่อยให้จากไปแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะลองเสี่ยงดู ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะพุ่งตัวไปข้างหน้า โดยโจมตีเข้าขนาบจากทั้งซ้ายขวาพร้อมกันยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะหันมามองเลยด้วยซ้ำในใจพวกเขาก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา คิดว่าตัวเองอาจจะมาถูกทางโดยบังเอิญก็ได้ และอาจจะสามารถสร้างผลงานชิ้นใหญ่ให้กับตัวเองได้ด้วยแต่ไม่นาน พวกเขาก็รู้ว่าตนคิดผิด และมันก็ผิดมหันต์เลยล่ะ เห็นเพียงแค่หมัดของพวกเขาเข้าใกล้อีกฝ่ายเท่านั้น แต่หมัดยังไม่ทันจะโดน ก็รู้สึกถึงพล
ครั้งนี้ ไป๋เถารู้สึกเจ็บใจมากจริง ๆ ทุกคำทุกประโยคที่เขาคิด คือต้องการคิดหาวิธีที่จะลากตระกูลไป๋ลงน้ำและเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋จะต้องตายอย่างแน่นอน นั่นเพราะเขาเพิ่งจะได้รับข่าวที่น่าตกใจมาก ๆ มา เรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรที่แท้ระหว่างทางมาที่โรงพยาบาล ไป๋เถาที่กำลังตกอยู่ในความสิ้นหวังนั้น ก็ได้นึกถึงการต่อสู้ครั้งนี้ขึ้นมา ก่อนที่จู่ ๆ เขาจะพบว่าตนเองอาจจะคาดการเรื่องทั้งหมดนี้ผิดไปก็ได้ที่อีกฝ่ายรับการป้องกันได้ไม่ใช่เพราะการโจมตีของตนแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะตนยังไม่ทันได้มีเวลาลงมือเลยต่างหากที่สำคัญเลยก็คือ หลังจากที่ตนมาถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน เพื่อนจากสถานีตำรวจก็โทรมาหาตำแหน่งของเพื่อนคนนี้ไม่ได้สูงมากนัก แต่เป็นเพราะเขาบังเอิญได้ยินบทสนทนาของสารวัตรเฉินกับหวงลี่ นั่นจึงทำให้เขาได้รู้ความลับที่น่าตกใจอย่างหนึ่งเข้าพูดกันว่าความเป็นมาของเย่เทียนหยู่นั้นน่ากลัวมาก เขาเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรเมื่อได้ยินคำว่าราชามังกรแห่งพรรคมังกร ทันใดนั้นไป๋เถาก็เกิดรู้สึกงงงวยขึ้นมาไม่ว่าไป๋เถาจะคิดยังไง เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตนจะเผลอไปล