ซูถิงถือโอกาสเสนอความคิดเห็น“อืม ถ้ามีเวลาไว้ค่อยนัดกัน”“ค่ะ งั้นฉันไปทำงานก่อนนะคะ”หลังจากหลินหว่านหรูพยักหน้าแล้ว ซูถิงถึงได้เดินออกไป ในใจอดจะหัวเราะไม่ได้ก้าวแรกเรียบร้อยแล้วต่อไปก็เริ่มก้าวที่สองเย่เทียนหยู่ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งกาจมาจากไหนแล้วก็จะได้หว่านหรูไปถ้ามีฉันอยู่อย่าหวังว่าจะสมหวังหลินหว่านหรู ในเมื่อเธอแย่งผู้ชายของฉันไปก็อย่ามาโทษฉัน เพราะไม่ว่ายังไงก็จะแยกพวกเธอให้ได้รอดูเถอะ เจ้าชีวิตของเธออย่างคุณชายกงซุนกำลังจะมาแล้วในเมื่อซูถิงทั้งเกรงใจทั้งขอโทษทั้งรับรองแสดงละครครบด้านขนาดนี้เย่เทียนหยู่ก็พูดอะไรไม่ได้“เย่เทียนหยู่นายเองก็เห็นแล้วว่าซูถิงเขารู้สึกผิดจริงๆ”“ต่อจากนี้นายก็อย่ามองเธอในแง่ลบนักเลย ที่จริงแล้วถ้าตัดว่าเธอเป็นคนปากร้ายไปก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ”“โอเค!”เมื่อกี้เย่เทียนหยู่ก็จ้องมองสายตาของเธอตอนพูดว่ามีวี่แววว่าจะกลับใจหรือไม่เพราะแค่มองดูก็รู้แล้ว อย่างน้อยๆเขาก็พอดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีวี่แววว่าจะกลับใจเลยแต่ตอนนี้พูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่รอเวลามาพิสูจน์ทุกอย่างเท่านั้น“เอาล่ะ เรื่องของซูถิงก็ถือว่าจบไปแล้วพวกเรามาคุยเรื่องค
“นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ กลับไปตั้งใจทำงานล่ะ ตราบใดที่ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ฉันจะปกป้องคุณ”ในที่สุดหลินหว่านหรูก็โล่งอก“โอเค ฉันจะฟังคุณ”เย่เทียนหยู่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วแค่ซูถิงคนเดียวก็ไม่สามารถเอาชนะพายุลมนี้ได้ เมื่อออกจากสำนักงานก็เดินทางกลับไปที่ทีมทันทีในเวลานี้ ทีมสองก็ไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ หลายคนคาดเดาว่าเย่เทียนหยู่จะเผชิญกับสถานการณ์ยังไงเพราะนั่นคือประธานหลินที่ทุกคนเกรงกลัวประธานหลินในสายตาของทุกคน มันดูสง่างามและน่ากดดันมาก แม้แต่การพูดสองสามคำก็ทำให้พวกเขารู้สึกประหม่ามากเพราะในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ประธานหลินที่บ้าอำนาจเมื่ออยู่ในบริษัทมักจะทำให้ผู้คนหวาดกลัว และยังกวาดล้างมอดที่มีผู้นำระดับสูงวางแผนไว้ไม่น้อย“ รีบดูสิ เย่เทียนหยู่กลับมาแล้ว! ”“ใช่ เขากลับมาแล้ว! ”“แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์ดีไม่น้อยเลย ไม่ได้คอตกเหมือนคนหดหู่ใจ”“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่ากำลังฮัมเพลงอยู่ด้วย”ทุกคนพูดไม่ออก และหลี่ซินเยว่ก็งงเช่นกัน เพราะในกรณีปกติแแล้วเย่เทียนหยู่จะต้องถูกไล่ออกแน่นอน แม้ว่าเขาจะบุกเข้าไปที่ห้องทำงานประธานก็ตามไม่ใช่ ผลที่ตามมาของการบุกเข้าไป
“ แต่นั่นคือความจริง! ”“ เมื่อสักครู่ฉันตั้งใจไปที่สำนักงานของประธานหลินโดยเฉพาะ และได้รับการยืนยันว่าเย่เทียนหยู่จัดการกับเงินคืนทั้งสามรายการนั้น” หลิวเหวินตอบอย่างเย็นชาอ๋า!มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!สีหน้าของหวังลิ่วน่าเกลียดเหมือนกินแมลงวันหมื่นตัวเข้าไป เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้คนอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคนไม่กี่คนที่มักโจมตีเย่เทียนหยู่อย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ดีกว่าหวังลิ่วมาก เพราะส่วนมากเป็นการโจมตีด้วยความโกรธในเวลานี้ หวังลิ่วนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไป ถ้ามีเขาต้องไม่มีเย่เทียนหยู่ ถ้ามีเย่เทียนหยู่ต้องไม่มีเขาตอนนี้เย่เทียนหยู่ผู้เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถูกไล่ออกตอนนี้หวังลิ่วรู้สึกเสียใจมาก ถ้ารู้อย่างนี้เขาคงรอและค่อยจัดการทีเดียวเมื่อนึกถึงเย่เทียนหยู่บอกว่าให้เขาอย่าชะล่าใจ ถ้าไม่รู้ว่าจะเสียใจแค่ไหน ก็ไม่ควรดีใจไปตั้งแต่เนิ่นๆหลี่ซินเยว่ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา "เย่เทียนหยู่ ขอโทษนะ เมื่อสักครู่ฉันเข้าใจผิดคุณและฉันหยาบคายกับคุณเล็กน้อย"“ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจอารมณ์ของคุณ ยิ่งไป
ใบหน้าหลี่ซินเยว่ที่ดูลำบากใจและมองไปที่หลิวเหวินอย่างช่วยไม่ได้สีหน้าหลิวเหวินเยือกเย็นและเคร่งครึมมาก จึงถามด้วยความเย็นชาว่า “ เย่เทียนหยู่ คุณแน่ใจหรือว่าจะต้องทำแบบนี้ ต้องให้พวกคุณใครสักคนหนึ่งออกไป ”ทุกคนตกใจมาก แม้ว่าประธานหลิวจะดูไม่บ้าอำนาจเหมือนประธานหลิน แต่การลงมือก็แข็งแกร่งมากเช่นกันจากทัศนคติของเธอแล้ว หากเย่เทียนหยู่ไม่เชื่อฟังวินัย คนที่ต้องออกไปอาจจะเป็นเขาเมื่อหลี่ซินเยว่เห็นแบบนี้จึงก็กระซิบอย่างรวดเร็วว่า “เย่เทียนหยู่ อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปก่อนเลย เรามาปรึกษากันหน่อยไหม บางทีอาจมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ก็ได้ ”“ ใช่ๆ เย่เทียนหยู่ ฟังหัวหน้าทีมของเราเถอะ ”หลิวสุ่ยก็เข้าใจหลิวเหวินอยู่บ้าง จึงรีบพูดโน้มน้าวใบหน้าหวังลิ่วรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าประธานหลิวจะช่วยตนจริงๆ ภายในใจยังคงพึมพำอยู่ว่าอย่าปรึกษา อย่าปรึกษาแน่นอน เย่เทียนหยู่ส่ายหัวอย่างที่เขาคิดจริงๆ และเขาพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “ ขอโทษนะ คุณหัวหน้าทีม ผมไม่สามารถฟังคุณเรื่องนี้ได้ วันนี้ใครก็ตามไม่สามารถพูดคุยเรื่องความรู้สึกกับผมได้ ”ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และไม่คิดว่าเย่เทียนหยู่จะแข็งแกร
เนื่องจากประธานหลินใส่ใจในตัวเย่เทียนหยู่ หลังจากหลิวเหวินเดินออกมาก็รีบไปรายงานกับหลินหว่านหรูทันทีไม่คิดว่าเมื่อหลินหว่านหรูได้ฟังแล้วจะรู้สึกโกรธมาก ๆ และเป็นเรื่องยากที่จะทำเธอโกรธได้ขนาดนี้เมื่อพูดคุยเจรจากันอย่างชัดเจนว่าทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน จึงขอร้องให้เธอต้องเก็บเย่เทียนหยู่ไว้ทันทีหลิวเหวินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินกลับไป เพีงแต่ในใจเธองงจริง ๆ ว่า เย่เทียนหยู่มีพลังศักดิ์สิทธิ์อะไรทำไมถึงทำให้ประธานหลินสนใจขนาดนี้“ ซินเยว่ คุณมาที่นี่สักครู่ ”หลี่ซินเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย รีบลุกขึ้นและติดตามไปเมื่อเดินไปข้าง ๆ หลิวเหวินก็พูดว่า “ คุณช่วยบอกฉันเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเย่เทียนหยู่และหวังลิ่วตั้งแต่เริ่มต้นให้ฉันฟังที”หากคุณต้องการเปลี่ยนการประกาศเมื่อกี้คุณต้องหาข้อแก้ตัว มิฉะนั้นอำนาจของเธอก็จะไม่มีทันทีที่หลี่ซินเยว่ได้ยินเรื่องนี้ก็รีบแจ้งให้ทราบทันทีฉันไม่ได้กล่าวถึงสิ่งก่อนหน้านี้ เพราะยังไงซะทุกคนก็ไม่ชอบหน้าเย่เทียนหยู่อยู่แล้วในในตอนแรกนี่เป็นเพียงสิ่งที่หวังลิ่วโต้เเย้งขึ้นมาหลายครั้งในวันนี้ เธอบอกหลิวเหวินอย่างชัดเจน รวมทั้งคำพูดท
แน่นอนว่ามันไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หลิวเหวินมองไปที่หวังลิ่วและพูดอย่างเย็นชา “ หวังลิ่ว คุณพูดและทำอะไรลงไปตัวเองเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด ดังนั้นอย่าโทษบริษัท ”“ คุณไปที่ฝ่ายธุรการและเคลียร์บัญชีบริษัทให้ชัดเจน จากนั้นก็สามารถไปได้ ”ใบหน้าของหวังลิ่วซีดเซียว เพราะเขาอายุมากแล้วจึงไม่อยากออกจากบริษัทไปแบบนี้จริง ๆ ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหางานใหม่ที่ดีกว่านี้ด้วยอายุและความสามารถของเขาเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ ประธานหลิว ฉันรู้ว่าฉันผิด ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม? ”หลิวเหวินส่ายหัวแล้วพูดว่า “ คุณและเย่เทียนหยู่บอกครั้งแล้วครั้งเล่าว่าทั้งสองคนสามารถอยู่ต่อได้เพียงคนเดียว คุณคิดว่าฉันควรให้ใครอยู่ต่อดีล่ะ? ”ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ใบหน้าของหวังลิ่วก็ซีดและไม่มีอะไรจะพูด เพราะเขารู้ว่าเย่เทียนหยู่ไม่มีทางจะที่จะปล่อยให้ตัวเองอยู่ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเย่เทียนหยู่ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจะออกไปอย่างไม่มีทางเลือกเมื่อหลิวเหวินจากไป หลี่ซินเยว่และคนอื่น ๆ ก็มีความสุขมาก ประการแรกคือ หวังลิ่วไม่เป็นที่ชื่นชอบจริงๆ ประการที่สองคือ เพราะเย่
ทุกคนงงเล็กน้อย ใครบ้างในทีมขายที่ไม่ลือว่าเย่เทียนหยู่มีแบคอัพที่ใหญ่ แต่พี่เหม่ยเพิกเฉยต่อมันโดยสิ้นเชิง หนำซ้ำยังเยาะเย้ยเขาอย่างเปิดเผยสีหน้าเย่เทียนหยู่ดูสงบและพูดสบาย ๆ ว่า “ ใช่ ฉันเป็นผู้สูงส่งที่คุณพูดถึง ทำไม คุณอยากมาเยี่ยมฉันเหรอ? ”“ ไปเยี่ยมคุณเหรอ? ฮ่าๆ อยากจะหัวเราะให้ตาย เย่เทียนหยู่ คุณคงไม่คิดว่าตัวเองเก่งจริงๆ ใช่ไหม? ” พี่เหม่ยเยาะเย้ยทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เย่เทียนหยู่ก็ขมวดคิ้วและถามว่า “ คุณหมายถึงอะไร? ” “ หมายถึงอะไรคุณรู้อยู่แก่ใจ เชื่อหรือไม่ ตราบใดที่ฉันพูดหนึ่งประโยค คุณจะได้ออกจากบริษัททันที ” พี่เหม่ยพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจและบ้าอำนาจ“ เหมยหรงหรง คุณพอได้แล้ว คุณคิดว่าคุณเป็นใครถึงอยากจะไล่ใครออกก็ไล่ได้? ” หลี่ซินเยว่พูดด้วยความโกรธ“ ฮ่าๆ แน่นอนว่าฉันไม่สามารถไล่ใครก็ได้ตามที่ฉันต้องการ แต่ตราบใดที่เขาเป็นคนของบริษัท ทุกคนก็อยากจะไล่เขาออกไป ”พี่เหม่ยตะโกนเสียงดัง“ คุณพูดเรื่องไร้สาระอะไร! ” หลี่ซินเยว่รู้สึกว่าเหมยหรงหรงบ้าไปแล้วหรือเปล่า แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไร้ยางอายและร้ายกาจ แต่ก็ไม่ได้บ้าขนาดนั้น
เย่เทียนหยู่มองไปรอบ ๆ และแน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นในสายตาคือความไม่เชื่อ แม้แต่หลี่ซินเยว่เองจู่ ๆ ก็ทำหน้าหมดหนทางอย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลี่ซินเยว่จะไม่เชื่อเย่เทียนหยู่ แต่กลับพูดทันทีว่า “ เหมยหรงหรง ถ้าคุณมีหลักฐานก็แสดงหลักฐานออกมา มิฉะนั้นก็อย่าพูดเรื่องไร้สาระที่นี่ ”“ หึ ถ้าไม่เชื่อก็ช่างมันเถอะ ยังไงซะพรุ่งนี้คุณจะได้เห็นผลลัพธ์ เมื่อถึงเวลานั้นคุณจะต้องออกไป! ”แน่นอนว่าเหมยหรงหรงไม่มีหลักฐาน เว้นแต่จะมีหลักฐานการสอดแนมถ้าเป็นเช่นนั้น มันจะไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าพวกเขาแอบฟังประธานหลิว เพียงเพื่อเรื่องเศษขยะอย่างเย่เทียนหยู่ การเปิดเผยเรื่องการสอดเเนมนี้ ถือว่าไม่คุ้มมากๆ“ งั้นก็อย่ามาเห่าไปเรื่อย! ” หลี่ซินเยว่พูดอย่างเย็นชา“ โอเค ฉันจะดูว่าพรุ่งนี้คุณจะร้องไห้อีท่าไหน! ”เหมยหรงหรงทิ้งคำพูดไว้และพาหวังซินออกไปหลังจากที่เขาจากไป หลี่ซินเยว่จ้องมองที่เย่เทียนหยู่อย่างดุดันและถามด้วยความโกรธ “ ที่เธอพูด สรุปแล้วจริงรึเปล่า? ”คนอื่น ๆ ก็จ้องมองเย่เทียนหยู่อย่างใกล้ชิด เห็นได้ชัดว่าต้องการได้ยินคำตอบจากปากของเขาเมื่อเย่เทียนหยู่กำลังจะตอบหลี่ซินเยว่พูดอีกครั้ง “