“ ถ้าประธานหลินมีวิธีจริง ๆ เมื่อทางสะดวกก็คงลงมือไปนานแล้ว ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับพวกคุณ ”หลิวเหวินพูดอย่างช่วยไม่ได้การตัดสินใจเดิมพันครั้งนี้ผิดพลาดมากจริงๆเอ๋ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเย่เทียนหยู่ไอ้สารเลวนั่น แล้วก็ยังไม่สามารถแตะต้องเขาได้!หลี่ซินเยว่เดินกลับไปด้วยใบหน้าที่สับสน และสมาชิกในทีมต่างก็มองเธอทันทีเมื่อพวกเขาเห็นเธอกลับมาแค่ดูรูปลักษณ์ที่ผิดหวังของเธอ ก็รู้ว่ามันหมดหนทางแล้วจากนั้นทุกคนก็มองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความโกรธแต่คราวนี้ทุกคนไม่รู้ว่าพวกเขาได้รับบทเรียนก่อนหน้านี้หรือไม่ พวกเขาไม่ได้พูดจา แต่มองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความไม่พอใจ“ เย่เทียนหยู่ คุณมาที่นี่หน่อย ”หลี่ซินเยว่ตะโกนให้เย่เทียนหยู่มาทางนี้“ เย่เทียนหยู่ คุณกำลังล้อเล่นฉันหรือเปล่า? ” หลี่ซินเยว่ถามอย่างตรงไปตรงมา“ ไม่แน่นอน ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น! ”“ ไม่ได้ล้อเล่น แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าก็แค่ห้าสิบกว่าล้านล่ะ เห็นได้ชัดว่าคุณไม่มีวิธี ถ้าไม่ได้ล้อฉันเล่นแล้วคืออะไร? ”หลี่ซินเยว่พูดด้วยความโกรธ“ ใครบอกว่าผมไม่มีวิธี ไม่ใช่ว่าทำ 150 ล้านก่อนหรอ แล้วหลังจากนั้น...”“ ไม่ต้อ
“ เดี๋ยวก่อน คุณกำลังพูดถึงใคร? ”“ บริษัทเทียนมู่กรุ๊ป ถานล่าง? ”“ นั่นคือราชาธุรกิจที่ร้อนแรงในปัจจุบัน คุณคิดว่าฉันเป็นคนพิการทางสมองเหรอ ถึงหลอกลวงฉันแบบนี้? ”ความโกรธของหลี่ซินเยว่ลุกเป็นไฟขึ้นถ้าคุณต้องการหลอกคน ก็เเต่งเรื่องให้น่าเชื่อถือหน่อยได้ไหม? ไม่ใช่ก็อย่าหลอกตัวเองเลย“ ทำไมผมต้องหลอกคุณ เรื่องอื่นอาจจะผิดพลาดได้ แต่อาคารใหญ่ของบริษัทเทียนมู่กรุ๊ปไม่น่าโกหกได้นะ คุณไปที่ตึกใหญ่นั่นและพบประธานถานของพวกเขาก็พอแล้ว ”เย่เทียนหยู่พูดอย่างหมดหนทาง“ แต่......”“ ไม่ต้องมาแต่... โอกาสได้มอบให้คุณแล้ว ถ้าคุณยังไม่เชื่อ ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ”ทันทีที่หลี่ซินเยว่ได้ยินว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปเเล้ว จึงพูดอย่างหมดความหวัง “ โอเค ฉันจะไป แต่ฉันควรถือสัญญาอะไรไป? ”“ คุณอยากถืออะไรไปก็ถือไป! ”"ฉันหมายถึงขายอะไร ราคายังไง ฉันไม่เคยการเจรจาธุรกิจใด ๆ มาก่อน?"“ ไม่ต้องเจรจา คุณสามารถขายอะไรก็ได้ เห็นตามสมควรก็พอ! ”“ พูดง่าย ๆ ก็คือ ตราบใดที่เป็นความต้องการของบริษัทเทียนมู่กรุ๊ป ก็สามารถขายให้พวกเขาได้ทั้งนั้น ส่วนราคาคุณสามารถตั้งได้ด้วยตัวเองเลย ” เย่เทียนหยู่กล่าว“ อะ
“ ฉันเอง! ”หลี่ซินเยว่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว เธอยื่นนามบัตรที่เขียนว่าผู้จัดการของเธอออกไป“ ใช่แล้วค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ ประธานถานจะรอคุณอยู่ข้างบน ” พูดด้วยใบหน้าที่งามและดูสุภาพ“ ประธานถานกำลังรอฉันอยู่เหรอ? ”หลี่ซินเยว่รู้สึกปลื้มใจเล็กน้อยทันที แม้ว่าประธานถานจะปรากฏตัวไม่นาน แต่ตอนนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับผู้นําเมืองที่จะอยากเจอเธอผู้หญิงสวยพยักหน้าหัวใจหลี่ซินเยว่เต้นเร็วขึ้นและรู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัดนี่ไม่ใช่การจัดการของเย่เทียนหยู่ใช่ไหม แต่จะเป็นไปได้ยังไง ถ้าเย่เทียนหยู่เก่งกาจขนาดนี้ จะมาทำงานที่บริษัทเป็นเซลล์ทำไมไม่ต้องพูดถึงเย่เทียนหยู่ แม้แต่ประธานหลินก็ไม่สามารถทำได้หรือว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดหรือเปล่า?นี่เป็นไปได้มากที่สุด ทำได้แค่นึกถึงความผิดพลาด ไปทีละขั้นตอนเถอะในใจของสาวสวยก็แอบสงสัยเล็กน้อย ก็แค่ผู้จัดการตัวเล็ก ๆ ของบริษัทหลินซื่อกรุ๊ป ทำไมถึงรบกวนประธานถานให้รอนานขนาดนี้ ยังให้ตนออกมาพบพวกเขาเพียงเพื่อรักษาหน้าอีก ไม่ต้องพูดถึงการต้อนรับ“ พวกคุณรู้จักประธานถานเหรอ? ”สาวสวยอดไม่ได้ที่จะถามอย่างอยากรู้อยากเห็น“ ไม่ ฉันไม่ค
“อะไรนะ?”ทันใดที่คำพูดนั้นเปล่งออกมา หลี่ซินเยว่สองคนต่างพากันตกตะลึงอย่างสุดขีดประธานถานทำเพื่อต้อนรับพวกเราสองคนจริงๆแทบเหลือเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง มันน่าเหลือเชื่อจริงๆถานล่างเมื่อเห็นทั้งสองคนตกใจ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นดูสีหน้าตกตะลึงของทั้งสองคน ดูเหมือนว่าเจ้าชายจะถ่อมตัวเกินไปเลยไม่ได้แสดงถึงพลังอำนาจของตนเอง และไม่ได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเขาเองจากนั้นพักหนึ่ง หลี่ซินเยว่ก็ได้สติเลยรีบถามขึ้น “ประธานถาม ฉันอยากจะถามคุณว่ารู้จักเย่เทียนหยู่ไหม?”“รู้จักสิ เขาคือคนให้ฉันมาต้อนรับพวกคุณ”ถานล่างยืนยันไม่ตอบ ยังไม่เสียคุณชายก็ไม่ได้บอกว่าห้ามพูดอีกทั้งยังช่วยเขาให้ได้ความดีความงามจากหญิงสาว ไม่แน่ว่าคุณชายอาจจะชื่นชมตัวเองด้วยซ้ำรู้จักกันจริงๆด้วย!และเย่เทียนหยู่ที่ขอให้เขามาต้องรับทั้งสองคนจริงๆพวกเขาทั้งสองตกตะลึงอีกครั้ง แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นกันตอนนี้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถานล่างถึงดูสุภาพขนาดนี้เลขาก็ตกตะลึงเช่นกัน ผู้มีอำนาจจริงๆ ไม่ใช่ทั้งสองคนนี้ แต่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาชื่อเย่เทียนหยู่หลี่ซินเยว
เย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งเขาแอบส่ายหัว ถานล่างทำแบบนี้ชื่อคงถูกเอาไปพูดข้างนอกได้เขาเบื่อพวกคำเยินยอที่น่าเกลียดของคนบางคนจริงๆ เลยพูดว่า “เรื่องนี้คุณไม่ต้องสนใจและเรื่องวันนี้ก็ไม่ต้องบอกใครด้วย”หลี่ซินเยว่ตกตะลึงพักหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่พูดจะให้เครดิตคุณยังไง?”“ฉันไม่ต้องให้เครดิตฉันแบบนี้”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวพูดอย่างเฉยชา“อ่อ โอเค”หลี่ซินเยว่วางสายไปก็นึกถึงเรื่องเย่เทียนหยู่เอาสำเร็จเรื่องการชำระหนี้ 30 ล้านเครดิตเรื่องสัญญา 50 ล้านในวันนี้เขายังไม่เอา แล้วเขาจะอ้างเครดิตหลอกๆได้อย่างไร?อีกอย่างเพราะเขาสามารถสั่งประธานถานตามใจชอบ แค่เรื่องเก็บเงินไม่ได้อะไร ทำไมเขาจะแสร้งทำเป็นเครดิตของเขาพูดได้ว่า เรื่องขอคืนเงินเขาทำได้แน่นอน แต่ทำไมประธานหลินบอกอยู่ตลอดว่าเธอทำได้หล่ะช่างมันเถอะ เรื่องระดับสูงตัวเองไม่เข้าใจมันเนื่องจากเย่เทียนหยู่ไม่ได้พูดมากกว่านี้ ตัวเองก็เลยไม่ได้พูดเดี๋ยวนะยังมีเรื่องนึงที่ต้องทำ สัญญานี้ต้องให้ตัวเองประทับตรากับเซ็นสัญญาเลย หลี่ซินเยว่เลยรีบให้หลิวเหวินแจ้งให้รู้ถึงข่าวดีหลิวเหวินได้ยินก็ดีใจมาก เธออยู่กับหลินหว่านหรูพอดีเลยพู
“เย่เทียนหยู่ ฉันจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้ายตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลินหว่านหรูถามด้วยความโกรธเย่เทียนหยู่สีหน้าเบื่อหน่าย พูดความจริงกับคุณก็ไม่เชื่อเขาเลยพูดอย่างเบื่อหน่ายว่า “ นี่ เขาอยากจะตอบแทนฉัน”พอได้ยินคำนี้ หลินหว่านก็เชื่อแปดสิบเปอร์เซ็น จริงๆแล้วคือการตอบแทนเลยรีบถามว่า “คุณช่วยเขาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ตอนที่ครอบครัวซาตกเป็นเป้า ฉันก็มีความขัดแย้งกับตระกูลซา เขาเลยคิดว่ามีประโยชน์ต่อเขาก็แค่เพื่อขอบคุณฉัน เขาเลยใช้โอกาสี้ช่วยฉัน” เย่เทียนหยู่พูดซี้ซั้ว“แล้วคุณก็เลยใช้โอกาสนี้กับเรื่องนี้งั้นหรอ” หลินหว่านหรู ฟังดูหงุดหงิดเล็กน้อยช่างสิ้นเปลืองโอกาสเหลือเกินทุกวันนี้ถานล่างหยิ่งยะโสโอหังและบุคคลนี้ลึกลับมาก คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ แล้วก็ยังไม่มีทางผูกมิตรได้จริงๆแล้วนับเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่เย่เทียนหยู่พูดอย่างไม่เห็นด้วย “ ใช่สิ พอดีว่ามันจำเป็นจะทิ้งไว้มันก็เสียดายนะสิ?” หลินหว่านหรูยิ้มอย่างขมขื่น เพียงเท่านั้น ยังไงเสียเขาเป็นเพียงผู้ชายจากภูเขาที่ลงมาจากป่าภูเขา ก็คงมีสภาพแบบนี้แหละ“ใช้ไปแล้วก็ใช้เถอะ ครั้งนี้ก็ขอบคุณนะ”“จะขอบคุณฉันทำไม ฉันแค่ทำเพื่องานของ
อะไรนะ?เย่เทียนหยู่?เขาได้รับสัญญาครั้งใหญ่จริงๆหนอ?ไม่ใช่พูดว่าแต่ก่อนการชำระคืน 30 ล้านครั้งก่อนหน้า ไปอ้างเครดิตไม่ถูกต้องใช่ไหมทุกคนต่างความสงสัยในสายตาของพวกเขา ไม่ค่อยจะเชื่อในความสามารถของเย่เทียนหยู่“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้เป็นฉันจัดการเอง อีกฝ่ายก็ยอมรับว่าเป็นเย่เทียนหยู่เจรจาได้ อีกอย่างนี่มันเป็นสัญญาที่ใหญ่มาก”หลี่ซินเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม“งั้น แล้วเท่าไหร่ล่ะ?” มีคนถามด้วยความตื่นเต้นหลี่ซินเยว่เหยียดนิ้วห้านิ้วออก“ห้าล้านหรอ?”“ไม่ถูกสิ ห้าล้านไม่พอ หรือว่าห้า ห้าสิบล้าน?”“แต่ว่า เป็นไปได้ยังไง!”“มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ก็คือ 50 ล้าน!”แม้ว่าหลี่ซินเยว่จะผ่านมาคืนนึง ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นานแค่ไหนแล้วที่แผนกขายของพวกเขามียอดจำนวนมากขนาดนี้ในครั้งเดียว50 สิบล้านจริงๆ!โอ้มายก๊อด!ทุกคนต่างตื่นเต้นและตกใจมากอีกด้วย!เย่เทียนหยู่ได้ยินสิ่งก็เลยส่ายหัวแล้วพูดว่า “ หัวหน้าทีม คุณกำลังประกาศตอนนี้ ไม่กลัวว่ากลุ่มหนึ่งจะได้รับข่าว ใช้วิธีการอื่นหรอ?”“คงไม่หรอก ตอนนี้เวลาก็ใกล้จะถึงแล้ว ถ้าพวกเขาต้องการเล่นแง่ก็คงจะทำไม่ได้หรอก” หลี่ซินเยว่
หลี่ซินเยว่อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เทียนหยู่ที่นั่งอยู่ข้างล่าง แค่เห็นเขานั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบเหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับเขาซึ่งไม่ได้กังวลเลยแต่ครั้งนี้เป็นผู้เข้าร่วมเดิมพันจริงๆเป็นเพราะเหตุนี้ เหม่ยหรงหรงเลยขอให้เย่เทียนหยู่มาแสดงตัวที่นี่แต่เวลานี้ เหม่ยหรงหรงก็พูดขึ้น“ ประธานหลิน ประธานหลิว คณะกรรมการระดับสูงของบริษัททุกท่าน รบกวนสักครู่ฉันรู้สึกว่าคิดว่าข้อมูลตัวเลขนี้มีบางอย่างผิดปกติ”ทุกคนต่างพากันตกใจเล็กน้อย สีหน้าของหลินหว่านหรูก็เข้มขึ้น เห็นได้ชัดว่าเธอสังเกตเห็นว่าบางอย่างผิดปกติ แต่เธอก็ได้สติแล้วพูดอย่างใจเย็น “ มีปัญหาอะไร?”“ ข้อมูลตัวเลขการขายของเราไม่ถูกต้อง ยอดจำนวน 30 ล้านรายการนี้ไม่ได้รวมอยู่ ”เหม่ยหรงหรงพูดไปด้วยแล้วหยิบสัญญาใหม่ออกมาแล้วส่งให้ก้นบึ้งของหัวใจหลี่ซินเยว่ก็จมลงเล็กน้อยตอนที่เธอนึกถึงคำพูดของเย่เทียนหยู่ถ้าเกิดรีบทำอีกฝ่ายอาจคงจะเตรียมการสำรองไว้ สุดท้ายใต้แรงกดดันของเขาเอง เย่เทียนหยู่ก็ยอมให้ไปที่บริษัทเทียนมู่กรุ๊ปเธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เทียนหยูอีกครั้ง เห็นได้ว่าสีหน้าของเขาสงบไม่มีอะไรผิดปกติไปแต่ในใจคงจ
แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็สามารถทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ได้ ประมุกสำนักดอกไม้อย่างเยว่เหลียนหานและศิษย์ในสำนักนอกจากรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังรู้สึกอับอายในใจอีกด้วยตอนแรกพวกเธอต่างพากันดูถูกอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา กระทั่งยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนจะลงไปต่อสู้กับเจวี๋ยเทียน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี โชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้เป็นแน่ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทีสง่างามและดูมั่นใจของเย่เทียนหยู่แล้ว ดวงตาของสองพี่น้องเยว่เหลียนหานและเยว่เหลียนเวยต่างก็แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งออกมาคนที่มีความสง่างามและทรงพลังเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกชอบได้จริง ๆเพียงแต่น่าเสียดาย ที่หน้าตาอาจจะบกพร่องไปนิดหน่อยเพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงทำให้ผู้หญิงนับหมื่นหลงใหลได้แน่ ต่อให้เป็นพวกเธอสองพี่น้องก็อาจจะตกหลุมรักได้เช่นกันหลินเจวี๋ยตาเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตำหนักถึงไม่ต้องการให้เขาช่วย
“งั้นก็เข้ามาเลย!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนดูเย็นชา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตนยังมีเวทอาคมที่เตรียมเอาไว้อยู่ในมือ ใครหน้าไหนจะสู้กับตนได้กัน?เสียงพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับภูตผี ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลานประลองทันทีเย่เทียนหยู่เองก็เช่นกัน เขาเคลื่อนไหวแทบจะในทันที ก่อนจะมายืนอยู่ตรงข้ามกับเจวี๋ยเทียนเพียงแต่ว่า พลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นไม่ได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันโดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าพลังของเขานั้นจะถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับน้ำในบ่อที่นิ่งสงบ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อยแต่ยิ่งมันเป็นแบบนี้ เจวี๋ยเทียนก็ยิ่งไม่กล้าที่จะประมาท เขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ ผมจะลงมือแล้วนะ รับเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”“เริ่มเลยเถอะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น ท่าทีดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูถูกตนแบบนี้ นั่นจึงทำให้เจวี๋ยเทียนรู้สึกโ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย