หวงหงเจี้ยนได้แต่ยิ้มแห้ง เขาอยากจะบอกจริง ๆ ว่าเขาเดาออกแล้วแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปไม่ไหวแล้วจึงได้แต่บอกความจริงไป นอกจากฐานะของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังบอกอีกด้วยว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องนี้ผู้นำไม่ได้ทำให้เรื่องนี้ยุ่งยากมากขึ้น เขาขอแค่ให้ตัวเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลนี้ เพราะบุคคลนี้มีพลังอำนาจอย่างยิ่งและเป็นผู้ครองเมืองจิงตูตัวจริงหลังจากวางสายโทรศัพท์หวงหงเจี้ยนก็ตกใจมาก ที่มาที่ไปอันน่ากลัวของแพทย์เซียนเย่คืออะไรกันแน่?ลูกชายของเขาหวงโหย่วเหวยบังเอิญเข้ามาหาเขาพอดี เมื่อเห็นท่าทางตกใจของพ่อ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามเมื่อได้ยินแบบนั้น หวงโหย่วเหวยก็ตกตะลึงอย่างมาก สถานะของเย่เทียนหยู่ในใจของเขายกสูงขึ้นไปอีกระดับหลังจากกลับมา ก็เขาโทรหาซูเหวินฮวาแล้วพูดว่า “พี่ซู ถ้าพี่พึ่งพาแพทย์เซียนเย่ได้จริง ๆ ก็อาจเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนโชคชะตาของพี่ล่ะ”“ทำไม? เกิดอะไรขึ้น?” ซูเหวินฮวาถามอย่างเร่งรีบหวงโหย่วเหวยเล่าสิ่งที่พ่อของเขาพูดซูเหวินฮวาตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น เขารู้ว่าเย่เทียนหยู่ฆ่าปรมาจารย์จากที่หวงโหย่วเหวยเล่า และแน่นอนว่าเขาเดาได้ว่าถานล่างเกี่ยวข้องกับ
“ต่อให้ตอนนี้ฉีเฟยกรุ๊ปอยู่ในมือพ่อ มันก็คงมีแต่ล้มละลายเหมือนเดิม”“ผมรู้นะว่าทั้งหมดนี่มันเป็นความผิดผม ถ้าไม่ใช่เพราะผมเราคงไม่มีวันเป็นล่วงเกินคนที่มีอำนาจอย่างเย่เทียนหยู่”แน่นอนว่าในตอนนี้หลิวเจี๋ยเข้าใจดีอำนาจของเย่เทียนหยู่นั้นเกินความสามารถที่เขาจะแข่งขันด้วย การเหยียบย่ำเขาจนตายนั้นง่ายพอ ๆ กับการเหยียบย่ำมดตัวเล็กตัวหนึ่งเท่านั้นเช่นเดียวกัน ทุกคนในตระกูลหลินก็ได้รับข่าวในไม่ช้า และพวกเขาทั้งหมดก็เริ่มเกิดอาการโศกเศร้าพวกเขาทุกคนทั้งเสียใจและรู้สึกอยากจะตายโดยเฉพาะคุณปู่หลิน ใบหน้าของเขาย่ำแย่มากเป็นพิเศษ ต้องรู้ว่าหลานสาวขอให้เก็บหุ้นเอาไว้ในนั้นต่อไป แต่ภายใต้แรงกดดันจากตัวเขาเอง ตัวเขาที่บังคับให้เธอไปเอาเงินคืนมาแบบนี้ไม่ถือว่าขาดทุนมากเท่าไร อีกทั้งยังได้กำไรมาเล็กน้อย แต่เงินทั้งหมดที่ทำได้ก็ล้วนเป็นเงินของตระกูลหลินเห็นได้ชัดว่าหากเขารออีกสักหน่อย ทรัพย์สินของตระกูลหลินจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็ถูกทำลายโดยตัวเขาเองในทางกลับกัน หลินหว่านหรู เปลี่ยนจากความหดหู่ใจในตอนแรกเป็นการค่อย ๆ มองทุกอย่างให้แตกฉานบางทีเงินจำนวนนี้ไม่ควรเป
เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ฟังเขาก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่ออีกไม่นานเราจะหย่ากันแล้วก็ช่างมันเถอะครับ ถึงเวลานั้นอย่าให้คนอื่นรู้แล้วมีแต่จะเกิดปัญหา”“แต่วัน ๆ นายจะไม่ทำอะไรเลยไม่ได้นะ”“ผมมีงานทำครับ”“นายมีงานทำ ทำอะไร ลองบอกให้ฉันฟังหน่อยซิ” หลินหว่านหรูพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“เอ่อ บอกไม่ค่อยได้น่ะ”“ฉันว่านายไม่ค่อยสะดวกพูดมากกว่า นายน่ะไปเที่ยวกับแม่สาวน้อยนั่นหลายที่เลยใช่ไหมล่ะ” หลินหว่านหรูพูดอย่างประชดประชัน พอคิดถึงเรื่องนี้เธอก็ยิ่งหงุดหงิด“ไม่ใช่นะ!”“ผมรับรองได้ว่าผมไม่มีผู้หญิงคนไหนนอกจากคุณเลยจริง ๆ” เย่เทียนหยู่พูดรับประกัน“ชิ ใครเป็นผู้หญิงของนายกันยะ!”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แต่ในใจของเธอมีความสุขอย่างอธิบายไม่ได้ และเธอพูดว่า “ในเมื่อคุณไม่อยาก งั้นก็ช่างมันเถอะ จะได้ช่วยฉันประหยัดเวลาไม่ต้องหาตำแหน่งให้นายด้วย”“ใช่ มีคุณคอยหนุนหลัง ผมก็ไม่ขาดแคลนเงินแล้วล่ะ”“นี่นาย ฉันล่ะขอชื่นชมนายจริงๆ! ถ้านายยังเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อไปเราหย่ากันแล้วนายจะทำยังไงล่ะ” หลินว่านหรูกล่าว“พอถึงเวลาจอดที่ท่า เรือมันก็จอดตรงของมันเอง บางทีอาจมีคนอื่นมาดูแลผมก
“อือ!”“หว่านหรู เหมือนเมื่อกี้ฉันจะได้เจอคนรู้จักนะ” ซูถิงพูดด้วยน้ำเสียงลังเล“คนรู้จัก ใครเหรอ? คงไม่ใช่เย่เทียนหยู่หรอกใช่ไหม” หลินหว่านหรูถาม “ไม่ใช่สิ ถ้าเป็นเย่เทียนหยู่ไม่ต้องพูดก็ได้”“งั้นใครล่ะ?”“เรื่องนั้น ฉัน ฉันไม่รู้ควรพูดไหม” ซูถิงทำท่าเหมือนลังเลมาก“ระหว่างเรามีอะไรมที่พูดไม่ได้ด้วยเหรอ”“ก็ได้ ฉันรู้สึกว่ามีบางเรื่องที่เธอควรรู้ คนที่ฉันเจอไม่ใช่ใครแต่เป็น จางลี่ คนที่เมื่อก่อนติดเงินเธอ แล้วก็คิดร้ายกับเธอคนนั้นน่ะ”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “พบเขาแล้วมีอะไรแปลก ความแค้นระหว่างฉันกับเขาจบลงแล้ว”“แต่ปัญหาคือเขา เขากับ กับ…”“เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? นี่เป็นคนพูดจายืดเยื้อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”“เขากับเทียนหยู่อยู่ด้วยกัน และพวกเขาดูสนิทสนมกันมาก”“มีอะไรผิดปกติเหรอ?”“แน่สิ!”“หว่านหรู เธอลืมไปแล้ว เหตุผลที่เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ก็เพราะยากระตุ้นอารมณ์นั่น พอจางลี่วางยาเธอ เย่เทียนหยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นและพรากความบริสุทธิ์ของเธอไป” “ต่อมาจางลี่ก็ก่อกวนเธอ แล้วเย่เทียนหยู่ก็มาอยู่เคียงข้างเพื่อปกป้องเธอได้แบบพอดิบพอดี”“สิ่งที่น่าอัศจร
“ไม่มีอะไรนี่ ในมือนายถืออะไรมาน่ะ?” ซูถิงตั้งใจเปลี่ยนหัวข้อ“เพื่อนให้เหล้าผมมาน่ะ ลองดมดูแล้วก็หอมดี”เย่เทียนหยู่ยิ้มและถามหลินหว่านหรู “หรือไม่ ลองดื่มด้วยกันไหมครับ?”เขารู้สึกงุนงงมากว่าเรื่องอะไรทำให้หลินหว่านหรูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวได้แบบนี้ในที่สุด หลินหว่านหรูก็ได้สติกลับคืนมา เธอเพิ่งเริ่มรู้สึกดีกับเย่เทียนหยู่ และเธอไม่อยากให้เรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องจริง หัวใจของเธอรู้สึกอึดอัดมากเมื่อเห็นเย่เทียนหยู่แสดงสีหน้าไร้อารมณ์แบบั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป “เย่เทียนหยู่ ฉันขอถามคำถามคุณหนึ่งข้อ และคุณก็ตอบฉันตามจริงด้วย”สีหน้าของซูหว่านถิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำไมหลินหว่านหรูถึงไม่ฟังที่เธอพูดบ้างเลย ตอนนี้ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันอยู่ก็สามารถพูดเรื่องนี้ออกมาได้ง่าย ๆ เท่านี้ก็ไม่เข้าใจผิดกันแล้วเย่เทียนหยู่มองพิจารณาซูถิงเล็กน้อย เป็นเพราะซูถิงพูดอะไรหรือเปล่านะ“นายไม่ต้องมองซูถิงหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับซูถิง”“หว่านหรู เธออย่าเพิ่งร้อนใจไปนะ เรื่องนี้ยังไม่ได้กำหนดชัดเจน รอให้เราเข้าใจสถานการณ์โดยละเอียดก่อนเธอค่อยถามก็ได้” ซูถิงอดห้ามเธอไม่ได้แต่หลินหว่านห
“ใช่แล้วล่ะ แล้วพวกเขาก็รู้จักกันมาหลายปีแล้วด้วย”“หว่านหรูเพิ่งอายุเท่าไร ถึงได้บอกว่ารู้จักมาหลายปี?”“ตั้งแต่เด็ก”“เพื่อสมัยเด็กเหรอ?”“ก็ไม่เชิงว่าอย่างนั้นหรอก ที่จริงช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมันก็ไม่ได้นานมาก แต่เด็กผู้ชายนั่นฝังอยู่ในใจของหว่านหรูมานานมากแล้วล่ะ”“บางครั้งหว่านหรูก็จะคิดถึงเขาขึ้นมา ถึงกับเคยพูดกับฉันตั้งหลายครั้งว่า วันหนึ่งผู้ชายคนนั้นจะกลับมาสู่ขอเธอ”“ส่วนเธอน่ะก็รอเด็กผู้ชายคนนั้นมาโดนตลอด!”คำพูดของซูถิงนั้นจริงครึ่งหนึ่งและเท็จครึ่งหนึ่ง อย่างน้อยที่บอกว่าจะแต่งงานและเธอรอคอยเขาอยู่ก็เป็นเรื่องจริง“แล้วเด็กคนนั้นชื่ออะไรล่ะ?” เย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะถาม เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ของเขากับหลินหว่านหรู“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตัวหว่านหรูเองยังไม่รู้เลยค่ะ รู้แค่เรียกเขาว่ายาจกน้อย”ดวงตาของเย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะสว่างขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำว่า “ยาจกน้อย” จากนั้นเขาก็ถามว่า “คุณแน่ใจเหรอ ยาจกน้อย?”ซูถิงคิดนึกว่าเย่เทียนหยู่ไม่เชื่อเธอ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่จะชอบยาจกน้อย เธอพูดว่า “เป็นเรื่องจริงนะ ในตอนนั้น ขอทานตัวน้อยไม่รู้จักชื่อหว่านหร
เย่เทียนหยู่ไม่เคยรู้ความคิดของซูถิงเลย และไม่รู้ด้วยว่าหลินหว่านหรูไปหารัฐมนตรีไช่ด้วยตัวเอง และได้ค้นพบเรื่องราวลึกลับมากมายบนตัวเขาได้รู้ว่าความจริงเขามีอำนาจและความสามารถมหาศาลหัวใจของขาก็รู้สึกอิ่มเอมเป็นอย่างมากคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะรักฝังใจนานขนาดนี้ ยังจำตอนที่ตัวเขาเป็นยาจกตอนนั้นได้อยู่เลย แล้วยังเก็บเขาไว้ในเสมอมาด้วยเห็นได้ชัดว่าซูถิงจงไม่คิดว่าคำพูดของเธอไม่เพียงแต่ไม่อาจทำลายภาพลักษณ์ของเย่เทียนหยู่ในใจของหลินหว่านหรูได้ แต่กลับทำให้หลินหว่านหรูยิ่งชอบเขาขึ้นไปอีกถึงขั้นไม่สนใจความไม่ไว้วางใจของหลินหว่านหรูอีกต่อไปหลังจากออกจากที่นี่แล้ว เย่เทียนหยู่ไม่ได้กลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งหรือที่เฉินเข่อซินอาศัยอยู่ แต่ไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัยเทียนมู่ในตอนนี้อิทธิพลของตระกูลซาได้ถูกกำจัดไปอย่างสิ้นเชิง และอำนาจในมือของถานล่างได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นของเทียนมู่กรุ๊ปทั้งหมด รวมถึงฉีเฟยกรุ๊ปด้วยสำหรับเงินสองหนึ่งหมื่นล้านที่ได้รับคืนนั้น ทั้งหมดกลับเข้าฉีเฟยกรุ๊ปโดยไม่ได้มีข่าวออกมา และตกไปอยู่ในมือของถานล่างทั้งหมดเทียนมู่กรุ๊ปในปัจจุบันได้กลายเป็นบริ
“ขอแค่ยกระดับตัวเองได้ก็พอแล้วค่ะ” แววตาของหยางหยิ๋งมุ่งมั่นมาก“คุณมีความคิดที่ดี พยายามเข้า”เย่เทียนยู่ไม่ได้พูดอะไรมาก หันกลับมาแล้วพูดว่า: “ผั่วจวิน ไปกันเถอะ ผมจะช่วยคุณฝึกฝนชิงหลงเจวี่ยสามระดับกลาง”“ได้ครับ ขอบคุณคุณชายมาก!”หยางผั่วจวินพูดอย่างตื่นเต้นทั้งสองเข้าไปในสถานที่เฉพาะอย่างรวดเร็ว หลังจากอธิบายสั้น ๆ เขาก็ให้หยางปั่วจวินนั่งขัดสมาธิทันทีและเริ่มช่วยฝึกจิตในระดับที่สี่ถึงหกด้วยพรจากพลังอันทรงพลังและมหาศาลของเย่เทียนหยู่ ในที่สุดหยางผั่วจวินก็เชี่ยวชาญเทคนิคทางจิตทั้งสามระดับกลางได้ แม้ว่าตัวเขาจะเต็มไปด้วยเจ็บปวดก็ตามแต่เห็นได้ชัดว่าครั้งเดียวนั้นไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปมามากกว่าสิบครั้งติดต่อกันโดยมีความช่วยเหลือของเย่เทียนหยู่ ทำให้เขาสามารถรวบรวมและคุ้นเคยกับเส้นทางการฝึกฝนได้อย่างสมบูรณ์จากนั้น เย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ เก็บกวาดภารกิจ พร้อมมีเหงื่อออกเล็กน้อยบนหน้าผาก แสดงให้เห็นว่าเขาใช้ความพยายามไปไม่น้อยการการฝึกฝนครั้งนี้ใช้เวลาเกือบทั้งบ่ายเย่เทียนหยู่ใช้r]y’อย่างมากในการฝึกฝนหยางผั่วจวิน เขาหวังที่จะสร้างสุดยอดปรมาจารย์ที่น่ากลัวอย่างยิ่งแล
ตอนนี้กลับมาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าตัวเองแบบนี้งั้นเหรอ?แม้แต่แม่ตระกูลซุนเองก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ พวกเขารู้ดีว่าซุนต้าอวี่นั้นให้ความสำคัญกับหน้าตามาก ในช่วงเวลานี้เขากลับกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้และเธอเองก็ยังสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่อยู่ในใจของสามีตนอีกด้วยซุนต้าอวี่ไม่เพียงแค่คุกเข่าลงเท่านั้น แต่ภายใต้สายตาที่ดูตกตะลึงของทุกคน เขาก็พูดด้วยความโกรธไปว่า “พวกเธอสองคนมัวยืนทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบมาคุกเข่าลงอีก”“เพราะพวกเธอนั่นแหละที่มาทำตัวไม่เหมาะสมที่นี่ในวันนี้ ถึงได้เผลอไปล่วงเกินท่านราชามังกรเข้า ยังไม่รีบมารับผิดกับท่านราชามังกรอีก”ในใจเขาแอบด่าไม่หยุด เฉินอู่คนนั้นเป็นผู้มีทำนาจมากในแดนตะวันออกนี้ บุคคลสำคัญหลายคนต่างก็ต้องการเอาใจเขา เมื่อพบท่านราชามังกร ตัวเขาเองยังคุกเข่าลงเลยแล้วเหตุใดพวกเธอถึงจะไม่คุกเข่าลงล่ะ?และก็เป็นเพราะเหตุนี้เอง การที่เขาคุกเข่าลงนั้น มันก็สมควรแล้วสีหน้าของแม่ตระกูลซุนดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ถือว่าเธอได้เข้าใจถึงสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว ว่ายังไงก็ต้องขอความเมตตาจากท่านราชามังกรแต่ว่า เธอไม่อยากที่จะทำเรื่องขายหน้าแบบนี้เลย
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของคู่สามีภรรยาตระกูลสวี่แล้ว พวกซุนต้าอวี่ทั้งสามคนกลับมีความตื่นเต้นในอีกแบบหนึ่งปกติซุนซวี่ได้ยินเรื่องราวความลึกลับและความแข็งแกร่งของราชามังกรมาก็มากมาย และหวังจะได้พบมาโดยตลอด กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ตนจะกล้าหาญทำตัวอวดดีต่อหน้าคนคนนั้นได้นี่เท่าเขากำลังเต้นรำอยู่บนคมดาบไม่ใช่รึไง หากยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว เมื่อสังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา ใบหน้าก็ซีดลงทันที เขาแทบจะฉี่ราดตรงนั้นเลยด้วยซ้ำสีหน้าของคุณแม่ตระกูลซุนเองก็ดูไม่ดีเช่นกัน ไม่มีความบ้าคลั่งหรือหยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป ใบหน้าที่เหมือนแม่มดก็หายไปด้วยเช่นกัน เธอได้แต่ก้มหน้าเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรซุนต้าอวี่รู้สึกเสียใจจนแทบกระอักเลือด พอเขานึกถึงการแสดงออกของของอาจารย์จูเมื่อสักครู่นี้ เดิมทีก็รู้สึกว่ามันผิดปกติอยู่แล้ว แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยสักนิดเมื่อกี้เขาถูกความโกรธครอบงำ และความแข็งแกร่งของตระกูลซุนก็ทำให้เขาเลอะเลือน เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยไอคิวของเขาแล้ว เขาจะต้องสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้อย่างแน่นอนแต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เสียใจไปก็ไม่ได้อะไ
แม้แต่ซุนต้าอวี่เองก็ยังรู้สึกงงงวยอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลชุดนี้ดูเหมือนว่าจะใหญ่เกินไปหน่อย เขารู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้าสักเท่าไหร่ เขาไปดูถูกท่านราชามังกรตั้งแต่เมื่อไหร่กันแล้วอีกอย่าง ใครคือท่านราชามังกร ราชามังกรแห่งพรรคมังกรน่ะเหรอ นั่นเป็นถึงชายผู้แข็งแกร่งที่อยู่บนจุดสูงสุดเชียวนะ ตัวเขาจะกล้าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าท่านได้ยังไงช้าก่อน!จู่ ๆ ก็เหมือนว่าซุนต้าอวี่จะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง หรือว่า เจ้าเด็กนั่นคือราชามังกรงั้นเหรอ?เป็นไปไม่ได้!ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!ไม่ใช่แค่เขา คนอื่น ๆ เองก็หันมามองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็คาดเดาไปในทิศทางเดียวกันสวี่อี้เองก็คิดแบบนั้นด้วยเช่นกัน แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกสั่นสะท้านด้วยความไม่เชื่อ นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงความสับสนยังคงแขวนอยู่บนใบหน้าสวี่กวง หมายความว่ายังไง ขณะที่เขากำลังจะถามทันทีที่เฉินอู่ตำหนิซุนต้าอวี่เสร็จ เขาก็รีบหันไปหาเย่เทียนหยู่ ก่อนที่จะทรุดเข่าลงหนึ่งข้าง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพ และกล่าวขึ้นว่า “หนึ่งในสี่ผู้ส่งสารของพรรคมังกร ผู้ส่งสารอัสนี เฉิ
เมื่อคำพูดอันทรงพลังของเฉินอู่ดังขึ้น ทุกคนต่างก็หยุดชะงักกันไปตาม ๆ กัน ก่อนที่จะหันมองไปที่ประตูอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ทันทีที่หันไปมอง ก็เห็นเพียงชายที่ทรงพลังคนหนึ่งกำลังเดินผ่านประตูเข้ามาจากท่าทางรูปร่างของเขา รวมถึงออร่าที่ทรงพลังและน่าเกรงขามที่อยู่รอบตัว เหมือนว่าคนที่มาจะไม่ใช่คนธรรมดาซุนต้าอวี่ที่ได้ยินเสียงนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นเจ้าสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ตัวจริง ต้องเข้าใจก่อนว่า เฉินอู่คนนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเจ้าสำนักธรรมดาเท่านั้นลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงหลายคนของเขา ต่างก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่า ยังมีผู้มีอำนาจอีกมากมายแค่ไหน ที่ต้องการจะส่งลูกหลานของตัวเองให้มาคำนับเป็นศิษย์ของเขายกตัวอย่าง เช่นสวี่กวง เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ที่เก่งกว่าแล้ว เขายังมีข้อบกพร่องอยู่มากแต่ถึงอย่างนั้น เฉินอู่คนนี้วางท่าหยิ่งยโสเกินไปรึเปล่า แค่เพราะสถานะที่เหนือกว่าของเขา ตระกูลซุนก็จะต้องกลัวเขาด้วยรึไงก่อนหน้ายังมีความเกรงใจอยู่ แต่ก็เป็นเพียงความเคารพเลื่อมใสก็เท่านั้นหากเรื่องนี้เกี่
“อย่าลืมสิ คุณเป็นคนพูดเองนะ ว่าตระกูลซุนสามารถทำลายตระกูลสวี่ของพวกเราได้ในพริบตา หากตระกูลที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังจัดการไม่ได้ แล้วพวกเราจะจัดการได้ยังไง”“คุณ!”แม่ตระกูลซุนโกรธมาก แต่โชคดีที่ในขณะนั้น ในที่สุดอาจารย์จูก็หยุดมือแล้ว แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะไม่ได้สั่งให้หยุด แต่เขาก็ไม่กล้าทำต่อไปอีกอยู่ดีขืนยังทุบตีต่อ เขาได้ตายจริง ๆ แน่ หากเขาตาย ตนก็คงจบเห่ไปด้วยแต่ในตอนนี้ ใบหน้าของผู้นำตระกูลซุนก็ได้บวมจนเหมือนหัวหมูไปแล้ว แทบมองไม่เห็นโครงเดิมเลยด้วยซ้ำแต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่เขายังสามารถลุกขึ้นยืนได้ปกติดูเหมือนว่าอาจารย์จูจะไม่ได้ตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เขายังพอมีขอบเขตอยู่บ้าง เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แค่สองสามทีก็สามารถทำให้ซุนต้าอวี่ตายได้ในทันทีแต่ซุนต้าอวี่เองก็รู้สึกถึงความอับอายอย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธปนเศร้า ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ทำไมเขาถึงพาคนมาเพียงเท่านี้กันหากเขาเรียกตำรวจหรือคนอื่น ๆ มาที่นี่เดี๋ยวนี้ ยังจะกลัวว่าจะจัดการกับเด็กหนุ่มพวกนี้ไม่ได้อีกงั้นเหรออาจารย์จูไม่สนใจเขา และหันไปหาเย่เทียนหยู่แทน พร้อมกับพูดอย่
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทุกคนตกตะลึกขึ้นอีกครั้งทั้งสวี่กวงและสวี่อี้ต่างก็ตาโตปากค้างเป็นรูปตัวโอ พวกเขาคาดหวังให้เย่เทียนหยู่โชคร้ายอยู่ตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กล่าวขอโทษได้ล่ะพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ยังคงยืนอึ้งกันอยู่ ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อพ่อตระกูลสวี่ลองนึกย้อนดู หรือว่าอาจารย์จูสัมผัสถึงความเก่งกาจของเย่เทียนหยู่ได้กันนะซุนซวี่และแม่ตระกูลซุนต่างก็มีสีหน้าที่ดูบิดเบี้ยวและน่าเกลียดอย่างมากผู้นำตระกูลซุนหน้าตาเคร่งเครียด และพูดด้วยความโกรธว่า “อาจารย์จู คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”อาจารย์จูไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง ได้แต่ก้มหัวและโน้มตัวลง รอให้เย่เทียนหยู่พูดออกมาเย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ก่อนที่จะชี้ไปทางผู้นำตระกูลซุน แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เลว ดีที่คุณยังรู้ตัวได้ทันเวลา เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณก็จัดการกับตาแก่นี่ให้กลายเป็นหัวหมูซะ เรื่องวันนี้ผมก็จะไม่เอาความคุณอีก”ทุกคนต่างตกใจไปชั่วขณะ ทำร้ายแม่ตระกูลซุนกับซุนซวี่ไม่พอ นี่ถึงขั้นจะทำร้ายผู้นำตระกูลซุนอีกนี่มันแทบจะพลิกโลกแล้ว!ในตอนนี้เอง ทุกคนจ้องมองไปทาง
เมื่อเห็นท่าทีของน้องชายที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง หลินหว่านหรูก็หันไปมองเย่เทียนหยู่ และกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”หากไม่มีการสั่งสอนและการชี้แนะจากเย่เทียนหยู่ น้องชายของเธอก็คงไม่มีความสามารถ ไม่มีความรับผิดชอบ และความกล้าที่ทำอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่นอนเห็นได้ชัดว่า ที่น้องชายของเธอได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง ส่วนหนึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากเทียนหยู่แม้จะมีการบาดเจ็บระหว่างทางอยู่หลายครั้ง แต่หลินจื่อตงก็ไม่เคยยอมถอยเลยสักครั้ง แววตาแห่งความมุ่งมั่น เขาต่อสู้กับอีกฝ่ายคนแล้วคนเล่าอย่างไม่ย่อท้อหลังจากการต่อสู้ที่หนักหน่วง ในที่สุดคนเหล่านี้ก็ถูกโจมตีจนต้องถอยร่นกลับไปถึงแม้ว่า ด้วยพลังของเย่เทียนหยู่ อย่าว่าแต่เอาชนะพวกมือสังหารเล็ก ๆ เหล่านี้เลย เขาสามารถทำให้ร่างกายของบอดี้การ์ดเหล่านี้หายไปในพริบตาได้เลยด้วยซ้ำในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่พวกหลินหว่านหรูเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่ตระกูลสวี่เองก็แอบพยักหน้าเงียบ ๆ แม้ว่าหลินจื่อตงจะไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อยการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ไม่กลัวความเจ็บปวด การแส
ผู้คนรอบข้างต่างก็พากันตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนในระหว่างที่กำลังต่อสู้ ตระกูลซุนก็กลับทะเลาะกันเองขึ้นมาเสียอย่างนั้นพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกงงงวย เขาเริ่มไม่แน่ใจในสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว แต่ผู้ชมที่อยู่ข้าง ๆ กลับเห็นได้อย่างชัดเจน เขามักจะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่นั้นไม่ธรรมดา และการที่อาจารย์จูล้มลงก็อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของสวี่กวงก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ของเขาที่โทรมา เขาก็ละความสนใจจากละครฉากใหญ่ระหว่างอาจารย์จูและแม่ตระกูลซุนที่อยู่ตรงหน้าทันที ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านข้างเพื่อรีบรับสายโทรศัพท์“อาจารย์ครับ!”“อืม พ่อของเธออยู่ที่บ้านไหม?” อาจารย์เฉินแห่งสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ เพิ่งจะผ่านทางมาที่บ้านตระกูลสวี่พอดี เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับพ่อตระกูลสวี่ เขาจึงกะว่าแวะมาช่วยจัดการให้สักหน่อย“อยู่ครับ อยู่!”สวี่กวงพยักหน้ารัว ๆ พร้อมกับถามออกไปอย่างรีบเร่งว่า “อาจารย์มีธุระอะไรรึเปล่าครับ หากต้องการให้ผมช่วยอะไร ก็บอกมาได้เลยนะครับ”สถานะอาจารย์ถือว่าไม่ธรรมดา การได้คำนับ
พ่อตระกูลสวี่ที่เห็นฉากนี้ ก็แอบส่ายหัวเงียบ ๆเด็กคนนี้จบเห่แล้วเขาต้องตายแน่นอน!แทบทุกคนต่างก็เชื่อแบบนั้น รวมถึงสวี่เจียเจียเองก็ด้วยมีเพียงหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูสองคนเท่านั้น โดยเฉพาะหลินหว่านหรู เธอเคยเห็นการโจมตีที่แข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่มาแล้วหลายครั้ง ความเร็วแค่นี้ถือว่ากระจอกมากสำหรับเขาที่สำคัญก็คือ เย่เทียนหยู่นิ่งเฉยได้ขนาดนี้ จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอนเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่มือขวาของเขาจะดีดถั่วเมล็ดหนึ่งเบา ๆ ให้ลอยออกไป ตาเนื้อของคนทั่วไปแทบจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำแต่ท่านอาจารย์จูกลับถูกโจมตีเข้าที่ขาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นในทันทีเดิมทีเขายังพอจะสามารถใช้มือพยุงตัวได้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือของเขากลับถูกอะไรบางอย่างโจมตีจนหมดแรงไปซะดื้อ ๆจนล้มลงไปกองเหมือนหมาทันใดนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งกันหมดพวกเขาเพียงแค่เห็นว่าอาจารย์จูพุ่งเข้าไปด้วยแรงที่ทรงพลัง มือขวาของเขาราวกับกรงเล็บ พุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความน่าสะพรึงกลัว แต่ใครจะคิดล่ะว่า วินาทีต่อมาเขาจะเป็นแบบนี้เย่เทียนหยู่หัวเราะ ฮึ ๆ