หลิวกวงและลูกชายของเขาก็ตกตะลึงอย่างมาก ตอนนี้ฉีเฟยกรุ๊ปตกอยู่ในความยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยหนี้สินนี่มัน มีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ อีกฝ่ายจะแลกเปลี่ยนสิ่งนี้กับชีวิตของเขาจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?“มันไม่สำคัญหรอก แค่เสียเงิน ผมจ่ายไหว”เย่เทียนหยู่พูดหยางต้าฝูยิ้มแห้งด้วยสีหน้าสิ้นหวัง บางทีราชามังกรอาจมีเหตุผลของตัวเองก็ได้หลิวกวงไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้เกิดขึ้น และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณเย่ คุณอยากได้ฉีเฟยกรุ๊ปจริง ๆ เหรอครับ”“ใช่!”เย่เทียนหยู่ยืนยันทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้มีความแค้นเอาเป็นเอาตายต่อกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาโต้เถียงกับพวกเขาเหตุผลที่ต้องการยึดฉีเฟยกรุ๊ปในตอนนี้ก็เพราะ เมื่อมีการประกาศการภายในเมือง ฉีเฟยกรุ๊ปจะสามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้งเมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าฉีเฟยกรุ๊ปจะล้มละลาย แต่ทางการก็จะต้องเข้าควบคุมกิจการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะไม่ตกไปอยู่ในมือของพวกเขาแน่นอน เพียงแต่ว่าตอนนี้ภายในเมืองยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องข่าวใหญ่นี้ดังนั้นเขาจึงต้องการยึดฉีเฟยกรุ๊ปก่อนที่ข่าวจะถูกส่งต่อ“แต่ตอนนี้ฉีเฟยกรุ๊ปกำลังเผชิญกับภาวะล้มละลาย หากคุณรับม
เงินหนึ่งหมื่นล้านที่ถูกฉีเฟยกรุ๊ปเอาไปส่วนใหญ่ถูกส่งคืน เพราะคนจากด่านหลงเหมินจับคนได้และยืนยันว่าเงินส่วนใหญ่ยังอยู่ที่เดิมพื้นที่รกร้างขนาดใหญ่ใกล้กับกองขยะทางตะวันออกของเมืองจะช่วยให้ฉีเฟยกรุ๊ปได้เติบโตใครจะคิดว่าสถานที่ห่างไกลที่มีกองขยะและแม่น้ำที่ปนเปื้อนจะถูกเลือกให้เป็นสถานที่พัฒนาสำหรับเขตใหม่ และแม้กระทั่งกลายเป็นพื้นที่หลักของเมืองใหม่ได้ที่ดินหลายพันเอเคอร์ที่ฉีเฟยกรุ๊ปเกือบจะทิ้งร้างกำลังจะกลายเป็นที่ดินสำหรับทำเงินมหาศาลที่ด้านนอก ซ่งเหวินป๋อและลูกชายของเขาไม่ได้ออกมาด้วย โอกาสดี ๆ แบบนี้พวกเขาไม่ควรพลาด แต่ตอนนี้พวกเขารอมาเป็นเวลาค่อนข้างนานโชคดีที่เย่เทียนหยู่และคนอื่น ๆ ปรากฎตัวออกมาในเวลานี้หยางต้าฝูพูดด้วยความประหลาดใจ: “เหล่าซ่ง นี่คุณยังไม่กลับเหรอ?”“เหะ ๆ ประธานครับ ท่านบอกว่าวันนี้มีแขกคนสำคัญมาด้วยไม่ใช่เหรอ ผมก็อยากรู้จักเหมือนกัน คุณชายเย่ สวัสดีครับ ผมชื่อซ่งเหวินป๋อ ทำงานอยู่ในธุรกิจอัญมณีครับ” ซ่งเหวินป๋อริเริ่มทักทายเขาอย่างไร้ยางอายด้วยเวลาเพียงเท่านี้ พวกเขาได้รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเย่เทียนหยู่จากครอบครัวของหยางต้าฝู แต่พวกเขารู้เพียงว
“อย่ากังวลไป นายน้อยซูสนใจอุตสาหกรรมเครื่องสำอางอยู่แล้วล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ทีมวิจัยพัฒนาที่เธอซื้อมาก็เก่งมาก ๆ เลยนะ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่พวกเขาพัฒนาก็ยอดเยี่ยมมาก”ซูถิงกล่าว“ฉันหวังว่าอย่างนั้นนะ!”หลินหว่านหรูถอนหายใจช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มซบเซามากขึ้น จึงเป็นเรื่องยากที่ตระกูลหลินจะเติบโต และเครื่องสำอางเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่เธอกำลังลงทุนอยู่พอดีถึงยังไงในฐานะผู้หญิง เธอก็รู้ดีว่าการหาเงินจากผู้หญิงเป็นเรื่องง่าย แต่สิ่งสำคัญคือการมีผลิตภัณฑ์ที่ดีก่อนเธอลงทุนไปแล้วกว่าห้าร้อยล้าน ถ้ายังไไม่ได้ผลตอบรับที่ดีมากพอ เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้วไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ทั้งสองมาถึง นายน้อยซูเหวินฮุยก็มาถึงชั้นล่าง ซูถิงรีบเรียกหลินหว่านหรูให้ลงไปต้อนรับซูเหวินฮุยทันทีถึงยังไงซะ เขาก็เป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูลซู!อุตสาหกรรมของตระกูลซูครอบคลุมหลายสาขาและมีอิทธิพลมาก พวกเขาเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักแห่งเมืองเทียนไห่ดวงตาของซูเหวินฮุยเป็นประกายในทันทีเมื่อเขาเห็นหลินหว่านหรูเป็นครั้งแรกไม่รู้ว่าเป็นเพราะพันธุกรรมหรือเปล่า แต่มีข่าวลือว่า
ซูถิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินแล้วพูดว่า “นายน้อยซู หว่านหรูคออ่อนจริง ไม่อย่างนั้นคุณจะดื่มอีกสามแก้ว หลังจากดื่มสามแก้ว เราจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ”เมื่อได้ยินดังนั้น หลินหว่านหรูก็ตระหนักว่าถ้าดื่มสามแก้วลงไปจริง เธออาจจะไม่สามารถกลั้นไว้ได้นาน แต่เรื่องนี้ถูกเสนอขึ้นมาโดยซูถิง เธอจะปฏิเสธมันได้อย่างง่ายดายได้ยังไงหลังจากคิดดูแล้ว ถ้าดื่มแค่สามแก้วก็ยังพอลองดูได้นายน้อยซูเห็นท่าทางส่งซิกของซูถิงแล้วพูดว่า “ได้ สามแก้วก็สามแก้ว ถ้าประธานหลินดื่มสามแก้วนี้หมด เราจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกันทันที”เขาไม่ได้บอกว่าตกลงจะร่วมมือ เขาเพียงแค่จะหารือเท่านั้นเมื่อเห็นนายน้อยซูยืนยันข้อตกลง หลินหว่านหรูก็พยักหน้าและมองแก้วเหล้าที่ซูถิงเทไวจนเต็มเกมอยู่ เธอหยิบแก้วขึ้นมาและดื่มหมดในอึกเดียวแต่ในขณะนี้เองก็มีคนผลักประตูเข้าไปเขาดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที“หว่านหรู ถ้าดื่มไม่ไหวก็เลิกฝืนได้แล้ว”“สามแก้วใช่ไหม? ผมจะดื่มเอง!”คนที่มาคือเย่เทียนหยู่ซึ่งพุ่งตรงเข้ามา ร้านอาหารแห่งนี้เป็นของตระกูลซา พอดีกับที่เขาได้พบกับถานล่างเลยรู้ได้ทันทีว่าหลินหว่านหรูอยู่ในห้องไหน ดังนั้นเ
“แก!” ซูเหวินฮุยโกรธจัด ไอ้เจ้าโง่เง่าที่โผล่มาจากไหนไม่รู้คนนี้กล้ายั่วยุเขาเมื่อหลินหว่านหรูเห็นดังนั้น เธอไม่เพียงแต่กังวลเรื่องความร่วมมือ แต่เธอกังวลว่าเย่เทียนหยู่จะล่วงเกินตระกูลซู เธอจึงรีบพูดว่า “เย่เทียนหยู่อย่าพูดไร้สาระนะ! นายน้อยซูเป็นใครจะมาโกหกเราได้ยังไง?”ในขณะเดียวกันก็รีบพูดต่อว่า “นายน้อยซู เราเข้าใจคุณผิดเองค่ะ อย่าโกรธเลยระคะ ฉันเชื่อว่าคุณต้องจริงใจอยากร่วมมือกับเราแน่นอนค่ะ”เย่เทียนหยู่แอบชอบสิ่งที่เธอพูดผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ไร้สมอง อย่างน้อยเธอก็รู้จักวิธีเสียดสีด้วยคำพูดที่ดูเหมือนจะเคารพนับถือแต่เขาไม่รู้เลยว่า อันที่จริงหลินหว่านหรูแค่ไม่อยากล่วงเกินน้อยซูแต่ซูเหวินฮุยกลับยอมรับคำชมนั้น เขาดูพูดอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งว่า “แน่นอนว่าผมน่ะจริงใจ ส่วนพวกคุณน่ะเข้าใจผิดแล้ว”“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ถ้าเขาดื่มเหล้าเหมาไถสามขวดหมดได้โดยไม่เป็นอะไรเลย ผมจะยอมลงทุนห้าร้อยล้านบาทในบริษัทเครื่องสำอางของกลุ่มบริษัทคุณทันที”สามขวด จะเป็นไปได้ยังไงกัน หลินหว่านหรูกำลังจะโต้เถียงเขาแต่เย่เทียนหยู่กลับรับคำพูดและพูดอย่างใจเย็น: “พูดจริงเหรอครับ นายน้อยซู
ซูถิงรู้สึกหดหู่ในใจเป็นอย่างมาก แต่กลับต้องพยายามแสดงสีหน้ามีความสุขออกมาเย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “นายน้อยใหญ่ตระกูลซูไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ ผมมีอาหารให้กินมีน้ำให้ดื่ม แถมยังมีภรรยาสวยด้วย อย่างผมคงไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ”สีหน้าของนายน้อยซูเริ่มเผยความเยือกเย็นออกมา เขาไม่ได้สั่งให้คนไปจัดการเย่เทียนหยู่ในทันทีเมื่อเขาออกมา แต่เขาจัดให้คนทำการตรวจสอบเย่เทียนหยู่ก่อนนี่เป็นนิสัยและความเคยชินของเขา เพราะก่อนจะลงมือกับใคร จะต้องเข้าใจบุคคลนั้นอย่างชัดเจนก่อนเมื่อลงมือแล้ว มันก็จะต้องเด็ดขาดร้ายแรงและไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แม้ว่าจะมีการลงนามความร่วมมือแล้วและตามข้อตกลง เมื่อเขาไปลงนามพิธีการที่เหลืออีกเล็กน้อยในวันพรุ่งนี้ ก็จะได้รับเงินห้าร้อยล้านก็จะเข้าบัญชีทันที แต่หลินหว่านหรูกลับไม่ค่อยมีความสุขนัก“เย่เทียนหยู่ วันนี้ขอบใจนายนะ แต่นายดื่มไปหนักขนาดนั้นนายยังโอเคใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรครับ เหล้าสองสามขวดไม่ได้มีอะไรหรอก” เย่เทียนหยู่ใช้พลังเวทย์ภายในของเขาเพื่อแก้ไขเรื่องนั้นไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่แกร่งขนาดนั้น“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่คุณทำให้นายน้อยซูขุ่นเคืองนะ ยั
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกโมโหทันทีและพูดออกไปด้วยความโกรธ: “พวกเขาคิดจะทำอะไรคะ เงินนั่นมันไม่ใช่เงินที่เราบังคับให้พวกเขาลงทุนสักหน่อย แล้วทำไมเราจึงต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย?ผ”“ก็ใช่น่ะสิ แม่ก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน แต่คราวนี้ปู่รองของเธอเป็นคนพาทุกคนมาด้วยตัวเอง บอกว่าต่อให้ต้องตัดญาติก็ต้องเอาเงินคืนไปให้ได้”หลิวอวิ๋นซิ่วกล่าวอย่างกังวลใจ“คุณปู่ว่ายังไงบ้างคะ?” หลินหว่านหรูถาม“เพื่อนเก่าของคุณปู่ของคุณที่เมืองจิงตูป่วยหนักเลยบินไปตั้งแต่ตอนบ่าย”“พวกเขาจงใจเลือกตอนคุณปู่ไม่อยู่เหรอคะ ได้ค่ะ หนูจะกลับไปเดี๋ยวนี้”หลินหว่านหรูวางสายโทรศัพท์ด้วยความโกรธและพูดว่า “คนพวกนี้ไร้ยางอายชะมัดเลย”แม้ว่าเธอจะไม่พอใจกับสมาชิกในครอบครัว แต่เขาก็ไม่ค่อยด่าพวกเขาแบบนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าหลินหว่านหรูไม่พอใจมาก“คุณโอเคไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ไม่เป็นไรคะ แต่ฉันต้องกลับไปหาที่บ้านตระกูลหลินก่อน” หลินหว่านหรูกล่าว“ผมจะไปกับคุณด้วยครับ”“อือ!”หลินหว่านหรูอารมณ์ไม่ดีเลยไม่ได้ปฏิเสธไม่ให้เย่เทียนหยู่ไปเป็นเพื่อนเพราะทั้งคู่ต่างก็ดื่มเหล้ากันมา ก็เลยหาคนขับรถแทนเย่เทียนหยู่
“ใช่ เย่เทียนหยู่ แกออกไปจากที่นี่ซะ ตระกูลหลินไม่ต้อนรับแก”“ถ้าไม่ใช่เพราะแก ตระกูลหลินของเราจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายแบบนี้ได้ยังไง?”หลินหงกล่าวด้วยความโกรธเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและพูดอย่างใจเย็น: “ตระกูลหลินวุ่นวายแบบนี้ เพราะไม่ยอมฟังที่ผมพูดแล้วส่งเงินไปให้หลินเจี๋ยเอง ทำไมมาโทษผมล่ะครับ?”“แกยังจะแก้ตัวอีก มันก็เพราะแกนั่นล่ะ!” หลิวอวิ๋นซิ่วพูดด้วยความโกรธ“ได้ คุณบอกว่าเป็นเพราะผม งั้นบอกเหตุผลผมสักข้อได้ไหม?” เห็นแก่หลินหว่านหรูเย่เทียนหยู่จึงถามอย่างใจเย็น“เพราะว่า เพราะแกทำตัวให้เกลียดน่ะสิ ทำให้เรายิ่งเชื่อหลิวเจี๋ยยังไงล่ะ” หลิวอวิ๋นซิ่วคิดอยู่พักก่อนจะคิดออกมาเหตุผลหนึ่ง“นี่เป็นเหตุผลของพวกคุณเหรอครับ?”เย่เทียนหยู่ยกมุมปากเป็นการยิ้มเยาะแม้ว่าคนอื่นจะเกลียดเย่เทียนหยู แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหตุผลนี้งี่เง่ามากหลิวอวิ๋นซิ่วโกรธจัดและพูดด้วยความโกรธ: “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตระกูลหลินไม่ต้อนรับแก!”“ไม่ต้อนรับผมเหรอครับ ดูเหมือนว่าคุณคงไม่อยากแก้ไขปัญหาฉ้อโกงเงินทุกคนครั้งนี้แล้วสินะ” เย่เทียนหยู่พูด“พูดจาเหลวไหล หรือปัญหานี้แกแก้ไขได้หรือยังไง?” หลิวอวิ๋นซ