“หลิวอวิ๋นซิ่ว เธออย่ามาพูดจาไร้สาระพรรคนี้ บอกว่าเงินพวกนี้จะชดใช้วันนี้ไหม?” หลินเหว่ยผู้เป็นปู่รองไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอและถามย้ำตอนนี้พี่ใหญ่ของเขาไม่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าวันนี้จะเป็นเช่นไร เขาก็ต้องพยายามเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ไม่อย่างนั้น หากพี่ชายคนโตกลับมาและอยากจะขับไล่พวกเขาออกไปจริงๆ พวกเขาเองก็คงไม่มีทางเลือกส่วนเรื่องโทรศัพท์ตอนนี้พวกเขาก็เลิกสนใจกันแล้วจริง ๆ แล้วปู่ของหลินหว่านหรูโทรมาเมื่อครู่นี้ แต่พวกเขาไม่ฟังเลยหลิวอวิ๋นซิ่วตกใจกลัวท่าทางก้าวร้าวของปู่รองที่ และอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวหลินหว่านหรูรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขาและกล่าวว่า: “ปู่รองคะ จะทำอะไรก็ต้องมีหลักมีเกณฑ์กันบ้างนะคะ เราอาจมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้อยู่บ้างก็จริง แต่จะโทษทุกอย่างใส่เราไม่ได้นะคะ”“หว่านหรู หลานควรเข้าใจนะว่า พวกเราเก็บออมเงินพวกนี้มายากลำบาก ตอนนี้เราทุกคนถูกหลอก แล้วเราจะทนได้ยังไง?”“พวกเราไม่เหมือนพวกหลานนะ ที่ดูแลหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทและมีเงินมากมาย”ท่านปู่รองสุภาพกับหลินหว่านหรูมาก“ฉันเข้าใจนะคะ แต่ตอนนี้บริษัทมีปัญหามากมาย เอาแบบนี้ได้ไหมคะทุกคนกลับไปก่อน พอเสถาน
เรื่องพวกนี้จะแก้ไขได้ง่ายขึ้นเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว จะให้เขาบอกว่าเขาให้ถานล่างไปซื้อฉีเฟยกรุ๊ปคงไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นคนพวกนี้คงยิ่งไม่เชื่อไปกันใหญ่“ทำไม ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ?”“เรื่องโกหกถูกเปิดเผยแล้ว แกคงพูดไม่ออกเลยสิท่า”“หลิวอวิ๋นซิ่วฉันขอบอกเลยนะ ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เงินฉันจะสู้กับเธอให้ตายไปข้าง” บางคนถึงกับเรียกชื่อกับตั้งใจจะสู้กันเลยทีเดียว ดูท่าจะร้อนใจกันมากจริง ๆหลิวอวิ๋นซิ่วโกรธมาก เธอก็เสียหายไปมากเหมือนกัน เงินเก็บของเธอเองก็ถึงกับหมดเกลี้ยงขณะที่กำลังจะเถียง เธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฝูงชนกำลังจะพุ่งเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางเดือดดาลก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะยังไงลูกสาวของเธอก็เป็นประธานบริษัท คนอื่น ๆ ต่างก็ทั้งเคารพและทำท่าประจบประแจง แต่มาวันนี้พวกเขาทุกคนราวกับเป็นบ้าไปแล้วท่านปู่รองโบกมืออีกครั้ง ส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ และพูดกับหลินหว่านหรูว่า “หว่านหรู หลานพูดเถอะ ให้คำอธิบายกับปู่รองคนนี้หน่อย”หลินหว่านหรูลังเลและกำลังจะพูดเย่เทียนหยู่พูดก่อนว่า “หว่านหรู ถ้าพวกเขาอยากจะคืนเงินจริง ๆ คุณคืนเป็นขั้นต่ำให้พวกเขาดีไหมครับ”“เย่เทียนหยู่ แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอ
เย่เทียนหยู่เข้าใจความโกรธของหลินหว่านหรูดี จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ทำให้คุณลำบากใจแน่นอนรับ”“อันที่จริง เรื่องการซื้อกิจการที่ผมเพิ่งพูดไปเป็นเรื่องจริง!”“ข่าวนี้รัฐมนตรีไช่เปืดเผยให้ผมฟังเองครับ ถ้สคุณไม่เชื่อผม คุณก็ควรเชื่อรัฐมนตรีไช่นะ” เขาซ่อนมันไว้ไม่ให้ผู้อื่นรู้ แต่กับหลินหว่านหรู เย่เทียนหยู่ไม่มีเจตนาที่จะปิดบังมันแต่ตัวเขาเองไม่มีความน่าเชื่อถือมากพอ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอ้างถึงรัฐมนตรีไช่“รัฐมนตรีไช่พูด เขาพูดแบบนั้นเมื่อไรกัน?”หลินหว่านหรูตกใจ ถ้าหากว่ารัฐมนตรีไช่พูดจริง ๆ มันอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ“วันนี้ฉันไปตรวจหลานชายของเขา เขาก็เลยบอกกับผมน่ะ เหตุผลมันก็ง่ายมากเพราะฉีเฟยกรุ๊ปไม่เพียงแต่จะไม่ล้มละลายเท่านั้น แต่ยังจะได้เริ่มต้นใหม่ด้วยครับ”“อะไรนะ จะเป็นไปได้ยังไง!”เมื่อเทียบกับข่าวก่อนหน้านี้ เรื่องนี้ทำให้ใจของเธอตกใจยิ่งกว่าเดิม“ผมก็แปลกใจเหมือนกันครับ แต่รัฐมนตรีไช่พูดอย่างนั้นเอง ส่วนเหตุผลที่แน่ชัดผมเองก็ไม่แน่ใจ” เดิมทีเย่เทียนหยู่อยากจะบอก หลินหว่านหรูเกี่ยวกับการวางผังเมืองใหม่
แต่เรื่องทั้งหมดนี่ต้องโทษไอ้เย่เทียนหยู่สารเลวนั่น เพราะเขาหลอกเอาเงินของตระกูลเขาไปอีกครั้ง“ท่านปู่รอง ในที่นี้ปู่เป็นผู้ตัดสินใจได้ใช่ไหมคะ?” หลินหว่านหรูถาม“แน่นอน แน่นอน!”ทุกคนพยักหน้าสนับสนุนเช่นกัน“ดีค่ะ ฉันจะพูดอีกครั้ง หากวันนี้ปู่โอนการลงทุนของคุณมาให้ฉัน หากพรุ่งนี้เกินฉันได้เงินคืนมามากกว่านี้ อย่ามาหาฉันอีก”“แบบนี้คงไม่ติดปัญหาใช่ไหมคะ?”“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”“บอกแล้วไงว่าไม่มีปัญหา!” “ฉันแค่อยากจะยืนยันอีกครั้งและจัดการเรื่องสัญญาในคืนนี้ ในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกคุณคนไหนที่มีสัญญาก็ให้มาทำสัญญาและลงนามในการโอน”หลินหว่านหรูกล่าว“พรุ่งนี้เที่ยง ทำไมไม่ใช่วันนี้ล่ะ?” ท่านปู่รองถามทันที“ตอนนี้ดึกเกินไปแล้วนะคะ มีตั้งหลายพิธีการที่ทำไม่ได้แล้วนะคะ” หลินหว่านหรูกล่าว“แล้วทำไมถึงเป็นพรุ่งนี้ตอนเที่ยงล่ะ? พวกเธออยากจะเลื่อนเวลาออกไปรอให้ท่านปู่กลับมาใช่ไหม?” มีคนถามอย่างสงสัยหลินหว่านหรูขมวดคิ้วและพูดว่า “ปู่รองคะ คุณลุง คุณป้าและญาติ ๆ ทุกคน พวกคุณทุกคนก็รู้ว่าหนูเป็นยังไงนี่คะ ในเมื่อหนูพูดไปแล้ว หนูก็จะทำแน่นอนค่ะ”“ถ้าแม้แต่คำพูดของหนูก็
ทันทีที่ความพูดนี้ดังออกมา หลินหว่านหรูก็ได้แต่นิ่งตะลึงเย่เทียนหยู่ก็ตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน และมุมมองของเขาก็ถึงกับแตกกระเจิงไม่เพียงแต่หลิวอวิ๋นซิ่วที่คิดว่าไม่เป็นไร แต่หลินหงก็พูดว่า “ใช่ พ่อกับแม่เก็บเงินพวกนี้มาก็ไม่ง่ายนะ จู่ ๆ มาหมดไปแบบนี้ หว่านหรู ลูกก็คืนให้พ่อกับแม่ด้วยเลยแล้วกันนะ”“ถูกต้อง ขนาดคนนอกยังชดเชย ลูกจะปฏิบัติต่อพ่อแม่ไม่ดีก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ” หลิวอวิ๋นซิ่วกล่าวต่อหลินหว่านหรูพูดไม่ออกกับพ่อแม่ของเธอและอธิบายว่า: “จริงๆ แล้ว เหตุผลที่ฉันยินดีจะชดเชยให้พวกเขาก็เพราะว่าฉีเฟยกรุ๊ป จะซื้อกิจการจริง ๆ ค่ะ”“ซื้อกิจการเหรอ?” “หว่านหรู ลูกเชื่อเรื่องไร้สาระที่เย่เทียนหยู่พูดจริง ๆ เหรอ?”หลิวอวิ๋นซิ่วจ้องไปที่เย่เทียนหยู่ในขณะที่เธอพูด รู้อยู่แล้วเชียวว่าเป็นไอ้สารเลวนนี่เป็นคนทำ“แม่คะ!”“ไม่ว่าแม่จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม เรื่องที่หนูพูดนั้นเป็นความจริง ดังนั้น แม่ไม่ต้องขอให้หนูชดใช้หรอกค่ะ ในอีกไม่กี่วัน แม่ก็จะได้รับเงินคืนทั้งหมดแน่นอน” หลินว่านหยูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้“แต่แม่รอไม่ไหว”หลิวอวิ๋นซิ่วกล่าวว่า: “ลูกทำไมไม่คืนเงินให้เราล่ะ ยังไงซะมันก็ใช้เงินของ
หลินหว่านหรูยิ้มแห้ง พวกเขาไม่เคยยอมรับตัวเธอเลยตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะการปฏิวัติต่าง ๆ ของเธอหลังจากที่เธอได้รับตำแหน่ง ซึ่งไปขัดขวางการแอบรับญาติเข้าทำงาน แล้วจะยอมตกลงกับเธอเรื่องนี้ได้ยังไงหลังจากที่ท่านปู่ดุหลินหว่านหรูเสร็จเขาก็โทรศัพท์ไปหาทีละคนเพื่อสืบสานเรื่องราว และเพื่อยืนยันว่าถ้าหากการลงทุนนี้เกิดขาดทุน จะสร้างความเสียหายให้ตระกูลหลินมากแค่ไหนท่านปู่เป็นคนพูดเอง รวมกับว่าเขายอมชดใช้ค่าเสียหาย ทุกคนก็มั่นใจและไม่มีความเห็นอะไรอีกในเทื่อทุกอย่างเรียบร้อย หลินหว่านหรูก็เดินออกมาแล้วเริ่มขึ้นตอนการซื้อในเวลา ท่านปู่กำชับอีกครั้งว่าการซื้อหุ้นของทุกคนในบริษัทกลับมาเป็นการใช้งานของบริษัท อีกทั้งหลินหว่านหรูก็แบกรับความเสี่ยงมหาศาลไว้ทันทีที่สำเร็จธุรกิรรม หุ้นทั้งหมดนี่ถือว่าไม่เกี่ยวกับพวกเขาอีก และจะงอแงใครไหนก็ไร้ประโยชน์ทุกคนบอกว่าพวกเขาไม่ได้คัดค้านและรู้สึกตื่นเต้นมากสิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นคือหลังจากลงนามในพิธีการ พวกเขาได้รับเงินเร็วมากท้ายที่สุด ทุกคนก็จากไปพรอ้มรอยยิ้มบนใบหน้า กับคำยกย่องหลินหว่านหรูซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจ และอีกนัยหนึ่งพวกเข
“เรื่องนั้นจะเป็นไปได้ยังไงกันครับ?” หวงหงเจี้ยนดูแลเรื่องเศรษฐกิจของเมืองเทียนไห่และเก็เข้าใจเรื่องฉีเฟยกรุ๊ปดี แต่เขาคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าบริษัทที่โหลยโท่ยอย่างฉีเฟยกรุ๊ปจะฟื้นคืนกลับมาได้ยังไงกัน“เป็นไปได้ครับ”เย่เทียนหยู่พูดก่อนจะตอบกลับว่า “นายกเทศมนตรีหวง คุณยังจำได้ไหมว่าสองปีก่อน พวกคุณส่งแผนพัฒนาเมืองใหม่มาแผนหนึ่ง”หวงหงเจี้ยนตกตะลึงไปชั่วครู่ เรื่องนั้นเขาเข้าร่วมด้วย แต่อตนนั้นเขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนี้ จากนั้นเขาก็พยักหน้าตอบ “แน่นอนครับ แต่แผนการนั้นมันใหญ่มาก ต้องการเงินสนับสนุนอย่างมหาศาล มันเลยไม่ผ่านการอนุมัติ”“แต่ถึงจะไม่ผ่านอนุมัติ แต่ก็ได้รับผลประโยชน์มาไม่น้อย เพราะถนนคมนาคมรอบด้านมีการพัฒนาไปมาก พอให้จะรองรับไปอีกสิบปีได้เลยครับ”“แพทย์เซียนเย่ คุณพูดเรื่องนี้กับผมทำไมเหรอครับ?”“ถ้าผมบอกว่า แผนการนี้ของคุณผ่านการอนุมัติแล้ว และอีกไม่กี่วันจะส่งข่าวมาถึงในเมืองล่ะ” เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย“อะไรนะครับ!”“เป็นไปไม่ได้!”หวงหงเจี้ยนส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “หากการลงคะแนนเสียงผ่านจริงๆ เราจะต้องได้รับข่าวอย่างแน่นอน”หลังจากการลงคะแนน ตามปกติแล้วผู้นำหลายคนต
“งั้นก็ถูกแล้ว ดูท่าที่รัฐมนตรีไช่พูดไว้จะไม่ผิดนะครับ”“อือ ยอดไปเลยค่ะ!”“เย่เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”ดวงตาของหลินหว่านหรูแสดงถึงความตื่นเต้น แม้ว่าสถานการณ์นี้จะยังไม่มีรายละเอียดอะไรออกมาเลย แต่บริษัทสองแห่ง แห่งหนึ่งคือ ผู้ซื้อ และอีกบริษัทหนึ่งเป็นผู้ถูกซื้อกิจการ ร่วมกันจัดงานแถลงข่าว ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับที่เย่เทียนหยู่กล่าวไว้ทุกประการโดยพื้นฐานนี่ก็ถือว่าเป็นการยืนยันแน่ชัดแล้ว และขั้นตอนต่อไปคือรอเวลาบ่ายสองครึ่ง“ความพยายามครั้งนี้สำเร็จแล้วสินะ เราจะต้องไปขอบคุณรัฐมนตรีไช่สักหน่อยแล้ว โดยเฉพาะนาย ถ้าไม่ใช่เพราะรัฐมนตรีไช่ ทั้งเมืองเทียนไห่คงไร้ที่ให้นายยืนไปแล้ว”หลินหว่านหรูกล่าว“คุณควรจะขอบคุณ” เย่เทียนหยู่เห็นด้วย“ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าเราไปด้วยกันนะคะ”“ได้ครับ!”เพราะหลินว่านหรูบอกเขา ทำให้ตัวท่านปู่เองก็รับรู้ข่าวสารอย่างรวดเร็ว และเขาก็แอบโล่งใจคู่สามีภรรยาหลิวอวิ๋นซิ่วตกตะลึง พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลย เป็นไปไม่ได้ หรือว่าเขาจะซื้อคืนหุ้นของตัวเองจริง ๆ หรือต่อให้ซื้อคืนก็คงไม่ได้สนใจเงินส่วนที่ถูกฉ้อโกงไปของพวกเขาหรอกการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นเรื่อง
เป็นอยู่อย่านั้น มีจูเก่อหลิวหลีแค่คนเดียวที่พูดอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เธอเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง เอาแต่แสดงออกถึงความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อนเย่เทียนหยู่ไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ฟังอย่างงงงวยก็เท่านั้นเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า จูเก่อหลิวหลีจะมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อเขามากขนาดนี้ จนทำให้เย่เทียนหยู่ต้องรู้สึกผิด และไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกหยางเฉียนเฉียนเองก็เป็นแบบนี้ แต่นั่นเขาก็ได้ทำเพื่อหยางเฉียนเฉียนไปไม่น้อย ช่วยเหลือเธอมากมาย จนทำให้ใจของเย่เทียนหยู่รู้สึกดีขึ้นมาบ้างกลับกัน พอเป็นหลิวหลี นอกจากเรื่องที่ช่วยให้เธอทะลวงถึงระดับปรมาจารย์แล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย เพื่อที่จะตามหาเขา กลับเป็นเธอที่คอยช่วยเหลือตน ช่วยเหลือแม่ของตนไปไม่น้อยที่สำคัญเลยก็คือ เย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าจะรับมือกับเธออย่างไร หรือจะปลอบใจเธอยังไงได้บ้างแน่นอน หากยอมหลับนอนกับเธอ ทำให้เธอเป็นผู้หญิงของเขา สำหรับเขาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว ก็คงเป็นแค่สิ่งที่ปรารถนาไม่รู้จบแต่ว่า ขืนเขาทำแบบนั้น แล้วหว่านหรูจะทำยังไงหากหว่านหรูรู้เรื
“อืม ฉันรู้แล้ว เห็นว่าเธอยังโพสต์เฟสบุ๊กสนับสนุนพวกเราอยู่ด้วยเลยนี่” เย่เทียนหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้มคิดไม่ถึงเลยว่าพี่เย่จะรู้เรื่องนี้ด้วย ซึ่งทำให้เฉินเฟยเฟยดีใจเอามาก ๆ ก่อนที่จะรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ ช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”“ทำไมจะไม่ช่วยล่ะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีความหมายทั้งนั้นแหละ แค่เธอมองไม่เห็นก็เท่านั้นเอง”“จริงเหรอคะ ขอบคุณพี่เย่ที่ให้กำลังใจฉันนะคะ อันที่จริง ที่ฉันโทรหาพี่ครั้งนี้ เป็นเพราะฉันเห็นว่าพี่อยู่ที่ตงเฉิง เลยอยากเชิญพี่มาดูคอนเสิร์ตของฉันน่ะค่ะ”“เธอมีคอนเสิร์ตที่ตงเฉิงงั้นเหรอ เมื่อไหร่?” เย่เทียนหยู่ถาม เขาอาจจะต้องดูเวลาก่อน หากว่าตรงกับการประชุมศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจจะไม่ว่างไป“คืนนี้ตอนทุ่มครึ่งค่ะ ที่สนามกีฬา พี่พอจะว่างไหม?” เฉินเฟยเฟยถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง เธออยากให้เย่เทียนหยู่ไปงานคอนเสิร์ตของเธอมากจริง ๆ เพื่อให้เขาได้ฟังเพลงที่เธอร้องหากไม่ใช่เพราะเรื่องของปาร์คดาฮยอน เธอก็คงส่งคำเชิญให้เขาไปนานแล้ว พอตอนนี้เห็นว่าไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรแล้ว จึงคิดว่าพี่เย่อาจจะว่างก็ได้ ถึงได้เชิญไป“ว่างสิ!”เย่เทียนห
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าเธอจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ แถมยังโอบกอดเขาแน่น พร้อมกับเปิดปากพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งแบบนี้แม้จะดูเก้งก้างไปบ้าง แต่เขากลับรู้สึกมีอารมร์ร่วมในความเป็นจริงแล้ว ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่ เขานั้นไม่ได้ถูกควบคุมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะเสน่ห์อันเย้ายวนและความงดงามของจูเก่อหลิวหลีทั้งนั้นความรู้สึกต่อจูเก่อหลิวหลีตอนนี้เหมือนกันกับตอนหยางเฉียนเฉียน คือชมชอบ รู้สึกดี และถึงขั้นชอบเสียด้วยซ้ำแต่เนื่องจากความรับผิดชอบที่มีในใจ และความจริงที่ว่าหลินหว่านหรูคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะก้าวข้ามไปแม้แต่ก้าวเดียวแต่ท่าทีของจูเก่อหลิวหลีในตอนนี้ เสน่ห์ของจูเก่อหลิวหลี บวกกับฤทธิ์ยา ไม่นานมันก็ได้กระตุ้นความตื่นตัวของเย่เทียนหยู่ขึ้นมาเขาถึงกับไม่สามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ และเปิดปากออกโดยไม่รู้ตัว มือก็เริ่มเคลื่อนไหวไปบนร่างของจูเก่อหลิวหลี ความรู้สึกนั้น มันทำให้ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหวสมบูรณ์แบบมาก!ต้องบอกเลยว่า หากพูดถึงแรงดึงดูดต่อผู้ชาย จูเก่อหลิวหลีนั้นไม่แพ้หลินหว่านหรูเลยแม้แต่น้อย เป็นคว
ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าแม้แต่โอกาสที่จะได้อยู่ข้าง ๆ คุณชายก็คงไม่เหลือ ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะทำตัวให้กระตือรือร้นมากขึ้นถึงแม้จะไม่ได้เป็นภรรยาของคุณชาย ขอแค่ได้มีความสัมพันธ์กับคุณชายบ้าง ต่อไปเธอก็จะถือว่าเป็นผู้หญิงของคุณชาย และอย่างน้อยก็สามารถอยู่เคียงข้างคุณชายไปตลอดชีวิตได้เพราะไม่อย่างนั้น สักวันหนึ่งระยะห่างของเธอกับคุณชายก็คงจะไกลกันมากขึ้นเรื่อย ๆเพื่อเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจวางยา ยานี้ไม่ใช่ยาธรรมดา ไม่เพียงแต่ไม่มีสีและรสชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นยาที่หายากอีกด้วย เพียงแต่ผลลัพธ์ของยานั้นกลับไม่ได้มีความเข้มข้นมากนักแต่ก็ไม่เป็นไร โชคดีที่ได้เจอกับมันโดยบังเอิญ บวกกับเสน่ห์ที่ดูแพรวพราวของเธออีกเพื่อเสริมเสน่ห์ของตัวเองแล้ว หลายวันมานี้เธอได้ทำการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อที่จะทำให้คุณชายหลงใหล และให้คุณชายยอมกลืนกินเธอแม้ว่าวันนี้จูเก่อหลิวหลีจะสวมกระโปรงสีดำแหวกข้าง และเสื้อคอลึก จนทำให้ขาเรียวยาวของเธอโผล่พ้นออกมา ซึ่งความมีเสน่ห์ของเธอทำให้เขารู้สึกใจสั่นเล็กน้อยแต่เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร ในขณะที่ดื่มน้ำในมือ เขาก็เดินดูรอบ ๆ พร้อมกับเอ่ยชมขึ้นว่า
อันที่จริงแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่การเตรียมการของเย่เทียนหยู่ แต่เป็นการเตรียมการของมู่หรงอิน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามู่หรงอินเองก็ไม่ได้รังเกียจที่จะจัดการเรื่องนี้ กระทั่งเธอยังยินดีที่จะทำเสียด้วยซ้ำเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทเทียนเฟิงกรุ๊ปสาขาตะวันออก ข้อมูลก็ได้ถูกส่งไปถึงหูของมู่หรงอินแล้ว ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาแม้จะมีความช่วยเหลือจากเย่เทียนหยู่อยู่แล้ว แต่การแสดงออกของหลินหว่านหรูนั้นก็ทำให้เธอพอใจมากจริง ๆเดิมทีภาพรวมของเทียนเฟิงกรุ๊ปก็ดีมากอยู่แล้ว เพียงแค่ปัญหาร้ายแรงบังเอิญมาเกิดที่สาขานี้ก็เท่านั้น เธอแค่ต้องการอยากจะเห็นการแก้ปัญหาของหลินหว่านหรู และจะใช้เวลานานแค่ไหนในการจัดการคิดไม่ถึงเลยว่าจะจัดการได้เร็วขนาดนี้ แถมยังกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานให้มีแรงผลักดันมากขึ้นอีกด้วยไม่เสียแรงที่ตนให้คนเตรียมข้อมูลพนักงานที่ละเอียดขนาดนั้นเอาไว้ให้เธอเลยจริง ๆในตอนที่เย่เทียนหยู่เดินออกจากบริษัท เขาเองก็กำลังคิดว่าจะหาบ้านที่เหมาะสมในบริเวณใกล้เคียง แล้วซื้อเอาไว้สักหลัง ไม่ว่ายังไงก็จะให้หลินหว่านหรูพักอยู่โรงแรมตลอดไปไม่ได้หรอกนี่เห็นได้ชัดว่ามันไม่เ
“เพราะเขาเป็นคนพูดเองว่า ไม่ว่าโลกจะกว้างใหญ่แค่ไหน แต่ภรรยาก็คือที่สุด!”“ถ้าไม่มีการอนุญาตจากฉัน เขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน”“ฮ่า ๆ......”พอทุกคนได้ยินคำพูดของหลินหว่านหรู ก็แทบจะหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว จู่ ๆ ก็คิดว่าประธานหลินคนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆเห็น ๆ อยู่ว่าอำนาจในมือนั้นเกินคาดเดา แต่เจ้าตัวกลับเป็นคนที่อ่อนโยนเช่นนี้เมื่อพูดถึงว่าภรรยาเป็นใหญ่ สีหน้าของหลินหว่านหรูก็แดงเพราะความเขินอายขึ้นมา สิ่งสำคัญคือเธอรู้สึกว่าควรจะดึงบรรยากาศกลับมาสักหน่อย เพื่อไม่ให้ทุกคนมุ่งคิดแต่จะเอาใจเธออย่างเดียว จนละเลยหน้าที่ในบริษัท แบบนั้นคงไม่ดีแน่เย่เทียนหยู่สามารถที่จะไม่สนใจผลประโยชน์ของบริษัทได้ กระทั่งปล่อยให้บริษัทล้มละลายไปเลยก็ตาม แต่เธอเองกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ถ้าตั้งใจจะทำแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด แล้วก็จะต้องแข็งแกร่งยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเพราะไม่เช่นนั้น เธอจะมีหน้าไปพบอนาคตแม่สามีได้อย่างไรเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน หลินหว่านหรูก็รู้สึกว่าตนทำถูกต้องแล้ว จากนั้นจึงกล่าวขึ้นอีกว่า “แต่ว่านะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เอาแต่ใจเท่ากับเขา แต่สำหรับเรื่องงานแล้ว ฉันกลับมีความเข้
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงและสั่นสะเทือนในใจขึ้นมาอีกครั้งถึงขนาดไม่สนใจว่าบริษัทจะล้มละลาย แม้แต่การขอร้องจากประธานบริษัทเองก็ยังไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ!นี่เป็นเผด็จการและการปกป้องที่ไร้เหตุผลชัด ๆ!ในใจหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร อาจจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานบริษัท หรืออาจจะมีสถานะที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินหว่านหรูด้วยความรู้สึกอิจฉาโดยเฉพาะผู้หญิงบางคน ในใจพวกเธอก็อดคิดไม่ได้ ว่าหากพวกเธอมีผู้ชายแบบนี้สักคน ต่อให้จะเป็นเพียงหนึ่งในหมื่น พวกเธอก็คงจะมีความสุขจนตายได้เลยการปกป้องที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ แม้แต่หลินหว่านหรูที่ถูกเย่เทียนหยู่ทะนุถนอมตลอดเวลาก็ยังรู้สึกใจเต้นเช่นกันเทียนหยู่ได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับเธออย่างแท้จริง เขาทั้งมุ่งมั่นและตั้งใจทำเพื่อเธอพอนึกย้อนกลับไป เขาก็คอยปกป้องเธออยู่เงียบ ๆ มาโดยตลอดมาเช่นกันเพียงแค่ตัวเองก่อนหน้านี้นั้นกลับโง่เขลาเกินไป ไม่สามารถแยกแยะสถานการณ์ได้ ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจ แถมยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขาตั้งหลายครั้งอีกด้วยตอนนี้พอมาคิดดูแล้
ดูท่าแล้ว อนาคตเธอคงจะก้าวหน้ามากแน่นอนพวกเขาอาจจะต้องระมัดระวังในการรับมือเอาไว้ให้ดีเมื่อจัดการเรื่องของจางเฉียงเสร็จ เรื่องของที่นี่โดยทั่วไปก็ถือว่าจบลงแล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากอยู่ต่อ เขาจึงกล่าวเสียงต่ำขึ้นว่า “ทุกท่านก็คงเห็นกันแล้ว วันนี้ ที่นี่เกิดเรื่องที่ไม่ค่อยน่าพอใจบางอย่างขึ้น”“แต่โชคดีที่ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างดี ในที่สุดก็ขจัดเนื้อร้ายของบริษัทออกไปได้ ทำให้ทุกคนสามารถตั้งใจแสดงความสามารถของตนเองได้อีกครั้ง”“ผมรู้ดี นอกจากพวกเขาเหล่านี้แล้ว ในบริษัทก็ยังมีปัญหาน้อยใหญ่อยู่อีกมากมาย การเรียกเก็บส่วยใต้โต๊ะก็มีไม่น้อย ตามความคิดเดิมของผม ผมไม่คิดจะปล่อยไปเลยแม้แต่คนเดียว ต้องการจะจัดการให้หมดทุกคน”“อย่างมาก บริษัทก็อาจจะตกอยู่ในวิกฤตสักระยะ เพื่อเผชิญกับผลกระทบบางอย่าง”“อย่าว่าแต่วิกฤตเล็ก ๆ เลย ต่อให้จะขาดทุนไปหลายร้อยล้าน หรือหลายพันล้านก็ตาม มันก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย!”เย่เทียนหยู่ยืนอยู่บนที่สูง แววตาดูมีอำนาจ เขากวาดสายตามองไปทั่วทุกทิศทาง ทุกคนที่ถูกเขามอง ต่างก็รีบก้มหน้าหลบเลี่ยงในทันที ไม่มีใครกล้าสบตาเขาเลยสักคนผ
“พอเถอะ!”เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายแล้ว จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ผมเคยบอกไปแล้ว ผมไม่ได้สนใจเงินเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดของพวกคุณคือการดูถูกภรรยาของผม!”“ดังนั้น นอกจากจางเฉียงแล้ว พวกคุณที่เหลือ เอาเงินมาชดใช้ให้หมด แล้วไสหัวออกไปจากบริษัทซะ แล้วเราจะไม่ตามเอาความอีก!”“แต่ว่านะ จางเฉียง ไม่ว่าคุณจะแสดงออกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เก็บน้ำตาที่ไม่มีค่าเหล่านั้นเอาไว้เถอะ”“ไสหัวไปซะ แล้วเตรียมตัวรับหมายศาลเอาไว้ให้ดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลายคนต่างก็พากันรู้สึกซาบซึ้งจนถึงขั้นน้ำตาไหลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ การที่ตนสามารถถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยนั้น ก็นับว่าโชคดีที่สุดแล้วแต่จางเฉียงกลับรู้สึกอ่อนแรงอย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงเลยว่าการที่ใบหน้าทั้งสองข้างบวมเป่งนั้นจะไม่มีผลอะไรเลย เมื่อนึกถึงชะตากรรมที่น่ากลัวของตัวเองแล้ว ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวทันทีเขาหันไปมองหลินหว่านหรูอีกครั้ง ความโกรธเคืองเกิดขึ้นในใจทันที ความชั่วร้ายภายในเองก็ปะทุขึ้นมา เขาจึงควักมีดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้ววิ่งตรงไปทางหลินหว่านหรูอ