หลินหว่านหรูยิ้มแห้ง พวกเขาไม่เคยยอมรับตัวเธอเลยตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะการปฏิวัติต่าง ๆ ของเธอหลังจากที่เธอได้รับตำแหน่ง ซึ่งไปขัดขวางการแอบรับญาติเข้าทำงาน แล้วจะยอมตกลงกับเธอเรื่องนี้ได้ยังไงหลังจากที่ท่านปู่ดุหลินหว่านหรูเสร็จเขาก็โทรศัพท์ไปหาทีละคนเพื่อสืบสานเรื่องราว และเพื่อยืนยันว่าถ้าหากการลงทุนนี้เกิดขาดทุน จะสร้างความเสียหายให้ตระกูลหลินมากแค่ไหนท่านปู่เป็นคนพูดเอง รวมกับว่าเขายอมชดใช้ค่าเสียหาย ทุกคนก็มั่นใจและไม่มีความเห็นอะไรอีกในเทื่อทุกอย่างเรียบร้อย หลินหว่านหรูก็เดินออกมาแล้วเริ่มขึ้นตอนการซื้อในเวลา ท่านปู่กำชับอีกครั้งว่าการซื้อหุ้นของทุกคนในบริษัทกลับมาเป็นการใช้งานของบริษัท อีกทั้งหลินหว่านหรูก็แบกรับความเสี่ยงมหาศาลไว้ทันทีที่สำเร็จธุรกิรรม หุ้นทั้งหมดนี่ถือว่าไม่เกี่ยวกับพวกเขาอีก และจะงอแงใครไหนก็ไร้ประโยชน์ทุกคนบอกว่าพวกเขาไม่ได้คัดค้านและรู้สึกตื่นเต้นมากสิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นคือหลังจากลงนามในพิธีการ พวกเขาได้รับเงินเร็วมากท้ายที่สุด ทุกคนก็จากไปพรอ้มรอยยิ้มบนใบหน้า กับคำยกย่องหลินหว่านหรูซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจ และอีกนัยหนึ่งพวกเข
“เรื่องนั้นจะเป็นไปได้ยังไงกันครับ?” หวงหงเจี้ยนดูแลเรื่องเศรษฐกิจของเมืองเทียนไห่และเก็เข้าใจเรื่องฉีเฟยกรุ๊ปดี แต่เขาคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าบริษัทที่โหลยโท่ยอย่างฉีเฟยกรุ๊ปจะฟื้นคืนกลับมาได้ยังไงกัน“เป็นไปได้ครับ”เย่เทียนหยู่พูดก่อนจะตอบกลับว่า “นายกเทศมนตรีหวง คุณยังจำได้ไหมว่าสองปีก่อน พวกคุณส่งแผนพัฒนาเมืองใหม่มาแผนหนึ่ง”หวงหงเจี้ยนตกตะลึงไปชั่วครู่ เรื่องนั้นเขาเข้าร่วมด้วย แต่อตนนั้นเขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนี้ จากนั้นเขาก็พยักหน้าตอบ “แน่นอนครับ แต่แผนการนั้นมันใหญ่มาก ต้องการเงินสนับสนุนอย่างมหาศาล มันเลยไม่ผ่านการอนุมัติ”“แต่ถึงจะไม่ผ่านอนุมัติ แต่ก็ได้รับผลประโยชน์มาไม่น้อย เพราะถนนคมนาคมรอบด้านมีการพัฒนาไปมาก พอให้จะรองรับไปอีกสิบปีได้เลยครับ”“แพทย์เซียนเย่ คุณพูดเรื่องนี้กับผมทำไมเหรอครับ?”“ถ้าผมบอกว่า แผนการนี้ของคุณผ่านการอนุมัติแล้ว และอีกไม่กี่วันจะส่งข่าวมาถึงในเมืองล่ะ” เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย“อะไรนะครับ!”“เป็นไปไม่ได้!”หวงหงเจี้ยนส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “หากการลงคะแนนเสียงผ่านจริงๆ เราจะต้องได้รับข่าวอย่างแน่นอน”หลังจากการลงคะแนน ตามปกติแล้วผู้นำหลายคนต
“งั้นก็ถูกแล้ว ดูท่าที่รัฐมนตรีไช่พูดไว้จะไม่ผิดนะครับ”“อือ ยอดไปเลยค่ะ!”“เย่เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”ดวงตาของหลินหว่านหรูแสดงถึงความตื่นเต้น แม้ว่าสถานการณ์นี้จะยังไม่มีรายละเอียดอะไรออกมาเลย แต่บริษัทสองแห่ง แห่งหนึ่งคือ ผู้ซื้อ และอีกบริษัทหนึ่งเป็นผู้ถูกซื้อกิจการ ร่วมกันจัดงานแถลงข่าว ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับที่เย่เทียนหยู่กล่าวไว้ทุกประการโดยพื้นฐานนี่ก็ถือว่าเป็นการยืนยันแน่ชัดแล้ว และขั้นตอนต่อไปคือรอเวลาบ่ายสองครึ่ง“ความพยายามครั้งนี้สำเร็จแล้วสินะ เราจะต้องไปขอบคุณรัฐมนตรีไช่สักหน่อยแล้ว โดยเฉพาะนาย ถ้าไม่ใช่เพราะรัฐมนตรีไช่ ทั้งเมืองเทียนไห่คงไร้ที่ให้นายยืนไปแล้ว”หลินหว่านหรูกล่าว“คุณควรจะขอบคุณ” เย่เทียนหยู่เห็นด้วย“ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าเราไปด้วยกันนะคะ”“ได้ครับ!”เพราะหลินว่านหรูบอกเขา ทำให้ตัวท่านปู่เองก็รับรู้ข่าวสารอย่างรวดเร็ว และเขาก็แอบโล่งใจคู่สามีภรรยาหลิวอวิ๋นซิ่วตกตะลึง พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลย เป็นไปไม่ได้ หรือว่าเขาจะซื้อคืนหุ้นของตัวเองจริง ๆ หรือต่อให้ซื้อคืนก็คงไม่ได้สนใจเงินส่วนที่ถูกฉ้อโกงไปของพวกเขาหรอกการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นเรื่อง
เดิมทีนี้เป็นเรื่องที่ส่งผลดีต่อตระกูลหลินมาก มีแต่หลิวอวิ๋นซิวที่ไม่ค่อยพอใจและพูดออกมาเสียงดัง “ได้ยังไง จะเป็นไปได้ยังไงกัน!”จากนั้นเขาก็พูดด้วยความโกรธกับเย่เทียนหยู่: “เย่เทียนหยู่ เจ้าคนหน้าด้าน เจ้าโกงพวกเราอีกแล้ว!”เย่เทียนหยู่เพิ่งเพลิดเพลินกับความคิดริเริ่มของหลินหว่านหรู ที่จะกอดเขา เขามีความสุขมากจนไม่เคยคาดหวังว่าจะมีแอ่งน้ำเช่นนี้เข้ามาหาเขาในทันทีหลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ: “แม่ นี่แม่กำลังพูดเหลวไหลอะไรอยู่คะ?”“แม่ไม่ได้พูดไร้สาระนะ ก็ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียนหยู่พูดแบบนั้น ลูกก็คงไม่ยอมซื้อหุ้นของแม่คืนน่ะสิ” สีหน้าของหลิวอวิ๋นซิ่วเต็มไปด้วยความโกรธราวกับว่าเธอจะได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจมากมาย และขึ้นมาอีกครั้ง “เย่เทียนหยู่แกจ่ายเงินชดใช้ฉันมาเลยนะ”คราวนี้ แม้แต่หลินหงก็ไม่กล้าพูดหลินหว่านหรูโกรธมากกว่าเดิมและพูดว่า “แม่ มีเหตุผลหน่อยได้ไหม!”“ลูกหมายความว่าอะไร? แม่กลายเป็นคนไร้เหตุผลไปตั้วแต่เมื่อไร?”“ดีนี่ ตอนนี้ลูกมีผู้ชายแล้ว ก็เลยลืมแม่ไปแล้วใช่ไหม?”“ชีวิตฉันช่างน่าสังเวชจริง ๆ ทำไมฉันถึงให้กำเนิดลูกสาวที่อกตัญญูแบบนี้ออกมานะ…”“พอได้แล้ว นี่มัน
“ก็ได้ค่ะ!”“เทียนหยู่ มันดึกแล้วนะ คุณคงจะมีเรื่องต้องทำ ปู่จะไม่รั้งนายเอาไว้ก็แล้วกัน” ท่าทีของคุณปู่ในครั้งนี้แตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก“อ่อ..งั้นผมไปก่อนนะครับ!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า ลุกขึ้นยืนและจากไปหลินหว่านหรูลังเล จากนั้นจึงยืนขึ้นและเดินตามไปคุณปู่ขมวดคิ้ว หลานคนนี้คงไม่ชอบเทียนหยู่จริงๆเทียนหยู่เป็นเด็กที่ไม่เลวเลยจริง ๆ แต่ท้ายที่สุดท้ายแล้ว การที่เขาไม่มีรากเหง้าและไม่มีอำนาจใดมาคอบหนุนหลังเธอ เขาก็ไม่สามารถปกป้องหว่านหรูได้ตลอดชีวิตของเขาแต่อีกฝ่ายนั้นตรงกันข้าม เขาเป็นหลานชายของเพื่อนเก่า เขาหล่อเหลา มีความสามารถ และมีตระกูลกำเนิดที่เข้มแข็ง ดังนั้นเขาจึงเหมาะสมมาก“เย่เทียนหยู่ คุณปู่อาจจะอารมณ์ไม่ดี อย่าตำหนิเขาเลย” หลินหว่านหรูปลอบใจเขา“ไม่หรอกครับ ตราบใดที่คุณดีกับผม อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว” เย่เทียนหยู่แค่ไม่อยากให้เธอกังวลมากเกินไป เพราะถึงยังไงแล้ว ครอบครัวของเธอก็รุนแรงกับเขาไม่น้อยถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของหลินหว่านหรู เขาคงจะทำให้พวกเขารู้ซึ้งถึงอำนาจของตัวเองไปแล้วแต่เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอกลับคิดว่าเย่เทียนหยู่เข้าใจอะไ
หวงหงเจี้ยนได้แต่ยิ้มแห้ง เขาอยากจะบอกจริง ๆ ว่าเขาเดาออกแล้วแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปไม่ไหวแล้วจึงได้แต่บอกความจริงไป นอกจากฐานะของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังบอกอีกด้วยว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องนี้ผู้นำไม่ได้ทำให้เรื่องนี้ยุ่งยากมากขึ้น เขาขอแค่ให้ตัวเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลนี้ เพราะบุคคลนี้มีพลังอำนาจอย่างยิ่งและเป็นผู้ครองเมืองจิงตูตัวจริงหลังจากวางสายโทรศัพท์หวงหงเจี้ยนก็ตกใจมาก ที่มาที่ไปอันน่ากลัวของแพทย์เซียนเย่คืออะไรกันแน่?ลูกชายของเขาหวงโหย่วเหวยบังเอิญเข้ามาหาเขาพอดี เมื่อเห็นท่าทางตกใจของพ่อ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามเมื่อได้ยินแบบนั้น หวงโหย่วเหวยก็ตกตะลึงอย่างมาก สถานะของเย่เทียนหยู่ในใจของเขายกสูงขึ้นไปอีกระดับหลังจากกลับมา ก็เขาโทรหาซูเหวินฮวาแล้วพูดว่า “พี่ซู ถ้าพี่พึ่งพาแพทย์เซียนเย่ได้จริง ๆ ก็อาจเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนโชคชะตาของพี่ล่ะ”“ทำไม? เกิดอะไรขึ้น?” ซูเหวินฮวาถามอย่างเร่งรีบหวงโหย่วเหวยเล่าสิ่งที่พ่อของเขาพูดซูเหวินฮวาตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น เขารู้ว่าเย่เทียนหยู่ฆ่าปรมาจารย์จากที่หวงโหย่วเหวยเล่า และแน่นอนว่าเขาเดาได้ว่าถานล่างเกี่ยวข้องกับ
“ต่อให้ตอนนี้ฉีเฟยกรุ๊ปอยู่ในมือพ่อ มันก็คงมีแต่ล้มละลายเหมือนเดิม”“ผมรู้นะว่าทั้งหมดนี่มันเป็นความผิดผม ถ้าไม่ใช่เพราะผมเราคงไม่มีวันเป็นล่วงเกินคนที่มีอำนาจอย่างเย่เทียนหยู่”แน่นอนว่าในตอนนี้หลิวเจี๋ยเข้าใจดีอำนาจของเย่เทียนหยู่นั้นเกินความสามารถที่เขาจะแข่งขันด้วย การเหยียบย่ำเขาจนตายนั้นง่ายพอ ๆ กับการเหยียบย่ำมดตัวเล็กตัวหนึ่งเท่านั้นเช่นเดียวกัน ทุกคนในตระกูลหลินก็ได้รับข่าวในไม่ช้า และพวกเขาทั้งหมดก็เริ่มเกิดอาการโศกเศร้าพวกเขาทุกคนทั้งเสียใจและรู้สึกอยากจะตายโดยเฉพาะคุณปู่หลิน ใบหน้าของเขาย่ำแย่มากเป็นพิเศษ ต้องรู้ว่าหลานสาวขอให้เก็บหุ้นเอาไว้ในนั้นต่อไป แต่ภายใต้แรงกดดันจากตัวเขาเอง ตัวเขาที่บังคับให้เธอไปเอาเงินคืนมาแบบนี้ไม่ถือว่าขาดทุนมากเท่าไร อีกทั้งยังได้กำไรมาเล็กน้อย แต่เงินทั้งหมดที่ทำได้ก็ล้วนเป็นเงินของตระกูลหลินเห็นได้ชัดว่าหากเขารออีกสักหน่อย ทรัพย์สินของตระกูลหลินจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็ถูกทำลายโดยตัวเขาเองในทางกลับกัน หลินหว่านหรู เปลี่ยนจากความหดหู่ใจในตอนแรกเป็นการค่อย ๆ มองทุกอย่างให้แตกฉานบางทีเงินจำนวนนี้ไม่ควรเป
เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ฟังเขาก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่ออีกไม่นานเราจะหย่ากันแล้วก็ช่างมันเถอะครับ ถึงเวลานั้นอย่าให้คนอื่นรู้แล้วมีแต่จะเกิดปัญหา”“แต่วัน ๆ นายจะไม่ทำอะไรเลยไม่ได้นะ”“ผมมีงานทำครับ”“นายมีงานทำ ทำอะไร ลองบอกให้ฉันฟังหน่อยซิ” หลินหว่านหรูพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“เอ่อ บอกไม่ค่อยได้น่ะ”“ฉันว่านายไม่ค่อยสะดวกพูดมากกว่า นายน่ะไปเที่ยวกับแม่สาวน้อยนั่นหลายที่เลยใช่ไหมล่ะ” หลินหว่านหรูพูดอย่างประชดประชัน พอคิดถึงเรื่องนี้เธอก็ยิ่งหงุดหงิด“ไม่ใช่นะ!”“ผมรับรองได้ว่าผมไม่มีผู้หญิงคนไหนนอกจากคุณเลยจริง ๆ” เย่เทียนหยู่พูดรับประกัน“ชิ ใครเป็นผู้หญิงของนายกันยะ!”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แต่ในใจของเธอมีความสุขอย่างอธิบายไม่ได้ และเธอพูดว่า “ในเมื่อคุณไม่อยาก งั้นก็ช่างมันเถอะ จะได้ช่วยฉันประหยัดเวลาไม่ต้องหาตำแหน่งให้นายด้วย”“ใช่ มีคุณคอยหนุนหลัง ผมก็ไม่ขาดแคลนเงินแล้วล่ะ”“นี่นาย ฉันล่ะขอชื่นชมนายจริงๆ! ถ้านายยังเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อไปเราหย่ากันแล้วนายจะทำยังไงล่ะ” หลินว่านหรูกล่าว“พอถึงเวลาจอดที่ท่า เรือมันก็จอดตรงของมันเอง บางทีอาจมีคนอื่นมาดูแลผมก
ครั้งนี้ ไป๋เถารู้สึกเจ็บใจมากจริง ๆ ทุกคำทุกประโยคที่เขาคิด คือต้องการคิดหาวิธีที่จะลากตระกูลไป๋ลงน้ำและเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋จะต้องตายอย่างแน่นอน นั่นเพราะเขาเพิ่งจะได้รับข่าวที่น่าตกใจมาก ๆ มา เรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรที่แท้ระหว่างทางมาที่โรงพยาบาล ไป๋เถาที่กำลังตกอยู่ในความสิ้นหวังนั้น ก็ได้นึกถึงการต่อสู้ครั้งนี้ขึ้นมา ก่อนที่จู่ ๆ เขาจะพบว่าตนเองอาจจะคาดการเรื่องทั้งหมดนี้ผิดไปก็ได้ที่อีกฝ่ายรับการป้องกันได้ไม่ใช่เพราะการโจมตีของตนแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะตนยังไม่ทันได้มีเวลาลงมือเลยต่างหากที่สำคัญเลยก็คือ หลังจากที่ตนมาถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน เพื่อนจากสถานีตำรวจก็โทรมาหาตำแหน่งของเพื่อนคนนี้ไม่ได้สูงมากนัก แต่เป็นเพราะเขาบังเอิญได้ยินบทสนทนาของสารวัตรเฉินกับหวงลี่ นั่นจึงทำให้เขาได้รู้ความลับที่น่าตกใจอย่างหนึ่งเข้าพูดกันว่าความเป็นมาของเย่เทียนหยู่นั้นน่ากลัวมาก เขาเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรเมื่อได้ยินคำว่าราชามังกรแห่งพรรคมังกร ทันใดนั้นไป๋เถาก็เกิดรู้สึกงงงวยขึ้นมาไม่ว่าไป๋เถาจะคิดยังไง เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตนจะเผลอไปล
“โดยทั่วไปแล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมจริง ๆ แต่วิธีการเคลื่อนไหวของเขานั้นแปลกประหลาดมาก เป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างพิเศษจริง ๆ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะกระบวนท่าที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั่น”ไป๋เถาอธิบายต่อ “พวกเราต่างก็ดูถูกเขาเกินไป คิดว่าจะสามารถจัดการได้ง่าย ๆ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายกลับลงมืออย่างกะทันหัน จนทำให้พวกเราติดกับ”“อย่างนี้นี่เอง ฉันก็ว่าอยู่ ทั้ง ๆ ที่นายเป็นคนท้าดวลเขาแท้ ๆ ทำไมจู่ ๆ นายถึงเป็นฝ่ายที่โดนเสียเอง”“ไหนจะพยัคฆ์ทมิฬนั่นอีก เขาเองก็มีสภาพเดียวกัน ยังไม่ทันได้แสดงฝีมือของตัวเองเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายก็กลับถูกอีกฝ่ายโจมตีจากด้านหลังเสียอย่างนั้น”คุณนายไป๋เองก็เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุหารณ์ทั้งสอง จึงได้พูดอธิบายสิ่งที่รู้อยู่อยู่ข้าง ๆ ด้วยเช่นกัน ยิ่งไอ้เด็กนั่นอ่อนแอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้นเมื่อหัวหน้าใหญ่ไป๋ได้ยิน เขาก็เข้าใจได้ในทันทีเขาเองก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าแค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่า ๆ จะแข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดนั้นได้ยังไงถึงเขาจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ก็ไม่มีทางอยู่ในระดับปรมาจารย์แน่นอนแถมตอนนี้ตนก็อยู่ในระดับพลังผลัดเปล
เมื่อได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของไป๋เถาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที ก่อนจะจ้องมองไปยังคุณนายไป๋ด้วยความโกรธ หลังจากที่เขาโทรเรียกรถพยาบาล 120 จนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาล เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเคืองขึ้นเรื่อย ๆคุณนายไป๋รู้สึกตกใจเมื่อถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาที่ดุร้าย เธอรู้สึกอึดอัด ก่อนจะพูดด้วยความกลัวออกไปว่า “เธอ เธอจ้องมองฉันทำไม?”หัวหน้าใหญ่ไป๋เองก็มีสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน แม้เขาจะรู้ว่าคำพูดของภรรยามีคำพูดโกหกอยู่บ้าง แต่ทั้งที่ตนถูกคนอื่นทำร้ายมาจนหมดสภาพมาแท้ ๆ ยังไงก็ไม่ควรมาพาลใส่คนอื่นแบบนี้ เขาจึงพูดด้วยเสียงต่ำออกไปว่า “ไป๋เถา นายหมายความว่ายังไง?”“พี่ใหญ่ พี่ไม่รู้อะไร ทั้งหมดก็เป็นเพราะพี่สะใภ้ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ ผมก็คงไม่ต้องไปประมือกับไอ้เด็กนั่นหรอก ยิ่งไม่มีทางลงเอยแบบนี้แน่” ไป๋เถาอธิบายด้วยความโกรธแต่หัวหน้าใหญ่ไป๋ที่ได้ยินก็กลับโกรธขึ้นอย่างมาก ก่อนจะด่าออกไปว่า “ไร้สาระ!”“เรื่องที่นายประมือกับเจ้าเด็กนั่นฉันรู้หมดแล้ว ร่างกายก็เป็นของนาย ถ้าหากไม่อยากประมือกับเขา แค่ไม่ลงมือก็ไม่มีทางเป็นแบบนี้ได้หรอก”เมื่อไป๋เถาได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกมึนงงขึ้นมาทันที เขารู้ว่าพี
ดูจากข้อมูลที่ทำความเข้าใจแล้วในปัจจุบัน การทำลายตระกูลไป๋นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างตระกูลไป๋กับแก๊งของพยัคฆ์ทมิฬ รวมถึงเรื่องที่ตระกูลไป๋เคยมีประวัติที่ไม่สะอาดมาก่อนดังนั้น เขาจึงไม่รีบร้อนที่จะจัดการกับตระกูลไป๋ แม้ว่าอีกเดี๋ยวเขายังจะต้องไปเข้าร่วมการประชุมศักดิ์สิทธิ์อยู่ก็ตามกลับคิดไม่ถึงเลยว่า คุณนายไป๋คนนี้จะชอบรนหาที่ตายมากขนาดนั้นในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็ทำให้พวกเขาสมปรารถนาก็แล้วกัน!ที่แท้ ในตอนที่เห็นเย่เทียนหยู่เดินจากไป คุณนายไป๋ก็รู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เธอจึงหันไปพูดด้วยความโกรธว่า “ไป๋เถา แกเป็นอะไรไป แค่เด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแค่นี้ก็จัดการไม่ได้ เลี้ยงขยะแบบแกเอาไว้จะมีประโยชน์อะไร!”ขยะงั้นเหรอ?ฉันเนี่ยนะขยะ!หากเป็นตอนปกติ ไป๋เถาอาจจะพออดทนได้ แต่ในตอนนี้ ความโกรธที่เต็มเปี่ยมกลับพุ่งทะลักออกมาหากไม่ใช่เพราะเธอ ด้วยการระมัดระวังตัวของฉัน คิดว่าฉันจะเจอกับชะตากรรมแบบนี้รึไง“ทำไม นี่แกยังกล้ามาจ้องหน้าฉันอีกงั้นเหรอ แกจำใส่หัวเอาไว้นะ เพราะแกนั่นแหละ แกรู้ไหมว่าแกทำให้ตระกูลไป๋ต้องสูญเสียไปมากแค่
เย่เทียนหยู่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เรื่องนี้ในมุมมองของเขา ถือเป็นเรื่องที่แน่นอนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาจึงถามออกไปว่า “สายจากตำรวจใช่ไหม?”“อือ โทรกลับมาแล้วล่ะ!”“บ่ายวันนี้แม่ของฉันถูกตำรวจพาตัวไปแล้ว ทันทีที่เธอเข้าไป เธอก็สารภาพทุกอย่างออกมาอย่างละเอียดทันที”ก่อนหน้านี้ได้ยินแม่สาบานอย่างมั่นใจแล้วแท้ ๆ บวกกับที่ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดเหตุผลที่อีกฝ่ายจะทำแบบนั้นไม่ออก เดิมทีคิดว่าคงจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับแม่แล้วจริง ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม่จะหลอกเธอมาโดยตลอดแม่ตระกูลหลินเองก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน ตอนที่ถูกพาตัวไป แขนขาเธอก็รู้สึกอ่อนแรงขึ้นมายิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังพูดอีกว่า หากยอมสารภาพความจริงทั้งหมดออกมา และได้รับการให้อภัยจากผู้เสียหาย พร้อมกับลงนามในเอกสารยินยอม เธอก็จะสามารถออกไปได้ทันทีเพราะไม่เช่นนั้น เธอก็จะต้องติดคุกอย่างแน่นอน ส่วนจะติดกี่ปีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติของตน และความร้ายแรงของความผิดที่ทำลงไปในตอนนี้ แม่ตระกูลหลินคิดว่าหลินหว่านหรูจะต้องให้อภัยตนอย่างแน่นอน เพราะเธอไม่มีทางที่จะส่งแม่แท้ ๆ เข้าคุกได้แน่ ดังนั้นจึงไม่ลังเลใจที่จะเปิดเผยทุกอย่างออกไป
เมื่อเห็นว่าไป๋เถามองมาที่ตนด้วยความโกรธ คุณนายไป๋ก็รู้สึกสับสนในทันที นี่มันหมายความว่ายังไง เธอไม่ได้เป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้สักหน่อย เธอถึงกับไม่กล้ามองเขาอีก ก่อนจะหันไปมองเย่เทียนหยู่แทนเธอเห็นเพียงเย่เทียนหยู่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีสงบนิ่งและใสซื่อเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เห็น ๆ อยู่ว่าไป๋เถาได้เปรียบตั้งแต่เริ่มแล้วนี่“ไอ้หนู ตกลงแกใช้กลอุบายอะไรอยู่กันแน่?” คุณนายไป๋พูดด้วยความโกรธ“พูดให้มันน้อย ๆ หน่อย ห้าหมื่นล้าน จะให้ได้เมื่อไหร่?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีเฉยเมย“ห้าหมื่นล้านอะไรกัน แกมันโกง แบบนี้ไม่นับ”“งั้นเหรอ?”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินคำนี้ ดวงตาของเขาก็แสดงถึงความโกรธเกรี้ยวทันที เขาเดินตรงไปหาคุณนายไป๋ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ดูท่าแล้ว ที่สั่งสอนไปเมื่อเช้าไม่เข้าหัวเลยสินะ”“แก แกจะทำอะไร อย่าลืมนะ ข้าง ๆ คือสถานีตำรวจ ช่วยด้วย ชะ......”เพี้ยะ!“อ้าย!”คุณนายไป๋ร้องเสียหลง ก่อนที่มุมปากจะมีเลือดไหลออกมาเย่เทียนหยู่พูดพลางหัวเราะเยาะออกไปว่า “เมื่อกี้ใครเป็นคนพูดกัน ว่าอย่าแจ้งตำรวจ ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย เงินห้าหมื่นล้าน การเดิมพันยังถือว
สีหน้าของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างเฉยเมย เขาส่ายหัวไปมา หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็สามารถมองออกหมดแล้ว การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายดูละเอียดอ่อนมากจริง ๆ น่าจะมีคนคอยชี้แนะอยู่แน่นอนเพราะไม่เช่นนั้น ด้วยวิธีการฝึกฝนของพวกเขา ไม่มีทางที่จะมีทักษะการเคลื่อนไหวแบบนี้แน่ แต่แล้วอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้อยู่ดีเหตุผลที่เขายังไม่ลงมือมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่ต้องการให้โอกาสพวกเขา แต่ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ไม่เกรงใจก็แล้วกันไป๋เถากลับไม่รู้อะไรเลย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เดิมคิดว่าคนตรงหน้าคงเก่งกาจมากแน่ ๆ กลับคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนถูกตนไล่ล่าแทน หากไม่เพราะเมื่อกี้มีโชคช่วยเอาไว้ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายคงโดนตนโจมตีไปแล้วที่สำคัญเลยก็คือ ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นพลังของอีกฝ่าย ซึ่งอยู่ในระดับพลังจันทราสูงสุด และอยู่ต่ำกว่าตนหนึ่งระดับที่แท้ไอ้เด็กนี่มันก็มีฝีมือแค่นี้เอง แทบไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ตนคิดเอาไว้เลยด้วยซ้ำไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะอาศัยทักษะอันยอดเยี่ยมของร่างกายมากแค่ไหน พยัคฆ์ทมิฬเองก็อาจมีแนวโน้มที่จะถูกอีกฝ่ายโจมตีด้วยทักษะร่
“งั้นเหรอ คุณนายไปช่างเก่งกาจเสียจริง”“แน่นอน แต่ตอนนี้แกจะพูดอะไรมันก็สายไปแล้ว อีกเดี๋ยว แกก็จะได้รู้ ว่าการที่มาทำให้ฉันโกรธนั้น แกจะต้องเจอกับชะตากรรมที่น่าสมเพชมากแค่ไหน”“ดูท่าแล้ว คุณนายไป๋คงมั่นใจมากเลยสินะ งั้นเอาอย่างนี้ไหม พวกเรามาพนันกัน” เย่เทียนหยู่นึกถึงเงินห้าหมื่นล้านที่จะต้องให้เฉินเฟยเฟย ตอนนี้มีคนเอามาให้ถึงที่แล้วไม่ใช่รึไง“พนันงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ถ้าผมชนะไป๋เถา คุณต้องให้ผมห้าหมื่นล้าน!”“ว่าไงนะ! ห้าหมื่นล้าน! ไอ้หนู แกรู้ไหม ว่าเงินห้าหมื่นล้านมันมากแค่ไหน แกจะเอาอะไรมาพนันกับฉัน?” คุณนายไป๋รู้สึกว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้บ้า ก็คงเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยอย่าว่าแต่เด็กน้อยอย่างเขาเลย ต่อให้เป็นหัวหน้าใหญ่ไป๋ก็เกรงว่าคงไม่กล้าลงเดิมพันมากถึงห้าหมื่นล้านแบบนี้แน่“ก็ใช้ชีวิตของผมไง ถ้าผมแพ้ ชีวิตของผม พวกคุณจัดการได้ตามสบายเลย!”“ชีวิตที่ไร้ค่าอย่างแกเนี่ยนะ กล้าดียังไงเอามาเทียบกับเงินห้าหมื่นล้าน?” คุณนายไป๋หัวเราะออกมาเสียงดัง อย่าว่าแต่ไอ้สวะนี่เลย ชีวิตใครบ้างที่จะมีค่าถึงห้าหมื่นล้าน?“งั้นจะไม่พนันก็ได้ มาสู้กันเลยเถอะ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าท
สารวัตรเฉินที่ได้ยินก็โกรธจัดทันที คุณนายไป๋คนนี้คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน เธอไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่กำลังจะทำการตักเตือนแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็พูดขึ้นมาก่อน เขาพูดพร้อมรอยยิ้มออกไปว่า “สารวัตรเฉินครับ ในเมื่อพวกเขาชอบก่อความวุ่นวาย ไม่งั้นก็ให้โอกาสพวกเขาสักครั้งเถอะครับ”“เอาแบบนี้ คุณชื่อไป๋เถาใช่ไหม หากว่าคุณยินดี พวกเราก็มาประมือกันสักหน่อย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ก็จะไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น” ไป๋เถากำลังจะปฏิเสธ แต่คุณนายไป๋ก็กลับพูดขึ้นมาก่อนว่า “ได้ แกเป็นคนพูดเองนะ ต่อให้แกตายไปนั่นมันก็สมควรแล้ว”ไป๋เถารู้สึกอึ้งทันที พี่สะใภ้ นี่คุณกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงก็พูดได้นี่ ยังไงก็ไม่ได้เป็นคนลงมือเองอยู่แล้ว แถมคนที่ถูกส่งไปตายก็ไม่ใช่ตัวเองอีกไม่ใช่รึไง?เขาเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก ดังนั้น เขาจึงคอยสังเกตเย่เทียนหยู่อยู่ตลอดเวลาแต่ยิ่งสังเกตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่กล้ามองข้ามเขาไปมากเท่านั้นโชคดีที่สารวัตรเฉินรีบปฏิเสธขึ้นมา “ไม่ได้ครับ พวกคุณอาจจะประมือกันก็ได้ แต่ที่นี่คือสถานีตำรวจ จะให้เกิดเหตุการณ์เลือดตกยา