ซูถิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินแล้วพูดว่า “นายน้อยซู หว่านหรูคออ่อนจริง ไม่อย่างนั้นคุณจะดื่มอีกสามแก้ว หลังจากดื่มสามแก้ว เราจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ”เมื่อได้ยินดังนั้น หลินหว่านหรูก็ตระหนักว่าถ้าดื่มสามแก้วลงไปจริง เธออาจจะไม่สามารถกลั้นไว้ได้นาน แต่เรื่องนี้ถูกเสนอขึ้นมาโดยซูถิง เธอจะปฏิเสธมันได้อย่างง่ายดายได้ยังไงหลังจากคิดดูแล้ว ถ้าดื่มแค่สามแก้วก็ยังพอลองดูได้นายน้อยซูเห็นท่าทางส่งซิกของซูถิงแล้วพูดว่า “ได้ สามแก้วก็สามแก้ว ถ้าประธานหลินดื่มสามแก้วนี้หมด เราจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกันทันที”เขาไม่ได้บอกว่าตกลงจะร่วมมือ เขาเพียงแค่จะหารือเท่านั้นเมื่อเห็นนายน้อยซูยืนยันข้อตกลง หลินหว่านหรูก็พยักหน้าและมองแก้วเหล้าที่ซูถิงเทไวจนเต็มเกมอยู่ เธอหยิบแก้วขึ้นมาและดื่มหมดในอึกเดียวแต่ในขณะนี้เองก็มีคนผลักประตูเข้าไปเขาดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที“หว่านหรู ถ้าดื่มไม่ไหวก็เลิกฝืนได้แล้ว”“สามแก้วใช่ไหม? ผมจะดื่มเอง!”คนที่มาคือเย่เทียนหยู่ซึ่งพุ่งตรงเข้ามา ร้านอาหารแห่งนี้เป็นของตระกูลซา พอดีกับที่เขาได้พบกับถานล่างเลยรู้ได้ทันทีว่าหลินหว่านหรูอยู่ในห้องไหน ดังนั้นเ
“แก!” ซูเหวินฮุยโกรธจัด ไอ้เจ้าโง่เง่าที่โผล่มาจากไหนไม่รู้คนนี้กล้ายั่วยุเขาเมื่อหลินหว่านหรูเห็นดังนั้น เธอไม่เพียงแต่กังวลเรื่องความร่วมมือ แต่เธอกังวลว่าเย่เทียนหยู่จะล่วงเกินตระกูลซู เธอจึงรีบพูดว่า “เย่เทียนหยู่อย่าพูดไร้สาระนะ! นายน้อยซูเป็นใครจะมาโกหกเราได้ยังไง?”ในขณะเดียวกันก็รีบพูดต่อว่า “นายน้อยซู เราเข้าใจคุณผิดเองค่ะ อย่าโกรธเลยระคะ ฉันเชื่อว่าคุณต้องจริงใจอยากร่วมมือกับเราแน่นอนค่ะ”เย่เทียนหยู่แอบชอบสิ่งที่เธอพูดผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ไร้สมอง อย่างน้อยเธอก็รู้จักวิธีเสียดสีด้วยคำพูดที่ดูเหมือนจะเคารพนับถือแต่เขาไม่รู้เลยว่า อันที่จริงหลินหว่านหรูแค่ไม่อยากล่วงเกินน้อยซูแต่ซูเหวินฮุยกลับยอมรับคำชมนั้น เขาดูพูดอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งว่า “แน่นอนว่าผมน่ะจริงใจ ส่วนพวกคุณน่ะเข้าใจผิดแล้ว”“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ถ้าเขาดื่มเหล้าเหมาไถสามขวดหมดได้โดยไม่เป็นอะไรเลย ผมจะยอมลงทุนห้าร้อยล้านบาทในบริษัทเครื่องสำอางของกลุ่มบริษัทคุณทันที”สามขวด จะเป็นไปได้ยังไงกัน หลินหว่านหรูกำลังจะโต้เถียงเขาแต่เย่เทียนหยู่กลับรับคำพูดและพูดอย่างใจเย็น: “พูดจริงเหรอครับ นายน้อยซู
ซูถิงรู้สึกหดหู่ในใจเป็นอย่างมาก แต่กลับต้องพยายามแสดงสีหน้ามีความสุขออกมาเย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “นายน้อยใหญ่ตระกูลซูไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ ผมมีอาหารให้กินมีน้ำให้ดื่ม แถมยังมีภรรยาสวยด้วย อย่างผมคงไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ”สีหน้าของนายน้อยซูเริ่มเผยความเยือกเย็นออกมา เขาไม่ได้สั่งให้คนไปจัดการเย่เทียนหยู่ในทันทีเมื่อเขาออกมา แต่เขาจัดให้คนทำการตรวจสอบเย่เทียนหยู่ก่อนนี่เป็นนิสัยและความเคยชินของเขา เพราะก่อนจะลงมือกับใคร จะต้องเข้าใจบุคคลนั้นอย่างชัดเจนก่อนเมื่อลงมือแล้ว มันก็จะต้องเด็ดขาดร้ายแรงและไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แม้ว่าจะมีการลงนามความร่วมมือแล้วและตามข้อตกลง เมื่อเขาไปลงนามพิธีการที่เหลืออีกเล็กน้อยในวันพรุ่งนี้ ก็จะได้รับเงินห้าร้อยล้านก็จะเข้าบัญชีทันที แต่หลินหว่านหรูกลับไม่ค่อยมีความสุขนัก“เย่เทียนหยู่ วันนี้ขอบใจนายนะ แต่นายดื่มไปหนักขนาดนั้นนายยังโอเคใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรครับ เหล้าสองสามขวดไม่ได้มีอะไรหรอก” เย่เทียนหยู่ใช้พลังเวทย์ภายในของเขาเพื่อแก้ไขเรื่องนั้นไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่แกร่งขนาดนั้น“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่คุณทำให้นายน้อยซูขุ่นเคืองนะ ยั
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกโมโหทันทีและพูดออกไปด้วยความโกรธ: “พวกเขาคิดจะทำอะไรคะ เงินนั่นมันไม่ใช่เงินที่เราบังคับให้พวกเขาลงทุนสักหน่อย แล้วทำไมเราจึงต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย?ผ”“ก็ใช่น่ะสิ แม่ก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน แต่คราวนี้ปู่รองของเธอเป็นคนพาทุกคนมาด้วยตัวเอง บอกว่าต่อให้ต้องตัดญาติก็ต้องเอาเงินคืนไปให้ได้”หลิวอวิ๋นซิ่วกล่าวอย่างกังวลใจ“คุณปู่ว่ายังไงบ้างคะ?” หลินหว่านหรูถาม“เพื่อนเก่าของคุณปู่ของคุณที่เมืองจิงตูป่วยหนักเลยบินไปตั้งแต่ตอนบ่าย”“พวกเขาจงใจเลือกตอนคุณปู่ไม่อยู่เหรอคะ ได้ค่ะ หนูจะกลับไปเดี๋ยวนี้”หลินหว่านหรูวางสายโทรศัพท์ด้วยความโกรธและพูดว่า “คนพวกนี้ไร้ยางอายชะมัดเลย”แม้ว่าเธอจะไม่พอใจกับสมาชิกในครอบครัว แต่เขาก็ไม่ค่อยด่าพวกเขาแบบนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าหลินหว่านหรูไม่พอใจมาก“คุณโอเคไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ไม่เป็นไรคะ แต่ฉันต้องกลับไปหาที่บ้านตระกูลหลินก่อน” หลินหว่านหรูกล่าว“ผมจะไปกับคุณด้วยครับ”“อือ!”หลินหว่านหรูอารมณ์ไม่ดีเลยไม่ได้ปฏิเสธไม่ให้เย่เทียนหยู่ไปเป็นเพื่อนเพราะทั้งคู่ต่างก็ดื่มเหล้ากันมา ก็เลยหาคนขับรถแทนเย่เทียนหยู่
“ใช่ เย่เทียนหยู่ แกออกไปจากที่นี่ซะ ตระกูลหลินไม่ต้อนรับแก”“ถ้าไม่ใช่เพราะแก ตระกูลหลินของเราจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายแบบนี้ได้ยังไง?”หลินหงกล่าวด้วยความโกรธเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและพูดอย่างใจเย็น: “ตระกูลหลินวุ่นวายแบบนี้ เพราะไม่ยอมฟังที่ผมพูดแล้วส่งเงินไปให้หลินเจี๋ยเอง ทำไมมาโทษผมล่ะครับ?”“แกยังจะแก้ตัวอีก มันก็เพราะแกนั่นล่ะ!” หลิวอวิ๋นซิ่วพูดด้วยความโกรธ“ได้ คุณบอกว่าเป็นเพราะผม งั้นบอกเหตุผลผมสักข้อได้ไหม?” เห็นแก่หลินหว่านหรูเย่เทียนหยู่จึงถามอย่างใจเย็น“เพราะว่า เพราะแกทำตัวให้เกลียดน่ะสิ ทำให้เรายิ่งเชื่อหลิวเจี๋ยยังไงล่ะ” หลิวอวิ๋นซิ่วคิดอยู่พักก่อนจะคิดออกมาเหตุผลหนึ่ง“นี่เป็นเหตุผลของพวกคุณเหรอครับ?”เย่เทียนหยู่ยกมุมปากเป็นการยิ้มเยาะแม้ว่าคนอื่นจะเกลียดเย่เทียนหยู แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหตุผลนี้งี่เง่ามากหลิวอวิ๋นซิ่วโกรธจัดและพูดด้วยความโกรธ: “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตระกูลหลินไม่ต้อนรับแก!”“ไม่ต้อนรับผมเหรอครับ ดูเหมือนว่าคุณคงไม่อยากแก้ไขปัญหาฉ้อโกงเงินทุกคนครั้งนี้แล้วสินะ” เย่เทียนหยู่พูด“พูดจาเหลวไหล หรือปัญหานี้แกแก้ไขได้หรือยังไง?” หลิวอวิ๋นซ
“หลิวอวิ๋นซิ่ว เธออย่ามาพูดจาไร้สาระพรรคนี้ บอกว่าเงินพวกนี้จะชดใช้วันนี้ไหม?” หลินเหว่ยผู้เป็นปู่รองไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอและถามย้ำตอนนี้พี่ใหญ่ของเขาไม่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าวันนี้จะเป็นเช่นไร เขาก็ต้องพยายามเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ไม่อย่างนั้น หากพี่ชายคนโตกลับมาและอยากจะขับไล่พวกเขาออกไปจริงๆ พวกเขาเองก็คงไม่มีทางเลือกส่วนเรื่องโทรศัพท์ตอนนี้พวกเขาก็เลิกสนใจกันแล้วจริง ๆ แล้วปู่ของหลินหว่านหรูโทรมาเมื่อครู่นี้ แต่พวกเขาไม่ฟังเลยหลิวอวิ๋นซิ่วตกใจกลัวท่าทางก้าวร้าวของปู่รองที่ และอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวหลินหว่านหรูรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขาและกล่าวว่า: “ปู่รองคะ จะทำอะไรก็ต้องมีหลักมีเกณฑ์กันบ้างนะคะ เราอาจมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้อยู่บ้างก็จริง แต่จะโทษทุกอย่างใส่เราไม่ได้นะคะ”“หว่านหรู หลานควรเข้าใจนะว่า พวกเราเก็บออมเงินพวกนี้มายากลำบาก ตอนนี้เราทุกคนถูกหลอก แล้วเราจะทนได้ยังไง?”“พวกเราไม่เหมือนพวกหลานนะ ที่ดูแลหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทและมีเงินมากมาย”ท่านปู่รองสุภาพกับหลินหว่านหรูมาก“ฉันเข้าใจนะคะ แต่ตอนนี้บริษัทมีปัญหามากมาย เอาแบบนี้ได้ไหมคะทุกคนกลับไปก่อน พอเสถาน
เรื่องพวกนี้จะแก้ไขได้ง่ายขึ้นเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว จะให้เขาบอกว่าเขาให้ถานล่างไปซื้อฉีเฟยกรุ๊ปคงไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นคนพวกนี้คงยิ่งไม่เชื่อไปกันใหญ่“ทำไม ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ?”“เรื่องโกหกถูกเปิดเผยแล้ว แกคงพูดไม่ออกเลยสิท่า”“หลิวอวิ๋นซิ่วฉันขอบอกเลยนะ ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เงินฉันจะสู้กับเธอให้ตายไปข้าง” บางคนถึงกับเรียกชื่อกับตั้งใจจะสู้กันเลยทีเดียว ดูท่าจะร้อนใจกันมากจริง ๆหลิวอวิ๋นซิ่วโกรธมาก เธอก็เสียหายไปมากเหมือนกัน เงินเก็บของเธอเองก็ถึงกับหมดเกลี้ยงขณะที่กำลังจะเถียง เธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฝูงชนกำลังจะพุ่งเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางเดือดดาลก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะยังไงลูกสาวของเธอก็เป็นประธานบริษัท คนอื่น ๆ ต่างก็ทั้งเคารพและทำท่าประจบประแจง แต่มาวันนี้พวกเขาทุกคนราวกับเป็นบ้าไปแล้วท่านปู่รองโบกมืออีกครั้ง ส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ และพูดกับหลินหว่านหรูว่า “หว่านหรู หลานพูดเถอะ ให้คำอธิบายกับปู่รองคนนี้หน่อย”หลินหว่านหรูลังเลและกำลังจะพูดเย่เทียนหยู่พูดก่อนว่า “หว่านหรู ถ้าพวกเขาอยากจะคืนเงินจริง ๆ คุณคืนเป็นขั้นต่ำให้พวกเขาดีไหมครับ”“เย่เทียนหยู่ แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอ
เย่เทียนหยู่เข้าใจความโกรธของหลินหว่านหรูดี จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ทำให้คุณลำบากใจแน่นอนรับ”“อันที่จริง เรื่องการซื้อกิจการที่ผมเพิ่งพูดไปเป็นเรื่องจริง!”“ข่าวนี้รัฐมนตรีไช่เปืดเผยให้ผมฟังเองครับ ถ้สคุณไม่เชื่อผม คุณก็ควรเชื่อรัฐมนตรีไช่นะ” เขาซ่อนมันไว้ไม่ให้ผู้อื่นรู้ แต่กับหลินหว่านหรู เย่เทียนหยู่ไม่มีเจตนาที่จะปิดบังมันแต่ตัวเขาเองไม่มีความน่าเชื่อถือมากพอ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอ้างถึงรัฐมนตรีไช่“รัฐมนตรีไช่พูด เขาพูดแบบนั้นเมื่อไรกัน?”หลินหว่านหรูตกใจ ถ้าหากว่ารัฐมนตรีไช่พูดจริง ๆ มันอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ“วันนี้ฉันไปตรวจหลานชายของเขา เขาก็เลยบอกกับผมน่ะ เหตุผลมันก็ง่ายมากเพราะฉีเฟยกรุ๊ปไม่เพียงแต่จะไม่ล้มละลายเท่านั้น แต่ยังจะได้เริ่มต้นใหม่ด้วยครับ”“อะไรนะ จะเป็นไปได้ยังไง!”เมื่อเทียบกับข่าวก่อนหน้านี้ เรื่องนี้ทำให้ใจของเธอตกใจยิ่งกว่าเดิม“ผมก็แปลกใจเหมือนกันครับ แต่รัฐมนตรีไช่พูดอย่างนั้นเอง ส่วนเหตุผลที่แน่ชัดผมเองก็ไม่แน่ใจ” เดิมทีเย่เทียนหยู่อยากจะบอก หลินหว่านหรูเกี่ยวกับการวางผังเมืองใหม่
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป
“ช่างเถอะ เห็นแก่หน้าหว่านหรู ผมเองก็ไม่อยากจะเถียงกับคุณแล้วเหมือนกัน”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกำลังจะกดโทรออกแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของโจวฉิงก็ดังขึ้น เธอก้มลงมองครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “มะ หม่าต้านโทรมาค่ะ”“โอ้ พอดีเลย จะได้ประหยัดค่าโทรศัพท์ด้วย!”เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีเรียบเฉย“......”โจวฉิงจึงรีบกดรับสายอย่างช่วยไม่ได้ และเพื่อให้เย่เทียนหยู่ได้ยินเนื้อหาบทสนทนา เธอจึงกดเปิดลำโพงทันทีที่รับสาย พร้อมกับพูดด้วยความสุภาพออกไปว่า “ค่ะ ประธานหม่า!”แต่หม่าต้านกลับไม่สุภาพเลยแม้แต่น้อย เขาส่งเสียงฮึดฮัดออกมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ประธานโจว คุณพิจารณาข้อเสนอที่เรามอบให้ไปถึงไหนแล้ว?”โจวฉิงเหลือบมองไปยังเย่เทียนหยู่ ก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ประธานหม่าคะ ข้อเรียกร้องของคุณค่อนข้างที่จะเข้มงวดเกินไป พวกเราไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ ค่ะ”“งั้นเหรอ หมายความว่าพวกคุณไม่ยินยอมสินะ?” หม่าต้านโกรธจัดโจวฉิงหันไปมองเย่เทียนหยู่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา แต่ก็ย
เมื่อเห็นว่าโจวฉิงเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดสักเท่าไหร่ หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยออกมาว่า “โจวฉิง แค่เงินไม่กี่หมื่นล้าน สำหรับเทียนหยู่แล้ว มันแทบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยด้วยซ้ำ!”“เอ่อ......”โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย ที่เธอพูดออกมาว่าหลายหมื่นล้านนั้น เดิมทีก็เป็นคำพูดที่เกินจริงอยู่แล้ว แน่นอน เกี่ยวกับการสร้างโรงงาน รวมถึงการซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เงินที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้กับค่าใช้จ่ายจำนวนหมื่นล้านมันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเมื่อหลินหว่านหรูเห็นว่าโจวฉิงยังไม่ค่อยเชื่อ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะเปิดข้อความให้ดู พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกไปว่า “ไม่งั้น คุณก็ลองดูสิ่งนี้ก่อนสิ”โจวฉิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอพยายามลองมองอย่างละเอียด ก่อนที่ต่อมาสีหน้าจะเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจ และถามออกไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อขึ้นว่า “ห้าแสนล้านเหรอคะ?” ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นจำนวนเงินมหาศาลจนน่าตกใจมากขนาดนี้มาก่อน“นี่ เขาเป็นคนให้คุณเหรอคะ?”“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ พอเขาเห็นว่าฉันอยากจะลงทุนกับอุตสาหกรร
โจวฉิงรู้สึกสับสนนิดหน่อย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาพูดเรื่องการร่วมมือได้ หรือว่าอีกฝ่ายจะสามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ เพียงแต่รอดูว่าตนจะสามารถให้ผลประโยชน์อะไรได้บ้างก็เท่านั้นใช่ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน!เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “คุณเย่คะ แล้วคุณคิดว่าเราควรจะร่วมมือกันในรูปแบบไหนถึงจะดีคะ?”“ผมว่าคุณเป็นคนเสนอจะดีกว่านะครับ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโจวฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงขีดจำกัดที่พ่อเธอมี เธอจึงพูดออกไปว่า “หากเป็นไปได้ พวกเราก็หวังว่าจะได้รับเงินลงทุนประมาณสองพันห้าร้อยล้านค่ะ จากนั้นหุ้นให้พวกคุณถือหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ว่า การบริหารและการดำเนินงานต่าง ๆ ให้อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเราค่ะ”ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างพิเศษเช่นนี้ อันที่จริงเธอเองก็ไม่กล้าที่จะหวังอะไรมากเหมือนกัน“สองพันห้าร้อนล้านมันน้อยเกินไป ทำให้น้ำกระเซ็นยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”“งั้นเอาอย่างนี้นะ พวกเราจะมอบเงินลงทุนให้คุณหนึ่งหมื่นล้าน แลกกับหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์! และต้องให้หลินหว่านหรูเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการบริหารด้วย คุณคิดว่าแบบนี้เป็นไงบ้าง?”หนึ่งหมื่นล้านงั้นเหรอ?โจวฉิงรู้สึกตกใจ นี
โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย นี่หลินหว่านหรูกำลังจะไปถามใครกันอย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก ทำได้เพียงรีบเดินตามไปเท่านั้น แม้เรื่องนี้จะเร่งด่วนมากก็ตาม แถมอีกฝ่ายยังกำหนดเวลาให้ถึงแค่ภายในวันนี้อีกต่างหาก ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ทานข้าวก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินเพียงสามนาทีเท่านั้น ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงด้านหน้าของห้องอาหารสุดหรูกันแล้วเห็นได้ชัดว่าราคาจะต้องแพงหูฉีกแน่นอน คนธรรมดาไม่มีทางมาทานข้าวในที่แบบนี้ได้ บรรยากาศด้านในเองก็ดีมากเช่นกัน ทั้งสะอาดเรียบร้อยทั้งสะดวกสบายตามห้องอาหารส่วนตัวที่เย่เทียนหยู่บอกเอาไว้ หลินหว่านหรูจึงได้เดินเข้าไปในทันทีโจวฉิงเองก็เดินตามหลังไปติด ๆ ทันทีที่เดินเข้าไป เธอก็เห็นชายหนุ่มอายุราว ๆ ยี่สิบกว่า ๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ด้านในรูปลักษณ์ของเขานั้น ทั้งหล่อและมีเสน่ห์อย่างมาก รูปร่างเองก็ได้มาตรฐาน แค่มองแวบแรก ก็รู้ได้เลยว่าเขาจะต้องเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสาว ๆ อย่างแน่นอนเขาคือใครกัน อย่าบอกนะว่าเขาคือแฟนของหลินหว่านหรู หลินหว่านหรูช่างตาดีเสียจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถมากแค่ไหน คงไม่ได้เป็นแค่ผู้ชาย
และการที่มู่หรงอินทำดีกับตนแบบนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเทียนหยู่ รักรังนกก็ต้องรักตัวนกด้วยเมื่อย้อนกลับมาดูตัวเอง ทำไมตนถึงไม่มีแม่แบบนี้บ้างกันนะพูดถึงความแตกต่าง ความแตกต่างระหว่างเธอกับเทียนหยู่ในตอนนี้มันก็คือความรู้สึกแตกต่างที่แม่ของเธอเคยมองเธอกับเย่เทียนหยู่มาก่อน แต่คุณป้ากลับไม่เคยดูถูกตัวเธอเลยสักครั้ง กระทั่งอาจจะดูแลเอาใจใส่เธอมากกว่าเสียด้วยซ้ำเมื่อนึกถึงแม่ของตัวเอง ไม่รู้เลยว่าช่วงนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง อย่างจะโทรหาอยู่ลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังคงอดทนเอาไว้และต่อให้เธอจะไม่โทร แม่ของเธอก็ไม่คิดจะโทรหาเธออยู่ดีช่างเถอะ ทำไมจะต้องคิดมากขนาดนั้นด้วย อย่างน้อยก็ยังมีเทียนหยู่ที่ดีกับเธอ เมื่อนึกถึงเย่เทียนหยู่ ริมฝีปากหลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเวลาล่วงเลยจนมาถึงเที่ยงวัน หลินหว่านหรูก็ได้รับสายของเย่เทียนหยู่ ไม่นานเธอก็รีบลงจากตึกเพื่อออกไปข้างนอกทันทีที่เธอเพิ่งจะเดินออกมา เธอก็เห็นโจวฉิงที่ดำลังเดินอย่างเร่งรีบอยู่ด้านนอกเข้าในทันทีโจวชิงสวมใส่ชุดเดรส ร่างกายของเธอเพรียวบาง ขาเรียวยาว แต่สีหน้าของเธอกลับดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ใ
หลังจากที่คำนั้นถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที หนึ่งในพนักงานถึงกับอดไม่ได้จนต้องร้องอุทานออกมาเสียงดัง“ประธานเย่คะ พวกเรารู้ดีค่ะ ว่าประธานหลินมีข้อขัดแย้งกับคุณ แต่ว่าประธานหลินเป็นคนดีมากเลยนะคะ เธอคือความหวังของบริษัท อย่างไล่เธอออกเลยได้ไหมคะ?”“ใช่ค่ะ ประธานเย่คะ ขอร้องล่ะค่ะ ให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะคะ”“ใช่แล้วครับ ประธานเย่ พวกเราต้องการประธานหลินครับ!”“ช่วยให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะครับ!”“......”เมื่อมีผู้นำ ก็ย่อมมีผู้ตาม ไม่นาน ทุกคนต่างก็พากันพูดขอร้องด้วยความตื่นเต้นเพื่อให้หลินหว่านหรูได้ทำงานที่บริษัทต่อ จะเห็นได้ว่า ในสายตาของพวกเขา หลินหว่านหรูทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากจริง ๆฉากแบบนี้ อย่าว่าแต่เย่ซานที่ได้รู้เรื่องอะไรยังรู้สึกอึ้งเลย แม้แต่หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกสับสนไปด้วยเช่นกันเธอคิดไม่ถึงเลยว่า นี่เพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่ทุกคนก็กลับให้การสนับสนุนเธอมากถึงขนาดนี้เย่ซานรู้สึกตกใจ ในเวลานี้เขาเองก็เพิ่งจะเข้าใจ ว่าหลินหว่านหรูยอดเยี่ยมกว่าที่ตนคิดเอาไว้มาก การที่ท่านประธานพูดแบบนั้น เกรงว่าไม่ใช
“ฉันเองก็ไม่รู้ เธออาจจะต้องพึ่งตัวของเธอเองแล้วล่ะ”เมื่ออดีตราชามังกรพูดมาถึงตรงนี้ เขาจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกมาอีกว่า “เทียนหยู่ เรื่องของตระกูลเย่เธอเองก็น่าจะได้ยินมาบ้างแล้วใช่ไหม?”“อือ!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า“เธอคิดเอาไว้บ้างไหม ว่าจะจัดการยังไง?” อดีตราชามังกรถาม“อีกไม่นานผมจะเดินทางไปที่อาณาจักรมังกรแล้วครับ” นี่คือแผนที่เย่เทียนหยู่คิดเอาไว้ในใจ สำหรับอาจารย์แล้ว เขาเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง“เธอนี่นะ จิตใจดีจนเกินไปจริง ๆ กะแล้วว่าจะต้องเลือกแบบนี้ แต่มีอีกเรื่องที่ฉันอาจจะต้องบอกเธอให้รู้เอาไว้ เกี่ยวกับเรื่องที่ตระกูลเย่ถูกกดขี่อยู่ตอนนี้ อันที่จริงเบื้องหลังมีผู้มีอำนาจที่แข็งแกร่งมาก ๆ ผู้หนึ่งคอยหนุนหลังอยู่น่ะสิ”“ใครเหรอครับ?”“ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่เขาก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับเทพยาดาแดนดินที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว”“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ หากเป็นเช่นนี้ ตระกูลเย่ก็แทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยน่ะสิครับ?”“นั่นเพราะยังไม่จำเป็นต้องให้เขาเป็นคนลงมือด้วยตัวเองน่ะสิ ถ้าหากเธอช่วยตระกูลเย่ เธอก็อาจจะเผลอไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตผู้นั้นเข้าก็ไ
เมื่อคืนเธอสามารถหลับได้อย่างสบายใจ หลักจากที่ตื่นเช้าขึ้นมา พอหลินหว่านหรูลงจากเตียง เธอก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขช่วงหลายวันมานี้ เธอไม่เคยรู้สึกสบายใจเท่ากับเมื่อคืนมาก่อนเลยรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน ทำไมตัวเองถึงได้มีความสุขมากขนาดนี้ช่วงเวลาเก้าโมงเช้า หลินหว่านหรูปรากฏตัวที่บริษัทตามเวลาเข้างาน หลังจากที่เธอทบทวนมาทั้งคืน เธอก็เปลี่ยนการตัดสินใจของเธอ นี่ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องจากเทียนเฟิงกรุ๊ปไปเพราะแบบนั้นมันก็เท่ากับเธอกำลังหนีปัญหาในช่วงเวลาที่สำคัญ หรือต่อให้เธอจะต้องจากไปจริง ๆ เธอก็ควรที่จะสร้างผลงานให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงจะรู้สึกผิดต่อความรักความเอ็นดูที่มู่หรงอินมีต่อเธอเป็นแน่เมื่อเห็นหลินหว่านหรู ทุกคนต่างก็แสดงความเคารพต่อเธอด้วยความจริงใจแม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่การบริหารและการจัดการของหลินหว่านหรูก็ทำให้ทุกคนรู้สึกประทับใจมากจริง ๆประสิทธิภาพของบริษัทเองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัจจุบันผลทางสถิติอาจจะยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่มันก็ทำให้ทุกคนสามารถ