เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกโมโหทันทีและพูดออกไปด้วยความโกรธ: “พวกเขาคิดจะทำอะไรคะ เงินนั่นมันไม่ใช่เงินที่เราบังคับให้พวกเขาลงทุนสักหน่อย แล้วทำไมเราจึงต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย?ผ”“ก็ใช่น่ะสิ แม่ก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน แต่คราวนี้ปู่รองของเธอเป็นคนพาทุกคนมาด้วยตัวเอง บอกว่าต่อให้ต้องตัดญาติก็ต้องเอาเงินคืนไปให้ได้”หลิวอวิ๋นซิ่วกล่าวอย่างกังวลใจ“คุณปู่ว่ายังไงบ้างคะ?” หลินหว่านหรูถาม“เพื่อนเก่าของคุณปู่ของคุณที่เมืองจิงตูป่วยหนักเลยบินไปตั้งแต่ตอนบ่าย”“พวกเขาจงใจเลือกตอนคุณปู่ไม่อยู่เหรอคะ ได้ค่ะ หนูจะกลับไปเดี๋ยวนี้”หลินหว่านหรูวางสายโทรศัพท์ด้วยความโกรธและพูดว่า “คนพวกนี้ไร้ยางอายชะมัดเลย”แม้ว่าเธอจะไม่พอใจกับสมาชิกในครอบครัว แต่เขาก็ไม่ค่อยด่าพวกเขาแบบนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าหลินหว่านหรูไม่พอใจมาก“คุณโอเคไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ไม่เป็นไรคะ แต่ฉันต้องกลับไปหาที่บ้านตระกูลหลินก่อน” หลินหว่านหรูกล่าว“ผมจะไปกับคุณด้วยครับ”“อือ!”หลินหว่านหรูอารมณ์ไม่ดีเลยไม่ได้ปฏิเสธไม่ให้เย่เทียนหยู่ไปเป็นเพื่อนเพราะทั้งคู่ต่างก็ดื่มเหล้ากันมา ก็เลยหาคนขับรถแทนเย่เทียนหยู่
“ใช่ เย่เทียนหยู่ แกออกไปจากที่นี่ซะ ตระกูลหลินไม่ต้อนรับแก”“ถ้าไม่ใช่เพราะแก ตระกูลหลินของเราจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายแบบนี้ได้ยังไง?”หลินหงกล่าวด้วยความโกรธเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและพูดอย่างใจเย็น: “ตระกูลหลินวุ่นวายแบบนี้ เพราะไม่ยอมฟังที่ผมพูดแล้วส่งเงินไปให้หลินเจี๋ยเอง ทำไมมาโทษผมล่ะครับ?”“แกยังจะแก้ตัวอีก มันก็เพราะแกนั่นล่ะ!” หลิวอวิ๋นซิ่วพูดด้วยความโกรธ“ได้ คุณบอกว่าเป็นเพราะผม งั้นบอกเหตุผลผมสักข้อได้ไหม?” เห็นแก่หลินหว่านหรูเย่เทียนหยู่จึงถามอย่างใจเย็น“เพราะว่า เพราะแกทำตัวให้เกลียดน่ะสิ ทำให้เรายิ่งเชื่อหลิวเจี๋ยยังไงล่ะ” หลิวอวิ๋นซิ่วคิดอยู่พักก่อนจะคิดออกมาเหตุผลหนึ่ง“นี่เป็นเหตุผลของพวกคุณเหรอครับ?”เย่เทียนหยู่ยกมุมปากเป็นการยิ้มเยาะแม้ว่าคนอื่นจะเกลียดเย่เทียนหยู แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหตุผลนี้งี่เง่ามากหลิวอวิ๋นซิ่วโกรธจัดและพูดด้วยความโกรธ: “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตระกูลหลินไม่ต้อนรับแก!”“ไม่ต้อนรับผมเหรอครับ ดูเหมือนว่าคุณคงไม่อยากแก้ไขปัญหาฉ้อโกงเงินทุกคนครั้งนี้แล้วสินะ” เย่เทียนหยู่พูด“พูดจาเหลวไหล หรือปัญหานี้แกแก้ไขได้หรือยังไง?” หลิวอวิ๋นซ
“หลิวอวิ๋นซิ่ว เธออย่ามาพูดจาไร้สาระพรรคนี้ บอกว่าเงินพวกนี้จะชดใช้วันนี้ไหม?” หลินเหว่ยผู้เป็นปู่รองไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอและถามย้ำตอนนี้พี่ใหญ่ของเขาไม่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าวันนี้จะเป็นเช่นไร เขาก็ต้องพยายามเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ไม่อย่างนั้น หากพี่ชายคนโตกลับมาและอยากจะขับไล่พวกเขาออกไปจริงๆ พวกเขาเองก็คงไม่มีทางเลือกส่วนเรื่องโทรศัพท์ตอนนี้พวกเขาก็เลิกสนใจกันแล้วจริง ๆ แล้วปู่ของหลินหว่านหรูโทรมาเมื่อครู่นี้ แต่พวกเขาไม่ฟังเลยหลิวอวิ๋นซิ่วตกใจกลัวท่าทางก้าวร้าวของปู่รองที่ และอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวหลินหว่านหรูรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขาและกล่าวว่า: “ปู่รองคะ จะทำอะไรก็ต้องมีหลักมีเกณฑ์กันบ้างนะคะ เราอาจมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้อยู่บ้างก็จริง แต่จะโทษทุกอย่างใส่เราไม่ได้นะคะ”“หว่านหรู หลานควรเข้าใจนะว่า พวกเราเก็บออมเงินพวกนี้มายากลำบาก ตอนนี้เราทุกคนถูกหลอก แล้วเราจะทนได้ยังไง?”“พวกเราไม่เหมือนพวกหลานนะ ที่ดูแลหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทและมีเงินมากมาย”ท่านปู่รองสุภาพกับหลินหว่านหรูมาก“ฉันเข้าใจนะคะ แต่ตอนนี้บริษัทมีปัญหามากมาย เอาแบบนี้ได้ไหมคะทุกคนกลับไปก่อน พอเสถาน
เรื่องพวกนี้จะแก้ไขได้ง่ายขึ้นเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว จะให้เขาบอกว่าเขาให้ถานล่างไปซื้อฉีเฟยกรุ๊ปคงไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นคนพวกนี้คงยิ่งไม่เชื่อไปกันใหญ่“ทำไม ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ?”“เรื่องโกหกถูกเปิดเผยแล้ว แกคงพูดไม่ออกเลยสิท่า”“หลิวอวิ๋นซิ่วฉันขอบอกเลยนะ ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เงินฉันจะสู้กับเธอให้ตายไปข้าง” บางคนถึงกับเรียกชื่อกับตั้งใจจะสู้กันเลยทีเดียว ดูท่าจะร้อนใจกันมากจริง ๆหลิวอวิ๋นซิ่วโกรธมาก เธอก็เสียหายไปมากเหมือนกัน เงินเก็บของเธอเองก็ถึงกับหมดเกลี้ยงขณะที่กำลังจะเถียง เธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฝูงชนกำลังจะพุ่งเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางเดือดดาลก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะยังไงลูกสาวของเธอก็เป็นประธานบริษัท คนอื่น ๆ ต่างก็ทั้งเคารพและทำท่าประจบประแจง แต่มาวันนี้พวกเขาทุกคนราวกับเป็นบ้าไปแล้วท่านปู่รองโบกมืออีกครั้ง ส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ และพูดกับหลินหว่านหรูว่า “หว่านหรู หลานพูดเถอะ ให้คำอธิบายกับปู่รองคนนี้หน่อย”หลินหว่านหรูลังเลและกำลังจะพูดเย่เทียนหยู่พูดก่อนว่า “หว่านหรู ถ้าพวกเขาอยากจะคืนเงินจริง ๆ คุณคืนเป็นขั้นต่ำให้พวกเขาดีไหมครับ”“เย่เทียนหยู่ แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอ
เย่เทียนหยู่เข้าใจความโกรธของหลินหว่านหรูดี จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ทำให้คุณลำบากใจแน่นอนรับ”“อันที่จริง เรื่องการซื้อกิจการที่ผมเพิ่งพูดไปเป็นเรื่องจริง!”“ข่าวนี้รัฐมนตรีไช่เปืดเผยให้ผมฟังเองครับ ถ้สคุณไม่เชื่อผม คุณก็ควรเชื่อรัฐมนตรีไช่นะ” เขาซ่อนมันไว้ไม่ให้ผู้อื่นรู้ แต่กับหลินหว่านหรู เย่เทียนหยู่ไม่มีเจตนาที่จะปิดบังมันแต่ตัวเขาเองไม่มีความน่าเชื่อถือมากพอ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอ้างถึงรัฐมนตรีไช่“รัฐมนตรีไช่พูด เขาพูดแบบนั้นเมื่อไรกัน?”หลินหว่านหรูตกใจ ถ้าหากว่ารัฐมนตรีไช่พูดจริง ๆ มันอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ“วันนี้ฉันไปตรวจหลานชายของเขา เขาก็เลยบอกกับผมน่ะ เหตุผลมันก็ง่ายมากเพราะฉีเฟยกรุ๊ปไม่เพียงแต่จะไม่ล้มละลายเท่านั้น แต่ยังจะได้เริ่มต้นใหม่ด้วยครับ”“อะไรนะ จะเป็นไปได้ยังไง!”เมื่อเทียบกับข่าวก่อนหน้านี้ เรื่องนี้ทำให้ใจของเธอตกใจยิ่งกว่าเดิม“ผมก็แปลกใจเหมือนกันครับ แต่รัฐมนตรีไช่พูดอย่างนั้นเอง ส่วนเหตุผลที่แน่ชัดผมเองก็ไม่แน่ใจ” เดิมทีเย่เทียนหยู่อยากจะบอก หลินหว่านหรูเกี่ยวกับการวางผังเมืองใหม่
แต่เรื่องทั้งหมดนี่ต้องโทษไอ้เย่เทียนหยู่สารเลวนั่น เพราะเขาหลอกเอาเงินของตระกูลเขาไปอีกครั้ง“ท่านปู่รอง ในที่นี้ปู่เป็นผู้ตัดสินใจได้ใช่ไหมคะ?” หลินหว่านหรูถาม“แน่นอน แน่นอน!”ทุกคนพยักหน้าสนับสนุนเช่นกัน“ดีค่ะ ฉันจะพูดอีกครั้ง หากวันนี้ปู่โอนการลงทุนของคุณมาให้ฉัน หากพรุ่งนี้เกินฉันได้เงินคืนมามากกว่านี้ อย่ามาหาฉันอีก”“แบบนี้คงไม่ติดปัญหาใช่ไหมคะ?”“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”“บอกแล้วไงว่าไม่มีปัญหา!” “ฉันแค่อยากจะยืนยันอีกครั้งและจัดการเรื่องสัญญาในคืนนี้ ในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกคุณคนไหนที่มีสัญญาก็ให้มาทำสัญญาและลงนามในการโอน”หลินหว่านหรูกล่าว“พรุ่งนี้เที่ยง ทำไมไม่ใช่วันนี้ล่ะ?” ท่านปู่รองถามทันที“ตอนนี้ดึกเกินไปแล้วนะคะ มีตั้งหลายพิธีการที่ทำไม่ได้แล้วนะคะ” หลินหว่านหรูกล่าว“แล้วทำไมถึงเป็นพรุ่งนี้ตอนเที่ยงล่ะ? พวกเธออยากจะเลื่อนเวลาออกไปรอให้ท่านปู่กลับมาใช่ไหม?” มีคนถามอย่างสงสัยหลินหว่านหรูขมวดคิ้วและพูดว่า “ปู่รองคะ คุณลุง คุณป้าและญาติ ๆ ทุกคน พวกคุณทุกคนก็รู้ว่าหนูเป็นยังไงนี่คะ ในเมื่อหนูพูดไปแล้ว หนูก็จะทำแน่นอนค่ะ”“ถ้าแม้แต่คำพูดของหนูก็
ทันทีที่ความพูดนี้ดังออกมา หลินหว่านหรูก็ได้แต่นิ่งตะลึงเย่เทียนหยู่ก็ตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน และมุมมองของเขาก็ถึงกับแตกกระเจิงไม่เพียงแต่หลิวอวิ๋นซิ่วที่คิดว่าไม่เป็นไร แต่หลินหงก็พูดว่า “ใช่ พ่อกับแม่เก็บเงินพวกนี้มาก็ไม่ง่ายนะ จู่ ๆ มาหมดไปแบบนี้ หว่านหรู ลูกก็คืนให้พ่อกับแม่ด้วยเลยแล้วกันนะ”“ถูกต้อง ขนาดคนนอกยังชดเชย ลูกจะปฏิบัติต่อพ่อแม่ไม่ดีก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ” หลิวอวิ๋นซิ่วกล่าวต่อหลินหว่านหรูพูดไม่ออกกับพ่อแม่ของเธอและอธิบายว่า: “จริงๆ แล้ว เหตุผลที่ฉันยินดีจะชดเชยให้พวกเขาก็เพราะว่าฉีเฟยกรุ๊ป จะซื้อกิจการจริง ๆ ค่ะ”“ซื้อกิจการเหรอ?” “หว่านหรู ลูกเชื่อเรื่องไร้สาระที่เย่เทียนหยู่พูดจริง ๆ เหรอ?”หลิวอวิ๋นซิ่วจ้องไปที่เย่เทียนหยู่ในขณะที่เธอพูด รู้อยู่แล้วเชียวว่าเป็นไอ้สารเลวนนี่เป็นคนทำ“แม่คะ!”“ไม่ว่าแม่จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม เรื่องที่หนูพูดนั้นเป็นความจริง ดังนั้น แม่ไม่ต้องขอให้หนูชดใช้หรอกค่ะ ในอีกไม่กี่วัน แม่ก็จะได้รับเงินคืนทั้งหมดแน่นอน” หลินว่านหยูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้“แต่แม่รอไม่ไหว”หลิวอวิ๋นซิ่วกล่าวว่า: “ลูกทำไมไม่คืนเงินให้เราล่ะ ยังไงซะมันก็ใช้เงินของ
หลินหว่านหรูยิ้มแห้ง พวกเขาไม่เคยยอมรับตัวเธอเลยตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะการปฏิวัติต่าง ๆ ของเธอหลังจากที่เธอได้รับตำแหน่ง ซึ่งไปขัดขวางการแอบรับญาติเข้าทำงาน แล้วจะยอมตกลงกับเธอเรื่องนี้ได้ยังไงหลังจากที่ท่านปู่ดุหลินหว่านหรูเสร็จเขาก็โทรศัพท์ไปหาทีละคนเพื่อสืบสานเรื่องราว และเพื่อยืนยันว่าถ้าหากการลงทุนนี้เกิดขาดทุน จะสร้างความเสียหายให้ตระกูลหลินมากแค่ไหนท่านปู่เป็นคนพูดเอง รวมกับว่าเขายอมชดใช้ค่าเสียหาย ทุกคนก็มั่นใจและไม่มีความเห็นอะไรอีกในเทื่อทุกอย่างเรียบร้อย หลินหว่านหรูก็เดินออกมาแล้วเริ่มขึ้นตอนการซื้อในเวลา ท่านปู่กำชับอีกครั้งว่าการซื้อหุ้นของทุกคนในบริษัทกลับมาเป็นการใช้งานของบริษัท อีกทั้งหลินหว่านหรูก็แบกรับความเสี่ยงมหาศาลไว้ทันทีที่สำเร็จธุรกิรรม หุ้นทั้งหมดนี่ถือว่าไม่เกี่ยวกับพวกเขาอีก และจะงอแงใครไหนก็ไร้ประโยชน์ทุกคนบอกว่าพวกเขาไม่ได้คัดค้านและรู้สึกตื่นเต้นมากสิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นคือหลังจากลงนามในพิธีการ พวกเขาได้รับเงินเร็วมากท้ายที่สุด ทุกคนก็จากไปพรอ้มรอยยิ้มบนใบหน้า กับคำยกย่องหลินหว่านหรูซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจ และอีกนัยหนึ่งพวกเข
ครั้งนี้ ไป๋เถารู้สึกเจ็บใจมากจริง ๆ ทุกคำทุกประโยคที่เขาคิด คือต้องการคิดหาวิธีที่จะลากตระกูลไป๋ลงน้ำและเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋จะต้องตายอย่างแน่นอน นั่นเพราะเขาเพิ่งจะได้รับข่าวที่น่าตกใจมาก ๆ มา เรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรที่แท้ระหว่างทางมาที่โรงพยาบาล ไป๋เถาที่กำลังตกอยู่ในความสิ้นหวังนั้น ก็ได้นึกถึงการต่อสู้ครั้งนี้ขึ้นมา ก่อนที่จู่ ๆ เขาจะพบว่าตนเองอาจจะคาดการเรื่องทั้งหมดนี้ผิดไปก็ได้ที่อีกฝ่ายรับการป้องกันได้ไม่ใช่เพราะการโจมตีของตนแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะตนยังไม่ทันได้มีเวลาลงมือเลยต่างหากที่สำคัญเลยก็คือ หลังจากที่ตนมาถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน เพื่อนจากสถานีตำรวจก็โทรมาหาตำแหน่งของเพื่อนคนนี้ไม่ได้สูงมากนัก แต่เป็นเพราะเขาบังเอิญได้ยินบทสนทนาของสารวัตรเฉินกับหวงลี่ นั่นจึงทำให้เขาได้รู้ความลับที่น่าตกใจอย่างหนึ่งเข้าพูดกันว่าความเป็นมาของเย่เทียนหยู่นั้นน่ากลัวมาก เขาเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรเมื่อได้ยินคำว่าราชามังกรแห่งพรรคมังกร ทันใดนั้นไป๋เถาก็เกิดรู้สึกงงงวยขึ้นมาไม่ว่าไป๋เถาจะคิดยังไง เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตนจะเผลอไปล
“โดยทั่วไปแล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมจริง ๆ แต่วิธีการเคลื่อนไหวของเขานั้นแปลกประหลาดมาก เป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างพิเศษจริง ๆ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะกระบวนท่าที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั่น”ไป๋เถาอธิบายต่อ “พวกเราต่างก็ดูถูกเขาเกินไป คิดว่าจะสามารถจัดการได้ง่าย ๆ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายกลับลงมืออย่างกะทันหัน จนทำให้พวกเราติดกับ”“อย่างนี้นี่เอง ฉันก็ว่าอยู่ ทั้ง ๆ ที่นายเป็นคนท้าดวลเขาแท้ ๆ ทำไมจู่ ๆ นายถึงเป็นฝ่ายที่โดนเสียเอง”“ไหนจะพยัคฆ์ทมิฬนั่นอีก เขาเองก็มีสภาพเดียวกัน ยังไม่ทันได้แสดงฝีมือของตัวเองเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายก็กลับถูกอีกฝ่ายโจมตีจากด้านหลังเสียอย่างนั้น”คุณนายไป๋เองก็เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุหารณ์ทั้งสอง จึงได้พูดอธิบายสิ่งที่รู้อยู่อยู่ข้าง ๆ ด้วยเช่นกัน ยิ่งไอ้เด็กนั่นอ่อนแอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้นเมื่อหัวหน้าใหญ่ไป๋ได้ยิน เขาก็เข้าใจได้ในทันทีเขาเองก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าแค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่า ๆ จะแข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดนั้นได้ยังไงถึงเขาจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ก็ไม่มีทางอยู่ในระดับปรมาจารย์แน่นอนแถมตอนนี้ตนก็อยู่ในระดับพลังผลัดเปล
เมื่อได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของไป๋เถาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที ก่อนจะจ้องมองไปยังคุณนายไป๋ด้วยความโกรธ หลังจากที่เขาโทรเรียกรถพยาบาล 120 จนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาล เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเคืองขึ้นเรื่อย ๆคุณนายไป๋รู้สึกตกใจเมื่อถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาที่ดุร้าย เธอรู้สึกอึดอัด ก่อนจะพูดด้วยความกลัวออกไปว่า “เธอ เธอจ้องมองฉันทำไม?”หัวหน้าใหญ่ไป๋เองก็มีสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน แม้เขาจะรู้ว่าคำพูดของภรรยามีคำพูดโกหกอยู่บ้าง แต่ทั้งที่ตนถูกคนอื่นทำร้ายมาจนหมดสภาพมาแท้ ๆ ยังไงก็ไม่ควรมาพาลใส่คนอื่นแบบนี้ เขาจึงพูดด้วยเสียงต่ำออกไปว่า “ไป๋เถา นายหมายความว่ายังไง?”“พี่ใหญ่ พี่ไม่รู้อะไร ทั้งหมดก็เป็นเพราะพี่สะใภ้ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ ผมก็คงไม่ต้องไปประมือกับไอ้เด็กนั่นหรอก ยิ่งไม่มีทางลงเอยแบบนี้แน่” ไป๋เถาอธิบายด้วยความโกรธแต่หัวหน้าใหญ่ไป๋ที่ได้ยินก็กลับโกรธขึ้นอย่างมาก ก่อนจะด่าออกไปว่า “ไร้สาระ!”“เรื่องที่นายประมือกับเจ้าเด็กนั่นฉันรู้หมดแล้ว ร่างกายก็เป็นของนาย ถ้าหากไม่อยากประมือกับเขา แค่ไม่ลงมือก็ไม่มีทางเป็นแบบนี้ได้หรอก”เมื่อไป๋เถาได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกมึนงงขึ้นมาทันที เขารู้ว่าพี
ดูจากข้อมูลที่ทำความเข้าใจแล้วในปัจจุบัน การทำลายตระกูลไป๋นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างตระกูลไป๋กับแก๊งของพยัคฆ์ทมิฬ รวมถึงเรื่องที่ตระกูลไป๋เคยมีประวัติที่ไม่สะอาดมาก่อนดังนั้น เขาจึงไม่รีบร้อนที่จะจัดการกับตระกูลไป๋ แม้ว่าอีกเดี๋ยวเขายังจะต้องไปเข้าร่วมการประชุมศักดิ์สิทธิ์อยู่ก็ตามกลับคิดไม่ถึงเลยว่า คุณนายไป๋คนนี้จะชอบรนหาที่ตายมากขนาดนั้นในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็ทำให้พวกเขาสมปรารถนาก็แล้วกัน!ที่แท้ ในตอนที่เห็นเย่เทียนหยู่เดินจากไป คุณนายไป๋ก็รู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เธอจึงหันไปพูดด้วยความโกรธว่า “ไป๋เถา แกเป็นอะไรไป แค่เด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแค่นี้ก็จัดการไม่ได้ เลี้ยงขยะแบบแกเอาไว้จะมีประโยชน์อะไร!”ขยะงั้นเหรอ?ฉันเนี่ยนะขยะ!หากเป็นตอนปกติ ไป๋เถาอาจจะพออดทนได้ แต่ในตอนนี้ ความโกรธที่เต็มเปี่ยมกลับพุ่งทะลักออกมาหากไม่ใช่เพราะเธอ ด้วยการระมัดระวังตัวของฉัน คิดว่าฉันจะเจอกับชะตากรรมแบบนี้รึไง“ทำไม นี่แกยังกล้ามาจ้องหน้าฉันอีกงั้นเหรอ แกจำใส่หัวเอาไว้นะ เพราะแกนั่นแหละ แกรู้ไหมว่าแกทำให้ตระกูลไป๋ต้องสูญเสียไปมากแค่
เย่เทียนหยู่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เรื่องนี้ในมุมมองของเขา ถือเป็นเรื่องที่แน่นอนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาจึงถามออกไปว่า “สายจากตำรวจใช่ไหม?”“อือ โทรกลับมาแล้วล่ะ!”“บ่ายวันนี้แม่ของฉันถูกตำรวจพาตัวไปแล้ว ทันทีที่เธอเข้าไป เธอก็สารภาพทุกอย่างออกมาอย่างละเอียดทันที”ก่อนหน้านี้ได้ยินแม่สาบานอย่างมั่นใจแล้วแท้ ๆ บวกกับที่ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดเหตุผลที่อีกฝ่ายจะทำแบบนั้นไม่ออก เดิมทีคิดว่าคงจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับแม่แล้วจริง ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม่จะหลอกเธอมาโดยตลอดแม่ตระกูลหลินเองก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน ตอนที่ถูกพาตัวไป แขนขาเธอก็รู้สึกอ่อนแรงขึ้นมายิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังพูดอีกว่า หากยอมสารภาพความจริงทั้งหมดออกมา และได้รับการให้อภัยจากผู้เสียหาย พร้อมกับลงนามในเอกสารยินยอม เธอก็จะสามารถออกไปได้ทันทีเพราะไม่เช่นนั้น เธอก็จะต้องติดคุกอย่างแน่นอน ส่วนจะติดกี่ปีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติของตน และความร้ายแรงของความผิดที่ทำลงไปในตอนนี้ แม่ตระกูลหลินคิดว่าหลินหว่านหรูจะต้องให้อภัยตนอย่างแน่นอน เพราะเธอไม่มีทางที่จะส่งแม่แท้ ๆ เข้าคุกได้แน่ ดังนั้นจึงไม่ลังเลใจที่จะเปิดเผยทุกอย่างออกไป
เมื่อเห็นว่าไป๋เถามองมาที่ตนด้วยความโกรธ คุณนายไป๋ก็รู้สึกสับสนในทันที นี่มันหมายความว่ายังไง เธอไม่ได้เป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้สักหน่อย เธอถึงกับไม่กล้ามองเขาอีก ก่อนจะหันไปมองเย่เทียนหยู่แทนเธอเห็นเพียงเย่เทียนหยู่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีสงบนิ่งและใสซื่อเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เห็น ๆ อยู่ว่าไป๋เถาได้เปรียบตั้งแต่เริ่มแล้วนี่“ไอ้หนู ตกลงแกใช้กลอุบายอะไรอยู่กันแน่?” คุณนายไป๋พูดด้วยความโกรธ“พูดให้มันน้อย ๆ หน่อย ห้าหมื่นล้าน จะให้ได้เมื่อไหร่?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีเฉยเมย“ห้าหมื่นล้านอะไรกัน แกมันโกง แบบนี้ไม่นับ”“งั้นเหรอ?”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินคำนี้ ดวงตาของเขาก็แสดงถึงความโกรธเกรี้ยวทันที เขาเดินตรงไปหาคุณนายไป๋ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ดูท่าแล้ว ที่สั่งสอนไปเมื่อเช้าไม่เข้าหัวเลยสินะ”“แก แกจะทำอะไร อย่าลืมนะ ข้าง ๆ คือสถานีตำรวจ ช่วยด้วย ชะ......”เพี้ยะ!“อ้าย!”คุณนายไป๋ร้องเสียหลง ก่อนที่มุมปากจะมีเลือดไหลออกมาเย่เทียนหยู่พูดพลางหัวเราะเยาะออกไปว่า “เมื่อกี้ใครเป็นคนพูดกัน ว่าอย่าแจ้งตำรวจ ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย เงินห้าหมื่นล้าน การเดิมพันยังถือว
สีหน้าของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างเฉยเมย เขาส่ายหัวไปมา หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็สามารถมองออกหมดแล้ว การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายดูละเอียดอ่อนมากจริง ๆ น่าจะมีคนคอยชี้แนะอยู่แน่นอนเพราะไม่เช่นนั้น ด้วยวิธีการฝึกฝนของพวกเขา ไม่มีทางที่จะมีทักษะการเคลื่อนไหวแบบนี้แน่ แต่แล้วอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้อยู่ดีเหตุผลที่เขายังไม่ลงมือมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่ต้องการให้โอกาสพวกเขา แต่ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ไม่เกรงใจก็แล้วกันไป๋เถากลับไม่รู้อะไรเลย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เดิมคิดว่าคนตรงหน้าคงเก่งกาจมากแน่ ๆ กลับคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนถูกตนไล่ล่าแทน หากไม่เพราะเมื่อกี้มีโชคช่วยเอาไว้ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายคงโดนตนโจมตีไปแล้วที่สำคัญเลยก็คือ ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นพลังของอีกฝ่าย ซึ่งอยู่ในระดับพลังจันทราสูงสุด และอยู่ต่ำกว่าตนหนึ่งระดับที่แท้ไอ้เด็กนี่มันก็มีฝีมือแค่นี้เอง แทบไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ตนคิดเอาไว้เลยด้วยซ้ำไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะอาศัยทักษะอันยอดเยี่ยมของร่างกายมากแค่ไหน พยัคฆ์ทมิฬเองก็อาจมีแนวโน้มที่จะถูกอีกฝ่ายโจมตีด้วยทักษะร่
“งั้นเหรอ คุณนายไปช่างเก่งกาจเสียจริง”“แน่นอน แต่ตอนนี้แกจะพูดอะไรมันก็สายไปแล้ว อีกเดี๋ยว แกก็จะได้รู้ ว่าการที่มาทำให้ฉันโกรธนั้น แกจะต้องเจอกับชะตากรรมที่น่าสมเพชมากแค่ไหน”“ดูท่าแล้ว คุณนายไป๋คงมั่นใจมากเลยสินะ งั้นเอาอย่างนี้ไหม พวกเรามาพนันกัน” เย่เทียนหยู่นึกถึงเงินห้าหมื่นล้านที่จะต้องให้เฉินเฟยเฟย ตอนนี้มีคนเอามาให้ถึงที่แล้วไม่ใช่รึไง“พนันงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ถ้าผมชนะไป๋เถา คุณต้องให้ผมห้าหมื่นล้าน!”“ว่าไงนะ! ห้าหมื่นล้าน! ไอ้หนู แกรู้ไหม ว่าเงินห้าหมื่นล้านมันมากแค่ไหน แกจะเอาอะไรมาพนันกับฉัน?” คุณนายไป๋รู้สึกว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้บ้า ก็คงเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยอย่าว่าแต่เด็กน้อยอย่างเขาเลย ต่อให้เป็นหัวหน้าใหญ่ไป๋ก็เกรงว่าคงไม่กล้าลงเดิมพันมากถึงห้าหมื่นล้านแบบนี้แน่“ก็ใช้ชีวิตของผมไง ถ้าผมแพ้ ชีวิตของผม พวกคุณจัดการได้ตามสบายเลย!”“ชีวิตที่ไร้ค่าอย่างแกเนี่ยนะ กล้าดียังไงเอามาเทียบกับเงินห้าหมื่นล้าน?” คุณนายไป๋หัวเราะออกมาเสียงดัง อย่าว่าแต่ไอ้สวะนี่เลย ชีวิตใครบ้างที่จะมีค่าถึงห้าหมื่นล้าน?“งั้นจะไม่พนันก็ได้ มาสู้กันเลยเถอะ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าท
สารวัตรเฉินที่ได้ยินก็โกรธจัดทันที คุณนายไป๋คนนี้คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน เธอไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่กำลังจะทำการตักเตือนแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็พูดขึ้นมาก่อน เขาพูดพร้อมรอยยิ้มออกไปว่า “สารวัตรเฉินครับ ในเมื่อพวกเขาชอบก่อความวุ่นวาย ไม่งั้นก็ให้โอกาสพวกเขาสักครั้งเถอะครับ”“เอาแบบนี้ คุณชื่อไป๋เถาใช่ไหม หากว่าคุณยินดี พวกเราก็มาประมือกันสักหน่อย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ก็จะไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น” ไป๋เถากำลังจะปฏิเสธ แต่คุณนายไป๋ก็กลับพูดขึ้นมาก่อนว่า “ได้ แกเป็นคนพูดเองนะ ต่อให้แกตายไปนั่นมันก็สมควรแล้ว”ไป๋เถารู้สึกอึ้งทันที พี่สะใภ้ นี่คุณกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงก็พูดได้นี่ ยังไงก็ไม่ได้เป็นคนลงมือเองอยู่แล้ว แถมคนที่ถูกส่งไปตายก็ไม่ใช่ตัวเองอีกไม่ใช่รึไง?เขาเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก ดังนั้น เขาจึงคอยสังเกตเย่เทียนหยู่อยู่ตลอดเวลาแต่ยิ่งสังเกตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่กล้ามองข้ามเขาไปมากเท่านั้นโชคดีที่สารวัตรเฉินรีบปฏิเสธขึ้นมา “ไม่ได้ครับ พวกคุณอาจจะประมือกันก็ได้ แต่ที่นี่คือสถานีตำรวจ จะให้เกิดเหตุการณ์เลือดตกยา