“อย่ากังวลไป นายน้อยซูสนใจอุตสาหกรรมเครื่องสำอางอยู่แล้วล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ทีมวิจัยพัฒนาที่เธอซื้อมาก็เก่งมาก ๆ เลยนะ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่พวกเขาพัฒนาก็ยอดเยี่ยมมาก”ซูถิงกล่าว“ฉันหวังว่าอย่างนั้นนะ!”หลินหว่านหรูถอนหายใจช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มซบเซามากขึ้น จึงเป็นเรื่องยากที่ตระกูลหลินจะเติบโต และเครื่องสำอางเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่เธอกำลังลงทุนอยู่พอดีถึงยังไงในฐานะผู้หญิง เธอก็รู้ดีว่าการหาเงินจากผู้หญิงเป็นเรื่องง่าย แต่สิ่งสำคัญคือการมีผลิตภัณฑ์ที่ดีก่อนเธอลงทุนไปแล้วกว่าห้าร้อยล้าน ถ้ายังไไม่ได้ผลตอบรับที่ดีมากพอ เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้วไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ทั้งสองมาถึง นายน้อยซูเหวินฮุยก็มาถึงชั้นล่าง ซูถิงรีบเรียกหลินหว่านหรูให้ลงไปต้อนรับซูเหวินฮุยทันทีถึงยังไงซะ เขาก็เป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูลซู!อุตสาหกรรมของตระกูลซูครอบคลุมหลายสาขาและมีอิทธิพลมาก พวกเขาเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักแห่งเมืองเทียนไห่ดวงตาของซูเหวินฮุยเป็นประกายในทันทีเมื่อเขาเห็นหลินหว่านหรูเป็นครั้งแรกไม่รู้ว่าเป็นเพราะพันธุกรรมหรือเปล่า แต่มีข่าวลือว่า
ซูถิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินแล้วพูดว่า “นายน้อยซู หว่านหรูคออ่อนจริง ไม่อย่างนั้นคุณจะดื่มอีกสามแก้ว หลังจากดื่มสามแก้ว เราจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ”เมื่อได้ยินดังนั้น หลินหว่านหรูก็ตระหนักว่าถ้าดื่มสามแก้วลงไปจริง เธออาจจะไม่สามารถกลั้นไว้ได้นาน แต่เรื่องนี้ถูกเสนอขึ้นมาโดยซูถิง เธอจะปฏิเสธมันได้อย่างง่ายดายได้ยังไงหลังจากคิดดูแล้ว ถ้าดื่มแค่สามแก้วก็ยังพอลองดูได้นายน้อยซูเห็นท่าทางส่งซิกของซูถิงแล้วพูดว่า “ได้ สามแก้วก็สามแก้ว ถ้าประธานหลินดื่มสามแก้วนี้หมด เราจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกันทันที”เขาไม่ได้บอกว่าตกลงจะร่วมมือ เขาเพียงแค่จะหารือเท่านั้นเมื่อเห็นนายน้อยซูยืนยันข้อตกลง หลินหว่านหรูก็พยักหน้าและมองแก้วเหล้าที่ซูถิงเทไวจนเต็มเกมอยู่ เธอหยิบแก้วขึ้นมาและดื่มหมดในอึกเดียวแต่ในขณะนี้เองก็มีคนผลักประตูเข้าไปเขาดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที“หว่านหรู ถ้าดื่มไม่ไหวก็เลิกฝืนได้แล้ว”“สามแก้วใช่ไหม? ผมจะดื่มเอง!”คนที่มาคือเย่เทียนหยู่ซึ่งพุ่งตรงเข้ามา ร้านอาหารแห่งนี้เป็นของตระกูลซา พอดีกับที่เขาได้พบกับถานล่างเลยรู้ได้ทันทีว่าหลินหว่านหรูอยู่ในห้องไหน ดังนั้นเ
“แก!” ซูเหวินฮุยโกรธจัด ไอ้เจ้าโง่เง่าที่โผล่มาจากไหนไม่รู้คนนี้กล้ายั่วยุเขาเมื่อหลินหว่านหรูเห็นดังนั้น เธอไม่เพียงแต่กังวลเรื่องความร่วมมือ แต่เธอกังวลว่าเย่เทียนหยู่จะล่วงเกินตระกูลซู เธอจึงรีบพูดว่า “เย่เทียนหยู่อย่าพูดไร้สาระนะ! นายน้อยซูเป็นใครจะมาโกหกเราได้ยังไง?”ในขณะเดียวกันก็รีบพูดต่อว่า “นายน้อยซู เราเข้าใจคุณผิดเองค่ะ อย่าโกรธเลยระคะ ฉันเชื่อว่าคุณต้องจริงใจอยากร่วมมือกับเราแน่นอนค่ะ”เย่เทียนหยู่แอบชอบสิ่งที่เธอพูดผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ไร้สมอง อย่างน้อยเธอก็รู้จักวิธีเสียดสีด้วยคำพูดที่ดูเหมือนจะเคารพนับถือแต่เขาไม่รู้เลยว่า อันที่จริงหลินหว่านหรูแค่ไม่อยากล่วงเกินน้อยซูแต่ซูเหวินฮุยกลับยอมรับคำชมนั้น เขาดูพูดอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งว่า “แน่นอนว่าผมน่ะจริงใจ ส่วนพวกคุณน่ะเข้าใจผิดแล้ว”“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ถ้าเขาดื่มเหล้าเหมาไถสามขวดหมดได้โดยไม่เป็นอะไรเลย ผมจะยอมลงทุนห้าร้อยล้านบาทในบริษัทเครื่องสำอางของกลุ่มบริษัทคุณทันที”สามขวด จะเป็นไปได้ยังไงกัน หลินหว่านหรูกำลังจะโต้เถียงเขาแต่เย่เทียนหยู่กลับรับคำพูดและพูดอย่างใจเย็น: “พูดจริงเหรอครับ นายน้อยซู
ซูถิงรู้สึกหดหู่ในใจเป็นอย่างมาก แต่กลับต้องพยายามแสดงสีหน้ามีความสุขออกมาเย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “นายน้อยใหญ่ตระกูลซูไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ ผมมีอาหารให้กินมีน้ำให้ดื่ม แถมยังมีภรรยาสวยด้วย อย่างผมคงไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ”สีหน้าของนายน้อยซูเริ่มเผยความเยือกเย็นออกมา เขาไม่ได้สั่งให้คนไปจัดการเย่เทียนหยู่ในทันทีเมื่อเขาออกมา แต่เขาจัดให้คนทำการตรวจสอบเย่เทียนหยู่ก่อนนี่เป็นนิสัยและความเคยชินของเขา เพราะก่อนจะลงมือกับใคร จะต้องเข้าใจบุคคลนั้นอย่างชัดเจนก่อนเมื่อลงมือแล้ว มันก็จะต้องเด็ดขาดร้ายแรงและไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แม้ว่าจะมีการลงนามความร่วมมือแล้วและตามข้อตกลง เมื่อเขาไปลงนามพิธีการที่เหลืออีกเล็กน้อยในวันพรุ่งนี้ ก็จะได้รับเงินห้าร้อยล้านก็จะเข้าบัญชีทันที แต่หลินหว่านหรูกลับไม่ค่อยมีความสุขนัก“เย่เทียนหยู่ วันนี้ขอบใจนายนะ แต่นายดื่มไปหนักขนาดนั้นนายยังโอเคใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรครับ เหล้าสองสามขวดไม่ได้มีอะไรหรอก” เย่เทียนหยู่ใช้พลังเวทย์ภายในของเขาเพื่อแก้ไขเรื่องนั้นไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่แกร่งขนาดนั้น“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่คุณทำให้นายน้อยซูขุ่นเคืองนะ ยั
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกโมโหทันทีและพูดออกไปด้วยความโกรธ: “พวกเขาคิดจะทำอะไรคะ เงินนั่นมันไม่ใช่เงินที่เราบังคับให้พวกเขาลงทุนสักหน่อย แล้วทำไมเราจึงต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย?ผ”“ก็ใช่น่ะสิ แม่ก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน แต่คราวนี้ปู่รองของเธอเป็นคนพาทุกคนมาด้วยตัวเอง บอกว่าต่อให้ต้องตัดญาติก็ต้องเอาเงินคืนไปให้ได้”หลิวอวิ๋นซิ่วกล่าวอย่างกังวลใจ“คุณปู่ว่ายังไงบ้างคะ?” หลินหว่านหรูถาม“เพื่อนเก่าของคุณปู่ของคุณที่เมืองจิงตูป่วยหนักเลยบินไปตั้งแต่ตอนบ่าย”“พวกเขาจงใจเลือกตอนคุณปู่ไม่อยู่เหรอคะ ได้ค่ะ หนูจะกลับไปเดี๋ยวนี้”หลินหว่านหรูวางสายโทรศัพท์ด้วยความโกรธและพูดว่า “คนพวกนี้ไร้ยางอายชะมัดเลย”แม้ว่าเธอจะไม่พอใจกับสมาชิกในครอบครัว แต่เขาก็ไม่ค่อยด่าพวกเขาแบบนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าหลินหว่านหรูไม่พอใจมาก“คุณโอเคไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ไม่เป็นไรคะ แต่ฉันต้องกลับไปหาที่บ้านตระกูลหลินก่อน” หลินหว่านหรูกล่าว“ผมจะไปกับคุณด้วยครับ”“อือ!”หลินหว่านหรูอารมณ์ไม่ดีเลยไม่ได้ปฏิเสธไม่ให้เย่เทียนหยู่ไปเป็นเพื่อนเพราะทั้งคู่ต่างก็ดื่มเหล้ากันมา ก็เลยหาคนขับรถแทนเย่เทียนหยู่
“ใช่ เย่เทียนหยู่ แกออกไปจากที่นี่ซะ ตระกูลหลินไม่ต้อนรับแก”“ถ้าไม่ใช่เพราะแก ตระกูลหลินของเราจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายแบบนี้ได้ยังไง?”หลินหงกล่าวด้วยความโกรธเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและพูดอย่างใจเย็น: “ตระกูลหลินวุ่นวายแบบนี้ เพราะไม่ยอมฟังที่ผมพูดแล้วส่งเงินไปให้หลินเจี๋ยเอง ทำไมมาโทษผมล่ะครับ?”“แกยังจะแก้ตัวอีก มันก็เพราะแกนั่นล่ะ!” หลิวอวิ๋นซิ่วพูดด้วยความโกรธ“ได้ คุณบอกว่าเป็นเพราะผม งั้นบอกเหตุผลผมสักข้อได้ไหม?” เห็นแก่หลินหว่านหรูเย่เทียนหยู่จึงถามอย่างใจเย็น“เพราะว่า เพราะแกทำตัวให้เกลียดน่ะสิ ทำให้เรายิ่งเชื่อหลิวเจี๋ยยังไงล่ะ” หลิวอวิ๋นซิ่วคิดอยู่พักก่อนจะคิดออกมาเหตุผลหนึ่ง“นี่เป็นเหตุผลของพวกคุณเหรอครับ?”เย่เทียนหยู่ยกมุมปากเป็นการยิ้มเยาะแม้ว่าคนอื่นจะเกลียดเย่เทียนหยู แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหตุผลนี้งี่เง่ามากหลิวอวิ๋นซิ่วโกรธจัดและพูดด้วยความโกรธ: “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตระกูลหลินไม่ต้อนรับแก!”“ไม่ต้อนรับผมเหรอครับ ดูเหมือนว่าคุณคงไม่อยากแก้ไขปัญหาฉ้อโกงเงินทุกคนครั้งนี้แล้วสินะ” เย่เทียนหยู่พูด“พูดจาเหลวไหล หรือปัญหานี้แกแก้ไขได้หรือยังไง?” หลิวอวิ๋นซ
“หลิวอวิ๋นซิ่ว เธออย่ามาพูดจาไร้สาระพรรคนี้ บอกว่าเงินพวกนี้จะชดใช้วันนี้ไหม?” หลินเหว่ยผู้เป็นปู่รองไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอและถามย้ำตอนนี้พี่ใหญ่ของเขาไม่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าวันนี้จะเป็นเช่นไร เขาก็ต้องพยายามเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ไม่อย่างนั้น หากพี่ชายคนโตกลับมาและอยากจะขับไล่พวกเขาออกไปจริงๆ พวกเขาเองก็คงไม่มีทางเลือกส่วนเรื่องโทรศัพท์ตอนนี้พวกเขาก็เลิกสนใจกันแล้วจริง ๆ แล้วปู่ของหลินหว่านหรูโทรมาเมื่อครู่นี้ แต่พวกเขาไม่ฟังเลยหลิวอวิ๋นซิ่วตกใจกลัวท่าทางก้าวร้าวของปู่รองที่ และอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวหลินหว่านหรูรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขาและกล่าวว่า: “ปู่รองคะ จะทำอะไรก็ต้องมีหลักมีเกณฑ์กันบ้างนะคะ เราอาจมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้อยู่บ้างก็จริง แต่จะโทษทุกอย่างใส่เราไม่ได้นะคะ”“หว่านหรู หลานควรเข้าใจนะว่า พวกเราเก็บออมเงินพวกนี้มายากลำบาก ตอนนี้เราทุกคนถูกหลอก แล้วเราจะทนได้ยังไง?”“พวกเราไม่เหมือนพวกหลานนะ ที่ดูแลหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทและมีเงินมากมาย”ท่านปู่รองสุภาพกับหลินหว่านหรูมาก“ฉันเข้าใจนะคะ แต่ตอนนี้บริษัทมีปัญหามากมาย เอาแบบนี้ได้ไหมคะทุกคนกลับไปก่อน พอเสถาน
เรื่องพวกนี้จะแก้ไขได้ง่ายขึ้นเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว จะให้เขาบอกว่าเขาให้ถานล่างไปซื้อฉีเฟยกรุ๊ปคงไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นคนพวกนี้คงยิ่งไม่เชื่อไปกันใหญ่“ทำไม ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ?”“เรื่องโกหกถูกเปิดเผยแล้ว แกคงพูดไม่ออกเลยสิท่า”“หลิวอวิ๋นซิ่วฉันขอบอกเลยนะ ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เงินฉันจะสู้กับเธอให้ตายไปข้าง” บางคนถึงกับเรียกชื่อกับตั้งใจจะสู้กันเลยทีเดียว ดูท่าจะร้อนใจกันมากจริง ๆหลิวอวิ๋นซิ่วโกรธมาก เธอก็เสียหายไปมากเหมือนกัน เงินเก็บของเธอเองก็ถึงกับหมดเกลี้ยงขณะที่กำลังจะเถียง เธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฝูงชนกำลังจะพุ่งเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางเดือดดาลก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะยังไงลูกสาวของเธอก็เป็นประธานบริษัท คนอื่น ๆ ต่างก็ทั้งเคารพและทำท่าประจบประแจง แต่มาวันนี้พวกเขาทุกคนราวกับเป็นบ้าไปแล้วท่านปู่รองโบกมืออีกครั้ง ส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ และพูดกับหลินหว่านหรูว่า “หว่านหรู หลานพูดเถอะ ให้คำอธิบายกับปู่รองคนนี้หน่อย”หลินหว่านหรูลังเลและกำลังจะพูดเย่เทียนหยู่พูดก่อนว่า “หว่านหรู ถ้าพวกเขาอยากจะคืนเงินจริง ๆ คุณคืนเป็นขั้นต่ำให้พวกเขาดีไหมครับ”“เย่เทียนหยู่ แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอ
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก
หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็เดินทางไปยังบ้านพักของตระกูลหยางและแจ้งให้หยางเฉียนเฉียนทราบด้วยตัวเองว่าปัญหาแก้ไขแล้ว หรือให้พูดตามตรงก็คือ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจวินาทีแรกที่หยางเฉียนเฉียนได้ยิน เธอก็ยินยอมรับปากเย่เทียนหยู่ สำหรับเธอขอแค่พี่เย่มีความสุขเธอก็มีความสุขต่อมาแม้เธอจะผิดหวังอยู่บ้าง ที่สุดท้ายเธอไม่ได้ลงเอยกับพี่เย่ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้จัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกับเขา และยังได้รับใบทะเบียนสมรสกับเขาด้วยหยางต้าฝูดูหดหู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นดูเหมือนว่า ความมั่งคั่งมหาศาลนั่น จะไม่ใช่ของตระกูลหยางของพวกเขาหลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ขับรถกลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งแต่ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู เขาก็พบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนถูกเขาลงโทษไปแล้ว เจ้าโง่นั่นก็ไม่ยอมแพ้แถมยังตามเขามาถึงที่นี่ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาคงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย!เดี๋ยวก่อน หลิวเมิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะน่ารำคาญเล็กน้อย แต่เธอกับหว่านหรูก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันพวกเขาทั้งสองเห็นเย่เทียนหยู่แล้วรีบรุดหน้ามาทันที
ใบหน้าของหลินหว่านหรูแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่อธิบายไม่ได้ในใจ“เฮ้ คุณบอกว่าคุณต้องการมันมากใช่ไหม” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากแก้ไขปัญหานี้ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเขาเป็นหนี้หยางเฉียนเฉียนมากจนเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญมันยังไง ในอนาคต“อะไรนะ ฉันจะมีอารมณ์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง” ในเวลานี้ หลินหว่านหรูรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น ตระกูลสวี่มาที่นี่หรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม ปัจจุบัน ตระกูลหลินควรจะมีเพียงธุรกิจของ หลินจื่อตงเท่านั้น“นั่นไม่เป็นความจริง แต่ตระกูลสวี่และตระกูลซุนตกลงกันว่าพ่อแม่ทั้งสองจะหมั้นกันในวันพรุ่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะเลือกวันอันเป็นมงคลอื่นก่อนจึงจะจัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ”“แล้วจื่อตงก็เริ่มวิตกกังวล พรุ่งนี้เขาต้องไปเยี่ยมตระกูลสวี่เขาบอกว่าแม้ว่าเขาจะตาย เขาก็จะไม่ปล่อยให้สวี่เจียเจียหมั้นหมายกับตระกูลซุนเลย” หลินหว่านหรูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในความเป็นจริง เขารู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายเพิ่งหมั้นกันและ
หลินหว่านหรูขมวดคิ้วทันที มาจนถึงตอนนี้แล้วทำไมแม่เธอยังไม่ได้สติอีก ถ้าแม่เธอยังเป็นอยู่แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่กลับมา จะช้าเร็วก็คงเกิดปัญหาอยู่ดีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นหน้าตาของลูกสาว เธอก็รำคาญทันที “สายตาอะไรของลูกฮะ หรือแกจะทนดูน้องชายตัวเองตายไปทั้งแบบนี้รึไง”คุณปู่ตระกูลหลินเองก็รีบ “หว่านหรู ไม่ว่ายังไงก็ น้องก็คอยสนับสนุนหลานมาโดยตลอด หลานต้องช่วยเขานะ”“ใช่ หว่านหรู ลูกต้องช่วยจื่อตงนะ” หลินหงรีบพูดเสริมหลินจื่อตงเปิดปาก เขาไม่ต้องการรบกวนพี่สาว เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วงนี้ แถมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับพี่เขยก็จบลงไปแล้วแต่เขาไม่อยากเสียสวี่เจียเจียไปเลยจริง ๆเมื่อมองดูสายตาของคนในตระกูล หลินหว่านหรูรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งและพูดว่า “คิดว่าหนูจะไม่ช่วยจื่อตงเหรอคะ”คุณปู่ตระกูลหลินดูไม่ค่อยดีนัก แต่หลินจื่อตงก็พูดทันที “พี่ อย่าฟังคุณปู่กับทุกคนเลยครับ ผมเชื่อพี่อยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่สะดวกจริง ๆ ผมจะไปเองครับ”“นายก็ยังไม่เชื่อพี่อยู่ดี”หลินหว่านหรูโกรธ เธอหันหลังกลับและเดินกลับห้องด้วยความโมโหคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ที่ถูกทิ้งไว้ มองหน้ากันอย่างไม่เช
“แต่เธอจะมาที่นี่เร็วๆ นี้”“โอเค ถ้างั้นผมจะรอ”ตอนนี้ ขอแค่แม่ของเขาสบายดีแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่เขากังวลว่าตอนนี้แม่ของเขาเป็นอิสระแล้วจริง ๆ หรือเปล่า“ผมขอยืนยันอีกที พวกคุณไม่ขอให้ผมจดทะเบียนกับหยางเฉียนเฉียนแล้วใช่มั้ย” เย่เทียนหยู่ถามย้ำ“ใช่!”“โอเค ถ้างั้นผมไปละ!”เย่เทียนหยู่จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะมีเสน่ห์มากและดูเหมือนเธอจะไม่ได้ต่อต้านการการลุกล้ำของเขาเลยด้วยซ้ำจูเก่อหลิวหลีตกอยู่ในอาการมึนงง นี่เขา ออกไปแล้วเหรอตัวเธอมีเสน่ห์ไม่พอเลยหรือไงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยในความสวยของตัวเอง!เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าถ้าเธอเต็มใจ ก็คงไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ท่านผู้หญิงของเธอโทรมา“ท่านผู้หญิง ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” จูเก่อหลิวหลีรับสายและพูดทันที“ไม่เป็นไร!”“ฉันเพิ่งรู้ว่าเทียนหยู่ได้รับพลังลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนมาแล้ว เพราะงั้นเขาจะอยู่กับหยางเฉียนเฉียนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”ท่านผู้หญิงตอบ“พลังลมปราณซวนหมิงนั่นคืออะไรคะ” จูเก่อหลิวหลีไม่เคยรู้