เย่เทียนหยู่สั่งการออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เงินสี่หมื่นห้าพันล้านสำหรับเขาแทบไม่ได้สำคัญเลยแม้แต่น้อยแต่ต่อให้เนื้อยุงจะเล็กแค่ไหน สุดท้ายก็ยังเป็นเนื้ออยู่ดี นำมันกลับมาเพื่อบริจาคให้เด็กยากไร้จะไม่ดีกว่าเหรอ?“รับทราบครับ!”พอคนจากอีกด้านของโทรศัพท์ได้ยินคำสั่ง เขาก็รีบตอบรับด้วยความเคารพทันทีในเมื่อวังเถี่ยหนีออกนอกประเทศไปแล้ว คนปกติก็อาจจะไร้หนทาง อย่างน้อยก็มีหัวหน้าใหญ่ไป๋คนหนึ่งที่ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่เย่เทียนหยู่กลับไม่ใช่คนธรรมดา พูดถึงต่างประเทศ ตัวเขาเองก็มีอำนาจที่น่ากลัวมากเช่นกันเวลาบ่ายสามโมง หัวหน้าใหญ่ไป๋ได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนการโอนหุ้นก็ราบรื่นมากเช่นกัน ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็สามารถเดินเรื่องทั้งหมดจนเสร็จได้ตระกูลไป๋แตกต่างจากตระกูลใหญ่ ๆ ตระกูลอื่น พวกเขาถือครองอุตสาหกรรมอยู่หลายประเภทภายใต้ชื่อของพวกเขาตระกูลไป๋ทุ่มทรัพย์สินหลักที่มีแทบจะทั้งหมดให้กับไป๋เฉิงกรุ๊ป และบริษัทนี้เองก็ไม่ธรรมดา เพราะเป็นถึงบริษัทชั้นนำของเมืองหนานเจียงเลยทีเดียว ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านเสียอีกเย่เทียนหยู่ได้หุ้นทั้งหมดของตระกูลไป๋มา แ
“หาคนคุยด้วยเกี่ยวกับเรื่องในอนาคตหน่อยน่ะ”เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาค่อนข้างแตกต่างจากผู้ฝึกฝนอย่างบรรพจารย์เจวี๋ยฉิง ที่มักมองว่าการฆ่าคือเรื่องปกติ ตั้งแต่ต้นจนจบเขายังมองว่าตัวเองเป็นเพียงพลเมืองธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งมาโดยตลอดบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงรู้สึกงงงวยเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็ต้องคอยติดตามนายท่าน และช่วยเหลือนายท่านอยู่ดีหลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่ง ก็ดูเหมือนว่าเขาจะยิ่งมีความจงรักภักดีต่อเย่เทียนหยู่มากขึ้นเรื่อย ๆและในตอนนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงผลลัพธ์พิเศษที่ซ่อนอยู่ในวิชาควบคุมปรานวิญญาณแล้ว เพียงแต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่สามารถควบคุมได้หลายคน ดังนั้น เขาจึงต้องใช้ประโยชน์จากวิชานี้อย่างระมัดระวังและจะต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้ได้ในขณะเดียวกันนั้นเอง สีหน้าของไป๋เถาที่นั่งอยู่ในโรงพยาบาลก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ความหวังเดียวของเขาในตอนนี้ ก็คือการเห็นตระกูลไปที่กำลังล่มสลายเท่านั้นแต่ไหนแต่ไร เขาก็เข้าใจมาโดยตลอดว่าไป๋เฉินเห็นเขาเป็นเหมือนน้องชายแท้ ๆ เพราะถึงอย่างไรตนก็ถูกเพิ่มชื่อเข้าไปในทะเบียนบ้านแล
“ผมไม่ได้ล้อเล่น!” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไป๋เถาถึงกับอึ้งไปเลย เขามองดูท่าทีของเย่เทียนหยู่ ก่อนจะรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังพูดเล่นอยู่จริง ๆ อีกอย่าง เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาพูดเล่นกับตนแบบนี้อยู่แล้วแต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เข้าใจ ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “ผมว่าคุณลองพิจารณาดูอีกทีก่อนดีไหม ว่าคุณควรจะรับผมือกับยอดฝีมือจากสำนักเจวี๋ยฉิงคนนั้นยังไงดี!”“ไม่จำเป็นต้องรับมือหรอก”“ไม่จำเป็นงั้นเหรอ?” ไป๋เถารู้สึกอึ้งขึ้นมาอีกครั้ง“อือ”“ทำไมเหรอครับ?”“ก็ผมจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วน่ะสิ!”“จัดการแล้ว? เป็นไปได้ยังไงกัน!”อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ไป๋เถาก็ส่ายหัวอีกครั้ง ก่อนจะพูดติดตลกออกไปว่า “ช่างเถอะ ไม่ว่าคุณจะจัดการแล้วหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่ดี! ถึงอย่างไร ผมก็กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว”“ถูกต้อง ตอนนี้คุณกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว แต่อย่าลืมสิ ว่าผมเป็นคนทำให้คุณเป็นแบบนี้ ในเมื่อผมสามารถทำลายคุณได้ ผมก็สามารถช่วยคุณให้ฟฟื้นฟูกลับมาได้เช่นกัน แถมยังจะช่วยให้คุณเลื่อนระดับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งด้วย”“อะไรนะ!”“นี่มันจะเป็นไปได้
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่ทำให้ตนต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ถึงขั้นรู้สึกโกรธแค้นอีกฝ่ายมากเสียด้วยซ้ำ แต่สถานการณ์ในตอนนั้นก็ถือว่าเป็นผลที่เกิดจากการกระทำของตัวเองทั้งสิ้น แทบจะไม่สามารถโทษคนอื่นได้เลยตอนนี้อีกฝ่ายกลับตอบแทนความแค้นด้วยความเมตตา โดยช่วยตนฟื้นฟูพลังกลับคืนมา ในใจไป๋เถาจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง“ตอนนี้ คุณเชื่อคำพูดของผมแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เชื่ออย่างสุดใจเลยครับ!”“ก่อนหน้านี้เป็นผมเองที่มีความรู้ตื้นเขิน จึงทำให้มองไม่เห็นถึงความสามารถที่เหนือชั้นของท่านราชามังกร”“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอเพียงแค่ท่านราชามังกรมีคำสั่ง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ไป๋เถาก็จะน้อมรับคำสั่งโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน!”ไป๋เถาไม่ใช่คนโง่ การที่อยู่ดี ๆ มีคนมาช่วยตัวเอง ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ใช่ญาติสนิทหรือศัตรูเลยด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์บางอย่างที่ต้องการจากตัวเขา“ดีมาก แต่ว่านะ ผมไม่ได้ต้องการให้คุณไปบุกน้ำลุยไฟอะไรนั่นหรอก กลับกัน ผมยังจะมอบความมั่งคั่งให้กับคุณอีกต่างหาก”“คะ ความมั่งคั่งอะไรเหรอครับ?” เมื่อได้ยินคำนี้ ไป๋เถาก็ถึงกับช
“ได้ งั้นก็ตกลงตามนี้ หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ” เย่เทียนหยู่มองด้วยสายตาคมกริบ“ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ!”ไป๋เถาพูดรับประกันด้วยความมั่นใจ หากมีคนปูทางให้ตนเดินสบาย ๆ แบบนี้แล้ว แต่ตนยังเดินได้ไม่ดีล่ะก็ ตนคงไม่มีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ได้หรอก“ดี”เย่เทียนหยู่ลุกขึ้น ก่อนจะเดินจากไปไป๋เถาจึงลุกขึ้นยืนทันที ก่อนที่ต่อมาเขาจะคุกเข่าลงข้างหนึ่ง และกล่าวอย่างจริงใจด้วยความเคารพออกไปว่า “กระผมขอน้อมส่งท่านราชามังกร!”เย่เทียนหยู่ไม่ได้หันกลับไปมองแต่อย่างใด เขาเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยทันทีตรงประตูมีคนยืนอยู่สองคน หนึ่งในนั้นคือพยัคฆ์ทมิฬที่สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจและความหวาดกลัวแน่นอนว่าอีกคนก็คือบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงเมื่อพยัคฆ์ทมิฬเห็นเย่เทียนหยู่ สีหน้าก็ยิ่งเปลี่ยนไปมากกว่าเดิม เขามาที่นี่ทำไมกัน หรือว่าเขามาที่นี่เพื่อฆ่าไป๋เถา?หากเป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าตัวเขาเองก็คงไม่รอดเช่นกันเมื่อนึกถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมา เขาก็ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกหนักกว่าเดิมแต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่เย่เทียนหยู่เพียงแค่กวาดสายตามอง ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินจากไปในทันทีบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงเอ
พยัคฆ์ทมิฬรีบเดินเข้าไปทันที แต่ก็กลับเห็นว่าไป๋เถาลูกขึ้นยืนได้แล้ว นอกจากนี้สีหน้ายังดีขึ้นมากอีกต่างหาก ร่างกายเองก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก แถมยังรู้สึกว่าเขาในตอนนี้ดีกว่าก่อนหน้านี้อีกต่างหากเขาอดไม่ได้ที่จะชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรวจสอบดูอย่างละเอียด แต่เขาก็กลับไม่สามารถตรวจสอบพลังของไป๋เถาได้ และอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “พี่เถา พี่ในตอนนี้เหมือนจะดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะครับ?”“นั่นมันแน่อยู่แล้ว!”“ตอนนี้พลังของฉันกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์แล้วยังไงล่ะ แถมพลังยังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับด้วยนะ จะไม่ดีได้อย่างไร” ขณะที่ไป๋เถาพูด เขาก็แทบจะเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่และเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาจะได้เข้าไปรับช่วงต่อตระกูลไป๋ ในใจก็ยิ่งเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และรู้สึกตื่นเต้นในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้น หาเขาพึ่งแค่ตัวเอง ก็อาจจะยากเกินไปหน่อย แต่หากมีพยัคฆ์ทมิฬคอยช่วยล่ะก็ ทุกอย่างจะต้องราบรื่นอย่างแน่นอน“อะไรนะ!”“นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง!”พยัคฆ์ทมิฬตกใจจนพูดไม่ออก เขาแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเองเลยด้วยซ้ำ จุดตันเถียนที่ถูกทำลายไปแล้ว มันแทบจะไม่มีทางฟื้นฟูกลับมาได้เลย
ในขณะที่ไป๋เทาอยู่ในอาการตกใจ เขาก็นึกถึงเรื่องการเอ่ยนามขึ้นมาได้คนที่มีพลังอันน่าสะพรึงกลัว และสถานะที่น่าเกรงขามอย่างบรรพจารย์เจวี๋ยฉิง ยังต้องเรียกท่านราชามังกรว่านายท่านแล้วตัวเขาเองนับว่าเป็นตัวอะไร เขายิ่งต้องคุกเข่าเรียกนายท่านด้วยความเคารพไม่ใช่รึไงแม้ว่าการเรียกเช่นนี้จะทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่หากแม้แต่บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงก็ยังเรียก แล้วตนจะมีเหตุผลอะไรที่เรียกไม่ได้กันไม่ได้ ครั้งหน้าหากได้เจอกับท่านราชามังกร ตนจะเรียกท่านว่าท่านราชามังกรอีกไม่ได้ จะต้องเรียกว่านายท่านเท่านั้นบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงไม่ได้สนใจความตกใจของทั้งสองเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไป๋เถา ฟังให้ดีนะ ที่นายท่านให้ฉันมาที่นี่ ก็เพื่อต้องการถ่ายทอดคำสั่งให้กับแก”“บรรพจารย์เชิญพูดได้เลยครับ” ในใจไป๋เถารู้สึกตกตะลึง และสู้สึกเคารพอย่างมาก“เรื่องแรก สิ่งที่ควรชดเชยก็จะต้องชดเชย สิ่งที่ควรแก้ไขก็ต้องรีบแก้ไข”“เอ่อ......เรื่องนี้?”ไป๋เถารู้สึกงงนิดหน่อย ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรแต่บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงก็กลับไม่ได้สนใจขนาดนั้น ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ส่วนเรื่องที่สอง คนบางคนที่ควรจะชดใช้ก็ต้องให
แต่เรื่องดำมืดที่หัวหน้าใหญ่ไปเคยก่อเอาไว้ก็มีอยู่ไม่น้อย ซึ่งแต่ละเรื่องก็ร้ายแรงมากพอที่จะเอาชีวิตของเขาได้เลย นอกจากนี้ยังมีเรื่องน่ากลัวที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้อยู่ด้วยอีกต่างหากในมือของหัวหน้าใหญ่ไป๋มีกลุ่มมือสังหารที่ฟังแค่หัวหน้าใหญ่ไป๋เพียงคนเดียวอยู่กลุ่มหนึ่ง แม้จำนวนคนจะมีไม่มาก แต่ก็เคยก่อกรรมทำชั่วกันมาไม่น้อยนอกจากหัวหน้าใหญ่ไป๋แล้ว เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในองค์กรส่วนใหญ่ก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับเขาอยู่ไม่น้อย หากเรื่องเหล่านั้นถูกเปิดเผยออกไป แม้ว่าจะไม่ทำให้ตนถึงตาย แต่ชีวิตนี้ของตนก็คงต้องจบสิ้นแล้วเป็นแน่รวมถึงตัวของพยัคฆ์ทมิฬเองก็ด้วยสีหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าภายในระยะเวลาอันสั้น ท่านราชามังกรจะสามารถเปิดโปงเรื่องราวอันดำมืดทั้งหมดในอดีตของพวกเขาออกมาได้นี่เขาจะต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลและอำนาจที่น่ากลัวเพียงใดกันในเวลานี้ ทั้งสองก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของท่านราชามังกรมากขึ้น สัมผัสได้ถึงความกลัวที่กำลังกัดกินเข้าไปยังส่วนลึกในจิตใจของพวกเขาขณะเดียวกัน ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน ก่อนจะเห็นความรู้สึกตกใจและความ
หลังจากที่หลินหว่านหรูกดวางสาย เธอก็กลับยังคงตกอยู่ในภวังค์เธอรู้สึกว่า มู่หรงอินดีกับเธอมากเกินไป และตามใจเธอมากเกินไปแต่อีตาบ้าเทียนหยู่คนนี้ก็เหลือเกินจริง ๆ เมื่อกี้เกือบทำให้เธอตกใจตายได้เลยนะนั่น เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจออกมาว่า “ครั้งหน้าคุณห้ามทำแบบนี้แล้วนะคะ ฉันตกใจเกือบตายก็เพราะคุณเลยนะเมื่อกี้”“มีอะไรให้ต้องกลัวกัน คุณคิดมากเกินไปแล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะพูดต่อว่า “หรือว่าคุณไม่เคยสังเกตเลยงั้นเหรอ ว่าแม่ของผมไม่ได้มีท่าทีต่อต้านใด ๆ กับคุณเลย อันที่จริง การที่คุณยิ่งเป็นตัวของตัวเอง ยิ่งคุณผ่อนคลาย มันก็ยิ่งทำให้เธอมีความสุขมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ”หลินหว่านหรูชะงักไปชั่วขณะ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ก็ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มรู้สึกเห็นด้วยอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังอดถามออกไปไม่ได้อยู่ดี “จริงเหรอคะ?”“แน่นอน เพราะว่าแบบนั้นมันถึงจะเป็นตัวตนจริง ๆ ของคุณ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยความมั่นใจดูเหมือนว่าหลินหว่านหรูจะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนที่จะเข้าใจสิ่งที่เขาพูดอย่างคลุมเครือครอบครัวเดียวกัน ก็ควรจะเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา มีอะไรก็ควรที่จะพ
“งั้นเหรอ คุณยังจำได้ใช่ไหม ว่าตอนนั้นฉันเคยบอกกับคุณเอาไว้ว่ายังไง ไม่ว่าหลินหว่านหรูจะมีข้อเรียกร้องอะไร คุณก็จะต้องทำให้เธอพอใจให้ได้?”“แต่ว่า โครงการนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้บริษัทขาดทุนหลายร้อยล้านเลยนะครับ หรืออาจจะถึงพันล้านเลยก็เป็นได้”“ร้อยล้านงั้นเหรอ คุณคิดว่าคนอย่างฉัน มู่หรงอินคนนี้จะใช้เงินแค่ร้อยล้านเล่นแบบฟุ่มเฟือยไม่ได้เลยรึไง?” มู่หรงอินถามกลับด้วยความโกรธ“นะ แน่นอนว่าไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ! เงินจำนวนแค่นี้สำหรับคุณแล้ว นับว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยมากครับ!” สีหน้าของเย่ซานยิ่งดูแย่ลงมากขึ้นเรื่อย ๆ“เข้าใจแล้วก็ดี แล้วอีกอย่าง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่าคุณคิดอะไรอยู่ในใจ คุณกลัวว่าหลินหว่านหรูจะแย่งตำแหน่งประธานของคุณไปอย่างนั้นใช่ไหม?”เมื่อมู่หรงอินพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็พูดอย่างเย็นชาออกมาอีกว่า “อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ”ไม่จำเป็นต้องกังวลงั้นเหรอ?เย่ซานรู้สึกดีใจขึ้นมา ดูท่าแล้ว หลินหว่านหรูคงไม่มีทางแย่งตำแหน่งของเขาไปได้จริง ๆ เพราะไม่อย่างนั้น ท่านประธานคงไม่พูดแบบนี้แน่“นั่นก็เพราะว่า หากหลินหว่านหรูต้องการ ตำแหน่งประธานก็จะเ
มู่หรงอินรู้สึกสับสนเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่มีความสุขงั้นเหรอ ทำไมกันล่ะ?”หลินหว่านหรูรู้สึกเครียดมาก เธอพยายามอย่างมากเพื่อที่จะสร้างความประทับใจ แต่ก็กลับถูกเย่เทียนหยู่ทำลายมันลงทั้งอย่างนั้น แบบนี้คุณป้าคงจะโกรธเธอมากแน่ ๆเธอทำได้เพียงส่งสัญญาณไม่ให้เย่เทียนหยู่พูดจาซี้ซั้วก็เท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้ว ใครบ้างล่ะจะชอบคนที่เอาแต่บ่นทั้งที่ยังไม่เริ่มแก้ปัญหาเลยด้วยซ้ำแต่เย่เทียนหยู่ก็แทบจะมองไม่เห็น แถมเขายังพูดต่ออีกว่า “มีสองเหตุผลครับ เหตุผลแรก เป็นเพราะบริษัทนี้เป็นของแม่ เธอก็เลยรู้สึกอึดอัด ส่วนอีกเหตุผล ก็ยังเป็นเพราะบริษัทเป็นของแม่อีกนั่นแหละ เธอเลยไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรเองได้เลย”“......”ดูสิ ว่าเขาพูดอะไรออกมา หลินหว่านหรูแทบจะสติแตก เธออยากที่จะเดินไปแย่งโทรศัพท์มา ณ เดี๋ยวนั้นเลยแต่มู่หรงอินเองก็เป็นคนฉลาด แค่ฟังก็เข้าใจเหตุผลคร่าว ๆ ได้แล้ว ประการแรกเป็นเพราะเธอกลัวว่าจะทำให้ตนไม่พอใจ และถูกจำกัดมากจนเกินไปประการที่สอง เกรงว่าอาจจะเป็นเพราะผู้บริหารระดับสูงมีอคติต่อหลินหว่านหรู เพราะไม่อย่างนั้น เทียนหยู่คงไม่พูดเรื่องตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ออกมาแน่แต
อันที่จริง เย่เทียนหยู่ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะมีผลตอบแทนหรือไม่ แต่เขาก็พอจะดูออกว่าหลินหว่านหรูอยากจะพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะทำตามสิ่งที่เธอคิดก็เท่านั้นหลินหว่านหรูเองก็อยากที่จะแสดงให้เขาเห็นเหมือนกัน ว่าสิ่งที่เธอเลือกนั้นเชื่อถือได้เพราะเธอเคยพาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางไปตรวจสอบมาแล้ว หากการพัฒนาแบตเตอรี่ของบริษัทฮั่นทงประสบความสำเร็จ ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องน่าทึ่งมากอย่างแน่นอน ไม่เพียงแค่ความเร็วในการชาร์จจะเร็วจนน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังมีความทนทานสูงมากอีกด้วย แถมยังสามารถรับรองเรื่องความปลอดภัยได้อีกต่างหากแทบจะไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ หลงเหลืออยู่เลยเพียงแต่ตอนนี้ พวกเขายังเหลือปัญหาที่ปัจจุบันยังไม่สามารถจัดการได้อยู่ อย่างน้อยมันก็ทำให้พวกเขาแทบจะมองไม่เห็นความหวังมากนักในช่วงนี้แต่ด้วยความกระตือรือร้นและความมั่นใจของโจวเจิ้ง มันจึงทำให้หลินหว่านหรูเริ่มรู้สึกเชื่อขึ้นมา เพราะเธอรู้ดีว่าโจวเจิ้งผู้นี้เป็นคนที่คลั่งไคล้การวิจัยมากแค่ไหน นอกจากนี้ เขาก็เป็นคนที่ไม่เคยพูดอะไรที่ไม่มีเหตุผลมาก่อนและเขาก็เป็นคนพูดเองว่า อีกไม่เกินหนึ่งปี การวิจัยและพัฒนาของเขาจะต้องสำเร็จอย
จากนั้นหลินหว่านหรูก็เดินกลับเข้ามา พร้อมทั้งแสดงท่าทีราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า ด้วยความสามารถในการได้ยินของเย่เทียนหยู่ สิ่งที่เธอพูดนั้น เย่เทียนหยู่ได้ยินแทบจะทั้งหมด“คุยเสร็จแล้วเหรอ?”เย่เทียนหยู่ถามด้วยรอยยิ้ม“อือ!”“พอดีเลย ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณเหมือนกัน” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มต่อว่า “หว่านหรู คุณคิดว่าการทำงานที่เทียนเฟิงกรุ๊ปมีความสุขไหม?”หลินหว่านหรูรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขาถามแบบนี้หมายความว่ายังไง เธอจึงตอบกลับไปว่า “ก็ใช้ได้ค่ะ!”“ใช้ได้งั้นเหรอ?”“เหมือนคุณจะไม่มีความสุขมากกว่าน่ะสิไม่ว่า อย่างน้อยก็มีความสุขน้อยกว่าตอนที่คุณทำงานที่หลินซื่อกรุ๊ป ผมพูดถูกไหม?”“เอ่อคือ......อือ!” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่เทียนหยู่ หลินหว่านหรูเองก็ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ได้“คุณเคยคิดบ้างไหม ว่าเป็นเพราะอะไร?”หลินหว่านหรูนิ่งเงียบ“ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณเคยคิดเรื่องนี้บ้างรึเปล่า แต่เมื่อกี้ผมลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนดูแล้ว จุดที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ในสายตาของคุณ เทียนเฟิงกรุ๊ปมันคือธุรกิจของแม่ผม คือธุรกิจของผม”“มันเลยทำให้ในใจของคุณ
“วิธีอื่น? วิธีอะไรเหรอ?”“ก็อย่างเช่น......” เย่เทียนหยู่ใช้นิ้วชี้ไปยังหลินหว่านหรูในที่สุดหลินหว่านหรูก็เข้าใจ ใบหน้าแดงก่ำแทบจะในทันที ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “คุณนี่มันเลวจริง ๆ!”“ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วไม่ใช่รึไง” เย่เทียนหยู่เองก็ทำอะไรไม่ถูก“ตะ แต่ถึงยังไงก็ทำที่นี่ไม่ได้นะ”“อะไรนะ? !”อันที่จริงเย่เทียนหยู่แค่พูดหยอกเธอเล่น เพื่อทำให้เธอขำก็เท่านั้นถึงอย่างไร เขาเองก็พอจะดูออก ว่าในใจของหลินหว่านหรูรู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อย เขาถึงกับเคยคิดเลยว่า หลินหว่านหรูไม่ควรจะมาที่เทียนเฟิงกรุ๊ปเสียด้วยซ้ำสีหน้าหลินหว่านหรูเต็มไปด้วยความรู้สึกกังวล แต่เพื่อสุขภาพของเย่เทียนหยู่แล้ว เธอจึงกัดฟันพูดออกไปว่า “พวกเราไปที่ห้องน้ำกันเถอะ ตรงนั้นน่าจะไม่มีคน”“......”หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลินหว่านหรูก็กลับจ้องมองเย่เทียนหยู่ด้วยสายตาที่ดุเดือดเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม รู้สึกเหมือนกับว่าตนเพิ่งจะสลบไปยังไงอย่างงั้น แม้แต่สติก็ยังเลอะเลือนไปชั่วขณะเลยด้วยซ้ำ แถมยังทำตามคำสั่งของเย่เทียนหยู่อย่างเชื่อฟังอีกต่างหากหรือว่า เป็นเพราะเธอรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้งั้
“ฮึ ๆ!”“ในห้องทำงานก็ยิ่งดีสิ จะได้เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศไปด้วยเลยไง”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ เขาเริ่มทำการพลิกตัว แล้วกดหลินหว่านหรูลงบนโต๊ะทำงานทันที ก่อนจะใช้มือขวาลูบไล้ไปยังส่วนนั้นของเธอว้าย!หลินหว่านหรูส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ ร่างกายสั่นเทาจนเกือบจะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ และต่อมาเธอก็ควบคุมร่างกายเอาไว้ไม่อยู่จริง ๆ เธอตกอยู่ในภวังค์โดยสมบูรณ์เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ทันได้สังเกตเลยด้วยซ้ำ ว่าหยางไฉ่อวิ๋นกำลังยืนอยู่ตรงประตูด้วยใบหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นแรงจนแทบกระโดดออกมาเลยทีเดียวนี่...... ประธานหลินชักจะใจกล้าเกินไปแล้วมั้งทำไมถึงได้ชอบทำเรื่องแบบนี้ในห้องทำงานอยู่เรื่อยเลยเนี่ย!แต่คุณเย่เองก็เก่งเหลือเกิน ผ่านมานานขนาดนี้กลับยังไม่เสร็จอีก หากตนได้ติดตามเขาล่ะก็ ตนคงตื่นเต้นจนเป็นลมไปเลยแน่ ๆไม่สิ ไม่ เราจะคิดแบบนั้นไม่ได้แล้วอีกอย่าง เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังพวกเขาด้วย หลัก ๆ ที่มาหาก็เพื่อต้องการให้ประธานหลินเซ็นเอกสารแต่ว่า คุณเย่เองก็หล่อมากจริง ๆ แถมอำนาจก็แข็งแกร่งมากอีกด้วย ทุกครั้งที่ได้พบเขา ก็มักจะทำให้ใจเต้นแรงไม่หยุด รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกหลังจ
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็นึกถึงเบอร์โทรศัพท์อีกเบอร์ขึ้นมาได้ ซึ่งคนผู้นั้นก็เป็นคนของคุณชายหนานกงด้วยเช่นกัน เพียงแต่อาจจะไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่ ก่อนที่เขาจะรีบกดเบอร์โทรหาในทันทีถึงอย่างไร ตระกูลหนานกงก็เป็นเพียงที่พึ่งเดียวของเขาในตอนนี้ ต่อให้ต้องล่วงเกิน เขาก็อยากที่จะลองเสี่ยงดวงดูสักครั้งครั้งนี้สายได้มีการเชื่อมต่อแล้วจริง ๆ แต่เมื่ออีกฝ่ายได้ยินว่าไป๋หยางต้องการต่อสายหาหนานกงเล่อ เขาก็กลับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า ตอนนี้หนานกงเล่อกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว และหายไปจากตระกูลหนานกงแล้วด้วยเมื่อเรื่องเดินมาถึงจุดนี้ ไป๋หยางก็สามารถยืนยันเรื่องทุกอย่างได้ในที่สุดในเวลานี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าตนได้เผลอไปล่วงเกินกับการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวเข้าให้แล้วและตอนนั้นเอง เขาก็นึกถึงคำพูดที่อีกฝ่ายพูดเอาไว้ในวันนี้ขึ้นมาได้ ที่บอกว่าเขากำลังจะตายอยู่แล้วแท้ ๆ แต่กลับยังไม่รู้ตัวอีกที่แท้ คนที่ถูกมองว่าเป็นตัวตลกก็คือตัวของเขานี่เองส่วนตระกูลไป๋ ในเมื่อได้ทำการมอบหมายให้ไป๋เถาดูแลต่อแล้ว เย่เทียนหยู่ก็ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้อีก เขาจึงได้รออยู่ที่บ้าน
ตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลหนานกงงั้นเหรอ?นอกจากนี้เขาก็เพิ่งจะตอนหนานกงเล่อแห่งตระกูลหนานกงจนเป็นขันทีไปแล้วด้วยหนานกลเล่อคือใคร นั่นมันคุณชายจากตระกูลหนานกงที่ไป๋หยางคอยประจบเอาใจอยู่ตลอดไม่ใช่รึไงไป๋เถาแทบช็อกไปเลยหมายความว่ายังไงที่บอกว่าตระกูลหนานกงก็แค่ตระกูลเล็ก ๆ ตระกูลหนึ่ง นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดแห่งอาณาจักรมังกรเชียวนะ แถมอนาคตอาจจะได้ขึ้นเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรมังกรอีด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ นายท่านกลับไม่เห็นอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยถึงขั้นทำให้คุณชายรองแห่งตระกูลหนานกงอย่างหนานกลเล่อเป็นขันทีไปแล้วอีกต่างหาก นี่ถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง แต่ตระกูลหนานกงก็กลับไม่กล้าทำอะไรนายท่านนี่จะต้องเป็นความอหังการที่ยิ่งใหญ่เพียงใดกัน!จากมุมมองของไป๋เถา นักรบก็ยังคงเป็นนักรบอยู่วันยังค่ำ โลกใบนี้ถูกกำหนดให้ฟังคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจ ต่อให้คุณจะเก่งมากแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็ยังคงมีผู้อารักขาเฟยหลงที่กุมอำนาจเหนือคุณอยู่ดีในสายตาของผู้คนมากมาย เป็นเพราะมีผู้อารักขาเฟยหลงคอยควบคุมเหล่านักรบทั่วโลกอยู่ จึงทำให้นักรบเหล่านั้นไม่กล้าทำอะไรที่เกิ