เย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้นแต่ก็ส่ายหน้าแล้วพูดอย่างใจเย็น “อย่าเพิ่งมั่นใจเกินไป ตอนนี้มันยังเร็วเกินกว่าจะตัดสิน ลองดูไปก่อน”“คุณกำลังพูดอะไรคะ? นี่คุณสาปแช่งลูกสาวของฉันอยู่เหรอ? ตอนนี้เธอดีขึ้นมากแล้วนะ”“ส่วนผู้อำนวยการหม่าน่ะ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ของโรงพยาบาล ฉันเชื่อในทักษะทางการแพทย์ของเขาค่ะ ส่วนคุณ คุณมีทักษะทางการแพทย์หรือยังไง?”เมื่อเห็นว่าหม่าจวินที่กำลังช่วยเหลือเธอ แต่กลับมีคนที่ไม่มีทักษะทางการแพทย์มาพูดจาไม่รู้สี่รู้แปด โจวเมี่ยวถงก็รู้สึกทนไม่ไหว “เขาจะรู้อะไรที่ไหน แม้แต่ใบรับรองคุณวุฒิทางการแพทย์เขายังไม่มีเลย หนุ่มน้อย แกมีใบรับรองคุณวุฒิทางการแพทย์ไหม?”หม่าจวินเยาะเย้ย“จริงครับที่ผมไม่มีใบรับรอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นถูกต้องนะ ตอนนี้ยังมีเวลาเหลืออีกห้าวินาที” เย่เทียนหยู่พูด“พูดจาไร้สาระ”หม่าจวินกำลังจะโต้กลับ แต่ในขณะนี้ อุณหภูมิของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายและแขนขาของเธอเริ่มกระตุก และมีน้ำลายฟูมปากเธอดูน่ากลัวมากราวกับว่าเธออาจจะตายเมื่อใดก็ได้โจวเมี่ยวถงหน้าซีดด้วยความตกใจและถามขึ้นอย่างรีบ
เพราะถึงยังไงพวกเขาก็เป็นคนที่ได้เห็นอาการชักกระตุกอันน่าสะพรึงกลัวของเด็กหญิงที่ราวกับจะสามารถตายได้ตลอดเวลาแบบนั้นแค่ แค่นี้ก็หยุดแล้วเหรอ?หม่าจวินแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย เขาเริ่มเชื่อว่าเย่เทียนหยู่มีความสามารถจริง ๆ อย่างน้อยก็เก่งในด้านการแพทย์แผนจีนมากแต่ในความเห็นของเขา ภาพรวมของการแพทย์แผนจีนดูแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือมากนัก เพียงแค่ไอ้เจ้านี่โชคดีบังเอิญเจอโรคที่เขารักษาเป็นถึงสองครั้งก็เท่านั้นดวงตาของพยาบาลคนอื่น ๆ เปล่งประกาย ผู้ชายที่มีทักษะทางการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์ แถมยังหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ถึงกับมีอาการตกหลุมรักกันไปหลายคนโจวเมี่ยวถงมองดูฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเย่เทียนหยู่จะมหัศจรรย์ขนาดนี้ ทันทีที่เขาลงมือก็สามารถหยุดอาการป่วยของเธอได้ เธอรีบถาม “เชี่ยนเชี่ยนเป็นยังไงบ้าง? ลูกฉันเป็นอะไรไปเหรอ?”“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ในเมื่อผมลงมือแล้ว จะไม่มีปัญหาตามมาแน่นอน”“สำหรับเหตุผลนั้น เธอติดเชื้อไวรัสชนิดพิเศษจริง ๆ แต่ไม่ใช่ไข้หวัด”“อะไรนะ ไวรัสพิเศษ มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันคะ!”สีหน้าของโจวเมี่ยวถงเปลี่ยนไป หรือนี่จะเป็นเรื่องที่คู่แข่งทางการคนไหนท
โจวเมี่ยวถงกำลังจะขอบคุณเย่เทียนหยู่ แต่ในขณะนี้โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น หลังจากรับสายแล้ว ก็กล่าวด้วยสีหน้าที่จนใจว่า: “แพทย์เซียนเย่ ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณมากนะ ในกระเป๋าของฉันมีเงินสดแค่สองแสนห้าหมื่นบาท ถือเสียว่าเป็นค่ารักษาก็แล้วกัน”“อันนี้ นามบัตรของฉัน ต่อไปถ้าคุณต้องการอะไร โทรศัพท์หาฉันได้ทันที ถ้าฉันสามารถทำได้ ฉันจะช่วยคุณอย่างแน่นอน”เธอพลางพูดพลางยื่นเงินและนามบัตรให้กับเย่เทียนหยู่ แล้วกล่าวว่า “ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ ต้องขอตัวกลับไปก่อน”“ได้ครับ!”เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้เสแสร้งอะไร รับเงินมาโดยตรง เพราะอย่างไรเสียผู้หญิงคนนี้ดูรวยมาก เงินสองสามแสนบาทน่าจะเป็นแค่เงินเล็กน้อยสำหรับเธอแต่ชีวิตของลูกสาว ถือว่าเป็นสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่าได้เมื่อหม่าจวินเห็นเงินที่อยู่ในมือของเย่เทียนหยู่ ก็รู้สึกอิจฉา จึงทำได้แค่รู้สึกเสียดาย ที่มันไม่ได้ตกเป็นของเขาหม่าจวินรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก จึงรีบพูดแซะไปว่า “ไอ้คนแซ่เย่ ที่นี่คือโรงพยาบาล เงินค่ารักษาที่ได้รับมาจะเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้นะ คุณเอาเงินสองแสนห้าหมื่นบาทก้อนนั้นมาให้ผม ผมจะมอบให้โรงพยาบาล”ทันท
เพราะว่าเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้อยู่คนเดียว เพื่อนอีกสามคนที่เล่นด้วยกันก็มีอาการแบบเดียวกัน แต่โรงพยาบาลที่พวกเขาไปนั้นกลับไม่มีวิธีรักษา จึงทำได้แค่ยื้อชีวิตของพวกเขาเอาไว้เท่านั้น“ใช่ครับ!”หม่าจวินกล่าวอย่างมั่นใจทันทีว่า “ทันทีที่ผมเห็นอาการของเธอ ผมก็รู้สาเหตุของโรคทันที ตอนนี้เธอหายดีแล้ว จึงกลับไปพักฟื้นที่บ้าน”“ดี คุณทำได้ดีมาก” นายกเทศมนตรีเผยความปีติยินดีออกมาเด็กๆที่เล่นกับลูกสาวของโจวเมี่ยวถงล้วนมีสถานะที่ไม่ธรรมดา หาก สามารถรักษาทั้งหมดให้หายขาดได้ในครั้งนี้ มันจะเอื้อประโยชน์ต่ออาชีพการงานของเขาในอนาคตโดยเฉพาะหลานชายของไช่เสี่ยวโปไช่หยาง แม้ว่าตอนนี้ไช่เสี่ยวโปจะเกษียณแล้ว แต่ตอนนั้นเขาเป็นถึงรองรัฐมนตรี มีตำแหน่งระดับสูงและมีอำนาจมากมายแต่คณบดีหูแอบรู้สึกแประหลาดใจ ปกติแล้วไม่เคยเห็นหม่าจวินจะเก่งกาจขนาดนี้ ไม่เช่นนั้นมีผู้อำนวยการหม่าคอยหนุนหลังอยู่ ก็ไม่ถึงขั้นต้องใช้เวลาหลายปีในการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการหรอกปัญหาที่ยุ่งยากขนาดนี้ แค่เขาดูก็สามารถรู้สาเหตุของโรค แถมยังใช้ยารักษาให้หายได้อย่างง่ายดายอีกด้วย“ผู้อำนวยการหม่า คุณเป็นคนที่รักษาหายจริงๆเหรอ?”
“พี่เย่…”เมื่อเห็นทุกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้ว เฉินเข่อซินก็อดไม่ได้ที่อยากจะพูดอะไรบางอย่างเย่เทียนหยู่ส่ายหัว แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า:“ไม่ต้องใจร้อน รอดูต่อไปก่อน”ถ้าเขาเดาไม่ผิด คนงี่เง่าคนนี้น่าจะอยากช่วยชีวิตคนด้วยตนเองจริงๆเฉินเข่อซินพยักหน้าในขณะที่กำลังพูด ก็มีคนหลายคนปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกอีกครั้ง หัวหน้าพยาบาลกำลังอุ้มเด็กน้อยคนหนี่งอยู่ ด้านข้างยังมีชายชราที่ดูไม่ธรรมดาและหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งด้วย“รัฐมนตรีไช่...”นายกเทศมนตรีสื่อและคนอื่นๆก็รีบเข้าไปทักทายเขา“อืม ใครคือผู้อำนวยการหม่า รีบช่วยตรวจดูหลานชายของผมหน่อย” ไช่เสี่ยวโปกล่าวอย่างกังวลผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเป็นแม่ของเด็ก ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวลเช่นกัน“ผม ผมเองครับ!”ผู้อำนวยการหม่ามีเหงื่อออกที่หน้าผาก เห็นได้ชัดว่ารู้สึกประหม่า แต่แล้วก็คิดได้ว่า นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเช่นกันเมื่อเห็นนายกเทศมนตรีสื่อและคนอื่นๆเคารพต่อชายชราแล้ว หากรักษาหลานชายของเขาให้หายขาด ต่อไปยังจะกลัวว่าอาชีพการงานจะไม่รุ่งเรืองอีกเหรอ?“คุณคือคนที่รักษาลูกสาวของประธานโจวหายใช่ไหม”“ใช่ครับ!”“ถ้าอย่างนั้น
คณบดีหูโกรธหม่าจวินมาก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังไม่ยอมพูดอีก แล้วหันไปมองเย่เทียนหยู่ที่หลิวอิ๋งอิ๋งชี้ไป แล้วพูดอย่างเร่งรีบว่า: “คุณครับ ผมต้องขอโทษจริงๆ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับหม่าจวิน แต่ถ้าคุณมีวิธีรักษาจริงๆ ได้โปรดช่วยรักษาด้วย แล้วผมจะตอบแทนคุณเป็นอย่างงาม”“ใช่ ใช่แล้ว คุณคะ ได้โปรดช่วยลูกชายของฉันด้วย คุณไม่ต้องกังวล ไม่ว่าคุณต้องการอะไร ฉันก็จะรับปากคุณ”หญิงสาวก็กล่าวอย่างร้อนใจเช่นกัน“ผมชื่อไช่เสี่ยวโป ผมพอมีเส้นสายอยู่บ้าง คุณได้โปรดยื่นมือเข้ามาช่วยด้วย ต่อไปผมจะต้องตอบแทนคุณอย่างแน่นอน”ไช่เสี่ยวโปอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเขามีหลานชายสุดที่รักแค่เพียงคนเดียว ปกติแล้วก็มีแต่เรื่องที่ทำให้วิตกกังวลใจ หลังจากเกษียณแล้ว ก็อยากจะมีความสุขกับครอบครัวกับหลานชายเย่เทียนหยู่กลับมีสีหน้าที่สงบนิ่ง และไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับคำสัญญาของพวกเขาเลย แค่พูดเบาๆว่า: “หลีกทางหน่อย เดี๋ยวผมจะรักษาเอง!”เมื่อทุกคนได้ยินดังนี้ ก็รีบหลีกทางให้ทันทีเย่เทียนหยู่ก้าวไปข้างหน้า ตวัดมือขวา เข็มเงินหลายเข็มที่หม่าจวินฝังอยู่บนร่างกายเด็กชายก็ลอยกระเด็นออกไปทั้งหมด จากนั้นก็ลอยออกจาก
หลังจากที่ทุกคนออกมาข้างนอกแล้ว ไช่เสี่ยวโปก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า: “หงเจี้ยว คุณรู้จักแพทย์เซียนด้วยเหรอ?”“รู้จักสิ เขาเป็นแพทย์เซียนที่รักษาแม่ของผมหาย เมื่อได้ยินเรื่องอาการป่วยของหลานชายคุณ ผมก็รีบโทรหาเขาทันที เขาบอกว่าเขาอยู่ที่โรงพยาบาล”“ที่แท้แพทย์เซียนก็คือคนคนนั้นที่คุณโทรมาแนะนำให้รู้จัก”อันที่จริงไช่เสี่ยวโปเคยได้ยินหวงหงเจี้ยนพูดเกี่ยวกับเรื่องแม่ของเขา แต่แค่รู้สึกว่ามันโอเวอร์เกินไป จึงทำให้ไม่ไว้ใจแพทย์เซียนคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแพทย์เซียนจริงๆโชคดีที่แพทย์เซียนเย่อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาคงจะเลวร้ายจนไม่อยากจะคิดในเวลานี้เขาก็สังเกตเห็นผู้อำนวยการหม่านั่งทรุดตัวลง ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดอยู่ด้านข้าง จึงถ่มน้ำลายใส่อย่างแรง ไอ้สารเลวคนนี้ เกือบจะทำให้หลานชายของตนเสียชีวิตแล้วหลังจากที่เย่เทียนหยู่ปรับร่างกายให้เป็นพิเศษแล้ว เด็กทั้งสองก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เนื่องจากเด็กๆชอบความเฮฮาสนุกสนานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเริ่มลุกขึ้นมาวิ่งเล่นด้วยกันภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ครอบครัวของพวกเขามีความสุขเป็นที่สุด จึงรู้สึกขอบคุณเย่เทียนหยู่เป็นอย่างมาก จึงขอ
“ชดเชย?”“คุณชดเชยให้ผมได้เหรอ สามารถชดเชยให้คนป่วยที่น่าสงสารเหล่านั้นได้ไหม?”“พวกเขาหลายคนระดมเงินเพื่อมารักษาโรค ขายบ้านขายที่ดิน และขายแม้กระทั่งเลือด! แต่คุณทำได้ยังไง แค่ออกบิลค่าใช้จ่ายตามใจชอบ ก็สามารถชิงเงินที่พวกเขาหามาได้ด้วยความยากลำบากไปทั้งหมด”“คุณน่าขยะแขยงยิ่งกว่าโจรเป็นร้อยเท่า!”ยิ่งเย่เทียนหยู่พูดมากเท่าไรก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะตอนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฉินเข่อซิน ในใจก็รู้สึกทุกข์ระทมเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินดังนี้ หม่าจวินก็อ่อนแรง และล้มลงไปทันทีเพราะเขารู้ว่า เรื่องนี้ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้อีกต่อไป ซึ่งก็หมายความว่าเขาจบเห่แล้ว และอาจจะถึงขั้นติดคุก“เกิดอะไรขึ้น?”คณบดีหูรีบกล่าวถามทันทีในเวลานี้ เย่เทียนหยู่ก็เอาบิลค่าใช้จ่ายออกมา แล้วส่งให้คณบดีดู ในขณะเดียวกันก็อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนแรกให้ฟังด้วยหลังจากที่ผู้นำหลายได้ยินดังนี้แล้ว ต่างก็พากันเกรี้ยวโกรธ คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเช่นนี้อยู่ที่เมืองเทียนไห่ โหดร้ายราวกับว่ากินคนไม่คลายกระดูกเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งนี้ เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก