“หรือว่าไม่ใช่เขา ถ้าอย่างนั้น จะเป็นใครกัน?” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วมู่หรงอินส่ายหัว พูดว่า “ต้องค่อยๆ สืบไป แต่ถ้ามีคนอยากแสร้งเป็นเย่สยง ก็ทำได้อย่างแน่นอน สำนักดอกไม้เชี่ยวชาญเรื่องการปลอมตัว พวกเขาสามารถเปลี่ยนโฉมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าไม่ใช่คนสนิท ก็คงไม่ทันสังเกต”“มีฝีมือแบบนี้ด้วยเหรอ งั้นดูเหมือนว่าต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น” เย่เทียนหยู่พยักหน้า“ใช่ แต่ถ้าจะสืบ ก็ต้องสืบจากกลุ่มคนที่ฆ่าพ่อลูกไป แต่ห้ามดูแค่ภายนอก บางคนอยู่เบื้องหลัง”มู่หรงอินพูด“ครับ ผมเข้าใจแล้ว!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาได้ยินชิงหลงพูดถึงขั้นเทพผู้เป็นอมตะ ดูเหมือนว่า ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีใครผ่านไปได้ แต่ก็ควรจะผ่านไปได้ไม่เช่นนั้น ชิงหลงคงไม่พูดแบบนั้น แต่ทำไมหลายปีผ่านไป จึงไม่มีใครถึงขั้นเทพผู้เป็นอมตะ“แม่ครับ แม่รู้จักขั้นเทพผู้เป็นอมตะไหมครับ?” เย่เทียนหยู่ถามเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่หรงอินขมวดคิ้ว พูดว่า “เรื่องนี้ แม่ก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะ แม้แต่พ่อของลูก ที่เก่งกาจขนาดไหน ก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามขั้นนั้นไปได้ ดูเหมือนว่า ในโลกนี้ จะไม่มีใครก้าวข้ามขั้นนั้นไปได้เลย”“ก่อนหน้
ทันใดนั้น หลินหว่านหรูโทรศัพท์มา น้ำเสียงเร่งรีบพูดว่า “เทียนหยู่ คุณปู่ล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก เลือดออกมาก อาการหนักมาก ต้องผ่าตัดทันที ไม่เช่นนั้นก็ต้องตายแน่ๆ”“แต่หมอบอกว่า การผ่าตัดมีความเสี่ยง ถ้าไม่สำเร็จ อาจจะทำให้หมดสติ และเป็นอัมพาตได้”เย่เทียนหยู่อึ้งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าคุณปู่หลินจะล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก และอาการหนักขนาดนี้ กำลังจะพูดอะไรสักอย่างหลินหว่านหรูก็รีบถามต่อว่า “คุณมีหมอเก่งๆ ที่รู้จักบ้างไหม พวกเขาจะมีวิธีช่วยคุณปู่ได้ไหม”ถึงแม้ว่าช่วงนี้ คุณปู่จะทำให้เธอเดือดร้อนและเจ็บปวด แต่คุณปู่ก็รักเธอมาตั้งแต่เด็กเย่เทียนหยู่คิดว่าหลินหว่านหรูจะให้เขาไปช่วย แต่ไม่ใช่ จึงพูดทันทีว่า “แน่นอน ผมเอง ให้พวกเขาช่วยรักษาอาการไว้ก่อน ตราบใดที่คุณปู่ยังหายใจอยู่ ผมก็มีวิธีรักษาให้หายได้”“รอผมนะ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”พูดจบ เขาก็วางสาย แล้วพูดว่า “แม่ครับ ผมมีธุระด่วน ผมขอไปก่อนนะครับ”หลินหว่านหรูถึงกับอึ้งไป เทียนหยู่พูดว่าอะไรนะ ว่าเขาจะรักษาให้หายได้ เดี๋ยวก่อน เธอลืมไปแล้ว ตอนนั้นเป็นเขาที่รักษาโรคที่ยากจะรักษาของ หยางเฉียนเฉียนให้หายและมีครั้งหนึ่ง
“ทำไมถึงไม่คิดแบบนั้นล่ะ เพราะคุณปู่ ลูกกับเทียนหยู่ต้องทนทุกข์ทรมานมาแค่ไหน ตอนนี้ เขาคงอยากให้คุณปู่ตายไปเลย เพื่อว่าจะได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อความรักของพวกคุณอีกต่อไป”“พูดอะไร พวกคุณรู้ความสามารถของเทียนหยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปทำลาย ทำไมเขาต้องฆ่าคุณปู่ด้วย”“นั่นอาจจะไม่ใช่ คนเราอาจจะเปลี่ยนไปได้ ก่อนหน้านี้พวกเราก็สนับสนุนให้พวกคุณคบกัน แต่ว่าช่วงนี้ก็พยายามทำลายความสัมพันธ์ของพวกคุณไม่ใช่เหรอ”“พวกคุณก็ยังรู้ว่าตัวเองทำเรื่องแย่อยู่เหรอ” หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดถึงเรื่องพวกนั้น แต่กำลังพูดถึงความปลอดภัยของคุณปู่”คุณแม่ตระกูลหลินเปลี่ยนเรื่องทันที แล้วพูดต่อว่า “ไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา พวกคุณคิดว่าเทียนหยู่จะทำร้ายคุณปู่ไหม?”“เอ่อ มีความเป็นไปได้สูงมาก”“พวกคุณ! ไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา แล้วมาตัดสินอะไรกัน!”หลินหว่านหรูโมโหจนพูดคำหยาบคายออกมา ตะโกนว่า “ไม่ว่าพวกคุณจะคิดยังไง ฉันก็ไม่ยอมให้ผ่าตัดทันที ทุกอย่างรอให้เทียนหยู่มาถึงก่อนแล้วค่อยว่ากัน”หัวหน้าหยางได้ยินการทะเลาะกัน ขมวดคิ้ว พูดว่า “เด็กสาว นี่เธอเป็นยังไงกัน มาขัดขวางอยู่ได้ หรือ
เมื่อหลินหว่านหรูได้สติ ทุกอย่างก็เป็นที่แน่นอนแล้ว เธอไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จึงได้แต่รอผลอย่างทุกข์ใจเวลาผ่านไปทีละนิดทีละหน่อย ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง คุณแม่ตระกูลหลินมองไปที่ด้านไกล เย่เทียนหยู่ยังไม่มาเมื่อคิดว่าไม่ควรทะเลาะกับหลินหว่านหรู เพราะในอนาคตก็ต้องพึ่งพาเธอเพื่อเข้าหาเย่เทียนหยู่ จึงเดินเข้าไปพูดว่า “เห็นไหม ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เทียนหยู่ยังไม่มาเลย ถ้าไม่ฟังหมอ คุณปู่ก็อาจจะตายแล้วก็ได้”“หมอบอกว่า ถ้าไม่ผ่าตัด ก็ยังอยู่ได้อีกอย่างน้อยสองชั่วโมง” หลินหว่านหรูพูดเสียงเย็นชา หวังว่าคุณปู่จะปลอดภัย ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่ให้อภัยทั้งสองคน“หมอพูดอะไรก็เชื่อไปหมดเหรอ ใครจะรู้ว่าเขาพูดผิดหรือเปล่า” คุณแม่ตระกูลหลินอดไม่ได้ที่จะโต้แย้ง“เหรอ ถ้าไม่เชื่อหมอ แล้วทำไมถึงต้องรีบผ่าตัด?”“ตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่แล้ว พูดเรื่องพวกนี้ไปทำไม แล้วก็ เธอคิดจริงๆ เหรอว่าเย่เทียนหยู่จะช่วยคุณปู่ได้?”“บอกให้เธอรู้ไว้เลย เขาอยากให้คุณปู่ตาย เลยมาหลอกเธอ”คุณแม่ตระกูลหลินโต้แย้งด้วยความโกรธแต่เพราะเธอหันหลังให้กับทางเดิน จึงไม่รู้เลยว่าเย่เทียนหยู่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูงมาก ที่
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลินหว่านหรูเต็มไปด้วยความเสียใจ น้ำตาคลอเบ้าพูดว่า “ใช่ เข้าไปผ่าตัดแล้ว!”เย่เทียนหยู่ได้ยินดังนั้น จึงขมวดคิ้ว พูดว่า “นี่ ฉันบอกให้รอฉัน ทำไมถึงรอไม่ได้ เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง?”“ฉัน...”หลินหว่านหรูอ้าปาก นึกถึงคำพูดของแม่เมื่อครู่ ที่สงสัยว่าเขาจะฆ่าคุณปู่ เธอก็อดร้องไห้ไม่ได้คุณแม่ตระกูลหลินเห็นแบบนั้น โกรธมากเด็กคนนี้ ตอนนี้เป็นเวลาไหนแล้ว! เธอยังทำเป็นน่าสงสาร ยิ่งทำให้โกรธเข้าไปอีก เธออยากให้ฉันตายใช่ไหมเย่เทียนหยู่แสดงความสงสาร รีบถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เป็นยังไง โรงพยาบาลบังคับให้ทำแบบนี้ใช่ไหม?”“ไม่ใช่!”หลินหว่านหรูส่ายหัว“แล้วเป็นยังไง?” เย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะถาม ไม่เชื่อฉันเหรอ ผ่านเรื่องราวมากมายขนาดนี้ ยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ“หมอบอกว่าถ้าไม่ผ่าตัดทันที พ่อจะตาย หว่านหรูเป็นห่วง จึงแนะนำให้ผ่าตัดก่อน พวกเราคิดว่าเธอพูดถูก จึงต้องสนับสนุนเธอ”คุณแม่ตระกูลหลินรีบพูดก่อนตอนนี้เธอเพิ่งทำให้เย่เทียนหยู่โกรธ หว่านหรูคงไม่มาขัดเธอหรอก ถ้าตอนนี้มาขัด ก็แสดงว่าหว่านหรูไม่รักเธอ อยากให้เธอตายจริงๆถ้าเป็นแบบนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รับผิดชอบ
คุณแม่ตระกูลหลินเห็นว่าหลินหว่านหรูไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยส่วนคำพูดของเย่เทียนหยู่นั้น เธอก็ไม่เชื่อสักคำ ถึงแม้ว่าเย่เทียนหยู่จะมีภูมิหลังที่น่าทึ่ง แต่การที่เธอไปด่าเขาว่าเป็นพวกหลอกลวงและเป็นคนโกหกนั้น ก็ไม่ผิดที่เขาพูดโกหกเรื่องไร้สาระแบบนั้นออกมาได้ ก็เพราะลูกสาวของเธอเชื่อเขาคนเดียว เขาคงคิดว่า ถ้าการผ่าตัดสำเร็จ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเขา แต่ถ้าล้มเหลว มีเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ต้องยอมรับว่า เย่เทียนหยู่นั้นฉลาดแกมโกงมาก แต่เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญแล้ว เพียงแค่ตระกูลและฐานะของเขาก็สำคัญน้อยกว่าการที่เธอจะได้เป็นคุณนายชั้นสูงแรกๆ เขาไม่ได้สังเกต แต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของหลินหว่านหรู จึงหันไปมองคุณแม่ตระกูลหลิน คุณแม่ตระกูลหลินจึงได้แต่ตอบกลับไปด้วยท่าทางที่ดูอึกอักและรู้สึกเขินอายเย่เทียนหยู่รู้สึกว่าอาจเป็นเพราะคุณแม่ตระกูลหลินและพวกเขาขอให้รีบนำเข้าห้องผ่าตัดเวลาผ่านไปทีละนิดทีละหน่อย ถึงแม้ว่าเย่เทียนหยู่จะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหน นั่งรออยู่ที่นั่นและเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปช่วยคุณปู่ได้ตลอดเวลาถ้าไม่ใช่เพราะกำลังผ่าตัดอยู
ไม่รู้ทำไม เขานึกถึงคุณปู่เย่ คุณปู่แท้ๆ ของเขา ตอนเด็กๆ คุณปู่ก็รักเขามาก ใช้เวลาอยู่กับเขาทุกวัน ถึงแม้ว่าจะยุ่งมากก็ตามเพราะตอนนั้นเขายังไม่เกษียณ มีเรื่องให้ทำมากมายผ่านไปเวลานาน เย่เทียนหยู่จึงได้สติ เห็นหหลินหว่านหรูเสียใจมาก รู้สึกสงสารมาก แต่เขาช่วยอะไรไม่ได้จริงๆคุณแม่ตระกูลหลินได้สติ จึงตกใจมาก รีบจับหัวหน้าหยาง ตะโกนว่า “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ คุณบอกว่าผ่าตัดแล้วจะหายไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็รอดชีวิตใช่ไหม?”หัวหน้าหยางขมวดคิ้ว ส่ายหัว พูดว่า “คุณนายหลิน กรุณาปล่อยมือ การผ่าตัดมีความเสี่ยงเสมอ ยิ่งคุณปู่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีน้อยอยู่แล้ว”“น้อยแล้วทำไมยังให้ผ่าตัด ยังบังคับเราอีก” คุณแม่ตระกูลหลินโกรธมาก รู้แบบนี้ ก็ควรจะรอเย่เทียนหยู่ ถึงแม้ว่าเย่เทียนหยู่จะหลอกลวง แต่ถ้าสำเร็จล่ะ"ผมไม่ได้บังคับพวกคุณ ผมแค่บอกว่าถ้าไม่ผ่าตัดก็จะตาย การตัดสินใจอยู่ที่ตัวคุณเอง ลายเซ็นนี้ก็คุณเซ็นเองด้วย ถ้าคุณยังจะทำเรื่องวุ่นวายแบบนี้ต่อไป ผมจะแจ้งความแล้ว" คุณหมอหยางพูดด้วยความโมโห เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลแม้แต่เขาก็ยังทำอะไรไม่ได้ เปลี่ยนใครก็
เย่เทียนหยู่ชะงักไปเล็กน้อย มองไปที่คุณปู่หลินที่เสียชีวิตไปแล้ว แล้วตอบว่า “ได้ ตอนนี้เขาอยู่โรงพยาบาลไหน ยังทนได้อีกนานแค่ไหน?”“ตามที่แพทย์บอก ยังทนได้อีกไม่กี่ชั่วโมง ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งแรกสังกัดมหาวิทยาลัยเทียนไห่!”มู่หรงอินรีบตอบเย่เทียนหยู่ได้ยินดังนั้นรีบบอกว่า “ผมอยู่โรงพยาบาลนี้ เขาอยู่ตึกไหน ห้องไหน?”มู่หรงอินได้ยินดังนั้น รีบแจ้งให้ทราบคุณแม่ตระกูลหลินมองดูเย่เทียนหยู่โทรศัพท์ ไม่กล้าพูดอะไรเลยฝ่ามือเดียวที่ตบไป ถือว่าทำให้เธอตื่นตัว ตอนนี้เย่เทียนหยู่ไม่ใช่คนไร้ค่าเหมือนก่อนแล้ว ถ้าเขาโกรธจริงๆ เธอจะตายอย่างน่าอนาถโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นลูกสาวมีท่าทีเหมือนจะจัดการกับเธอคุณพ่อตระกูลหลินก็เครียดมาก กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่โกรธส่วนหลินหว่านหรู กำลังอยู่ในความเศร้าโศก รวมกับถ้อยคำร้ายกาจของคุณแม่ตระกูลหลิน ครั้งนี้เธอถูกตบ ในใจไม่มีความไม่พอใจ รู้สึกว่าตัวเองสมควรได้รับถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบการกระทำของแม่มาโดยตลอด แต่ถึงอย่างไรแม่ก็คือแม่ เธอไม่เคยเกลียดแม่มากขนาดนี้มาก่อนเมื่อเห็นเย่เทียนหยู่วางโทรศัพท์ คุณแม่ตระกูลหลินก็ไม่กล้าพูดอะไ
เป็นอยู่อย่านั้น มีจูเก่อหลิวหลีแค่คนเดียวที่พูดอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เธอเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง เอาแต่แสดงออกถึงความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อนเย่เทียนหยู่ไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ฟังอย่างงงงวยก็เท่านั้นเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า จูเก่อหลิวหลีจะมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อเขามากขนาดนี้ จนทำให้เย่เทียนหยู่ต้องรู้สึกผิด และไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกหยางเฉียนเฉียนเองก็เป็นแบบนี้ แต่นั่นเขาก็ได้ทำเพื่อหยางเฉียนเฉียนไปไม่น้อย ช่วยเหลือเธอมากมาย จนทำให้ใจของเย่เทียนหยู่รู้สึกดีขึ้นมาบ้างกลับกัน พอเป็นหลิวหลี นอกจากเรื่องที่ช่วยให้เธอทะลวงถึงระดับปรมาจารย์แล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย เพื่อที่จะตามหาเขา กลับเป็นเธอที่คอยช่วยเหลือตน ช่วยเหลือแม่ของตนไปไม่น้อยที่สำคัญเลยก็คือ เย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าจะรับมือกับเธออย่างไร หรือจะปลอบใจเธอยังไงได้บ้างแน่นอน หากยอมหลับนอนกับเธอ ทำให้เธอเป็นผู้หญิงของเขา สำหรับเขาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว ก็คงเป็นแค่สิ่งที่ปรารถนาไม่รู้จบแต่ว่า ขืนเขาทำแบบนั้น แล้วหว่านหรูจะทำยังไงหากหว่านหรูรู้เรื
“อืม ฉันรู้แล้ว เห็นว่าเธอยังโพสต์เฟสบุ๊กสนับสนุนพวกเราอยู่ด้วยเลยนี่” เย่เทียนหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้มคิดไม่ถึงเลยว่าพี่เย่จะรู้เรื่องนี้ด้วย ซึ่งทำให้เฉินเฟยเฟยดีใจเอามาก ๆ ก่อนที่จะรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ ช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”“ทำไมจะไม่ช่วยล่ะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีความหมายทั้งนั้นแหละ แค่เธอมองไม่เห็นก็เท่านั้นเอง”“จริงเหรอคะ ขอบคุณพี่เย่ที่ให้กำลังใจฉันนะคะ อันที่จริง ที่ฉันโทรหาพี่ครั้งนี้ เป็นเพราะฉันเห็นว่าพี่อยู่ที่ตงเฉิง เลยอยากเชิญพี่มาดูคอนเสิร์ตของฉันน่ะค่ะ”“เธอมีคอนเสิร์ตที่ตงเฉิงงั้นเหรอ เมื่อไหร่?” เย่เทียนหยู่ถาม เขาอาจจะต้องดูเวลาก่อน หากว่าตรงกับการประชุมศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจจะไม่ว่างไป“คืนนี้ตอนทุ่มครึ่งค่ะ ที่สนามกีฬา พี่พอจะว่างไหม?” เฉินเฟยเฟยถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง เธออยากให้เย่เทียนหยู่ไปงานคอนเสิร์ตของเธอมากจริง ๆ เพื่อให้เขาได้ฟังเพลงที่เธอร้องหากไม่ใช่เพราะเรื่องของปาร์คดาฮยอน เธอก็คงส่งคำเชิญให้เขาไปนานแล้ว พอตอนนี้เห็นว่าไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรแล้ว จึงคิดว่าพี่เย่อาจจะว่างก็ได้ ถึงได้เชิญไป“ว่างสิ!”เย่เทียนห
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าเธอจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ แถมยังโอบกอดเขาแน่น พร้อมกับเปิดปากพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งแบบนี้แม้จะดูเก้งก้างไปบ้าง แต่เขากลับรู้สึกมีอารมร์ร่วมในความเป็นจริงแล้ว ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่ เขานั้นไม่ได้ถูกควบคุมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะเสน่ห์อันเย้ายวนและความงดงามของจูเก่อหลิวหลีทั้งนั้นความรู้สึกต่อจูเก่อหลิวหลีตอนนี้เหมือนกันกับตอนหยางเฉียนเฉียน คือชมชอบ รู้สึกดี และถึงขั้นชอบเสียด้วยซ้ำแต่เนื่องจากความรับผิดชอบที่มีในใจ และความจริงที่ว่าหลินหว่านหรูคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะก้าวข้ามไปแม้แต่ก้าวเดียวแต่ท่าทีของจูเก่อหลิวหลีในตอนนี้ เสน่ห์ของจูเก่อหลิวหลี บวกกับฤทธิ์ยา ไม่นานมันก็ได้กระตุ้นความตื่นตัวของเย่เทียนหยู่ขึ้นมาเขาถึงกับไม่สามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ และเปิดปากออกโดยไม่รู้ตัว มือก็เริ่มเคลื่อนไหวไปบนร่างของจูเก่อหลิวหลี ความรู้สึกนั้น มันทำให้ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหวสมบูรณ์แบบมาก!ต้องบอกเลยว่า หากพูดถึงแรงดึงดูดต่อผู้ชาย จูเก่อหลิวหลีนั้นไม่แพ้หลินหว่านหรูเลยแม้แต่น้อย เป็นคว
ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าแม้แต่โอกาสที่จะได้อยู่ข้าง ๆ คุณชายก็คงไม่เหลือ ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะทำตัวให้กระตือรือร้นมากขึ้นถึงแม้จะไม่ได้เป็นภรรยาของคุณชาย ขอแค่ได้มีความสัมพันธ์กับคุณชายบ้าง ต่อไปเธอก็จะถือว่าเป็นผู้หญิงของคุณชาย และอย่างน้อยก็สามารถอยู่เคียงข้างคุณชายไปตลอดชีวิตได้เพราะไม่อย่างนั้น สักวันหนึ่งระยะห่างของเธอกับคุณชายก็คงจะไกลกันมากขึ้นเรื่อย ๆเพื่อเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจวางยา ยานี้ไม่ใช่ยาธรรมดา ไม่เพียงแต่ไม่มีสีและรสชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นยาที่หายากอีกด้วย เพียงแต่ผลลัพธ์ของยานั้นกลับไม่ได้มีความเข้มข้นมากนักแต่ก็ไม่เป็นไร โชคดีที่ได้เจอกับมันโดยบังเอิญ บวกกับเสน่ห์ที่ดูแพรวพราวของเธออีกเพื่อเสริมเสน่ห์ของตัวเองแล้ว หลายวันมานี้เธอได้ทำการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อที่จะทำให้คุณชายหลงใหล และให้คุณชายยอมกลืนกินเธอแม้ว่าวันนี้จูเก่อหลิวหลีจะสวมกระโปรงสีดำแหวกข้าง และเสื้อคอลึก จนทำให้ขาเรียวยาวของเธอโผล่พ้นออกมา ซึ่งความมีเสน่ห์ของเธอทำให้เขารู้สึกใจสั่นเล็กน้อยแต่เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร ในขณะที่ดื่มน้ำในมือ เขาก็เดินดูรอบ ๆ พร้อมกับเอ่ยชมขึ้นว่า
อันที่จริงแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่การเตรียมการของเย่เทียนหยู่ แต่เป็นการเตรียมการของมู่หรงอิน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามู่หรงอินเองก็ไม่ได้รังเกียจที่จะจัดการเรื่องนี้ กระทั่งเธอยังยินดีที่จะทำเสียด้วยซ้ำเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทเทียนเฟิงกรุ๊ปสาขาตะวันออก ข้อมูลก็ได้ถูกส่งไปถึงหูของมู่หรงอินแล้ว ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาแม้จะมีความช่วยเหลือจากเย่เทียนหยู่อยู่แล้ว แต่การแสดงออกของหลินหว่านหรูนั้นก็ทำให้เธอพอใจมากจริง ๆเดิมทีภาพรวมของเทียนเฟิงกรุ๊ปก็ดีมากอยู่แล้ว เพียงแค่ปัญหาร้ายแรงบังเอิญมาเกิดที่สาขานี้ก็เท่านั้น เธอแค่ต้องการอยากจะเห็นการแก้ปัญหาของหลินหว่านหรู และจะใช้เวลานานแค่ไหนในการจัดการคิดไม่ถึงเลยว่าจะจัดการได้เร็วขนาดนี้ แถมยังกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานให้มีแรงผลักดันมากขึ้นอีกด้วยไม่เสียแรงที่ตนให้คนเตรียมข้อมูลพนักงานที่ละเอียดขนาดนั้นเอาไว้ให้เธอเลยจริง ๆในตอนที่เย่เทียนหยู่เดินออกจากบริษัท เขาเองก็กำลังคิดว่าจะหาบ้านที่เหมาะสมในบริเวณใกล้เคียง แล้วซื้อเอาไว้สักหลัง ไม่ว่ายังไงก็จะให้หลินหว่านหรูพักอยู่โรงแรมตลอดไปไม่ได้หรอกนี่เห็นได้ชัดว่ามันไม่เ
“เพราะเขาเป็นคนพูดเองว่า ไม่ว่าโลกจะกว้างใหญ่แค่ไหน แต่ภรรยาก็คือที่สุด!”“ถ้าไม่มีการอนุญาตจากฉัน เขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน”“ฮ่า ๆ......”พอทุกคนได้ยินคำพูดของหลินหว่านหรู ก็แทบจะหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว จู่ ๆ ก็คิดว่าประธานหลินคนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆเห็น ๆ อยู่ว่าอำนาจในมือนั้นเกินคาดเดา แต่เจ้าตัวกลับเป็นคนที่อ่อนโยนเช่นนี้เมื่อพูดถึงว่าภรรยาเป็นใหญ่ สีหน้าของหลินหว่านหรูก็แดงเพราะความเขินอายขึ้นมา สิ่งสำคัญคือเธอรู้สึกว่าควรจะดึงบรรยากาศกลับมาสักหน่อย เพื่อไม่ให้ทุกคนมุ่งคิดแต่จะเอาใจเธออย่างเดียว จนละเลยหน้าที่ในบริษัท แบบนั้นคงไม่ดีแน่เย่เทียนหยู่สามารถที่จะไม่สนใจผลประโยชน์ของบริษัทได้ กระทั่งปล่อยให้บริษัทล้มละลายไปเลยก็ตาม แต่เธอเองกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ถ้าตั้งใจจะทำแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด แล้วก็จะต้องแข็งแกร่งยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเพราะไม่เช่นนั้น เธอจะมีหน้าไปพบอนาคตแม่สามีได้อย่างไรเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน หลินหว่านหรูก็รู้สึกว่าตนทำถูกต้องแล้ว จากนั้นจึงกล่าวขึ้นอีกว่า “แต่ว่านะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เอาแต่ใจเท่ากับเขา แต่สำหรับเรื่องงานแล้ว ฉันกลับมีความเข้
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงและสั่นสะเทือนในใจขึ้นมาอีกครั้งถึงขนาดไม่สนใจว่าบริษัทจะล้มละลาย แม้แต่การขอร้องจากประธานบริษัทเองก็ยังไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ!นี่เป็นเผด็จการและการปกป้องที่ไร้เหตุผลชัด ๆ!ในใจหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร อาจจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานบริษัท หรืออาจจะมีสถานะที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินหว่านหรูด้วยความรู้สึกอิจฉาโดยเฉพาะผู้หญิงบางคน ในใจพวกเธอก็อดคิดไม่ได้ ว่าหากพวกเธอมีผู้ชายแบบนี้สักคน ต่อให้จะเป็นเพียงหนึ่งในหมื่น พวกเธอก็คงจะมีความสุขจนตายได้เลยการปกป้องที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ แม้แต่หลินหว่านหรูที่ถูกเย่เทียนหยู่ทะนุถนอมตลอดเวลาก็ยังรู้สึกใจเต้นเช่นกันเทียนหยู่ได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับเธออย่างแท้จริง เขาทั้งมุ่งมั่นและตั้งใจทำเพื่อเธอพอนึกย้อนกลับไป เขาก็คอยปกป้องเธออยู่เงียบ ๆ มาโดยตลอดมาเช่นกันเพียงแค่ตัวเองก่อนหน้านี้นั้นกลับโง่เขลาเกินไป ไม่สามารถแยกแยะสถานการณ์ได้ ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจ แถมยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขาตั้งหลายครั้งอีกด้วยตอนนี้พอมาคิดดูแล้
ดูท่าแล้ว อนาคตเธอคงจะก้าวหน้ามากแน่นอนพวกเขาอาจจะต้องระมัดระวังในการรับมือเอาไว้ให้ดีเมื่อจัดการเรื่องของจางเฉียงเสร็จ เรื่องของที่นี่โดยทั่วไปก็ถือว่าจบลงแล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากอยู่ต่อ เขาจึงกล่าวเสียงต่ำขึ้นว่า “ทุกท่านก็คงเห็นกันแล้ว วันนี้ ที่นี่เกิดเรื่องที่ไม่ค่อยน่าพอใจบางอย่างขึ้น”“แต่โชคดีที่ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างดี ในที่สุดก็ขจัดเนื้อร้ายของบริษัทออกไปได้ ทำให้ทุกคนสามารถตั้งใจแสดงความสามารถของตนเองได้อีกครั้ง”“ผมรู้ดี นอกจากพวกเขาเหล่านี้แล้ว ในบริษัทก็ยังมีปัญหาน้อยใหญ่อยู่อีกมากมาย การเรียกเก็บส่วยใต้โต๊ะก็มีไม่น้อย ตามความคิดเดิมของผม ผมไม่คิดจะปล่อยไปเลยแม้แต่คนเดียว ต้องการจะจัดการให้หมดทุกคน”“อย่างมาก บริษัทก็อาจจะตกอยู่ในวิกฤตสักระยะ เพื่อเผชิญกับผลกระทบบางอย่าง”“อย่าว่าแต่วิกฤตเล็ก ๆ เลย ต่อให้จะขาดทุนไปหลายร้อยล้าน หรือหลายพันล้านก็ตาม มันก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย!”เย่เทียนหยู่ยืนอยู่บนที่สูง แววตาดูมีอำนาจ เขากวาดสายตามองไปทั่วทุกทิศทาง ทุกคนที่ถูกเขามอง ต่างก็รีบก้มหน้าหลบเลี่ยงในทันที ไม่มีใครกล้าสบตาเขาเลยสักคนผ
“พอเถอะ!”เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายแล้ว จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ผมเคยบอกไปแล้ว ผมไม่ได้สนใจเงินเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดของพวกคุณคือการดูถูกภรรยาของผม!”“ดังนั้น นอกจากจางเฉียงแล้ว พวกคุณที่เหลือ เอาเงินมาชดใช้ให้หมด แล้วไสหัวออกไปจากบริษัทซะ แล้วเราจะไม่ตามเอาความอีก!”“แต่ว่านะ จางเฉียง ไม่ว่าคุณจะแสดงออกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เก็บน้ำตาที่ไม่มีค่าเหล่านั้นเอาไว้เถอะ”“ไสหัวไปซะ แล้วเตรียมตัวรับหมายศาลเอาไว้ให้ดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลายคนต่างก็พากันรู้สึกซาบซึ้งจนถึงขั้นน้ำตาไหลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ การที่ตนสามารถถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยนั้น ก็นับว่าโชคดีที่สุดแล้วแต่จางเฉียงกลับรู้สึกอ่อนแรงอย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงเลยว่าการที่ใบหน้าทั้งสองข้างบวมเป่งนั้นจะไม่มีผลอะไรเลย เมื่อนึกถึงชะตากรรมที่น่ากลัวของตัวเองแล้ว ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวทันทีเขาหันไปมองหลินหว่านหรูอีกครั้ง ความโกรธเคืองเกิดขึ้นในใจทันที ความชั่วร้ายภายในเองก็ปะทุขึ้นมา เขาจึงควักมีดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้ววิ่งตรงไปทางหลินหว่านหรูอ