“ทำไมถึงไม่คิดแบบนั้นล่ะ เพราะคุณปู่ ลูกกับเทียนหยู่ต้องทนทุกข์ทรมานมาแค่ไหน ตอนนี้ เขาคงอยากให้คุณปู่ตายไปเลย เพื่อว่าจะได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อความรักของพวกคุณอีกต่อไป”“พูดอะไร พวกคุณรู้ความสามารถของเทียนหยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปทำลาย ทำไมเขาต้องฆ่าคุณปู่ด้วย”“นั่นอาจจะไม่ใช่ คนเราอาจจะเปลี่ยนไปได้ ก่อนหน้านี้พวกเราก็สนับสนุนให้พวกคุณคบกัน แต่ว่าช่วงนี้ก็พยายามทำลายความสัมพันธ์ของพวกคุณไม่ใช่เหรอ”“พวกคุณก็ยังรู้ว่าตัวเองทำเรื่องแย่อยู่เหรอ” หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดถึงเรื่องพวกนั้น แต่กำลังพูดถึงความปลอดภัยของคุณปู่”คุณแม่ตระกูลหลินเปลี่ยนเรื่องทันที แล้วพูดต่อว่า “ไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา พวกคุณคิดว่าเทียนหยู่จะทำร้ายคุณปู่ไหม?”“เอ่อ มีความเป็นไปได้สูงมาก”“พวกคุณ! ไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา แล้วมาตัดสินอะไรกัน!”หลินหว่านหรูโมโหจนพูดคำหยาบคายออกมา ตะโกนว่า “ไม่ว่าพวกคุณจะคิดยังไง ฉันก็ไม่ยอมให้ผ่าตัดทันที ทุกอย่างรอให้เทียนหยู่มาถึงก่อนแล้วค่อยว่ากัน”หัวหน้าหยางได้ยินการทะเลาะกัน ขมวดคิ้ว พูดว่า “เด็กสาว นี่เธอเป็นยังไงกัน มาขัดขวางอยู่ได้ หรือ
เมื่อหลินหว่านหรูได้สติ ทุกอย่างก็เป็นที่แน่นอนแล้ว เธอไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จึงได้แต่รอผลอย่างทุกข์ใจเวลาผ่านไปทีละนิดทีละหน่อย ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง คุณแม่ตระกูลหลินมองไปที่ด้านไกล เย่เทียนหยู่ยังไม่มาเมื่อคิดว่าไม่ควรทะเลาะกับหลินหว่านหรู เพราะในอนาคตก็ต้องพึ่งพาเธอเพื่อเข้าหาเย่เทียนหยู่ จึงเดินเข้าไปพูดว่า “เห็นไหม ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เทียนหยู่ยังไม่มาเลย ถ้าไม่ฟังหมอ คุณปู่ก็อาจจะตายแล้วก็ได้”“หมอบอกว่า ถ้าไม่ผ่าตัด ก็ยังอยู่ได้อีกอย่างน้อยสองชั่วโมง” หลินหว่านหรูพูดเสียงเย็นชา หวังว่าคุณปู่จะปลอดภัย ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่ให้อภัยทั้งสองคน“หมอพูดอะไรก็เชื่อไปหมดเหรอ ใครจะรู้ว่าเขาพูดผิดหรือเปล่า” คุณแม่ตระกูลหลินอดไม่ได้ที่จะโต้แย้ง“เหรอ ถ้าไม่เชื่อหมอ แล้วทำไมถึงต้องรีบผ่าตัด?”“ตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่แล้ว พูดเรื่องพวกนี้ไปทำไม แล้วก็ เธอคิดจริงๆ เหรอว่าเย่เทียนหยู่จะช่วยคุณปู่ได้?”“บอกให้เธอรู้ไว้เลย เขาอยากให้คุณปู่ตาย เลยมาหลอกเธอ”คุณแม่ตระกูลหลินโต้แย้งด้วยความโกรธแต่เพราะเธอหันหลังให้กับทางเดิน จึงไม่รู้เลยว่าเย่เทียนหยู่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูงมาก ที่
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลินหว่านหรูเต็มไปด้วยความเสียใจ น้ำตาคลอเบ้าพูดว่า “ใช่ เข้าไปผ่าตัดแล้ว!”เย่เทียนหยู่ได้ยินดังนั้น จึงขมวดคิ้ว พูดว่า “นี่ ฉันบอกให้รอฉัน ทำไมถึงรอไม่ได้ เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง?”“ฉัน...”หลินหว่านหรูอ้าปาก นึกถึงคำพูดของแม่เมื่อครู่ ที่สงสัยว่าเขาจะฆ่าคุณปู่ เธอก็อดร้องไห้ไม่ได้คุณแม่ตระกูลหลินเห็นแบบนั้น โกรธมากเด็กคนนี้ ตอนนี้เป็นเวลาไหนแล้ว! เธอยังทำเป็นน่าสงสาร ยิ่งทำให้โกรธเข้าไปอีก เธออยากให้ฉันตายใช่ไหมเย่เทียนหยู่แสดงความสงสาร รีบถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เป็นยังไง โรงพยาบาลบังคับให้ทำแบบนี้ใช่ไหม?”“ไม่ใช่!”หลินหว่านหรูส่ายหัว“แล้วเป็นยังไง?” เย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะถาม ไม่เชื่อฉันเหรอ ผ่านเรื่องราวมากมายขนาดนี้ ยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ“หมอบอกว่าถ้าไม่ผ่าตัดทันที พ่อจะตาย หว่านหรูเป็นห่วง จึงแนะนำให้ผ่าตัดก่อน พวกเราคิดว่าเธอพูดถูก จึงต้องสนับสนุนเธอ”คุณแม่ตระกูลหลินรีบพูดก่อนตอนนี้เธอเพิ่งทำให้เย่เทียนหยู่โกรธ หว่านหรูคงไม่มาขัดเธอหรอก ถ้าตอนนี้มาขัด ก็แสดงว่าหว่านหรูไม่รักเธอ อยากให้เธอตายจริงๆถ้าเป็นแบบนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รับผิดชอบ
คุณแม่ตระกูลหลินเห็นว่าหลินหว่านหรูไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยส่วนคำพูดของเย่เทียนหยู่นั้น เธอก็ไม่เชื่อสักคำ ถึงแม้ว่าเย่เทียนหยู่จะมีภูมิหลังที่น่าทึ่ง แต่การที่เธอไปด่าเขาว่าเป็นพวกหลอกลวงและเป็นคนโกหกนั้น ก็ไม่ผิดที่เขาพูดโกหกเรื่องไร้สาระแบบนั้นออกมาได้ ก็เพราะลูกสาวของเธอเชื่อเขาคนเดียว เขาคงคิดว่า ถ้าการผ่าตัดสำเร็จ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเขา แต่ถ้าล้มเหลว มีเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ต้องยอมรับว่า เย่เทียนหยู่นั้นฉลาดแกมโกงมาก แต่เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญแล้ว เพียงแค่ตระกูลและฐานะของเขาก็สำคัญน้อยกว่าการที่เธอจะได้เป็นคุณนายชั้นสูงแรกๆ เขาไม่ได้สังเกต แต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของหลินหว่านหรู จึงหันไปมองคุณแม่ตระกูลหลิน คุณแม่ตระกูลหลินจึงได้แต่ตอบกลับไปด้วยท่าทางที่ดูอึกอักและรู้สึกเขินอายเย่เทียนหยู่รู้สึกว่าอาจเป็นเพราะคุณแม่ตระกูลหลินและพวกเขาขอให้รีบนำเข้าห้องผ่าตัดเวลาผ่านไปทีละนิดทีละหน่อย ถึงแม้ว่าเย่เทียนหยู่จะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหน นั่งรออยู่ที่นั่นและเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปช่วยคุณปู่ได้ตลอดเวลาถ้าไม่ใช่เพราะกำลังผ่าตัดอยู
ไม่รู้ทำไม เขานึกถึงคุณปู่เย่ คุณปู่แท้ๆ ของเขา ตอนเด็กๆ คุณปู่ก็รักเขามาก ใช้เวลาอยู่กับเขาทุกวัน ถึงแม้ว่าจะยุ่งมากก็ตามเพราะตอนนั้นเขายังไม่เกษียณ มีเรื่องให้ทำมากมายผ่านไปเวลานาน เย่เทียนหยู่จึงได้สติ เห็นหหลินหว่านหรูเสียใจมาก รู้สึกสงสารมาก แต่เขาช่วยอะไรไม่ได้จริงๆคุณแม่ตระกูลหลินได้สติ จึงตกใจมาก รีบจับหัวหน้าหยาง ตะโกนว่า “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ คุณบอกว่าผ่าตัดแล้วจะหายไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็รอดชีวิตใช่ไหม?”หัวหน้าหยางขมวดคิ้ว ส่ายหัว พูดว่า “คุณนายหลิน กรุณาปล่อยมือ การผ่าตัดมีความเสี่ยงเสมอ ยิ่งคุณปู่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีน้อยอยู่แล้ว”“น้อยแล้วทำไมยังให้ผ่าตัด ยังบังคับเราอีก” คุณแม่ตระกูลหลินโกรธมาก รู้แบบนี้ ก็ควรจะรอเย่เทียนหยู่ ถึงแม้ว่าเย่เทียนหยู่จะหลอกลวง แต่ถ้าสำเร็จล่ะ"ผมไม่ได้บังคับพวกคุณ ผมแค่บอกว่าถ้าไม่ผ่าตัดก็จะตาย การตัดสินใจอยู่ที่ตัวคุณเอง ลายเซ็นนี้ก็คุณเซ็นเองด้วย ถ้าคุณยังจะทำเรื่องวุ่นวายแบบนี้ต่อไป ผมจะแจ้งความแล้ว" คุณหมอหยางพูดด้วยความโมโห เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลแม้แต่เขาก็ยังทำอะไรไม่ได้ เปลี่ยนใครก็
เย่เทียนหยู่ชะงักไปเล็กน้อย มองไปที่คุณปู่หลินที่เสียชีวิตไปแล้ว แล้วตอบว่า “ได้ ตอนนี้เขาอยู่โรงพยาบาลไหน ยังทนได้อีกนานแค่ไหน?”“ตามที่แพทย์บอก ยังทนได้อีกไม่กี่ชั่วโมง ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งแรกสังกัดมหาวิทยาลัยเทียนไห่!”มู่หรงอินรีบตอบเย่เทียนหยู่ได้ยินดังนั้นรีบบอกว่า “ผมอยู่โรงพยาบาลนี้ เขาอยู่ตึกไหน ห้องไหน?”มู่หรงอินได้ยินดังนั้น รีบแจ้งให้ทราบคุณแม่ตระกูลหลินมองดูเย่เทียนหยู่โทรศัพท์ ไม่กล้าพูดอะไรเลยฝ่ามือเดียวที่ตบไป ถือว่าทำให้เธอตื่นตัว ตอนนี้เย่เทียนหยู่ไม่ใช่คนไร้ค่าเหมือนก่อนแล้ว ถ้าเขาโกรธจริงๆ เธอจะตายอย่างน่าอนาถโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นลูกสาวมีท่าทีเหมือนจะจัดการกับเธอคุณพ่อตระกูลหลินก็เครียดมาก กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่โกรธส่วนหลินหว่านหรู กำลังอยู่ในความเศร้าโศก รวมกับถ้อยคำร้ายกาจของคุณแม่ตระกูลหลิน ครั้งนี้เธอถูกตบ ในใจไม่มีความไม่พอใจ รู้สึกว่าตัวเองสมควรได้รับถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบการกระทำของแม่มาโดยตลอด แต่ถึงอย่างไรแม่ก็คือแม่ เธอไม่เคยเกลียดแม่มากขนาดนี้มาก่อนเมื่อเห็นเย่เทียนหยู่วางโทรศัพท์ คุณแม่ตระกูลหลินก็ไม่กล้าพูดอะไ
“รู้แล้ว ดูเหมือนว่ายังไม่มีใครบอกพวกคุณ” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว กำลังจะโทรหาแม่ ไม่งั้นถ้าไปเอง จะถูกคนอื่นขัดขวาง แล้วยังโดนเยาะเย้ยอีก มันน่าเบื่อจริงๆ เรื่องแบบนี้ เขาเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่งที่บ้านหัวหน้าหยางต้าฝู เขาไม่อยากเจออีกแล้วคุณอธิการกำลังจะพูด จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อได้ยินเนื้อหาในโทรศัพท์ เขาก็วางสายทันที แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “คุณ... คุณคือแพทย์เซียนเย่ ใช่ไหม?”เรื่องแพทย์เซียนเย่คนนี้ เขาก็เพิ่งได้ยินจากเพื่อนเก่าคุยกัน เพื่อนคนนั้นพูดถึงฝีมือการแพทย์ของแพทย์เซียนเย่จนเกินจริง ถ้าไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ชอบโอ้อวด เป็นคนจริงจัง เขาคงไม่เชื่อเลย แต่ชื่อเย่เทียนหยู่ เขาจำได้ขึ้นใจเมื่อกี้มีโทรศัพท์จากห้องคนไข้ เป็นเพื่อนของเหล่าหวัง บอกว่ามีคนเก่งคนหนึ่งมา อาจจะมีวิธีช่วย ชื่อเย่เทียนหยู่ พอได้ยินชื่อเย่เทียนหยู่ คุณอธิการก็จำแพทย์เซียนเย่ที่เพื่อนเก่าพูดถึงได้ทันทีเย่เทียนหยู่ชะงักไปเล็กน้อย เขารู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นแพทย์เซียน แม่เขาบอกเหรอ? แต่เขาก็พยักหน้าทันทีแล้วพูดว่า “ผมไม่กล้าเรียกตัวเองว่าแพทย์เซียนหรอกครับ แต่ผมชื่อเย่เทียนหยู่”“ใช่ เย่เทียนหยู่ ก
ใบหน้าหลินหว่านหรูเผยให้เห็นถึงความขมขื่น ตอบว่า “อืม ไปทำงานเถอะ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวได้” จากใบหน้าซีดเซียวของเธอ ดูเหมือนว่าเธอยังคงรู้สึกเสียใจอย่างมากแต่คุณอธิการนั้นแอบสงสัยอยู่ลึกๆ ว่าถ้าหากเขาเป็นแพทย์เซียนเย่จริงๆ แล้ว เหตุใดจึงไม่ช่วยเหลือคนของตัวเอง? เพราะจากการสังเกตดวงตาของแพทย์เซียนเย่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะให้ความสำคัญกับหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างมาก และหัวหน้าหยางก็ได้กล่าวไว้ว่า อาการของคนไข้รายนี้ไม่ร้ายแรงเท่ากับเหล่าหวัง และไม่ซับซ้อนเท่ากับเหล่าหวังด้วยการนำทางของคุณอธิการ เย่เทียนหยู่ก็มาถึงหน้าห้องคนไข้ในเวลาอันรวดเร็วที่บริเวณนั้น มีบุคคลหลายคนเฝ้ารออยู่ แต่เนื่องจากคนในครอบครัวหวังส่วนใหญ่อยู่ที่หลงตู จึงมีจำนวนคนที่มารวมตัวกันที่โรงพยาบาลไม่มากนัก โดยมีหวังซู บุตรชายคนที่สี่ของเหล่าหวังเจิ้นเป็นหลัก พร้อมด้วยภรรยาของหวังซู บุตรชายนามหวังอีฟาน และบุตรสาวนามหวังเมิ่งเฟยทันทีที่ถึงหน้าห้อง คุณอธิการก็รีบพูดขึ้นว่า “เร็วเข้า แพทย์เซียนเย่มาแล้ว”“แพทย์เซียนเย่เหรอ?”ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เร็วขนาดนี้เลยเหรอ เพิ่งโทรศัพท์ไปบอกว่าได้หมอเก่งมา เขาก็มาถ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง แรงกดดันมหาศาลกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจอย่างมากอึก!มารโลหิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่ตัวเขาจะเดินถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่หมัดเดียว อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจนไม่เหลือชิ้นดี สภาพดูน่าอนาถมาก เห็นได้ชัดว่าภายในได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงต้องเข้าใจก่อนว่า ความสามารถของเขาเองก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเช่นกันแม้ว่าระยะเวลาในการบรรลุจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้วพูดตามตรง ความแข็งแกร่งของเขายังห่างจากหยางผั่วจวินอยู่มาก ซึ่งความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินตอนนี้ก็ได้ไปถึงคอขวดของระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว บวกกับร่างกายที่ไม่เหมือนใครของหยางผั่วจวินที่ทำการโจมตีอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถรับกระบวนท่านี้ของอีกฝ่ายได้ ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริง ๆ!เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก!ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้วเมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ