เย่เทียนหยู่ชะงักไปเล็กน้อย มองไปที่คุณปู่หลินที่เสียชีวิตไปแล้ว แล้วตอบว่า “ได้ ตอนนี้เขาอยู่โรงพยาบาลไหน ยังทนได้อีกนานแค่ไหน?”“ตามที่แพทย์บอก ยังทนได้อีกไม่กี่ชั่วโมง ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งแรกสังกัดมหาวิทยาลัยเทียนไห่!”มู่หรงอินรีบตอบเย่เทียนหยู่ได้ยินดังนั้นรีบบอกว่า “ผมอยู่โรงพยาบาลนี้ เขาอยู่ตึกไหน ห้องไหน?”มู่หรงอินได้ยินดังนั้น รีบแจ้งให้ทราบคุณแม่ตระกูลหลินมองดูเย่เทียนหยู่โทรศัพท์ ไม่กล้าพูดอะไรเลยฝ่ามือเดียวที่ตบไป ถือว่าทำให้เธอตื่นตัว ตอนนี้เย่เทียนหยู่ไม่ใช่คนไร้ค่าเหมือนก่อนแล้ว ถ้าเขาโกรธจริงๆ เธอจะตายอย่างน่าอนาถโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นลูกสาวมีท่าทีเหมือนจะจัดการกับเธอคุณพ่อตระกูลหลินก็เครียดมาก กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่โกรธส่วนหลินหว่านหรู กำลังอยู่ในความเศร้าโศก รวมกับถ้อยคำร้ายกาจของคุณแม่ตระกูลหลิน ครั้งนี้เธอถูกตบ ในใจไม่มีความไม่พอใจ รู้สึกว่าตัวเองสมควรได้รับถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบการกระทำของแม่มาโดยตลอด แต่ถึงอย่างไรแม่ก็คือแม่ เธอไม่เคยเกลียดแม่มากขนาดนี้มาก่อนเมื่อเห็นเย่เทียนหยู่วางโทรศัพท์ คุณแม่ตระกูลหลินก็ไม่กล้าพูดอะไ
“รู้แล้ว ดูเหมือนว่ายังไม่มีใครบอกพวกคุณ” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว กำลังจะโทรหาแม่ ไม่งั้นถ้าไปเอง จะถูกคนอื่นขัดขวาง แล้วยังโดนเยาะเย้ยอีก มันน่าเบื่อจริงๆ เรื่องแบบนี้ เขาเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่งที่บ้านหัวหน้าหยางต้าฝู เขาไม่อยากเจออีกแล้วคุณอธิการกำลังจะพูด จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อได้ยินเนื้อหาในโทรศัพท์ เขาก็วางสายทันที แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “คุณ... คุณคือแพทย์เซียนเย่ ใช่ไหม?”เรื่องแพทย์เซียนเย่คนนี้ เขาก็เพิ่งได้ยินจากเพื่อนเก่าคุยกัน เพื่อนคนนั้นพูดถึงฝีมือการแพทย์ของแพทย์เซียนเย่จนเกินจริง ถ้าไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ชอบโอ้อวด เป็นคนจริงจัง เขาคงไม่เชื่อเลย แต่ชื่อเย่เทียนหยู่ เขาจำได้ขึ้นใจเมื่อกี้มีโทรศัพท์จากห้องคนไข้ เป็นเพื่อนของเหล่าหวัง บอกว่ามีคนเก่งคนหนึ่งมา อาจจะมีวิธีช่วย ชื่อเย่เทียนหยู่ พอได้ยินชื่อเย่เทียนหยู่ คุณอธิการก็จำแพทย์เซียนเย่ที่เพื่อนเก่าพูดถึงได้ทันทีเย่เทียนหยู่ชะงักไปเล็กน้อย เขารู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นแพทย์เซียน แม่เขาบอกเหรอ? แต่เขาก็พยักหน้าทันทีแล้วพูดว่า “ผมไม่กล้าเรียกตัวเองว่าแพทย์เซียนหรอกครับ แต่ผมชื่อเย่เทียนหยู่”“ใช่ เย่เทียนหยู่ ก
ใบหน้าหลินหว่านหรูเผยให้เห็นถึงความขมขื่น ตอบว่า “อืม ไปทำงานเถอะ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวได้” จากใบหน้าซีดเซียวของเธอ ดูเหมือนว่าเธอยังคงรู้สึกเสียใจอย่างมากแต่คุณอธิการนั้นแอบสงสัยอยู่ลึกๆ ว่าถ้าหากเขาเป็นแพทย์เซียนเย่จริงๆ แล้ว เหตุใดจึงไม่ช่วยเหลือคนของตัวเอง? เพราะจากการสังเกตดวงตาของแพทย์เซียนเย่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะให้ความสำคัญกับหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างมาก และหัวหน้าหยางก็ได้กล่าวไว้ว่า อาการของคนไข้รายนี้ไม่ร้ายแรงเท่ากับเหล่าหวัง และไม่ซับซ้อนเท่ากับเหล่าหวังด้วยการนำทางของคุณอธิการ เย่เทียนหยู่ก็มาถึงหน้าห้องคนไข้ในเวลาอันรวดเร็วที่บริเวณนั้น มีบุคคลหลายคนเฝ้ารออยู่ แต่เนื่องจากคนในครอบครัวหวังส่วนใหญ่อยู่ที่หลงตู จึงมีจำนวนคนที่มารวมตัวกันที่โรงพยาบาลไม่มากนัก โดยมีหวังซู บุตรชายคนที่สี่ของเหล่าหวังเจิ้นเป็นหลัก พร้อมด้วยภรรยาของหวังซู บุตรชายนามหวังอีฟาน และบุตรสาวนามหวังเมิ่งเฟยทันทีที่ถึงหน้าห้อง คุณอธิการก็รีบพูดขึ้นว่า “เร็วเข้า แพทย์เซียนเย่มาแล้ว”“แพทย์เซียนเย่เหรอ?”ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เร็วขนาดนี้เลยเหรอ เพิ่งโทรศัพท์ไปบอกว่าได้หมอเก่งมา เขาก็มาถ
หวังอีฟานได้ยินแล้ว ก็รู้สึกชื่นชมชายคนนั้นทันที พูดว่า “ผมก็รู้อยู่แล้ว ไอ้หนุ่มคนนี้ดูก็รู้ว่าเป็นคนหลอกลวง พ่อครับ ลุงใหญ่คงถูกหลอกแน่ๆ”ที่แท้พวกเขารู้ว่ามีหมอเก่งมารักษา เป็นการจัดการของลุงใหญ่หวังเต้า ซึ่งก็คือลูกชายคนโตของเหล่าหวังแต่ลุงใหญ่อยู่ที่เมืองหลงตู ไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ในทันทีหวังซูได้ยินแล้วก็โกรธทันที “ไอ้หนุ่ม แกกล้าดีนักนะ กล้ามาหลอกลวงถึงที่นี่ แกนี่มันอยากตายชัดๆ!”“พวกคุณต่างหากที่อยากตาย ไอ้พวกโง่เขลาไร้สมอง!”เย่เทียนหยู่โกรธจัด ด่าออกมาตรงๆ หากไม่ใช่เพราะแม่บอกว่า เมื่อก่อนเคยได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าหวัง ไม่อย่างนั้นคงหนีออกจากเมืองหลงตูไม่ได้ เขาคงเดินจากไปนานแล้ว“แกเป็นใคร กล้าพูดกับเราแบบนี้ ฉันจะทำลายแก!” หวังอีฟานโกรธ เข้าไปจะทำร้ายเย่เทียนหยู่ทันที“ไปให้พ้น!”เย่เทียนหยู่ตบไปหนึ่งทีทันที ตบเข้าที่หน้าของหวังอีฟานโดยตรงหวังอีฟานร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด ล้มกระเด็นออกไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ตะโกนด้วยความโกรธว่า “แกกล้าตีฉัน มาช่วยด้วย มีใครมาช่วยฉันหน่อย!”หวังซูโกรธจัดแต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นส
“ไม่เป็นไร ยังไงก็ให้ฉันเข้าไปช่วยคนก่อนเถอะ เพราะยิ่งช้า มันก็จะยิ่งยุ่งยากกว่าเดิม” เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากจะเสียเวลา พอนึกถึงจุดนี้ เขาถึงได้ขอให้ผู้อำนวยการนำทางกลับคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้อำนวยการแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลยหวังเต้าที่ได้ยินแบบนั้น ก็รีบพูดขึ้นว่า “ใช่ครับ ใช่ เรื่องของคุณพ่อ ต้องรบกวนแพทย์เซียนเย่แล้วล่ะครับ” “ขอแค่ช่วยชีวิตคุณพ่อกลับมาได้ ต่อไป หากแพทย์เซียนต้องการอะไร ก็บอกผมมาได้เต็มที่เลยนะครับ!”“เรื่องพวกนั้นเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะ”เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์ ก่อนจะมองไปที่หวังซู แล้วถามอย่างเย็นชาขึ้นว่า “ตอนนี้ หลีกทางได้รึยัง?”สีหน้าของหวังซูดูไม่ดีมากนัก ก่อนที่จะยอมหลีกให้แต่โดยดี และไม่กล้าพูดจาเหลวไหลอีกต่อไป แต่ในใจก็แอบคิดว่า เจ้าหนู แกอย่าได้ใจนักนะ ถ้าแกรักษาพ่อไม่หาย แกได้เห็นดีกันแน่หวังอีฟานเองก็ตกใจมากเช่นกัน ทั้งตกใจทั้งโกรธ ในหัวก็คิดเช่นเดียวกันกับหวังซูท่าทางผู้อำนวยการดูเหม่อลอย แพทย์เซียนเย่คนนี้ฐานะไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ แม้แต่ผู้นำตระกูลหวังแห่งหลงตูยังช่วยเขาขนาดนี้เย่เทียนหยู่ไม่อยากที่จะสนใจพวกเขา จึงเดินตรงเข้าไปข้างใน เห็นได้ช
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหวังเต้าและมู่หรงอินถึงได้มีความสัมพันธ์กัน แต่ก็มีเพียงหวังเต้าและเหล่าหวังเท่านั้น ที่รู้จักมู่หรงอิน ส่วนคนอื่นในตระกูลหวังกลับไม่มีใครทราบเรื่องนี้เลยก็อาจจะกลัวว่าหากข่าวนี้ถูกแพร่ออกไป จะส่งผลเสียต่อตระกูลหวังก็ได้“ผมชื่อเย่เทียนหยู่”“เป็นเธอจริง ๆ ด้วย เธอคือหลานชายของอดีตผู้นำ เย่เทียนหยู่” เหล่าหวังตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆอดีตผู้นำงั้นเหรอ?แต่พอได้ยินคำว่าหลานชาย เย่เทียนหยู่ก็เดาได้ทันทีว่าน่าจะเป็นผู้อาวุโสเย่ เขาไม่ได้พยักหน้า แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะเขาไม่ได้อยากจะยอมรับในตัวของผู้อาวุโสเย่สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงนี้ได้เช่นกัน“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเธอจะเป็นคนช่วยฉัน โธ่เอ้ย เสียดายก็แต่พ่อของเธอ!” เหล่าหวังมีความสุขมาก เมื่อก่อนเขาชอบเย่เฟิงมาก มองเขาอย่างกับเป็นลูกแท้ ๆ ของตัวเอง“อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วเลยครับ เหล่าหวัง ผมยังมีธุระ คงจะอย่าพูดคุยด้วยไม่ได้แล้ว”“เร่งด่วนมากเลยเหรอ?”“ค่อนข้างเร่งด่วน!”เย่เทียนหยู่ตอบกลับ“เช่นนั้น เธอก็ไปทำธุระเถอะ” เหล่าหวังกล่าวอย่างเร่งรีบ ส่วนเรื่องของตนนี้ รอให้เขา
หวังซูและลูกชายมองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อ พวกเขารีบวิ่งเข้าไปข้างในทันที เมื่อเดินเข้าไปดู ก็เห็นว่าหวังเมิ่งเฟยกำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ คุณปู่ด้วยความตื่นเต้นและคุณท่านหวังเองก็ถึงกับลุกขึ้นมานั่งด้วย ท่านนั่งอยู่ตรงขอบเตียง สภาพจิตใจของท่านเองก็ดูดีมากเลยทีเดียว ราวกับว่าท่านจะอ่อนเยาว์ลงไปหลายปีเลยด้วยซ้ำส่วนท่อที่เสียบอยู่ตามร่างกาย แล้วก็อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการตรวจค่าต่าง ๆ ก็ถูกนำออกไปหมดแล้วในเวลานี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึง แทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเลยด้วยซ้ำไม่เพียงแต่โรคที่ถูกรักษาหายดีแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงขึ้นมากอีกด้วยผู้อำนวยการที่ได้ยินเสียงนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดู แม้ว่าจะยืนอยู่ด้านหลัง แต่ก็มองเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดกเจน ตัวเขาเองได้ตรวจคุณท่านมาแล้วตั้งหลายครั้ง แน่นอนว่าเขาจะต้องรู้จักสภาพร่างกายของคุณท่านดีแต่หลังจากที่เขาเห็นสถาพร่างกายของคุณท่านในตอนนี้แล้ว เขากลับรู้สึกตกใจอย่างสิ้นเชิงแพทย์เซียน!แพทย์เซียนเก่งกาจมากจริง ๆ!แต่ฝีมือระดับนี้จะเป็นแค่แพทย์เซียนได้อย่างไร นี่มันเทพเซียนชัด ๆหวังซูไม่สามารถเชื่อได้ เขามักจะรู้สึกว่านี่มันไม่สมเ
พอเห็นว่าเย่เทียนหยู่กลับมาค่อนข้างเร็ว แม่ตระกูลหลินก็ส่ายหัว ดูท่าแล้วเหมือนว่าจะยังไม่สำเร็จ เพราะไม่เช่นนั้น ก็คงจะไม่กลับมาเร็วขนาดนี้ เพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเองหลินหว่านหรูเองก็คิดเช่นเดียวกัน เธอจึงแอบถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “คุณท่านหวังเป็นยังไงบ้าง?”เย่เทียนหยู่ที่ได้ยินแบบนั้น เขาก็กำลังจะพูด แต่เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขา เขาจึงได้ตอบออกไปว่า “เฮ้อ สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตแล้วล่ะ”เขาพูดถึงแค่เท่านี้ และไม่ได้พูดอะไรต่อ ยังไงซะ เขาก็ไม่ได้บอกว่าเหล่าหวังตาย หรือไม่ได้บอกว่ารักษาหายแล้วแต่อย่างใดเมื่อได้ยินแบบนั้น แม่ตระกูลหลินก็มั่นใจได้ทันทีว่าเย่เทียนหยูทำไม่สำเร็จ เธอจึงรู้สึกสบายใจมากขึ้น และรีบพูดออกไปว่า “อันที่จริงชีวิตคนเรามันก็เป็นแบบนี้แหละ ทุกอย่างมันได้กำหนดเอาไว้หมดแล้ว”ก่อนจะรีบพูดขอโทษขึ้นว่า “เทียนหยู่ เมื่อกี้ป้าผิดเอง ที่พูดไม่ดีออกไป อย่างโทษป้าเลยนะ”แต่น่าเสียดายที่เย่เทียนหยู่ไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด เขาแค่คอยอยู่ข้าง ๆ หลินหว่านหรูก็เท่านั้นแม่ตระกูลหลินรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก หลังจากที่เพิ่งจะถูกตบไปเม
และนี่ก็ทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกโกรธมากจริง ๆตัวเองไม่ได้ไปหาเรื่องเธอ แต่เธอกลับมาทำให้หว่านหรูเดือดร้อน คนแบบนี้สมควรที่จะเป็นแม่คนได้ด้วยงั้นเหรอ แต่ว่าเรื่องนี้ จะบอกให้หว่านหรูรู้ดีไหมนะแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะเชื่อรึเปล่า เพราะยังไงนั่นก็คือแม่ของเธอแต่จู่ ๆ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ผู้รับผิดชอบแพลตฟอร์มได้กล่าวเอาไว้ว่า เรื่องนี้ได้มีคนรีพอร์ตเข้ามาแล้ว ปัจจุบันอาณาจักรมังกรก็กำลังเร่งตรวจสอบข้อมูลในโพสต์ดังกล่าวอย่างละเอียดอยู่เดี๋ยวจะมีการประกาศชื่อผู้เสียหาย และคืนความบริสุทธิ์ให้กับผู้เสียหายอีกด้วยจากนั้นก็จะมีการเชิญตัวผู้ที่ปล่อยข่าวเสียหายมา และมอบคำเตือนที่เข้มงวดให้กับพวกเขา รวมถึงหากว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น พวกเขาก็อาจมีการได้รับโทษร้ายแรงอีกด้วยตามที่ผู้รับผิดชอบกล่าวมา เรื่องนี้จะถูกรายงานขึ้นไป และด้วยความเข้มงวดในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในปัจจุบัน คาดว่าใช้เวลาไม่เกินหนึ่งหรือสองวัน ก็จะสามารถตรวจสอบให้ชัดเจนได้ทั้งหมดผลลัพธ์อย่างน้อยก็อาจจะประกาศออกมาภายในวันมะรืนนี้งั้นก็รออีกสักหน่อย เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันพอถึงตอนนั้น แม่ตระกูล
“เป็นคำพูดที่เหลวไหลจริงหรือเปล่านั้น ต่อไปเดี๋ยวก็รู้เองค่ะ”จูเก่อหลิวหลีลุกขึ้น แต่ก็ไม่ได้ตรงไปสวมเสื้อผ้าในทันที กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเย่เทียนหยู่ พูดพลางส่งรอยยิ้มเย้ายวนให้ “คุณชายคะ คุณคิดว่ารูปร่างของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เย่เทียนหยู่ไม่มีคำพูดใด ๆ และรีบหลับตาลงทันทีแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ทั้งที่เขาหลับตา รูปร่างที่สมบูรณ์นั้นกลับยังคงปรากฏในหัวอยู่ดี สะโพกที่ทั้งโค้งมนและเพรียวบาง ไม่มีไขมันส่วนเกินเลยแม้แต่น้อยความสวยงามของหน้าอกคู่นั้น รูปร่างโค้งมนที่สมบูรณ์แบบ ผิวพรรณนุ่มนวลจนทำให้คนตะลึงราวกับว่ากำลังลืมตามองดูอยู่ยังไงอย่างงั้นจูเก่อหลิวหลีที่เห็นเย่เทียนหยู่หลับตาอยู่ ในใจก็รู้สึกมีความสุขมาก เธอจึงพูดพลางหัวเราะขึ้นว่า “คุณชายคะ เลือดกำเดาคุณไหลแล้วนะคะ!”“ว่าไงนะ?”เย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่า จูเก่อหลิวหลีจะนั่งคุกเข่าลง และโน้มตัวเข้ามาใกล้ ๆ ซึ่งทำให้เขาเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น“นี่คุณ......”เย่เทียนหยู่รู้สึกพูดไม่ออก หญิงสาวคนนี้ถึงกับกล้าหลอกเขาเสียได้“ฮ่า ๆ......คุณชายนี่น่ารักจังเลยนะคะ!”แต่จูเก่อหลิ
เป็นอยู่อย่านั้น มีจูเก่อหลิวหลีแค่คนเดียวที่พูดอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เธอเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง เอาแต่แสดงออกถึงความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อนเย่เทียนหยู่ไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ฟังอย่างงงงวยก็เท่านั้นเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า จูเก่อหลิวหลีจะมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อเขามากขนาดนี้ จนทำให้เย่เทียนหยู่ต้องรู้สึกผิด และไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกหยางเฉียนเฉียนเองก็เป็นแบบนี้ แต่นั่นเขาก็ได้ทำเพื่อหยางเฉียนเฉียนไปไม่น้อย ช่วยเหลือเธอมากมาย จนทำให้ใจของเย่เทียนหยู่รู้สึกดีขึ้นมาบ้างกลับกัน พอเป็นหลิวหลี นอกจากเรื่องที่ช่วยให้เธอทะลวงถึงระดับปรมาจารย์แล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย เพื่อที่จะตามหาเขา กลับเป็นเธอที่คอยช่วยเหลือตน ช่วยเหลือแม่ของตนไปไม่น้อยที่สำคัญเลยก็คือ เย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าจะรับมือกับเธออย่างไร หรือจะปลอบใจเธอยังไงได้บ้างแน่นอน หากยอมหลับนอนกับเธอ ทำให้เธอเป็นผู้หญิงของเขา สำหรับเขาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว ก็คงเป็นแค่สิ่งที่ปรารถนาไม่รู้จบแต่ว่า ขืนเขาทำแบบนั้น แล้วหว่านหรูจะทำยังไงหากหว่านหรูรู้เรื
“อืม ฉันรู้แล้ว เห็นว่าเธอยังโพสต์เฟสบุ๊กสนับสนุนพวกเราอยู่ด้วยเลยนี่” เย่เทียนหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้มคิดไม่ถึงเลยว่าพี่เย่จะรู้เรื่องนี้ด้วย ซึ่งทำให้เฉินเฟยเฟยดีใจเอามาก ๆ ก่อนที่จะรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ ช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”“ทำไมจะไม่ช่วยล่ะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีความหมายทั้งนั้นแหละ แค่เธอมองไม่เห็นก็เท่านั้นเอง”“จริงเหรอคะ ขอบคุณพี่เย่ที่ให้กำลังใจฉันนะคะ อันที่จริง ที่ฉันโทรหาพี่ครั้งนี้ เป็นเพราะฉันเห็นว่าพี่อยู่ที่ตงเฉิง เลยอยากเชิญพี่มาดูคอนเสิร์ตของฉันน่ะค่ะ”“เธอมีคอนเสิร์ตที่ตงเฉิงงั้นเหรอ เมื่อไหร่?” เย่เทียนหยู่ถาม เขาอาจจะต้องดูเวลาก่อน หากว่าตรงกับการประชุมศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจจะไม่ว่างไป“คืนนี้ตอนทุ่มครึ่งค่ะ ที่สนามกีฬา พี่พอจะว่างไหม?” เฉินเฟยเฟยถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง เธออยากให้เย่เทียนหยู่ไปงานคอนเสิร์ตของเธอมากจริง ๆ เพื่อให้เขาได้ฟังเพลงที่เธอร้องหากไม่ใช่เพราะเรื่องของปาร์คดาฮยอน เธอก็คงส่งคำเชิญให้เขาไปนานแล้ว พอตอนนี้เห็นว่าไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรแล้ว จึงคิดว่าพี่เย่อาจจะว่างก็ได้ ถึงได้เชิญไป“ว่างสิ!”เย่เทียนห
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าเธอจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ แถมยังโอบกอดเขาแน่น พร้อมกับเปิดปากพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งแบบนี้แม้จะดูเก้งก้างไปบ้าง แต่เขากลับรู้สึกมีอารมร์ร่วมในความเป็นจริงแล้ว ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่ เขานั้นไม่ได้ถูกควบคุมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะเสน่ห์อันเย้ายวนและความงดงามของจูเก่อหลิวหลีทั้งนั้นความรู้สึกต่อจูเก่อหลิวหลีตอนนี้เหมือนกันกับตอนหยางเฉียนเฉียน คือชมชอบ รู้สึกดี และถึงขั้นชอบเสียด้วยซ้ำแต่เนื่องจากความรับผิดชอบที่มีในใจ และความจริงที่ว่าหลินหว่านหรูคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะก้าวข้ามไปแม้แต่ก้าวเดียวแต่ท่าทีของจูเก่อหลิวหลีในตอนนี้ เสน่ห์ของจูเก่อหลิวหลี บวกกับฤทธิ์ยา ไม่นานมันก็ได้กระตุ้นความตื่นตัวของเย่เทียนหยู่ขึ้นมาเขาถึงกับไม่สามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ และเปิดปากออกโดยไม่รู้ตัว มือก็เริ่มเคลื่อนไหวไปบนร่างของจูเก่อหลิวหลี ความรู้สึกนั้น มันทำให้ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหวสมบูรณ์แบบมาก!ต้องบอกเลยว่า หากพูดถึงแรงดึงดูดต่อผู้ชาย จูเก่อหลิวหลีนั้นไม่แพ้หลินหว่านหรูเลยแม้แต่น้อย เป็นคว
ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าแม้แต่โอกาสที่จะได้อยู่ข้าง ๆ คุณชายก็คงไม่เหลือ ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะทำตัวให้กระตือรือร้นมากขึ้นถึงแม้จะไม่ได้เป็นภรรยาของคุณชาย ขอแค่ได้มีความสัมพันธ์กับคุณชายบ้าง ต่อไปเธอก็จะถือว่าเป็นผู้หญิงของคุณชาย และอย่างน้อยก็สามารถอยู่เคียงข้างคุณชายไปตลอดชีวิตได้เพราะไม่อย่างนั้น สักวันหนึ่งระยะห่างของเธอกับคุณชายก็คงจะไกลกันมากขึ้นเรื่อย ๆเพื่อเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจวางยา ยานี้ไม่ใช่ยาธรรมดา ไม่เพียงแต่ไม่มีสีและรสชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นยาที่หายากอีกด้วย เพียงแต่ผลลัพธ์ของยานั้นกลับไม่ได้มีความเข้มข้นมากนักแต่ก็ไม่เป็นไร โชคดีที่ได้เจอกับมันโดยบังเอิญ บวกกับเสน่ห์ที่ดูแพรวพราวของเธออีกเพื่อเสริมเสน่ห์ของตัวเองแล้ว หลายวันมานี้เธอได้ทำการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อที่จะทำให้คุณชายหลงใหล และให้คุณชายยอมกลืนกินเธอแม้ว่าวันนี้จูเก่อหลิวหลีจะสวมกระโปรงสีดำแหวกข้าง และเสื้อคอลึก จนทำให้ขาเรียวยาวของเธอโผล่พ้นออกมา ซึ่งความมีเสน่ห์ของเธอทำให้เขารู้สึกใจสั่นเล็กน้อยแต่เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร ในขณะที่ดื่มน้ำในมือ เขาก็เดินดูรอบ ๆ พร้อมกับเอ่ยชมขึ้นว่า
อันที่จริงแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่การเตรียมการของเย่เทียนหยู่ แต่เป็นการเตรียมการของมู่หรงอิน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามู่หรงอินเองก็ไม่ได้รังเกียจที่จะจัดการเรื่องนี้ กระทั่งเธอยังยินดีที่จะทำเสียด้วยซ้ำเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทเทียนเฟิงกรุ๊ปสาขาตะวันออก ข้อมูลก็ได้ถูกส่งไปถึงหูของมู่หรงอินแล้ว ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาแม้จะมีความช่วยเหลือจากเย่เทียนหยู่อยู่แล้ว แต่การแสดงออกของหลินหว่านหรูนั้นก็ทำให้เธอพอใจมากจริง ๆเดิมทีภาพรวมของเทียนเฟิงกรุ๊ปก็ดีมากอยู่แล้ว เพียงแค่ปัญหาร้ายแรงบังเอิญมาเกิดที่สาขานี้ก็เท่านั้น เธอแค่ต้องการอยากจะเห็นการแก้ปัญหาของหลินหว่านหรู และจะใช้เวลานานแค่ไหนในการจัดการคิดไม่ถึงเลยว่าจะจัดการได้เร็วขนาดนี้ แถมยังกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานให้มีแรงผลักดันมากขึ้นอีกด้วยไม่เสียแรงที่ตนให้คนเตรียมข้อมูลพนักงานที่ละเอียดขนาดนั้นเอาไว้ให้เธอเลยจริง ๆในตอนที่เย่เทียนหยู่เดินออกจากบริษัท เขาเองก็กำลังคิดว่าจะหาบ้านที่เหมาะสมในบริเวณใกล้เคียง แล้วซื้อเอาไว้สักหลัง ไม่ว่ายังไงก็จะให้หลินหว่านหรูพักอยู่โรงแรมตลอดไปไม่ได้หรอกนี่เห็นได้ชัดว่ามันไม่เ
“เพราะเขาเป็นคนพูดเองว่า ไม่ว่าโลกจะกว้างใหญ่แค่ไหน แต่ภรรยาก็คือที่สุด!”“ถ้าไม่มีการอนุญาตจากฉัน เขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน”“ฮ่า ๆ......”พอทุกคนได้ยินคำพูดของหลินหว่านหรู ก็แทบจะหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว จู่ ๆ ก็คิดว่าประธานหลินคนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆเห็น ๆ อยู่ว่าอำนาจในมือนั้นเกินคาดเดา แต่เจ้าตัวกลับเป็นคนที่อ่อนโยนเช่นนี้เมื่อพูดถึงว่าภรรยาเป็นใหญ่ สีหน้าของหลินหว่านหรูก็แดงเพราะความเขินอายขึ้นมา สิ่งสำคัญคือเธอรู้สึกว่าควรจะดึงบรรยากาศกลับมาสักหน่อย เพื่อไม่ให้ทุกคนมุ่งคิดแต่จะเอาใจเธออย่างเดียว จนละเลยหน้าที่ในบริษัท แบบนั้นคงไม่ดีแน่เย่เทียนหยู่สามารถที่จะไม่สนใจผลประโยชน์ของบริษัทได้ กระทั่งปล่อยให้บริษัทล้มละลายไปเลยก็ตาม แต่เธอเองกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ถ้าตั้งใจจะทำแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด แล้วก็จะต้องแข็งแกร่งยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเพราะไม่เช่นนั้น เธอจะมีหน้าไปพบอนาคตแม่สามีได้อย่างไรเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน หลินหว่านหรูก็รู้สึกว่าตนทำถูกต้องแล้ว จากนั้นจึงกล่าวขึ้นอีกว่า “แต่ว่านะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เอาแต่ใจเท่ากับเขา แต่สำหรับเรื่องงานแล้ว ฉันกลับมีความเข้
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงและสั่นสะเทือนในใจขึ้นมาอีกครั้งถึงขนาดไม่สนใจว่าบริษัทจะล้มละลาย แม้แต่การขอร้องจากประธานบริษัทเองก็ยังไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ!นี่เป็นเผด็จการและการปกป้องที่ไร้เหตุผลชัด ๆ!ในใจหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร อาจจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานบริษัท หรืออาจจะมีสถานะที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินหว่านหรูด้วยความรู้สึกอิจฉาโดยเฉพาะผู้หญิงบางคน ในใจพวกเธอก็อดคิดไม่ได้ ว่าหากพวกเธอมีผู้ชายแบบนี้สักคน ต่อให้จะเป็นเพียงหนึ่งในหมื่น พวกเธอก็คงจะมีความสุขจนตายได้เลยการปกป้องที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ แม้แต่หลินหว่านหรูที่ถูกเย่เทียนหยู่ทะนุถนอมตลอดเวลาก็ยังรู้สึกใจเต้นเช่นกันเทียนหยู่ได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับเธออย่างแท้จริง เขาทั้งมุ่งมั่นและตั้งใจทำเพื่อเธอพอนึกย้อนกลับไป เขาก็คอยปกป้องเธออยู่เงียบ ๆ มาโดยตลอดมาเช่นกันเพียงแค่ตัวเองก่อนหน้านี้นั้นกลับโง่เขลาเกินไป ไม่สามารถแยกแยะสถานการณ์ได้ ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจ แถมยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขาตั้งหลายครั้งอีกด้วยตอนนี้พอมาคิดดูแล้