หลินจื่อตงเองก็ได้รับข่าวการจากไปของคุณปู่ในเวลาอันรวดเร็ว เขารู้สึกเสียใจและเศร้าใจมาก นอกจากความสัมพันธ์ทางสายเลือดแล้ว เขาก็เข้าใจดีว่า ถึงแม้คุณปู่จะตีจะด่าทอเขา แต่ในใจท่านก็รักเขามากเช่นกันเพราะคุณปู่ตระกูลหลินเสียชีวิต หลินหว่านหรูจึงไม่มีกะจิตกะใจที่จะจัดการเรื่องของบริษัท เย่เทียนหยู่จึงต้องคอยช่วยเธอจัดการเรื่องของบริษัทแทน พร้อมกับอยู่เป็นเพื่อนหลินหว่านหรูจัดการเรื่องต่าง ๆ หลังจากการเสียชีวิตของคุณปู่ถึงแม้ว่าเขาจะหย่ากับหลินหว่านหรูแล้ว แต่ในใจลึก ๆ ของเขาก็ยังคงมองตัวเองเป็นลูกเขยของตระกูลหลินอยู่ดีตามธรรมเนียมของตระกูลหลินแล้ว พวกเขาจะต้องเลือกวันมงคลก่อน จากนั้นก็จะเฝ้ารออยู่ที่บ้านไปสักพัก ก่อนที่จะจัดพิธีเผาศพ และจัดงานศพต่อไปในขณะเดียวกันนั้นเอง ผู้อาวุโสเย่ก็ได้กลับมาที่บ้านตระกูลหลินอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสเย่มา แม่ตระกูลหลินก็ตกใจมาก สีหน้าถอดสี ไม่รู้เลยว่าจะมาแก้แค้นพวกเขารึเปล่าเธอประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งหลินหว่านหรูได้สติ นี่อาจจะเป็นคุณปู่ของเทียนหยู่ เธอจึงรีบเดินเข้าไปทักทายอย่างสุภาพว่า “คุณท่านเย่คะ สวัสดีค่ะ!”“คุณหนูหลิน ขอแสดง
“ปู่รู้ดี ว่าปู่ทำผิดต่อพวกหลานเอาไว้!”“อย่าพูดแบบนั้นเลย ผมไม่มีปู่ ตั้งแต่วันที่พ่อผมจากไป ตั้งแต่ที่พวกเราสองแม่ลูกถูกไล่ออกจากบ้านวันนั้น ผมก็ไม่มีปู่อีกแล้ว”เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หลานยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ในตอนนั้นดี หากว่าปู่ไม่ทำแบบนั้น ตระกูลเย่ก็จะ......”“พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เหตุการณ์ในตอนนั้นผมเข้าใจทุกอย่างดี เพราะผมเองก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นทั้งหมดแล้ว” เย่เทียนหยู่นึกถึงสิ่งที่แม่ของเขาพูดในวันนั้น“หลานรู้แล้วเหรอ ใครบอกหลานกัน?” ผู้อาวุโสเย่มีอาการตกใจเล็กน้อย“เรื่องนี้ไม่ต้องให้คุณมายุ่งหรอก ยังมีอะไรอีกไหม ตอนนี้ผมกำลังยุ่งอยู่” เย่เทียนหยู่พูดในเชิงไล่แขกอย่างตรงไปตรงมา“ช่างเถอะ หากหลานไม่ยอมรับปู่ นั่นก็ถูกต้องแล้วล่ะ นี่เดิมทีก็เป็นเหมือนบทลงโทษของปู่”ผู้อาวุโสเย่ถอนหายใจ ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไปแม้จะเห็นเพียงเงาที่เดินโซเซ แต่กลับมีความรู้สึกเศร้าสร้อยอย่างอธิบายไม่ได้ปนอยู่หลังจากมองตามแผ่นหลังของผู้อาวุโสเย่ที่ค่อย ๆ ลับตาไป เย่เทียนหยูก็กลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอ“บางที เขาอา
“คุณหนู คุณชายเย่!”ในตอนนั้นเอง ก็มีคนรับใช้รีบเดินเข้ามา แล้วพูดขึ้นว่า “ก่อนที่คุณท่านเย่จะจากไป ได้ฝากกล่องใบนี้เอาไว้ให้ บอกว่าให้มอบให้คุณชายเย่”เย่เทียนหยู่รู้สึกตกใจเล็กน้อย เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปรับ และเปิดดูด้านใน ภายในนั้นมีโสมอยู่ต้นหนึ่งดูจากลักษณะแล้ว แม้ว่าโสมต้นนี้จะไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่อายุของมันก็ค่อนข้างนานพอสมควร เกรงว่าคงมีอายุราว ๆ พันปีได้“โสมพันปี”แม่ตระกูลหลินเดินเข้ามา และเห็นเข้าพอดี เธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บใจจนต้องพูดออกมา ก่อนหน้านี้เดิมทีถูกมอบให้พวกเขาไปแล้ว แต่เขากลับหน้าไม่อายที่จะเอากลับคืนมาเสียอย่างนั้นตอนนี้กลับมอบมันให้เย่เทียนหยู่ ไม่มอบให้เธอ นี่มันมากเกินไปแล้วนะ นี่เขาลืมเหตุผลที่มาไปแล้วเหรอ เขามาเพื่อส่งพ่อสามีของเธอไม่ใช่รึไงพอคิดแบบนั้น ของก็ควรที่จะเป็นของตระกูลหลินสิ!แต่เธอก็ทำได้แค่คิดอยู่ในใจ กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมามากนักในเมื่อไม่อาจให้ความหวังกับเย่เทียนหยู่ได้อีกต่อไป หลังจากที่ทิ้งโสมพันปีเอาไว้ให้ ผู้อาวุโสเย่จึงเตรียมตัวกลับไปที่หลงตู แต่ก่อนที่เขาจะกลับ เขาก็ได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมสหายเก
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังต้องเตรียมตัวสำหรับการประชุมของสำนักศักดิ์สิทธิ์ครั้งต่อไป และคิดหาวิธีที่จะนั่งในตำแหน่งผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่จะทำให้เขาสามารถควบคุมห้าสำนักใหญ่ได้เย่เทียนหยู่เพิ่งจะจากไปได้ไม่นาน ทางด้านของแม่ตระกูลหลินเองก็ได้เรียกรวมตัวคนมาไม่น้อย รวมถึงพ่อตระกูลหลินเองก็เข้าร่วมกับเขาด้วย ไหนจะยังมีบุคคลสำคัญอย่างปู่รองอีกเมื่อเห็นคนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าอย่างกะทันหัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดหลินหว่านหรูก็พอจะเดาออกถึงความเป็นไปได้เพราะขนาดตอนที่คุณปู่ยังไม่ทันจะถูกฝัง แม่ตระกูลหลินก็ห้ามใจไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้อยู่หลายต่อหลายครั้ง เพียงแต่เธอยังรู้สึกเสียใจอยู่ ทั้งยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้เธอจัดการ เธอจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนักแต่คิดไม่ถึงเลยว่า แม่ของเธอจะรีบร้อนขนาดนี้ นี่ตนยังเป็นลูกสาวของเธออยู่รึเปล่าแถมนี่ยังเป็นการเรียกคนนอกมาอีกต่างหาก แม้ว่าปู่รองจะไม่ถือว่าเป็นคนนอก แต่เมื่อเทียบกับลูกสาวของตัวเองแล้ว ก็ถือว่าเป็นคนนอกไม่ใช่รึไง“หว่านหรู งานศพของคุณปู่ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ตอนนี้ พวกเราก็ถึงเวลาที่จะต้องพิจารณาเรื่องหุ้นของบริษัทอย่างจริ
แม่ตระกูลหลินที่ได้ยินดังนั้น ก็ตื่นเต้นสุดขีด ก่อนที่จะรีบพูดขึ้นว่า “นี่แกเป็นคนพูดเอง พวกเราไม่ได้บีบบังคับแกนะ! อีกอย่าง ในเมื่อแกพูดออกมาแล้ว แกก็ห้ามกลับคำเด็ดขาด!”“ทนายหู คุณรีบมานี่หน่อย!”หลังจากที่เสียงเรียกของเธอจบลง ก็มีคนเดินออกมาจากด้านหลังของฝูงชน ทุกคนต่างก็สวมชุดสูท และถือเอกสารเอาไว้ในมือ คนที่นำหน้าคือทนายหู ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมทนายที่บริษัทจ้างมาเป็นทนายความส่วนตัวของบริษัท“พอดีเลย เอกสารที่เกี่ยวกับการโอนหุ้นของบริษัททั้งหมด พวกเราก็ได้ร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอแค่แกเซ็นชื่อเท่านั้น” แม่ตระกูลหลินรีบพูดขึ้นมาทันที“......”หลินหว่านหรูรู้สึกตกตะลึง เธอเพิ่งจะรู้สึกรับไม่ได้กับการเข้าใจผิดและการดูถูกของพวกเขาเมื่อกี้ ที่พวกเขามองว่าเธอเป็นใคร ถึงกล้าพูดจาแบบนั้นออกมากลับคิดไม่ถึงเลยว่า แม่ตระกูลหลินจะเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งทนายความและสัญญาก็เตรียมพร้อมเอาไว้แล้วเช่นกัน“หว่านหรู แกแสดงสีหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะตอบตกลงก็เปลี่ยนใจแล้วหรอกนะ?” แม่ตระกูลหลินที่เห็นว่าหลินหว่านหรูไม่พูดไม่จา จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป“หว่านห
“ฉันไม่ต้องการเองงั้นเหรอ?”“ใช่ ใช่แล้ว!”“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ต้องการหุ้นของหลินซื่อกรุ๊ป?” หลินหว่านหรูถามออกไป“เอ่อคือ ยังไงซะ ความหมายแกมันสื่อว่าไม่ต้องการก็พอแล้วนี่!” แม่ตระกูลหลินพูดออกมาหน้าด้าน ๆ เพราะเรื่องนี้สำคัญมากเพราะไม่เช่นนั้น สิ่งที่พวกเขากำลังจะได้มาในตอนนี้ อาจจะถูกส่งคืนในวินาทีถัดไปก็ได้ อาจถึงขั้นทำให้หว่านหรูเรียกคืนหุ้นทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ“พอที ฉันขี้เกียจจะมาต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว!”“แม่วางใจเถอะค่ะ ทางด้านของเทียนหยู่ หนูจะพูดเอง รับรองได้ว่าเขาจะไม่มาทำให้พวกคุณลำบากใจแน่นอน” หลินหว่านหรูกล่าวแม่ตระกูลหลินที่ได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันควัน “ได้ แกเป็นคนพูดเองนะ ถ้าหากเย่เทียนหยู่แอบเล่นอะไรตุกติกล่ะก็ แกต้องเป็นคนรับผิดชอบ”“แม่วางใจเถอะค่ะ เทียนหยู่ไม่ใช่คนแบบนั้น” หลินหว่านหรูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ใช่ ๆ พวกเราแค่มีความกังวลนิดหน่อยก็เท่านั้น งั้น ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ก็รีบเซ็นชื่อเถอะ จะได้ส่งมอบหุ้นกันสักที” แม่ตระกูลหลินกล่าวอย่างเร่งรีบหลินหว่านหรูไม่พูดอะไร ก่อนจะหยิบสัญญามาอ่านคร่าว ๆ แล้วเซ็นชื่อไปอย่างรวดเร
ทันทีที่เย่เทียนหยู่มาถึงร้านอาหาร เขาก็ได้ยินเสียงเรียกอันเสียงหวานอันแสนเป็นมิตร: “แพทย์เซียนเย่!”เมื่อได้ยินเสียง เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปมองดูหญิงสาวสวยในชุดกระโปรงยาวสีดำคนหนึ่งใบหน้าของเธองดงามสะคราญโฉมและมีเครื่องสำอางปะอยู่เพียงเล็กน้อย ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวากับเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนต้องหลงใหล ดวงตาของเธอดำขลับ รูปร่างเพรียวบางน่าดึงดูด กับเรียวขายาวที่ผิวพรรณขาวละออ พร่างพราวและทรงเสน่ห์เป็นอย่างมากครั้งสุดท้ายตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเขาไม่ทันได้สังเกต ไม่ยักนึกเลยว่า สาวน้อยคนนี้มีเสน่ห์ขนาดไหน เห็นที่คงมีชายหนุ่มนับไม่ถ้วนที่พากันหมายปองเธอหวังเมิ่งเฟยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่เทียนหยู่อย่างรวดเร็ว ตัวเธอที่ถูกเย่เทียนหยู่จับจ้องใบหน้าก็เริ่มแดงระเรื่อ ก่อนที่จะเอ่ยปากเสียงแผ่ว: “แพทย์เซียนเย่ มองอะไรอยู่คะ”“ก็มองคุณไง จู่ ๆ ก็ถูกความสวยคุณเข้าตาจนผมเหม่อไปเลยละ” เย่เทียนหยู่ไม่ได้หาข้อแก้ตัว เขาตอบไปตามความจริง“แพทย์เซียนเย่ล้อเล่นอีกแล้ว”หัวใจของหวังเมิ่งเฟยเต้นระรัว เธอทั้งมีความสุขและตื่นเต้น แต่ก็รู้สึกเขินอายเช่นกัน นับแต่คราวก่อน ไม่รู้ว่าทำไมเงาร่างของอีกฝ่ายถ
เย่เทียนหยู่ยิ้มและพูดว่า: “อันที่จริง เหมือนผมจะยังพอคับคล้ายคับคลา ถ้าผมจำไม่ผิด คุณยังให้ถังหูลู่ผมไม้หนึ่งด้วย”ความจริงคือเขานึกออก แต่ไม่ได้ชัดเจนมากนัก หรือก็คือเขาหนึ่งออกแค่เรื่องเดียว ถึงตัวเขาจะมีความสามารถต่างไปจากคนธรรมดา แต่ความทรงจำหลักก็เริ่มเมื่อเขาอายุสามขวบ ก่อนอายุสามขวบล้วนเป็นภาพทรงจำแสนเลือนลาง“ใช่ๆ เด็กคนนี้ความจำดีจริงๆ”เหล่าหวังมีความสุขมากและพูดว่า: “แต่คราวนี้ ปู่รู้สึกขอบคุณที่ช่วยรักษาปู่จริง ๆ ไม่อย่างนั้น เกรงว่าปู่คงได้ลงไปเจอหน้ากับเจ้าแห่งยมโลกนานแล้ว”ยิ่งกว่านั้น เขาเองก็รู้เรื่องการจากไปของปู่ตระกูลหลิน ว่ากันว่า ตอนนั้นโรงพยาบาลไม่กล้าทำการผ่าตัดเลยด้วยซ้ำ เขาก็เลยทำได้แค่นอนรอความตาย“คุณปู่หวังสุภาพเกินไปแล้วครับ ตอนนั้นผมก็ต้องขอบคุณที่คุณปู่ช่วยผมไว้เหมือนกัน”หวังเมิ่งเฟยมีความสุขมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าปู่ของเธอกับเย่เทียนหยู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนี้ เธอรินไวน์ให้พวกเขาทั้งสองคน ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณปู่ ไม่เห็นปู่ยิ้มมีความสุขแบบนี้มานานแล้วนะคะ”“พี่เย่ ไม่นึกเลยว่าปู่จะชอบพี่มากขนาดนี้ วันนี้ลำบากพี่แล้ว อยู่ดื่มเป็น
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง แรงกดดันมหาศาลกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจอย่างมากอึก!มารโลหิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่ตัวเขาจะเดินถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่หมัดเดียว อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจนไม่เหลือชิ้นดี สภาพดูน่าอนาถมาก เห็นได้ชัดว่าภายในได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงต้องเข้าใจก่อนว่า ความสามารถของเขาเองก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเช่นกันแม้ว่าระยะเวลาในการบรรลุจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้วพูดตามตรง ความแข็งแกร่งของเขายังห่างจากหยางผั่วจวินอยู่มาก ซึ่งความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินตอนนี้ก็ได้ไปถึงคอขวดของระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว บวกกับร่างกายที่ไม่เหมือนใครของหยางผั่วจวินที่ทำการโจมตีอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถรับกระบวนท่านี้ของอีกฝ่ายได้ ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริง ๆ!เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก!ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้วเมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ