“ปู่รู้ดี ว่าปู่ทำผิดต่อพวกหลานเอาไว้!”“อย่าพูดแบบนั้นเลย ผมไม่มีปู่ ตั้งแต่วันที่พ่อผมจากไป ตั้งแต่ที่พวกเราสองแม่ลูกถูกไล่ออกจากบ้านวันนั้น ผมก็ไม่มีปู่อีกแล้ว”เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หลานยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ในตอนนั้นดี หากว่าปู่ไม่ทำแบบนั้น ตระกูลเย่ก็จะ......”“พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เหตุการณ์ในตอนนั้นผมเข้าใจทุกอย่างดี เพราะผมเองก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นทั้งหมดแล้ว” เย่เทียนหยู่นึกถึงสิ่งที่แม่ของเขาพูดในวันนั้น“หลานรู้แล้วเหรอ ใครบอกหลานกัน?” ผู้อาวุโสเย่มีอาการตกใจเล็กน้อย“เรื่องนี้ไม่ต้องให้คุณมายุ่งหรอก ยังมีอะไรอีกไหม ตอนนี้ผมกำลังยุ่งอยู่” เย่เทียนหยู่พูดในเชิงไล่แขกอย่างตรงไปตรงมา“ช่างเถอะ หากหลานไม่ยอมรับปู่ นั่นก็ถูกต้องแล้วล่ะ นี่เดิมทีก็เป็นเหมือนบทลงโทษของปู่”ผู้อาวุโสเย่ถอนหายใจ ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไปแม้จะเห็นเพียงเงาที่เดินโซเซ แต่กลับมีความรู้สึกเศร้าสร้อยอย่างอธิบายไม่ได้ปนอยู่หลังจากมองตามแผ่นหลังของผู้อาวุโสเย่ที่ค่อย ๆ ลับตาไป เย่เทียนหยูก็กลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอ“บางที เขาอา
“คุณหนู คุณชายเย่!”ในตอนนั้นเอง ก็มีคนรับใช้รีบเดินเข้ามา แล้วพูดขึ้นว่า “ก่อนที่คุณท่านเย่จะจากไป ได้ฝากกล่องใบนี้เอาไว้ให้ บอกว่าให้มอบให้คุณชายเย่”เย่เทียนหยู่รู้สึกตกใจเล็กน้อย เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปรับ และเปิดดูด้านใน ภายในนั้นมีโสมอยู่ต้นหนึ่งดูจากลักษณะแล้ว แม้ว่าโสมต้นนี้จะไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่อายุของมันก็ค่อนข้างนานพอสมควร เกรงว่าคงมีอายุราว ๆ พันปีได้“โสมพันปี”แม่ตระกูลหลินเดินเข้ามา และเห็นเข้าพอดี เธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บใจจนต้องพูดออกมา ก่อนหน้านี้เดิมทีถูกมอบให้พวกเขาไปแล้ว แต่เขากลับหน้าไม่อายที่จะเอากลับคืนมาเสียอย่างนั้นตอนนี้กลับมอบมันให้เย่เทียนหยู่ ไม่มอบให้เธอ นี่มันมากเกินไปแล้วนะ นี่เขาลืมเหตุผลที่มาไปแล้วเหรอ เขามาเพื่อส่งพ่อสามีของเธอไม่ใช่รึไงพอคิดแบบนั้น ของก็ควรที่จะเป็นของตระกูลหลินสิ!แต่เธอก็ทำได้แค่คิดอยู่ในใจ กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมามากนักในเมื่อไม่อาจให้ความหวังกับเย่เทียนหยู่ได้อีกต่อไป หลังจากที่ทิ้งโสมพันปีเอาไว้ให้ ผู้อาวุโสเย่จึงเตรียมตัวกลับไปที่หลงตู แต่ก่อนที่เขาจะกลับ เขาก็ได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมสหายเก
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังต้องเตรียมตัวสำหรับการประชุมของสำนักศักดิ์สิทธิ์ครั้งต่อไป และคิดหาวิธีที่จะนั่งในตำแหน่งผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่จะทำให้เขาสามารถควบคุมห้าสำนักใหญ่ได้เย่เทียนหยู่เพิ่งจะจากไปได้ไม่นาน ทางด้านของแม่ตระกูลหลินเองก็ได้เรียกรวมตัวคนมาไม่น้อย รวมถึงพ่อตระกูลหลินเองก็เข้าร่วมกับเขาด้วย ไหนจะยังมีบุคคลสำคัญอย่างปู่รองอีกเมื่อเห็นคนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าอย่างกะทันหัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดหลินหว่านหรูก็พอจะเดาออกถึงความเป็นไปได้เพราะขนาดตอนที่คุณปู่ยังไม่ทันจะถูกฝัง แม่ตระกูลหลินก็ห้ามใจไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้อยู่หลายต่อหลายครั้ง เพียงแต่เธอยังรู้สึกเสียใจอยู่ ทั้งยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้เธอจัดการ เธอจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนักแต่คิดไม่ถึงเลยว่า แม่ของเธอจะรีบร้อนขนาดนี้ นี่ตนยังเป็นลูกสาวของเธออยู่รึเปล่าแถมนี่ยังเป็นการเรียกคนนอกมาอีกต่างหาก แม้ว่าปู่รองจะไม่ถือว่าเป็นคนนอก แต่เมื่อเทียบกับลูกสาวของตัวเองแล้ว ก็ถือว่าเป็นคนนอกไม่ใช่รึไง“หว่านหรู งานศพของคุณปู่ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ตอนนี้ พวกเราก็ถึงเวลาที่จะต้องพิจารณาเรื่องหุ้นของบริษัทอย่างจริ
แม่ตระกูลหลินที่ได้ยินดังนั้น ก็ตื่นเต้นสุดขีด ก่อนที่จะรีบพูดขึ้นว่า “นี่แกเป็นคนพูดเอง พวกเราไม่ได้บีบบังคับแกนะ! อีกอย่าง ในเมื่อแกพูดออกมาแล้ว แกก็ห้ามกลับคำเด็ดขาด!”“ทนายหู คุณรีบมานี่หน่อย!”หลังจากที่เสียงเรียกของเธอจบลง ก็มีคนเดินออกมาจากด้านหลังของฝูงชน ทุกคนต่างก็สวมชุดสูท และถือเอกสารเอาไว้ในมือ คนที่นำหน้าคือทนายหู ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมทนายที่บริษัทจ้างมาเป็นทนายความส่วนตัวของบริษัท“พอดีเลย เอกสารที่เกี่ยวกับการโอนหุ้นของบริษัททั้งหมด พวกเราก็ได้ร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอแค่แกเซ็นชื่อเท่านั้น” แม่ตระกูลหลินรีบพูดขึ้นมาทันที“......”หลินหว่านหรูรู้สึกตกตะลึง เธอเพิ่งจะรู้สึกรับไม่ได้กับการเข้าใจผิดและการดูถูกของพวกเขาเมื่อกี้ ที่พวกเขามองว่าเธอเป็นใคร ถึงกล้าพูดจาแบบนั้นออกมากลับคิดไม่ถึงเลยว่า แม่ตระกูลหลินจะเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งทนายความและสัญญาก็เตรียมพร้อมเอาไว้แล้วเช่นกัน“หว่านหรู แกแสดงสีหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะตอบตกลงก็เปลี่ยนใจแล้วหรอกนะ?” แม่ตระกูลหลินที่เห็นว่าหลินหว่านหรูไม่พูดไม่จา จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป“หว่านห
“ฉันไม่ต้องการเองงั้นเหรอ?”“ใช่ ใช่แล้ว!”“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ต้องการหุ้นของหลินซื่อกรุ๊ป?” หลินหว่านหรูถามออกไป“เอ่อคือ ยังไงซะ ความหมายแกมันสื่อว่าไม่ต้องการก็พอแล้วนี่!” แม่ตระกูลหลินพูดออกมาหน้าด้าน ๆ เพราะเรื่องนี้สำคัญมากเพราะไม่เช่นนั้น สิ่งที่พวกเขากำลังจะได้มาในตอนนี้ อาจจะถูกส่งคืนในวินาทีถัดไปก็ได้ อาจถึงขั้นทำให้หว่านหรูเรียกคืนหุ้นทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ“พอที ฉันขี้เกียจจะมาต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว!”“แม่วางใจเถอะค่ะ ทางด้านของเทียนหยู่ หนูจะพูดเอง รับรองได้ว่าเขาจะไม่มาทำให้พวกคุณลำบากใจแน่นอน” หลินหว่านหรูกล่าวแม่ตระกูลหลินที่ได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันควัน “ได้ แกเป็นคนพูดเองนะ ถ้าหากเย่เทียนหยู่แอบเล่นอะไรตุกติกล่ะก็ แกต้องเป็นคนรับผิดชอบ”“แม่วางใจเถอะค่ะ เทียนหยู่ไม่ใช่คนแบบนั้น” หลินหว่านหรูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ใช่ ๆ พวกเราแค่มีความกังวลนิดหน่อยก็เท่านั้น งั้น ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ก็รีบเซ็นชื่อเถอะ จะได้ส่งมอบหุ้นกันสักที” แม่ตระกูลหลินกล่าวอย่างเร่งรีบหลินหว่านหรูไม่พูดอะไร ก่อนจะหยิบสัญญามาอ่านคร่าว ๆ แล้วเซ็นชื่อไปอย่างรวดเร
ทันทีที่เย่เทียนหยู่มาถึงร้านอาหาร เขาก็ได้ยินเสียงเรียกอันเสียงหวานอันแสนเป็นมิตร: “แพทย์เซียนเย่!”เมื่อได้ยินเสียง เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปมองดูหญิงสาวสวยในชุดกระโปรงยาวสีดำคนหนึ่งใบหน้าของเธองดงามสะคราญโฉมและมีเครื่องสำอางปะอยู่เพียงเล็กน้อย ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวากับเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนต้องหลงใหล ดวงตาของเธอดำขลับ รูปร่างเพรียวบางน่าดึงดูด กับเรียวขายาวที่ผิวพรรณขาวละออ พร่างพราวและทรงเสน่ห์เป็นอย่างมากครั้งสุดท้ายตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเขาไม่ทันได้สังเกต ไม่ยักนึกเลยว่า สาวน้อยคนนี้มีเสน่ห์ขนาดไหน เห็นที่คงมีชายหนุ่มนับไม่ถ้วนที่พากันหมายปองเธอหวังเมิ่งเฟยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่เทียนหยู่อย่างรวดเร็ว ตัวเธอที่ถูกเย่เทียนหยู่จับจ้องใบหน้าก็เริ่มแดงระเรื่อ ก่อนที่จะเอ่ยปากเสียงแผ่ว: “แพทย์เซียนเย่ มองอะไรอยู่คะ”“ก็มองคุณไง จู่ ๆ ก็ถูกความสวยคุณเข้าตาจนผมเหม่อไปเลยละ” เย่เทียนหยู่ไม่ได้หาข้อแก้ตัว เขาตอบไปตามความจริง“แพทย์เซียนเย่ล้อเล่นอีกแล้ว”หัวใจของหวังเมิ่งเฟยเต้นระรัว เธอทั้งมีความสุขและตื่นเต้น แต่ก็รู้สึกเขินอายเช่นกัน นับแต่คราวก่อน ไม่รู้ว่าทำไมเงาร่างของอีกฝ่ายถ
เย่เทียนหยู่ยิ้มและพูดว่า: “อันที่จริง เหมือนผมจะยังพอคับคล้ายคับคลา ถ้าผมจำไม่ผิด คุณยังให้ถังหูลู่ผมไม้หนึ่งด้วย”ความจริงคือเขานึกออก แต่ไม่ได้ชัดเจนมากนัก หรือก็คือเขาหนึ่งออกแค่เรื่องเดียว ถึงตัวเขาจะมีความสามารถต่างไปจากคนธรรมดา แต่ความทรงจำหลักก็เริ่มเมื่อเขาอายุสามขวบ ก่อนอายุสามขวบล้วนเป็นภาพทรงจำแสนเลือนลาง“ใช่ๆ เด็กคนนี้ความจำดีจริงๆ”เหล่าหวังมีความสุขมากและพูดว่า: “แต่คราวนี้ ปู่รู้สึกขอบคุณที่ช่วยรักษาปู่จริง ๆ ไม่อย่างนั้น เกรงว่าปู่คงได้ลงไปเจอหน้ากับเจ้าแห่งยมโลกนานแล้ว”ยิ่งกว่านั้น เขาเองก็รู้เรื่องการจากไปของปู่ตระกูลหลิน ว่ากันว่า ตอนนั้นโรงพยาบาลไม่กล้าทำการผ่าตัดเลยด้วยซ้ำ เขาก็เลยทำได้แค่นอนรอความตาย“คุณปู่หวังสุภาพเกินไปแล้วครับ ตอนนั้นผมก็ต้องขอบคุณที่คุณปู่ช่วยผมไว้เหมือนกัน”หวังเมิ่งเฟยมีความสุขมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าปู่ของเธอกับเย่เทียนหยู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนี้ เธอรินไวน์ให้พวกเขาทั้งสองคน ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณปู่ ไม่เห็นปู่ยิ้มมีความสุขแบบนี้มานานแล้วนะคะ”“พี่เย่ ไม่นึกเลยว่าปู่จะชอบพี่มากขนาดนี้ วันนี้ลำบากพี่แล้ว อยู่ดื่มเป็น
เมื่อหวังซูเห็นดังนั้น เขาก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาทันทีและพูดด้วยความเคารพ: “แพทย์เซียนเย่ ผมต้องขอโทษด้วยครับ ที่คราวก่อนผมทำให้คุณขุ่นเคืองเพราะความรู้น้อยของผมเอง ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ”หวังอีฟานรีบทำตามและขอโทษเขาเช่นกันแม้เย่เทียนหยู่จะบอกว่าเขาไม่ถือสา แต่แน่นอนว่าเขาไม่ค่อยพอใจทั้งคู่เท่าไหร่นัก เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เรามาลืมเรื่องในอดีตกันเถอะ ผมหวังแค่ว่าต่อไปพวกคุณจะไม่ข่มเหงคนอื่นอีก”“ไม่แล้วครับ ไม่ทำเด็ดขาดเลย!”พวกเขาทั้งสองรีบสัญญา“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว เรื่องนี้ผ่านไปแล้วละ” เมื่อเย่เทียนหยู่พูดจบ เขาก็หันกลับมาหยิบแก้วไวน์และชูแก้วขึ้นให้เหล่าหวัง: “คุณปู่หวัง ผมขอดื่มแก้วนี้เป็นการอวยพรให้คุณ และเป็นการขอบคุณที่เมื่อก่อนคุณปู่เคยช่วยเราไว้”เมื่อเหล่าหวังได้ยินดังนั้น เขาก็รีบยกถ้วยขึ้นและพูดอย่างช่วยไม่ได้: “ทำไมคุณถึงพูดเรื่องนั้นอีกแล้ว ถ้าจะต้องพูดขอบคุณละก็ ปู่ต่างหากที่ต้องขอบคุณ”“แต่พูดถึงเรื่องในตอนนั้นแล้ว อันที่จริงมันยังมีเรื่องราวที่ซ่อนอยู่อีก”“เรื่องราวที่ซ่อนอยู่เหรอครับ”“ใช่!”เหล่าหวังมองไปที่กลุ่มคนแล้วพูดเหล่าหวัง: “ทุกคนถ้าไม่มีธุระอะไรแ
และนี่ก็ทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกโกรธมากจริง ๆตัวเองไม่ได้ไปหาเรื่องเธอ แต่เธอกลับมาทำให้หว่านหรูเดือดร้อน คนแบบนี้สมควรที่จะเป็นแม่คนได้ด้วยงั้นเหรอ แต่ว่าเรื่องนี้ จะบอกให้หว่านหรูรู้ดีไหมนะแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะเชื่อรึเปล่า เพราะยังไงนั่นก็คือแม่ของเธอแต่จู่ ๆ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ผู้รับผิดชอบแพลตฟอร์มได้กล่าวเอาไว้ว่า เรื่องนี้ได้มีคนรีพอร์ตเข้ามาแล้ว ปัจจุบันอาณาจักรมังกรก็กำลังเร่งตรวจสอบข้อมูลในโพสต์ดังกล่าวอย่างละเอียดอยู่เดี๋ยวจะมีการประกาศชื่อผู้เสียหาย และคืนความบริสุทธิ์ให้กับผู้เสียหายอีกด้วยจากนั้นก็จะมีการเชิญตัวผู้ที่ปล่อยข่าวเสียหายมา และมอบคำเตือนที่เข้มงวดให้กับพวกเขา รวมถึงหากว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น พวกเขาก็อาจมีการได้รับโทษร้ายแรงอีกด้วยตามที่ผู้รับผิดชอบกล่าวมา เรื่องนี้จะถูกรายงานขึ้นไป และด้วยความเข้มงวดในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในปัจจุบัน คาดว่าใช้เวลาไม่เกินหนึ่งหรือสองวัน ก็จะสามารถตรวจสอบให้ชัดเจนได้ทั้งหมดผลลัพธ์อย่างน้อยก็อาจจะประกาศออกมาภายในวันมะรืนนี้งั้นก็รออีกสักหน่อย เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันพอถึงตอนนั้น แม่ตระกูล
“เป็นคำพูดที่เหลวไหลจริงหรือเปล่านั้น ต่อไปเดี๋ยวก็รู้เองค่ะ”จูเก่อหลิวหลีลุกขึ้น แต่ก็ไม่ได้ตรงไปสวมเสื้อผ้าในทันที กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเย่เทียนหยู่ พูดพลางส่งรอยยิ้มเย้ายวนให้ “คุณชายคะ คุณคิดว่ารูปร่างของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เย่เทียนหยู่ไม่มีคำพูดใด ๆ และรีบหลับตาลงทันทีแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ทั้งที่เขาหลับตา รูปร่างที่สมบูรณ์นั้นกลับยังคงปรากฏในหัวอยู่ดี สะโพกที่ทั้งโค้งมนและเพรียวบาง ไม่มีไขมันส่วนเกินเลยแม้แต่น้อยความสวยงามของหน้าอกคู่นั้น รูปร่างโค้งมนที่สมบูรณ์แบบ ผิวพรรณนุ่มนวลจนทำให้คนตะลึงราวกับว่ากำลังลืมตามองดูอยู่ยังไงอย่างงั้นจูเก่อหลิวหลีที่เห็นเย่เทียนหยู่หลับตาอยู่ ในใจก็รู้สึกมีความสุขมาก เธอจึงพูดพลางหัวเราะขึ้นว่า “คุณชายคะ เลือดกำเดาคุณไหลแล้วนะคะ!”“ว่าไงนะ?”เย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่า จูเก่อหลิวหลีจะนั่งคุกเข่าลง และโน้มตัวเข้ามาใกล้ ๆ ซึ่งทำให้เขาเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น“นี่คุณ......”เย่เทียนหยู่รู้สึกพูดไม่ออก หญิงสาวคนนี้ถึงกับกล้าหลอกเขาเสียได้“ฮ่า ๆ......คุณชายนี่น่ารักจังเลยนะคะ!”แต่จูเก่อหลิ
เป็นอยู่อย่านั้น มีจูเก่อหลิวหลีแค่คนเดียวที่พูดอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เธอเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง เอาแต่แสดงออกถึงความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อนเย่เทียนหยู่ไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ฟังอย่างงงงวยก็เท่านั้นเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า จูเก่อหลิวหลีจะมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อเขามากขนาดนี้ จนทำให้เย่เทียนหยู่ต้องรู้สึกผิด และไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกหยางเฉียนเฉียนเองก็เป็นแบบนี้ แต่นั่นเขาก็ได้ทำเพื่อหยางเฉียนเฉียนไปไม่น้อย ช่วยเหลือเธอมากมาย จนทำให้ใจของเย่เทียนหยู่รู้สึกดีขึ้นมาบ้างกลับกัน พอเป็นหลิวหลี นอกจากเรื่องที่ช่วยให้เธอทะลวงถึงระดับปรมาจารย์แล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย เพื่อที่จะตามหาเขา กลับเป็นเธอที่คอยช่วยเหลือตน ช่วยเหลือแม่ของตนไปไม่น้อยที่สำคัญเลยก็คือ เย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าจะรับมือกับเธออย่างไร หรือจะปลอบใจเธอยังไงได้บ้างแน่นอน หากยอมหลับนอนกับเธอ ทำให้เธอเป็นผู้หญิงของเขา สำหรับเขาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว ก็คงเป็นแค่สิ่งที่ปรารถนาไม่รู้จบแต่ว่า ขืนเขาทำแบบนั้น แล้วหว่านหรูจะทำยังไงหากหว่านหรูรู้เรื
“อืม ฉันรู้แล้ว เห็นว่าเธอยังโพสต์เฟสบุ๊กสนับสนุนพวกเราอยู่ด้วยเลยนี่” เย่เทียนหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้มคิดไม่ถึงเลยว่าพี่เย่จะรู้เรื่องนี้ด้วย ซึ่งทำให้เฉินเฟยเฟยดีใจเอามาก ๆ ก่อนที่จะรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ ช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”“ทำไมจะไม่ช่วยล่ะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีความหมายทั้งนั้นแหละ แค่เธอมองไม่เห็นก็เท่านั้นเอง”“จริงเหรอคะ ขอบคุณพี่เย่ที่ให้กำลังใจฉันนะคะ อันที่จริง ที่ฉันโทรหาพี่ครั้งนี้ เป็นเพราะฉันเห็นว่าพี่อยู่ที่ตงเฉิง เลยอยากเชิญพี่มาดูคอนเสิร์ตของฉันน่ะค่ะ”“เธอมีคอนเสิร์ตที่ตงเฉิงงั้นเหรอ เมื่อไหร่?” เย่เทียนหยู่ถาม เขาอาจจะต้องดูเวลาก่อน หากว่าตรงกับการประชุมศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจจะไม่ว่างไป“คืนนี้ตอนทุ่มครึ่งค่ะ ที่สนามกีฬา พี่พอจะว่างไหม?” เฉินเฟยเฟยถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง เธออยากให้เย่เทียนหยู่ไปงานคอนเสิร์ตของเธอมากจริง ๆ เพื่อให้เขาได้ฟังเพลงที่เธอร้องหากไม่ใช่เพราะเรื่องของปาร์คดาฮยอน เธอก็คงส่งคำเชิญให้เขาไปนานแล้ว พอตอนนี้เห็นว่าไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรแล้ว จึงคิดว่าพี่เย่อาจจะว่างก็ได้ ถึงได้เชิญไป“ว่างสิ!”เย่เทียนห
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าเธอจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ แถมยังโอบกอดเขาแน่น พร้อมกับเปิดปากพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งแบบนี้แม้จะดูเก้งก้างไปบ้าง แต่เขากลับรู้สึกมีอารมร์ร่วมในความเป็นจริงแล้ว ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่ เขานั้นไม่ได้ถูกควบคุมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะเสน่ห์อันเย้ายวนและความงดงามของจูเก่อหลิวหลีทั้งนั้นความรู้สึกต่อจูเก่อหลิวหลีตอนนี้เหมือนกันกับตอนหยางเฉียนเฉียน คือชมชอบ รู้สึกดี และถึงขั้นชอบเสียด้วยซ้ำแต่เนื่องจากความรับผิดชอบที่มีในใจ และความจริงที่ว่าหลินหว่านหรูคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะก้าวข้ามไปแม้แต่ก้าวเดียวแต่ท่าทีของจูเก่อหลิวหลีในตอนนี้ เสน่ห์ของจูเก่อหลิวหลี บวกกับฤทธิ์ยา ไม่นานมันก็ได้กระตุ้นความตื่นตัวของเย่เทียนหยู่ขึ้นมาเขาถึงกับไม่สามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ และเปิดปากออกโดยไม่รู้ตัว มือก็เริ่มเคลื่อนไหวไปบนร่างของจูเก่อหลิวหลี ความรู้สึกนั้น มันทำให้ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหวสมบูรณ์แบบมาก!ต้องบอกเลยว่า หากพูดถึงแรงดึงดูดต่อผู้ชาย จูเก่อหลิวหลีนั้นไม่แพ้หลินหว่านหรูเลยแม้แต่น้อย เป็นคว
ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าแม้แต่โอกาสที่จะได้อยู่ข้าง ๆ คุณชายก็คงไม่เหลือ ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะทำตัวให้กระตือรือร้นมากขึ้นถึงแม้จะไม่ได้เป็นภรรยาของคุณชาย ขอแค่ได้มีความสัมพันธ์กับคุณชายบ้าง ต่อไปเธอก็จะถือว่าเป็นผู้หญิงของคุณชาย และอย่างน้อยก็สามารถอยู่เคียงข้างคุณชายไปตลอดชีวิตได้เพราะไม่อย่างนั้น สักวันหนึ่งระยะห่างของเธอกับคุณชายก็คงจะไกลกันมากขึ้นเรื่อย ๆเพื่อเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจวางยา ยานี้ไม่ใช่ยาธรรมดา ไม่เพียงแต่ไม่มีสีและรสชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นยาที่หายากอีกด้วย เพียงแต่ผลลัพธ์ของยานั้นกลับไม่ได้มีความเข้มข้นมากนักแต่ก็ไม่เป็นไร โชคดีที่ได้เจอกับมันโดยบังเอิญ บวกกับเสน่ห์ที่ดูแพรวพราวของเธออีกเพื่อเสริมเสน่ห์ของตัวเองแล้ว หลายวันมานี้เธอได้ทำการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อที่จะทำให้คุณชายหลงใหล และให้คุณชายยอมกลืนกินเธอแม้ว่าวันนี้จูเก่อหลิวหลีจะสวมกระโปรงสีดำแหวกข้าง และเสื้อคอลึก จนทำให้ขาเรียวยาวของเธอโผล่พ้นออกมา ซึ่งความมีเสน่ห์ของเธอทำให้เขารู้สึกใจสั่นเล็กน้อยแต่เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร ในขณะที่ดื่มน้ำในมือ เขาก็เดินดูรอบ ๆ พร้อมกับเอ่ยชมขึ้นว่า
อันที่จริงแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่การเตรียมการของเย่เทียนหยู่ แต่เป็นการเตรียมการของมู่หรงอิน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามู่หรงอินเองก็ไม่ได้รังเกียจที่จะจัดการเรื่องนี้ กระทั่งเธอยังยินดีที่จะทำเสียด้วยซ้ำเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทเทียนเฟิงกรุ๊ปสาขาตะวันออก ข้อมูลก็ได้ถูกส่งไปถึงหูของมู่หรงอินแล้ว ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาแม้จะมีความช่วยเหลือจากเย่เทียนหยู่อยู่แล้ว แต่การแสดงออกของหลินหว่านหรูนั้นก็ทำให้เธอพอใจมากจริง ๆเดิมทีภาพรวมของเทียนเฟิงกรุ๊ปก็ดีมากอยู่แล้ว เพียงแค่ปัญหาร้ายแรงบังเอิญมาเกิดที่สาขานี้ก็เท่านั้น เธอแค่ต้องการอยากจะเห็นการแก้ปัญหาของหลินหว่านหรู และจะใช้เวลานานแค่ไหนในการจัดการคิดไม่ถึงเลยว่าจะจัดการได้เร็วขนาดนี้ แถมยังกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานให้มีแรงผลักดันมากขึ้นอีกด้วยไม่เสียแรงที่ตนให้คนเตรียมข้อมูลพนักงานที่ละเอียดขนาดนั้นเอาไว้ให้เธอเลยจริง ๆในตอนที่เย่เทียนหยู่เดินออกจากบริษัท เขาเองก็กำลังคิดว่าจะหาบ้านที่เหมาะสมในบริเวณใกล้เคียง แล้วซื้อเอาไว้สักหลัง ไม่ว่ายังไงก็จะให้หลินหว่านหรูพักอยู่โรงแรมตลอดไปไม่ได้หรอกนี่เห็นได้ชัดว่ามันไม่เ
“เพราะเขาเป็นคนพูดเองว่า ไม่ว่าโลกจะกว้างใหญ่แค่ไหน แต่ภรรยาก็คือที่สุด!”“ถ้าไม่มีการอนุญาตจากฉัน เขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน”“ฮ่า ๆ......”พอทุกคนได้ยินคำพูดของหลินหว่านหรู ก็แทบจะหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว จู่ ๆ ก็คิดว่าประธานหลินคนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆเห็น ๆ อยู่ว่าอำนาจในมือนั้นเกินคาดเดา แต่เจ้าตัวกลับเป็นคนที่อ่อนโยนเช่นนี้เมื่อพูดถึงว่าภรรยาเป็นใหญ่ สีหน้าของหลินหว่านหรูก็แดงเพราะความเขินอายขึ้นมา สิ่งสำคัญคือเธอรู้สึกว่าควรจะดึงบรรยากาศกลับมาสักหน่อย เพื่อไม่ให้ทุกคนมุ่งคิดแต่จะเอาใจเธออย่างเดียว จนละเลยหน้าที่ในบริษัท แบบนั้นคงไม่ดีแน่เย่เทียนหยู่สามารถที่จะไม่สนใจผลประโยชน์ของบริษัทได้ กระทั่งปล่อยให้บริษัทล้มละลายไปเลยก็ตาม แต่เธอเองกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ถ้าตั้งใจจะทำแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด แล้วก็จะต้องแข็งแกร่งยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเพราะไม่เช่นนั้น เธอจะมีหน้าไปพบอนาคตแม่สามีได้อย่างไรเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน หลินหว่านหรูก็รู้สึกว่าตนทำถูกต้องแล้ว จากนั้นจึงกล่าวขึ้นอีกว่า “แต่ว่านะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เอาแต่ใจเท่ากับเขา แต่สำหรับเรื่องงานแล้ว ฉันกลับมีความเข้
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงและสั่นสะเทือนในใจขึ้นมาอีกครั้งถึงขนาดไม่สนใจว่าบริษัทจะล้มละลาย แม้แต่การขอร้องจากประธานบริษัทเองก็ยังไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ!นี่เป็นเผด็จการและการปกป้องที่ไร้เหตุผลชัด ๆ!ในใจหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร อาจจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานบริษัท หรืออาจจะมีสถานะที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินหว่านหรูด้วยความรู้สึกอิจฉาโดยเฉพาะผู้หญิงบางคน ในใจพวกเธอก็อดคิดไม่ได้ ว่าหากพวกเธอมีผู้ชายแบบนี้สักคน ต่อให้จะเป็นเพียงหนึ่งในหมื่น พวกเธอก็คงจะมีความสุขจนตายได้เลยการปกป้องที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ แม้แต่หลินหว่านหรูที่ถูกเย่เทียนหยู่ทะนุถนอมตลอดเวลาก็ยังรู้สึกใจเต้นเช่นกันเทียนหยู่ได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับเธออย่างแท้จริง เขาทั้งมุ่งมั่นและตั้งใจทำเพื่อเธอพอนึกย้อนกลับไป เขาก็คอยปกป้องเธออยู่เงียบ ๆ มาโดยตลอดมาเช่นกันเพียงแค่ตัวเองก่อนหน้านี้นั้นกลับโง่เขลาเกินไป ไม่สามารถแยกแยะสถานการณ์ได้ ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจ แถมยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขาตั้งหลายครั้งอีกด้วยตอนนี้พอมาคิดดูแล้