“เห้อ!”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่หรงอินถอนหายใจยาว แล้วเริ่มเปิดเผยความจริงในอดีตทีละคำใบหน้าของเย่เทียนหยู่ยิ่งฟังก็ยิ่งดูไม่ดี พลังอำมหิตที่อยู่ในตัวเขาไม่อาจควบคุมได้ ตะโกนด้วยความโกรธว่า “พวกคนหน้าซื่อใจคด ผมจะต้องทำให้พวกมันชดใช้ด้วยเลือด!”“เทียนหยู่!”“ใจเย็นก่อนลูก”มู่หรงอินกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะคิดมากเกินไป จึงไม่กล้าบอกความจริงทั้งหมดนี้ให้เขารู้ ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธแค้นมากมาย นึกถึงพี่เฟิงที่รัก เธอก็อยากแก้แค้นทุกวันทุกคืนแต่ เธอไม่สามารถทำอะไรได้อย่างตามใจชอบการแก้แค้นสามารถทำได้ แต่ต้องปกป้องเทียนหยู่ไว้ให้ได้เธอสามารถตายได้ แต่เทียนหยู่ห้ามเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวที่พี่เฟิงทิ้งไว้บนโลกในขณะนั้น เย่เทียนหยู่เข้าใจแล้วว่า ทำไมอาจารย์ถึงบอกว่าเขาต้องถึงจุดสูงสุดของระดับปรมาจารย์ จึงจะมีสิทธิ์รู้เรื่องนี้ถ้าหากถึงจุดสูงสุดของระดับปรมาจารย์ไม่ได้ แม้ว่าเขารู้เรื่องนี้ สุดท้ายก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ถูกทำลายได้ง่ายๆ ถึงแม้ว่าจะมีความสามารถในการต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับ ก็ตาม“แม่ครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”“ผมจะไม่ใจร้อนครับ”เย่
“หรือว่าไม่ใช่เขา ถ้าอย่างนั้น จะเป็นใครกัน?” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วมู่หรงอินส่ายหัว พูดว่า “ต้องค่อยๆ สืบไป แต่ถ้ามีคนอยากแสร้งเป็นเย่สยง ก็ทำได้อย่างแน่นอน สำนักดอกไม้เชี่ยวชาญเรื่องการปลอมตัว พวกเขาสามารถเปลี่ยนโฉมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าไม่ใช่คนสนิท ก็คงไม่ทันสังเกต”“มีฝีมือแบบนี้ด้วยเหรอ งั้นดูเหมือนว่าต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น” เย่เทียนหยู่พยักหน้า“ใช่ แต่ถ้าจะสืบ ก็ต้องสืบจากกลุ่มคนที่ฆ่าพ่อลูกไป แต่ห้ามดูแค่ภายนอก บางคนอยู่เบื้องหลัง”มู่หรงอินพูด“ครับ ผมเข้าใจแล้ว!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาได้ยินชิงหลงพูดถึงขั้นเทพผู้เป็นอมตะ ดูเหมือนว่า ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีใครผ่านไปได้ แต่ก็ควรจะผ่านไปได้ไม่เช่นนั้น ชิงหลงคงไม่พูดแบบนั้น แต่ทำไมหลายปีผ่านไป จึงไม่มีใครถึงขั้นเทพผู้เป็นอมตะ“แม่ครับ แม่รู้จักขั้นเทพผู้เป็นอมตะไหมครับ?” เย่เทียนหยู่ถามเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่หรงอินขมวดคิ้ว พูดว่า “เรื่องนี้ แม่ก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะ แม้แต่พ่อของลูก ที่เก่งกาจขนาดไหน ก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามขั้นนั้นไปได้ ดูเหมือนว่า ในโลกนี้ จะไม่มีใครก้าวข้ามขั้นนั้นไปได้เลย”“ก่อนหน้
ทันใดนั้น หลินหว่านหรูโทรศัพท์มา น้ำเสียงเร่งรีบพูดว่า “เทียนหยู่ คุณปู่ล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก เลือดออกมาก อาการหนักมาก ต้องผ่าตัดทันที ไม่เช่นนั้นก็ต้องตายแน่ๆ”“แต่หมอบอกว่า การผ่าตัดมีความเสี่ยง ถ้าไม่สำเร็จ อาจจะทำให้หมดสติ และเป็นอัมพาตได้”เย่เทียนหยู่อึ้งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าคุณปู่หลินจะล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก และอาการหนักขนาดนี้ กำลังจะพูดอะไรสักอย่างหลินหว่านหรูก็รีบถามต่อว่า “คุณมีหมอเก่งๆ ที่รู้จักบ้างไหม พวกเขาจะมีวิธีช่วยคุณปู่ได้ไหม”ถึงแม้ว่าช่วงนี้ คุณปู่จะทำให้เธอเดือดร้อนและเจ็บปวด แต่คุณปู่ก็รักเธอมาตั้งแต่เด็กเย่เทียนหยู่คิดว่าหลินหว่านหรูจะให้เขาไปช่วย แต่ไม่ใช่ จึงพูดทันทีว่า “แน่นอน ผมเอง ให้พวกเขาช่วยรักษาอาการไว้ก่อน ตราบใดที่คุณปู่ยังหายใจอยู่ ผมก็มีวิธีรักษาให้หายได้”“รอผมนะ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”พูดจบ เขาก็วางสาย แล้วพูดว่า “แม่ครับ ผมมีธุระด่วน ผมขอไปก่อนนะครับ”หลินหว่านหรูถึงกับอึ้งไป เทียนหยู่พูดว่าอะไรนะ ว่าเขาจะรักษาให้หายได้ เดี๋ยวก่อน เธอลืมไปแล้ว ตอนนั้นเป็นเขาที่รักษาโรคที่ยากจะรักษาของ หยางเฉียนเฉียนให้หายและมีครั้งหนึ่ง
“ทำไมถึงไม่คิดแบบนั้นล่ะ เพราะคุณปู่ ลูกกับเทียนหยู่ต้องทนทุกข์ทรมานมาแค่ไหน ตอนนี้ เขาคงอยากให้คุณปู่ตายไปเลย เพื่อว่าจะได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อความรักของพวกคุณอีกต่อไป”“พูดอะไร พวกคุณรู้ความสามารถของเทียนหยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปทำลาย ทำไมเขาต้องฆ่าคุณปู่ด้วย”“นั่นอาจจะไม่ใช่ คนเราอาจจะเปลี่ยนไปได้ ก่อนหน้านี้พวกเราก็สนับสนุนให้พวกคุณคบกัน แต่ว่าช่วงนี้ก็พยายามทำลายความสัมพันธ์ของพวกคุณไม่ใช่เหรอ”“พวกคุณก็ยังรู้ว่าตัวเองทำเรื่องแย่อยู่เหรอ” หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดถึงเรื่องพวกนั้น แต่กำลังพูดถึงความปลอดภัยของคุณปู่”คุณแม่ตระกูลหลินเปลี่ยนเรื่องทันที แล้วพูดต่อว่า “ไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา พวกคุณคิดว่าเทียนหยู่จะทำร้ายคุณปู่ไหม?”“เอ่อ มีความเป็นไปได้สูงมาก”“พวกคุณ! ไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา แล้วมาตัดสินอะไรกัน!”หลินหว่านหรูโมโหจนพูดคำหยาบคายออกมา ตะโกนว่า “ไม่ว่าพวกคุณจะคิดยังไง ฉันก็ไม่ยอมให้ผ่าตัดทันที ทุกอย่างรอให้เทียนหยู่มาถึงก่อนแล้วค่อยว่ากัน”หัวหน้าหยางได้ยินการทะเลาะกัน ขมวดคิ้ว พูดว่า “เด็กสาว นี่เธอเป็นยังไงกัน มาขัดขวางอยู่ได้ หรือ
เมื่อหลินหว่านหรูได้สติ ทุกอย่างก็เป็นที่แน่นอนแล้ว เธอไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จึงได้แต่รอผลอย่างทุกข์ใจเวลาผ่านไปทีละนิดทีละหน่อย ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง คุณแม่ตระกูลหลินมองไปที่ด้านไกล เย่เทียนหยู่ยังไม่มาเมื่อคิดว่าไม่ควรทะเลาะกับหลินหว่านหรู เพราะในอนาคตก็ต้องพึ่งพาเธอเพื่อเข้าหาเย่เทียนหยู่ จึงเดินเข้าไปพูดว่า “เห็นไหม ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เทียนหยู่ยังไม่มาเลย ถ้าไม่ฟังหมอ คุณปู่ก็อาจจะตายแล้วก็ได้”“หมอบอกว่า ถ้าไม่ผ่าตัด ก็ยังอยู่ได้อีกอย่างน้อยสองชั่วโมง” หลินหว่านหรูพูดเสียงเย็นชา หวังว่าคุณปู่จะปลอดภัย ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่ให้อภัยทั้งสองคน“หมอพูดอะไรก็เชื่อไปหมดเหรอ ใครจะรู้ว่าเขาพูดผิดหรือเปล่า” คุณแม่ตระกูลหลินอดไม่ได้ที่จะโต้แย้ง“เหรอ ถ้าไม่เชื่อหมอ แล้วทำไมถึงต้องรีบผ่าตัด?”“ตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่แล้ว พูดเรื่องพวกนี้ไปทำไม แล้วก็ เธอคิดจริงๆ เหรอว่าเย่เทียนหยู่จะช่วยคุณปู่ได้?”“บอกให้เธอรู้ไว้เลย เขาอยากให้คุณปู่ตาย เลยมาหลอกเธอ”คุณแม่ตระกูลหลินโต้แย้งด้วยความโกรธแต่เพราะเธอหันหลังให้กับทางเดิน จึงไม่รู้เลยว่าเย่เทียนหยู่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูงมาก ที่
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลินหว่านหรูเต็มไปด้วยความเสียใจ น้ำตาคลอเบ้าพูดว่า “ใช่ เข้าไปผ่าตัดแล้ว!”เย่เทียนหยู่ได้ยินดังนั้น จึงขมวดคิ้ว พูดว่า “นี่ ฉันบอกให้รอฉัน ทำไมถึงรอไม่ได้ เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง?”“ฉัน...”หลินหว่านหรูอ้าปาก นึกถึงคำพูดของแม่เมื่อครู่ ที่สงสัยว่าเขาจะฆ่าคุณปู่ เธอก็อดร้องไห้ไม่ได้คุณแม่ตระกูลหลินเห็นแบบนั้น โกรธมากเด็กคนนี้ ตอนนี้เป็นเวลาไหนแล้ว! เธอยังทำเป็นน่าสงสาร ยิ่งทำให้โกรธเข้าไปอีก เธออยากให้ฉันตายใช่ไหมเย่เทียนหยู่แสดงความสงสาร รีบถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เป็นยังไง โรงพยาบาลบังคับให้ทำแบบนี้ใช่ไหม?”“ไม่ใช่!”หลินหว่านหรูส่ายหัว“แล้วเป็นยังไง?” เย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะถาม ไม่เชื่อฉันเหรอ ผ่านเรื่องราวมากมายขนาดนี้ ยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ“หมอบอกว่าถ้าไม่ผ่าตัดทันที พ่อจะตาย หว่านหรูเป็นห่วง จึงแนะนำให้ผ่าตัดก่อน พวกเราคิดว่าเธอพูดถูก จึงต้องสนับสนุนเธอ”คุณแม่ตระกูลหลินรีบพูดก่อนตอนนี้เธอเพิ่งทำให้เย่เทียนหยู่โกรธ หว่านหรูคงไม่มาขัดเธอหรอก ถ้าตอนนี้มาขัด ก็แสดงว่าหว่านหรูไม่รักเธอ อยากให้เธอตายจริงๆถ้าเป็นแบบนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รับผิดชอบ
คุณแม่ตระกูลหลินเห็นว่าหลินหว่านหรูไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยส่วนคำพูดของเย่เทียนหยู่นั้น เธอก็ไม่เชื่อสักคำ ถึงแม้ว่าเย่เทียนหยู่จะมีภูมิหลังที่น่าทึ่ง แต่การที่เธอไปด่าเขาว่าเป็นพวกหลอกลวงและเป็นคนโกหกนั้น ก็ไม่ผิดที่เขาพูดโกหกเรื่องไร้สาระแบบนั้นออกมาได้ ก็เพราะลูกสาวของเธอเชื่อเขาคนเดียว เขาคงคิดว่า ถ้าการผ่าตัดสำเร็จ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเขา แต่ถ้าล้มเหลว มีเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ต้องยอมรับว่า เย่เทียนหยู่นั้นฉลาดแกมโกงมาก แต่เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญแล้ว เพียงแค่ตระกูลและฐานะของเขาก็สำคัญน้อยกว่าการที่เธอจะได้เป็นคุณนายชั้นสูงแรกๆ เขาไม่ได้สังเกต แต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของหลินหว่านหรู จึงหันไปมองคุณแม่ตระกูลหลิน คุณแม่ตระกูลหลินจึงได้แต่ตอบกลับไปด้วยท่าทางที่ดูอึกอักและรู้สึกเขินอายเย่เทียนหยู่รู้สึกว่าอาจเป็นเพราะคุณแม่ตระกูลหลินและพวกเขาขอให้รีบนำเข้าห้องผ่าตัดเวลาผ่านไปทีละนิดทีละหน่อย ถึงแม้ว่าเย่เทียนหยู่จะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหน นั่งรออยู่ที่นั่นและเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปช่วยคุณปู่ได้ตลอดเวลาถ้าไม่ใช่เพราะกำลังผ่าตัดอยู
ไม่รู้ทำไม เขานึกถึงคุณปู่เย่ คุณปู่แท้ๆ ของเขา ตอนเด็กๆ คุณปู่ก็รักเขามาก ใช้เวลาอยู่กับเขาทุกวัน ถึงแม้ว่าจะยุ่งมากก็ตามเพราะตอนนั้นเขายังไม่เกษียณ มีเรื่องให้ทำมากมายผ่านไปเวลานาน เย่เทียนหยู่จึงได้สติ เห็นหหลินหว่านหรูเสียใจมาก รู้สึกสงสารมาก แต่เขาช่วยอะไรไม่ได้จริงๆคุณแม่ตระกูลหลินได้สติ จึงตกใจมาก รีบจับหัวหน้าหยาง ตะโกนว่า “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ คุณบอกว่าผ่าตัดแล้วจะหายไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็รอดชีวิตใช่ไหม?”หัวหน้าหยางขมวดคิ้ว ส่ายหัว พูดว่า “คุณนายหลิน กรุณาปล่อยมือ การผ่าตัดมีความเสี่ยงเสมอ ยิ่งคุณปู่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีน้อยอยู่แล้ว”“น้อยแล้วทำไมยังให้ผ่าตัด ยังบังคับเราอีก” คุณแม่ตระกูลหลินโกรธมาก รู้แบบนี้ ก็ควรจะรอเย่เทียนหยู่ ถึงแม้ว่าเย่เทียนหยู่จะหลอกลวง แต่ถ้าสำเร็จล่ะ"ผมไม่ได้บังคับพวกคุณ ผมแค่บอกว่าถ้าไม่ผ่าตัดก็จะตาย การตัดสินใจอยู่ที่ตัวคุณเอง ลายเซ็นนี้ก็คุณเซ็นเองด้วย ถ้าคุณยังจะทำเรื่องวุ่นวายแบบนี้ต่อไป ผมจะแจ้งความแล้ว" คุณหมอหยางพูดด้วยความโมโห เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลแม้แต่เขาก็ยังทำอะไรไม่ได้ เปลี่ยนใครก็
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง แรงกดดันมหาศาลกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจอย่างมากอึก!มารโลหิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่ตัวเขาจะเดินถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่หมัดเดียว อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจนไม่เหลือชิ้นดี สภาพดูน่าอนาถมาก เห็นได้ชัดว่าภายในได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงต้องเข้าใจก่อนว่า ความสามารถของเขาเองก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเช่นกันแม้ว่าระยะเวลาในการบรรลุจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้วพูดตามตรง ความแข็งแกร่งของเขายังห่างจากหยางผั่วจวินอยู่มาก ซึ่งความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินตอนนี้ก็ได้ไปถึงคอขวดของระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว บวกกับร่างกายที่ไม่เหมือนใครของหยางผั่วจวินที่ทำการโจมตีอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถรับกระบวนท่านี้ของอีกฝ่ายได้ ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริง ๆ!เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก!ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้วเมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ