บทที่ 1 หลงรุ่ยฉี
หลงรุ่ยฉี หญิงสาวคนสวยอายุ 37 ปีแห่งยุคโลกาภิวัตน์ สาวแกร่งแห่งยุค 2021 แข็งแกร่งแม้กระทั่งโควิดยังไม่กล้าเล่นงาน แต่ต้องมาตายเพราะสามีอันเป็นสุดที่รักของฉันเอง!!! ฉันโดนหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุดเพื่อคำว่า 'เงิน' คำเดียว แต่ฉันก็ยังไม่ทิ้งคำว่าสาวแกร่งคนสวยไป เพราะเขาหวังได้ผลประโยชน์จากฉัน ฉันเลยให้ผลประโยชน์เต็ม ๆ ที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินที่เขาเคยค้ำประกันให้ฉัน ธุรกิจร่วมหุ้นที่กำลังจะไปไม่รอด ฉันยกให้เขาไปจนหมด
ส่วนทรัพย์สินที่เป็น 'ผลประโยชน์' จริง ๆ ฉันให้ลูกบุญธรรมของฉันรับไว้ทั้งหมด อาจเพราะความโชคดีของฉันที่รู้เรื่องสามีสุดที่รักกับชู้ที่กำลังทำลับหลังฉันโดยบังเอิญ ฉันเลยตลบหลังซ้อนแผนพวกมัน เก็บคืนทุกบาททุกสตางค์ค่อย ๆ เอาคืน ฉันแทบไม่เหลืออะไรไว้ให้พวกมันนอกจากหนี้สิน ฉันจัดการโยกย้ายสมบัติ ทยอยขายหุ้น แล้วเก็บเป็นเงินสดและทองคำเอามาเข้าตู้เซฟไว้ในคอนโดหรูที่ฉันแอบซื้อให้ลูกบุญธรรมของฉัน ฉันรับเลี้ยงเด็กสองคนพี่น้องชายหญิงซึ่งเป็นฝาแฝด และเป็นลูกของผู้มีพระคุณของฉันสมัยที่ฉันยังอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า จะบอกว่าลูกบุญธรรมก็ไม่เชิงเพราะนับถือกันมากกว่า เอกสารทุกอย่างก็ไม่มีรับรอง แต่ฉันส่งเสียเลี้ยงดูให้เด็กทั้งสองได้เรียนได้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้ ให้โอกาสพวกเขาเหมือนที่พ่อแม่ของพวกเขาเคยให้โอกาสฉัน
ฟังดูเศร้า… แต่สำหรับฉันตอนนี้ไม่เศร้าแล้ว เพราะตอนนี้ฉันเป็นวิญญาณล่องลอยไปมา ได้รู้ได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นมากมาย จากที่ฉันคิดว่ามันเลวร้ายแล้ว แต่มันยังมีอะไรที่เลวร้ายมากกว่าที่ฉันเคยเจอมาอีก จากที่คิดว่าดี บางอย่างมันกลับไม่ใช่อย่างที่เราเห็น ฉันได้เรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ อาชีพต่าง ๆ เคล็ดลับของแต่ละอาชีพ สูตรลับสูตรเด็ดอะไร รุ่ยฉีคนนี้ล้วงมาหมดแบบไม่เสียเงินซื้อสูตรเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
เป็นวิญญาณล่องลอยมาเกือบ 3 ปี ช่วงแรก ๆ ตามติดชีวิตอดีตสามีเฮงซวยกับหญิงชู้ ดูความฉิบหายของพวกมันแล้วก็ได้แต่ปลง แรก ๆ ก็สะใจ หลัง ๆ เริ่มชินชาและไม่อยากใส่ใจเพราะมันไม่เกิดประโยชน์ มีแต่ทำให้จิตใจของฉันรุ่มร้อน ในเมื่อฉันได้ตายแล้ว มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันอีกแล้ว ฉันเลยปล่อยวางตามแต่กรรมใครกรรมมัน
ต่อมาฉันได้ตามดูสองแฝดลูกบุญธรรมของฉัน ได้เห็นการใช้ชีวิตของพวกเขา ได้ดูกิจกรรมที่พวกเขาทำในแต่ละวัน มันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่มอบทุกอย่างให้พวกเขา พวกเขาทำบุญทำการกุศลในนามของฉัน และอุทิศบุญแก่ฉันตลอด พวกเขาใช้ชีวิตและมีชีวิตที่ดีแล้ว ฉันก็หมดห่วง
รุ่ยฉีเป็นดวงวิญญาณที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ จากผลบุญที่เคยทำและได้รับจากลูกบุญธรรมทั้งสองของเธอที่ขยันทำบุญให้ตลอด รุ่ยฉีได้รู้จักดวงวิญญาณมากมายที่อยู่บนโลกใบนี้ ได้ไปทำกิจกรรมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากที่ไม่เคยทำก็ได้ลองทำ
แต่มีช่วงเวลาที่ดวงวิญญาณอย่างพวกเราต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เพราะยมทูตออกกวาดล้างเก็บดวงวิญญาณที่ตกหล่นในโลกใบนี้ ทำให้พวกเราต้องหลบซ่อนอย่างดีในช่วงที่ยมทูตออกกวาดล้าง ถ้าถามฉันว่าทำไมฉันไม่ไปเกิดหรือยอมให้ยมทูตจับไป ง่าย ๆ คืออยู่อย่างนี้ก็สนุกดี ได้ทำหลายอย่าง มีอิสระไม่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ใครบ้างไม่ชอบ ถ้าให้ยมทูตจับไปแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะได้ไปเกิด แล้วถ้าไปเกิดจริง ฉันจะได้ไปเกิดเป็นอะไร ทำไมฉันต้องเสี่ยงด้วยทั้งที่อยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว
แต่ทุกอย่างก็อยู่ได้ไม่นาน ไม่มีอะไรคงทน เพราะพวกดวงวิญญาณต่างได้ข่าวว่า จะมีเกิดการกวาดล้างวิญญาณที่ตกค้างบนโลกนี้ให้หมด ถ้าไม่ยอมก็อาจทำให้ดวงวิญญาณแตกสลายได้ แล้วไอ้พวกที่อยู่บนโลกนี้เป็นเวลานานจะมีการลงโทษก่อนที่จะมีการเวียนว่ายตายเกิด ทีนี้จะทำยังไงละรุ่ยฉี!!!
'สวัสดีดวงวิญญานหลงรุ่ยฉี เราคือระบบปัญญาประดิษฐ์'
อยู่ ๆ ก็มีร่างโปรงแสงเหมือนวิญญาณแต่ไม่ใช่แบบฉัน! แต่มันเป็นหุ่นยนต์เข้ามาทักทาย ถามว่าฉันตกใจไหม บอกเลยไม่นะ เพราะฉันเป็นผี!!! ฉันจะไปกลัวอะไร แรก ๆ ถ้ามีอะไรแบบนี้ ฉันคงหมดสติเลยแหละไม่ต้องเดาให้ยาก แต่ตอนนี้ฉันเป็นวิญญาณมาหลายปี จิตใจเริ่มกล้าแข็งขึ้นมาหน่อยละ
"สวัสดีดวงวิญญาณระบบ" ฉันตอบกลับไป แต่ในหัวก็คิดว่า… อย่าบอกนะ… ว่าวิญญาณระบบก็กลัวการกวาดล้างวิญญาณครั้งใหญ่เหมือนกัน
'เรามีข้อเสนอมาให้คุณหลงรุ่ยฉี ไม่ทราบว่าอยากฟังข้อเสนอจากเราหรือไม่'
"ข้อเสนออะไร" ฉันถามกลับแต่ถามว่าอยากรู้ไหม ก็ไม่ขนาดนั้น แต่ฟังไว้ก็ไม่เสียหายอะไร ฟัง ๆ ไปก็ได้
'คุณคงทราบเรื่องการกวาดล้างดวงวิญญาณครั้งใหญ่แล้วใช่ไหม ทางระบบปัญญาประดิษฐ์มีข้อเสนอให้คุณทำภารกิจให้เรา ถ้าคุณทำสำเร็จ ดวงวิญญาณของคุณจะไม่แตกสลาย และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ'
"เป็นวิญญาณตามปกติแบบนี้เหรอ" ฉันถามกลับไปแบบตื่นเต้น เพราะฉันชอบที่ฉันเป็นแบบนี้ ไม่อยากไปเกิดใหม่แล้ว
'ไม่เป็นแบบนั้น เราส่งคุณไปทำภารกิจ คุณก็ต้องไปอยู่ในที่ที่เราส่งไป ใช้ชีวิตที่นั่นจะไม่มีดวงวิญญาณหลงรุ่ยฉีแล้ว ถ้าคุณตกลง คุณจะรักษาดวงวิญญาณของคุณไว้ไม่ให้แตกดับ เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าการกวาดล้างครั้งนี้ ดวงวิญญาณคุณจะแตกดับ จากสถิติที่เราทำแล้ว คุณควรรับข้อเสนอนี้เพื่อประโยชน์ต่อคุณเอง'
"ถ้ารับแล้ว ดวงวิญญาณไม่แตกดับแล้ว ฉันจะได้ประโยชน์อะไรเพิ่มบ้าง หรือแค่รักษาดวงวิญญาณแค่นั้นเหรอ"
เมื่อความสงสัยของฉันมันมีมากพอ มันก็อดถามไม่ได้ สังคมสมัยนี้ผลประโยชน์ต้องมีบ้าง จะได้มีผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
'คุณจะได้ใช้ชีวิต ได้ทำภารกิจที่เรามอบหมายให้ ได้รับรางวัลเหมือนการเล่นเกม ได้ไปอยู่สถานที่ใหม่ ๆ ที่คุณไม่เคยไป ทุกอย่างแปลกใหม่สำหรับคุณ แต่ที่สำคัญ ดวงวิญญาณของคุณยังอยู่ดีมีความสุข ประโยชน์มากมายที่คุณจะได้จากทางระบบ คุณจะไม่ขาดทุนแน่นอน'
เจ้าวิญญาณหุ่นยนต์ยังคงสาธยายประโยชน์มากมายถ้าฉันรับภารกิจนี้
"บอกรายละเอียดมาว่าฉันต้องทำยังไงบ้าง ขอข้อมูลที่ละเอียดหน่อยนะ" ถ้าอยากรอด ก่อนอื่นที่ต้องรู้คือข้อมูลต่าง ๆ ไม่รู้อะไรเลย เท่ากับความเสี่ยงสูงที่จะไม่รอด!!
'เราจะส่งคุณไปยังมิติคู่ขนานกึ่งจีนย้อนยุค ประมาณยุค 70 ให้ไปอยู่กับครอบครัวหนึ่ง ที่มีแม่ชื่อเดียวกันกับคุณ ในมิตินั้น คุณเป็นคุณแม่ลูกสาม มีชีวิตที่ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้ง ไหนจะยุคข้าวยากหมากแพง ทุกอย่างคล้าย ๆ กับสมัยยุค 70 ของประเทศนี้ คิดว่าคุณคงรู้ถึงความยากลำบากอยู่แล้ว แต่คุณไม่ต้องห่วง ทางเราสนับสนุนภารกิจนี้อยู่แล้ว แค่คุณผูกระบบ เราจะมีมิติส่วนตัวให้ คุณสามารถเก็บของกินของใช้เผื่อนำไปใช้ในยุคนั้นด้วย ของทุกอย่างจะไม่มีวันหมดแต่ต้องรออาทิตย์หนึ่งหรือ 7 วัน จะมีสินค้ามาแทนในส่วนที่เอาออกไป ทางเรามีห้างให้คุณเลือกสินค้าตลอดการทำภารกิจ โดยการนำคะแนนมาแลกสินค้าที่คุณต้องการ แต่ถ้าคุณผูกระบบตอนนี้ คุณจะได้สิทธิ์ในการเลือกสินค้าที่คุณต้องการฟรี เพื่อใส่ในมิติที่ใช้แล้วไม่มีวันหมด'
"ตามที่ฉันเข้าใจคือ ถ้าฉันผูกระบบตอนนี้ ฉันจะได้มิติและสามารถเข้าไปเลือกสินค้าในห้างของระบบฟรีทุกอย่าง โดยไม่ต้องเสียเงิน เสียแต้ม เสียคะแนนอะไรทั้งนั้น และของที่แลกได้ในตอนนี้จะไม่มีวันหมด พอเอาออกมาครบ 7 วัน จะมีของมาแทน ฉันเข้าใจถูกไหม"
ฉันถามระบบเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของตัวเอง เรื่องไปลำบากลำบนยุค 70 อะไรนั่นเอาไว้ก่อน เอาของที่จะได้และจำเป็นไปด้วย รับรองไม่อดตาย ไหนจะความรู้ที่มีอีก โอ๊ย…ไม่มีทางอดตายสบายๆ
'ถูกต้องแล้ว ของที่จะใช้ไม่หมดมีแค่ช่วงแรกที่นำเข้ามิติเท่านั้น หลังจากนั้นต้องนำคะแนนมาแลก สินค้าทุกอย่างจะเหมือนซื้อขาด หมดต้องแลกใหม่'
ระบบยังอธิบายต่อ ก็พอเข้าใจได้ ครั้งแรกก็ใส่มันทุกอย่างจะได้ไม่ต้องแลกด้วยคะแนน
"แล้วความทรงจำฉันตอนนี้ละ จะลบหรือฉันยังมีติดไปด้วย" คือถ้าลบเท่ากับส่งไปตายเลยนะ ได้แต่ภาวนาอย่าลบนะ ไม่อย่างนั้นมันจะเพิ่มความยุ่งยากเข้ามาในชีวิตแน่ๆ
'คุณยังมีความทรงจำทุกอย่างครบถ้วน รวมถึงความรู้ก็ยังอยู่ครบ ทางเราไม่มีนโยบายลบความทรงจำ และยังจะผสานความทรงจำเข้ากับร่างใหม่เหมือนคุณเป็นคนเดียวกันด้วย ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น โปรดรอใช้ชีวิตแบบสวย ๆ ได้เลย'
'เหอะ สวย ๆ หรอ แค่ยุคนั้นมีกินก็พอไหม ไม่ต้องรอสวย ๆ หรอก ระบบอย่ามา!!' ฉันได้แต่คิดแต่ไม่พูดออกไป
"ฉันอยากรู้… มีใครได้รับข้อเสนอแบบฉันบ้างไหม หรือมีแค่ฉัน" ไหน ๆ ก็ต้องรับข้อเสนอแล้ว อยากรู้ว่ามีวิญญาณร่วมชะตากรรมด้วยหรือเปล่า
'มีครับ... ส่วนมากวิญญาณที่ได้รับข้อเสนอก็ตกลงทั้งนั้น เพราะการกวาดล้างใหญ่ครั้งนี้ ทำให้ดวงวิญญาณรับข้อเสนอนี้ทุกรายที่ทางเราเสนอ คุณไม่ต้องกังวลว่าคุณจะเป็นเพียงวิญญาณตนเดียวที่ได้ทำภารกิจ'
เอาวะ!! ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เท่าที่ใช้สมองอันน้อยนิดนี้คิดแล้ว เป็นผลดีมากกว่าผลเสียที่รุ่ยฉีคนนี้จะได้รับก็ตกลงมันเลย!!!
"ฉันตกลงผูกระบบและรับภารกิจ" ฉันบอกยืนยันความต้องการของตัวเองอย่างหนักแน่น แต่ในใจก็ยังกระหยิ่มยิ้มย่อง
'ไหนจะมีมิติ ไหนจะความรู้ที่มี ฉันรอดแล้ว ชีวิตสโลว์ไลฟ์จ๋าาา รอรุ่ยฉีคนนี้นะจ๊ะ พี่กำลังจะไปหา~~'
'ระบบกำลังจะติดตั้ง กรุณารอสักครู่'
' 5... 4... 3... 2...1 '
'ระบบติดตั้งพร้อมเลขาผู้ช่วยเสร็จสมบูรณ์'
'กรุณาเตรียมตัวเพื่อเก็บของเข้ามิติ ทางเรามีเวลาที่กำหนดให้ กรุณาใช้เวลาที่ให้อย่างคุ้มค่า เอาสิ่งของที่จำเป็นไปให้ครบ และขอให้ระบบเลขาเป็นผู้ช่วยเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว'
เดี๋ยวนะ!! มีเวลาให้เก็บของแบบจำกัดด้วย!! มีแบบนี้ด้วยเหรอ
"ฉันขอเวลานอก!! "
บทที่ 2 ตุนของ!!หลังจากผูกระบบและติดตั้งระบบเสร็จ ถามว่าฉันรู้สึกยังไง... จะรู้สึกอะไรได้ ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย นอกจากมีเสียงในหัวที่แนะนำตัวเองว่าเป็นระบบเลขาผู้ช่วย นอกนั้นก็ไม่ได้แตกต่างอะไรเลย ไม่มีความรู้สึกว่ามีอะไรพิเศษเลย[ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ระบบมีชื่อว่า 'ระบบเลขาผู้ช่วย' จะเรียก 'ระบบ 'เรียก 'ผู้ช่วย' เรียก 'เลขา' หรือชื่อเต็มก็ได้ตามใจโฮสต์ได้เลย]"บอกฉันได้ไหมว่า ฉันต้องเตรียมตัวเอาอะไรไปบ้าง การเก็บของเข้าและเอาออกจากมิติต้องทำยังไง แนะนำให้ด้วย และบอกด้วยว่าระบบช่วยอะไรฉันได้บ้าง มีหน้าที่อะไรบ้าง"ฉันเริ่มจากเรื่องการใช้มิติก่อน ในเมื่อมีเวลากำหนดในการเอาของเข้ามิติก็ต้องเอาให้คุ้มค่า เอาให้ได้มากเท่าที่จะทำได้[ระบบมีหน้าที่มอบหมายภารกิจ เป็นผู้ช่วยและแนะนำวิธีในการทำภารกิจให้สำเร็จแก่โฮสต์ ช่วยในการจัดการสินค้าและสิ่งของในมิติ เป็นเหมือนตัวกลางระหว่างโฮสต์กับระบบห้าง และเป็นผู้ช่วย เปรียบเสมือนการทำงานเลขาให้แก่โฮสต์ โฮสต์สามารถสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ได้ ระบบยินดีตอบโฮสต์เสมอ][ส่วนในเรื่องมิติ ระบบจะให้กำไลหยกแก้วแก่โฮสต์ จะมีแต่โฮสต์ที่ใช้งานได้ โฮสต์สามารถส
บทที่ 3 ข้ามมิติ ย้อนเวลาหลังจบจากช่วงเวลาที่ตุนของ ก็รอเวลาให้ระบบจัดระเบียบสิ่งของในมิติให้เรียบร้อยและรอว่ามีอะไรบ้าง จะได้เตรียมตัวในการข้ามมิติในขั้นตอนต่อไป ฉันผู้ที่ต้องเป็นคนรอ แต่ในหัวก็เริ่มคิดวางแผนการใช้ชีวิตว่าจะต้องทำยังไง พอให้เป็นแนวทางในการเอาตัวรอด ส่วนภารกิจที่ทางระบบมอบให้ก็ค่อย ๆ เก็บทำไปเรื่อย ๆ ฉันพอมีวิชาความรู้ความสามารถติดตัวอยู่บ้าง มันคงไม่ยากสักเท่าไร แต่ทุกอย่างมันต้องมีแบบแผนถึงจะดีพอคิดไปถึงครอบครัวที่ต้องไปอยู่ด้วย เด็ก 3 คนกำลังจะโต ยังดีที่ว่าพ่อของเด็ก ๆ ไม่ค่อยอยู่บ้าน ไม่งั้นรุ่ยฉีคนนี้จะทำยังไง คิดดูนะ ไม่รู้จักกันแต่ใช้ชีวิตแบบผัวเมีย ขนาดคนที่ฉันคิดว่ารู้จักดีอย่างเช่นสามีเก่าของฉัน ยังทำเลวกับฉันเลย เรื่องเด็กไม่น่าคิดเท่าเรื่องพ่อของเด็ก ๆ แต่จะมโนมากไม่ได้ ถึงนิสัยฉันจะขี้มโนก็ตาม ต้องไปดูหน้างานอีกที เมื่อมีตัวช่วยก็ไม่น่ามีอะไรน่าห่วง วิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์ของรุ่ยฉีอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม…[แจ้งสิ่งของที่มีในมิติของโฮสต์หลงรุ่ยฉี คุณสมบัติพิเศษ คือ สิ่งของที่มีในตอนนี้จะไม่มีวันหมด และจะเติมเต็มในทุกๆ 7 วันหลังจากเอาสิ่งของออกไป มีดังนี้ ข้าวสา
บทที่ 4 หลงรุ่ยฉี ยุค 70ฉันไม่รู้ว่าฉันหลับหรือสลบไปนานแค่ไหน จากเหตุการณ์ที่ความทรงจำระลอกนั้น ทำให้ฉันหมดสติไป จนถึงตอนนี้ ฉันยังติดต่อระบบไม่ได้ ไม่ใช่ว่าฉันโดนระบบมันหลอกมาหรอกนะ ไหนจะกำไลมิติของฉันอีก ส่งมอบให้หรือยังก็ไม่รู้ มองดูที่ข้อมือก็ไม่เห็นกำไลหยกแก้วสักอัน ไม่ใช่ฉันถูกหลอกมาลอยแพทิ้งไว้ที่นี่หรอกนะตอนนี้ฉันสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ที่ฉันนอนอยู่ตรงนี้ คือ เตียงเตาแบบที่เคยเห็นในสารคดีในโลกก่อน มองรอบบ้านเป็นบ้านอิฐ ห้องนี้ค่อนข้างกว้าง มีเตียงเตาที่ฉันคิดว่ามีขนาดใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าปกติทั่วไปเตียงเตามันใหญ่เท่านี้ไหม ในห้องมีตู้ไม้วางอยู่ข้าง ๆ กับเตียง ติดกับผนังของอีกฝั่ง มีโต๊ะกลางห้อง มีเก้าอี้ 4 ตัววางรอบโต๊ะ ข้างเตียงเตามีโต๊ะไม้วางอยู่ น่าจะใช้สำหรับวางพวกหมอนผ้าห่ม ข้าง ๆ กันเป็นโต๊ะไม้เล็ก ๆ มีพวกเครื่องหอม พวกแป้งคล้าย ๆ แป้งน้ำ จากความทรงจำ มันก็คือโต๊ะเครื่องแป้งนั่นเองถ้าถามว่าบ้านนี้ดูดีไหม ถ้าให้รุ่ยฉียุคปัจจุบันตอบก็จะบอกว่า 'ดีกับผีนะสิ! ' มันแย่ถ้าเทียบกับยุคที่จากมา แต่ฉันไม่รู้ว่าสำหรับที่นี่มันดีหรือไม่ เพราะจากความทรงจำของร่างเดิมก็ไม่รู
บทที่ 5 ลูกสมุนตัวน้อยรุ่ยฉีเตรียมอาหารอยู่ในครัว เพื่อที่จะรอให้เด็ก ๆ เดินเข้ามาหา ช่วงที่รอก็ค้นความทรงจำเกี่ยวกับเด็ก ๆ ว่ามีชื่ออะไรบ้าง จากที่ค้นเจอ บุตรชายคนโตมีชื่อว่า ซ่งซีฮัน อายุ 5 ขวบ คนรองเป็นผู้หญิงชื่อ ซ่งซิงอี อายุ 4 ขวบ คนสุดท้องชื่อ ซ่งซีซวน อายุ 3 ขวบ เด็ก ๆ ใช้แซ่ตามบิดาคือแซ่ 'ซ่ง' พ่อของเด็ก ๆ มีชื่อว่า ซ่งเฟยหรง อายุ 27 ปี ซึ่งห่างจากรุ่ยฉีประมาณ 3 ปี ถ้าในยุคปัจจุบันก็ถือว่าห่างกันไม่เยอะ แต่ที่เยอะคือลูก!อายุเท่านี้มีลูก 3 คนแล้ว มันคงเป็นเรื่องปกติของยุคสมัยนี้ที่แต่งงานเร็วมีลูกเร็วและมีลูกเยอะ "กลับมาแล้ว" เด็ก ๆ ส่งเสียงบอกอย่างพร้อมเพียงกัน"กลับมาแล้วก็ไปล้างมือให้เรียบร้อย เตรียมกินมื้อเย็น ไปไหนกันมา ทำไมถึงกลับมาช้า" รุ่ยฉีเริ่มสวมบทบาทแม่ แต่คำพูดมันก็ฟังดูแปลก ๆ นิดหน่อย[โฮสต์ควรให้เด็ก ๆ อาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวก่อนค่อยมากินมื้อเย็น เพราะถ้ายิ่งมืด อากาศจะยิ่งเย็น อาจทำให้เด็ก ๆ ไม่สบายได้] เสียงระบบเอ่ยแนะนำ"จริงด้วย ฉันลืมไป แต่ยังไม่ได้เตรียมต้มน้ำเลย ขอบใจที่เตือนนะพี่เลี้ยงเด็ก"รุ่ยฉีบอกขอบใจระบบและยกตำแหน่งใหม่ล่าสุดให้ระบบเป็นที่เรียบร้อย
บทที่ 6 จับสมุนอาบน้ำใช้เวลาในการคิดคำนวนแล้ว รุ่ยฉีตัดสินใจอาบน้ำให้เด็ก ๆ เองเพื่อความรวดเร็ว เริ่มจากเจ้าตัวเล็กสุดและโตสุด"ซิงอี รออาบทีหลังได้ไหม ขออาบให้พี่ใหญ่กับน้องเล็กก่อน" รุ่ยฉีหันมาบอกตัวแทนหมู่บ้าน"งั้นฉันไปรดน้ำสวนดอกไม้รอนะแม่"ซิงอีหันมาบอกแม่และเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อดูแลสวนดอกไม้ จากที่ค้นในความทรงจำ มันคือสวนที่ซิงอีเป็นคนขอทำ โดยไปขุดดอกไม้มาจากข้างทางบ้างและมาปลูกแบบตามใจฉัน เดาว่าคงรักสวยรักงามแน่เลย ผู้หญิงกับของสวยงามเป็นสิ่งคู่กัน"เสร็จแล้วมารอ อย่าออกนอกบ้านไปไหนล่ะ" รุ่ยฉียังคงกำชับ"ฉันโตแล้วแม่ ฉันรู้" ซิงอีตอบรุ่ยฉีแล้วเดินออกไปทางหน้าบ้านแหม! แม่ตัวแทนหมู่บ้าน โตแล้วรู้แล้ว แต่คำว่าชู้รู้แค่ว่าสวยและดี โอ๊ย รุ่ยฉีกลุ้มใจ!!รุ่ยฉีเดินเข้าครัวและยกน้ำที่ต้มเดือดแล้วเข้าไปผสมกับน้ำปกติในห้องน้ำ เพื่อเตรียมให้ชายงามทั้งสองมาลอกคราบ เสร็จแล้วก็ยกน้ำที่เหลือไปตั้งไว้ที่เตาอีกรอบ เพื่อเตรียมให้ลูกสาวคนงาม พอเตรียมน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำเสร็จ รุ่ยฉีก็สำรวจของใช้ในห้องน้ำว่ามีอะไรบ้าง มีสบู่ก้อนที่มีขนาดเล็กวางอยู่ และมีแปรงสีฟันวางอยู่ 4 ด้าม พร้อมกับกระปุกที่
บทที่ 7 จับตัวเองอาบน้ำหลังจากรุ่ยฉีจับเด็ก ๆ อาบน้ำเสร็จพร้อมกับค่อย ๆ เป่าหูเด็ก ๆ ไปในตัว คอยบอกคอยสอนกับบรรดาสมุนทั้งหลาย เสร็จแล้วก็เดินมาหยุดอยู่ตรงกองผ้าที่สมุนตัวน้อยเอามากองไว้หน้าห้อง แวบแรก! มันคือผ้าขี้ริ้วชัด ๆ แต่รุ่ยฉีจะปล่อยให้เป็นผ้าขี้ริ้วไม่ได้! รุ่ยฉีตัดสินใจว่าค่อยมาแยกทีหลัง ตอนนี้ต้องพาเด็ก ๆ ไปกินข้าวให้เรียบร้อยก่อน ทุกคนเดินชักขบวนไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวใกล้ ๆ ห้องครัว รุ่ยฉีทำหน้าที่เป็นพนักงานเสิร์ฟให้กับลูกสมุนทั้งหลาย โดยมีหัวหน้าแก๊งเป็นผู้ช่วยถือจานซาลาเปา ตามมาด้วยตัวแทนหมู่บ้านที่ถือกระบอกใส่น้ำดื่ม พอพร้อมแล้ว รุ่ยฉีได้เตรียมชามเล็กมาแบ่งให้เด็ก ๆ เพราะกลัวจะกินไม่หมด โดยให้ตัวแทนหมู่บ้านแบ่งคนละครึ่งกับหัวหน้าแก๊ง ส่วนรุ่ยฉีแบ่งกับสมุนตัวน้อย "ไม่อิ่มค่อยเติม ไม่ต้องห่วง ยังมีอีกเยอะ ค่อย ๆ กินไม่ต้องรีบ" รุ่ยฉีบอกกับเด็ก ๆ โดยที่เด็ก ๆ ก็พยักหน้ารับทราบรุ่ยฉีค่อย ๆ กินข้าวต้มไปเรื่อย ๆ พร้อมกับสังเกตอาการและกิริยาของเด็ก ๆ เท่าที่ดูก็พอจะเดาได้ว่าทุกคนกินค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ค่อยคุยกันตอนกิน แต่ละคนตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต้มในชามตัวเอง คิดอะไรเพลิน ๆ
บทที่ 8 รับภารกิจ ระบบบีบบังคับ"มาเลยระบบ... รอฟังอยู่ บอกมาได้เลย" รุ่ยฉีอยากทำภารกิจแล้ว อยากแลกอะไรหลายอย่างมากมาย พอมาอยู่ที่นี่แล้วมันผุดขึ้นมาในหัวว่า ของมันต้องมี มันต้องได้ มันจำเป็น![ภารกิจหลักของโฮสต์ คือ การเลี้ยงดูบุตรทั้งสามคนด้วยความรักและเอาใจใส่ แนะนำสั่งสอนให้ทั้งหมดเป็นคนที่ดี ใครเห็นใครก็รัก สั่งสอนแนวทางการใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น]"เดี๋ยวก่อนระบบ เอาที่เข้าใจง่าย ๆ ไม่ต้องอ้อมโลกอ้อมจักรวาล"[ตามโฮสต์บัญชา... ง่าย ๆ สั้น ๆ ให้โฮสต์พยายามเปลี่ยนชะตาของเด็กทั้งสามคน อย่าให้ทั้งสามมีชะตาที่จะนำพาชีวิตเข้าสู่ด้านมืดและความตาย] ไงล่ะรุ่ยฉี... พอง่าย ๆ สั้น ๆ เล่นเอาอ้าปากค้างเลย"ชะตาของเด็กทั้งสามที่ว่า มีอะไรบ้างที่มีความเป็นไปได้ที่เด็กทั้งสามจะเป็น" พอตั้งสติได้ก็รีบถามกลับ[ซ่งซีฮัน : นักฆ่า ซ่งซิงอี : แม่เล้า ซ่งซีซวน : นักต้มตุ๋น]"แหม... แต่ละคนดี ๆ ทั้งนั้นเลยเนอะ" เหงื่อเริ่มแตกทั้งที่อากาศเย็น"ให้มาเป็นแม่เด็ก 3 คน เลี้ยงลูกสอนลูก เปลี่ยนตัวร้ายให้กลายเป็นคนที่ผู้คนรักใคร่ หึหึ... ถ้าแค่ร้ายยังพอจะไหว คนโตมีชะตาเป็นนักฆ่า คนกลางมี
บทที่ 9 เริ่มภารกิจกระชับความสัมพันธ์หลังจากรุ่ยฉีลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาและกลับเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ที่ทำอะไรเสร็จอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้อากาศหนาวมาก! หนาวที่สุด แต่รุ่ยฉีออกไปทั้งชุดนอน ตอนอยู่บนเตียงเตามันก็อุ่นสบายอยู่หรอก แต่พอเข้าห้องน้ำเตรียมล้างหน้าแปรงฟันแค่นั้นแหละ น้ำในห้องน้ำเย็นยะเยือก รุ่ยฉีไม่สามารถล้างหน้าแปรงฟันได้ จนต้องเดินกลับเข้าห้องมาหาเสื้อคลุมเพิ่มอีกตัว เพื่อเดินเข้าครัวไปจุดเตาต้มน้ำไว้ใช้ผสมล้างหน้าแปรงฟันได้ ช่วงต้มน้ำก็คิดว่าเช้านี้ควรกินโจ๊กร้อน ๆ ก็คงจะดี แต่โจ๊กไม่มีในกำไลมิติ ไม่ว่าจะแบบซองหรือปรุงสำเร็จพร้อมทานเลย คงต้องเคี่ยวโจ๊กเอง ลงมือทำเอง รุ่ยฉีถือโอกาสแสดงฝีมือเลยแล้วกัน "ระบบเตรียมวัตถุดิบในการต้มโจ๊กให้หน่อย เอาปริมาณแค่ 6 ชามนะ ในมิติมีน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋บ้างไหมระบบ" รุ่ยฉีสั่งงานระบบและถามหาของกินอย่างอื่นด้วย เพื่อที่จะได้เอามากินกับโจ๊ก[ระบบเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำโจ๊กให้แก่โฮสต์เรียบร้อยแล้ว บางอย่างไม่มีในมิติ โฮสต์ต้องการให้แลกในร้านค้าระบบไหมหรือให้หาของที่พอจะใช้แทนในมิติ]"หาของแทนสิ... อะไรใช้แทนได้ก็ใช้แทน จะต้องใช้คะแ
ตอนพิเศษ 3ตัวป่วนแห่งยุค 70(แก๊งมงกุฎ)วันนี้รุ่ยฉีตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยเฟยหรงเตรียมอาหารให้ลูก ๆ ของเธอที่จะไปทัศนศึกษา ดูเหมือนไปไกล แต่จริง ๆ แค่ภูเขาหลังบ้านเธอนี่แหละ และถามว่าไปทัศนศึกษากับโรงเรียนหรือยังไง ก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ ว่าวันนี้โรงเรียนปิด ที่ว่าไปก็ไปกันทั้งบ้านนั่นแหละ แต่เพราะสองสาวที่กำลังเห่อการไปทัศนศึกษาที่ได้ไปกับโรงเรียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เลยอยากไปอีก เฟยหรงผู้ไม่เคยห้ามลูกสาวก็ตามใจ พาไปทัศนศึกษาที่ภูเขาที่อยู่ติดกับหลังบ้านนี่แหละ"เย่วเย่วตื่นเต้นมากเลยค่ะ" สาวน้อยเย่วเย่วที่ดูตื่นเต้นกับการไปทัศนศึกษาหลังบ้านในครั้งนี้เฟยหรงที่เตรียมอาหารอยู่หันมาหัวเราะกับท่าทางของเย่วเย่ว"พร้อมหรือยัง" "พวกหนูพร้อมแล้วค่ะ... แต่น้องสาวฉิงฉิงยังไม่พร้อมค่ะ" เย่วเย่วตอบแม่ใหญ่น้องน้อยของเธอไม่ยอมใส่เสื้อผ้าที่เธอกับพี่สาวอาอีเตรียมให้ น้องน้อยจะเอาแต่สีแดง คุณครูบอกว่าเวลาขึ้นเขาเข้าป่าให้ใส่สีทึบเพื่อไม่ให้สัตว์ป่าตกใจ เพราะถ้ามันตกใจ มันอาจวิ่งมาทำร้ายเราได้ แต่น้องน้อยจะใส่สีที่แม้แต่ยืนอยู่โรงเรียนยังมองเห็น มันแดงมาก เธอไม่รู้จะบอกน้องน้อยยังไงดี"เดี๋ยวแม่ไปดู
ตอนพิเศษ 2ตอนนี้เฟยหรงอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองซูโจว เนื่องจากอยู่ ๆ แม่เฒ่าซ่งก็เกิดอาการชักเกร็งเป็นลมหมดสติไป ทำให้ต้องรีบหามส่งโรงพยาบาล อาการยังไม่แน่ชัดว่าเป็นยังไงบ้าง"เป็นยังไงบ้างพี่ใหญ่" เฟยหรงที่มาเจอกับพี่ชายคนโตก็ถามขึ้นทันทีที่เจอ"หมอยังไม่บอกอะไร พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ฟื้นแล้ว แต่ยังมีอาการเหม่อลอย พูดบ่นอะไรไม่รู้ตลอดเวลา บางทีก็ทำอะไรแปลก ๆ " "แล้วแม่รู้เรื่องไหม รู้ตัวไหมเวลาที่ทำ""รู้ตัวเป็นบางครั้ง บางครั้งก็ไม่รู้ตัว เข้าไปพร้อมกันไหม หมอเพิ่งให้เข้าเยี่ยม" "ครับ"พอเข้าไปในห้องพักคนไข้ก็เห็นแม่ของเขาที่นั่งเหม่อลอยมองออกไปข้างนอก ช่วงก่อนพี่ใหญ่จะถูกปล่อยตัว แม่ต้องเก็บตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ คนเดียว ลูกหลานไม่มีใครเข้าหา เพราะทุกคนกลัวแม่หาเรื่องหรือหาปัญหามาให้ พี่น้องทุกคนแยกบ้านกันอยู่เพราะไม่อยากให้มีปัญหา แวะเวียนมาหาเยี่ยมแม่เป็นบางครั้ง จนพี่ใหญ่กลับมานี่แหละที่เข้ามาดูแลมาหาบ่อย ๆ ทั้งสองคนเลยเดินไปนั่งลงข้าง ๆ"แม่หิวไหม ผมซื้อข้าวต้มกับขนมมาให้" ลูกชายคนโตเอ่ยถามแม่"หรือจะกินผลไม้ น้องสี่เอามาให้เยอะแยะเลย" เมื่อเขาเห็นแม่ยังนั่งเงียบ เขาเลยพูด
ตอนพิเศษ 1ตอนนี้รุ่ยฉีและทุกคนในครอบครัวกลับมาเที่ยวเมืองซูโจว ซึ่งได้กลับมาอยู่บ้านหลังเดิมในหมู่บ้านที่ตอนแรกตั้งใจจะขาย ติดประกาศขายไว้นาน แต่ก็ยังไม่มีคนมาติดต่อซื้อ อาจเพราะราคาที่เธอตั้งไว้มันค่อนข้างสูงเกินไป จึงทำให้ชาวบ้านไม่ซื้อกัน พวกเราเลยตัดสินใจเก็บบ้านไว้จ้างคนมาดูแลทำความสะอาดประจำ มีโอกาสก็กลับมาพัก และรุ่ยฉีรู้สึกว่าที่นี่ยังมีความทรงจำดี ๆ ถึงตอนแรกจะตัดสินใจขาย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ใจหาย ยังดีที่ไม่มีคนมาซื้อ และตอนนี้รุ่ยฉีได้คลอดลูกสาวแล้ว แต่จะเป็นลูกสาวขี้อายไหม อันนี้ไม่อยากพูด..."หม่ำ หม่ำ" 'ซ่งอ้ายฉิง' ลูกสาวขี้อาย (มั้ง) ของเธอเอง หรือที่ทุกคนเรียกว่า 'ฉิงฉิง'ตอนนี้อ้ายฉิงอายุ 9 เดือนแล้ว กำลังกินข้าวบดที่รุ่ยฉีแลกมาจากร้านค้าในระบบ กินเก่งเหมือนสมุนตัวน้อย ขี้โวยวาย แค่ป้อนไม่ทันใจก็ร้องหม่ำหม่ำแล้ว มือเร็วที่สุด ถ้าชามอยู่ใกล้เป็นต้องเอามืออ้วน ๆ ขาว ๆ นั่นมาคว้าทันที คิดว่าขี้อายไหมล่ะ... รุ่ยฉีอยากจะหัวเราะ ถึงยังไงพ่อกับพี่ก็ยังเรียกลูกสาวขี้อาย น้องสาวขี้อาย..."ใจเย็น ๆ นะครับลูก" เฟยหรงที่ทำหน้าที่ป้อนข้าวบดลูกสาวพยายามบอกให้ลูกสาวใจเย็น ๆ"แอ๊ ๆ
บทที่ 52 บทส่งท้ายเติบโตและก้าวไปด้วยกันรุ่ยฉีเจอเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างทำให้เธอคิดได้ว่าไม่ควรช่วยคนสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะบางคนช่วยมาแล้วก็มาสร้างความเดือดร้อน มาสร้างปัญหาให้ภายหลัง ช่วงหลังมานี้ รุ่ยฉีแทบไม่ออกไปไหนและไม่ช่วยใคร นอกจากเด็กเร่ร่อนที่หนิงหลงช่วยมาจากการถูกลักพาตัวไปแล้วมาขอความช่วยเหลือจากโรงเรียนของเธอ เรื่องนี้รุ่ยฉีปฏิเสธไม่ได้ เพราะเธอสงสารเด็กด้วย และอีกอย่างเรื่องช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนคือภารกิจใหม่และภารกิจหลักของเธอในตอนนี้ เผื่อเรื่องนี้จะอนุมัติ ระบบของเธอยื่นเรื่องไปถึงสองปีกว่า ๆ แต่ก็ถือว่าคุ้ม ได้ช่วยเด็ก ๆ ตอนนี้เธอช่วยแค่เด็ก ๆ ส่วนคนโตนั้น เธอไม่อยากหาปัญหามาให้ตัวเองปวดหัวอีกแล้วตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว รุ่ยฉีแทบไม่ต้องทำอะไรมาก ลูก ๆ ของเธอโตขึ้นมาบ้างแล้ว และมีแนวโน้มจะไปในทางที่ดี หัวหน้าแก๊งของเรา 11 ขวบ โตขึ้น สูงขึ้น เข้มขึ้นแต่ยังพูดน้อยเหมือนเดิม ซิงอีกับเย่วเย่วอายุ 10 ขวบเริ่มสูงขึ้น ซิงอีมีแววสวยเฉี่ยวตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และในอนาคตดูท่าทางซิงอีจะเป็นสาวมั่นตัวแม่แน่ ๆ เย่วน้อยของเรานั้นเป็นสาวหวานทั้งหน้าตาท่าทางและการพ
บทที่ 51 ไม่ถอดใจ... ไม่หมดหวังจากเหตุการณ์สะดุดอากาศล้มในวันนั้น ทำให้เจียวจูได้ทหารคนนั้นเป็นสามี ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมถึงได้รวดเร็วทันใจขนาดนั้น ก็เพราะสองสาวที่ตะโกนลั่นโรงเรียนให้คุณครูไปช่วยลุงทหาร ทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปทั่วโรงเรียนจนคนรีบตามมาช่วยและได้เห็นทั้งสองที่กอดรัดกันอยู่ เมื่อมีคนมาเป็นสักขีพยานมากมาย เจียวจูเลยได้นายทหารคนนั้นเป็นสามี รุ่ยฉีไม่อยากจะคิดเลย ถ้ายอมให้เธอทำงานที่บ้านต่อจะเป็นยังไง ยังดีที่รีบบอกให้ไปช่วยงานที่อื่น ไม่อย่างนั้นคนที่โดนเจียวจูล้มทับอาจเป็นเฟยหรงก็ได้ ใครจะไปรู้ตอนนี้หลาย ๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว โรงเรียนก็มีครูใหญ่เป็นคนดูแลจัดการให้ ส่วนโรงพยาบาลก็เริ่มมีหมอ มีพยาบาลผู้ช่วย แต่ก็ยังไม่ได้เปิดแบบเป็นทางการ รุ่ยฉีอย่างให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป"แม่ใหญ่คะ... วันนี้โรงเรียนหยุดเหรอคะ" เย่วน้อยที่นั่งกินบิสกิตจิ้มนมพูดขึ้น"ใช่ค่ะ" รุ่ยฉีตอบกลับเย่วน้อย"คุณครูบอกว่าใกล้วันกีฬาสี... ต้องขยันซ้อม" อาอีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นรุ่ยฉีก็นึกขึ้นมาได้ว่าโรงเรียนจะจัดกีฬาสี ถึงจะมีนักเรียนน้อยแต่ก็ทำกิจกรรมทุกอย่างเหมือนโรงเรีย
บทที่ 50 สะดุดอากาศตั้งแต่วันนั้นที่รุ่ยฉีเห็นบรรยากาศแปลก ๆ บนโต๊ะกับข้าว เธอก็คอยสังเกตดูตลอดว่ามันมีอะไรผิดปกติบ้างไหม เจียวจูยังทำงานที่บ้านเธอตามปกติ แต่ส่วนมากเหมือนเธอจะหลบหน้ารุ่ยฉี แต่รุ่ยฉีก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นแบบที่เธอสงสัยหรือเปล่า และอีกอย่าง ตอนนี้เฟยหรงก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะต้องออกไปประสานงานให้เธอในหลาย ๆ เรื่อง"เจียวจู ตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้วนะ ไปช่วยงานที่โรงเรียนได้เลย ฉันแจ้งครูใหญ่ให้แล้ว""ไม่ค่ะ... ฉันชอบทำที่นี่""แต่ฉันให้เธอไป! ถ้าไม่ทำก็ไปอยู่ที่อื่น" บอกดี ๆ ไม่ชอบ... ไปไม่ไป!"แต่คุณเฟยหรงชอบที่ฉันทำอาหารที่มีผักให้เด็ก ๆ กินนะคะ" เจียวจูไม่ยอมไปง่าย ๆ"เขาบอกตอนไหน! " รุ่ยฉีถามกลับกินผักมันก็ดีอันนี้รุ่ยฉีไม่เถียง แต่ใครก็ทำเมนูผักได้ไม่ใช่หรอ"บอกทุกวันค่ะ""คุณหลงครับ... คุณหลงอยู่ไหมครับ"รุ่ยฉียังไม่ทันได้พูดอะไรกับเจียวจู เพราะมีคนมาตะโกนเรียก น่าจะเป็นครูใหญ่เพราะเธอจำเสียงนี้ได้"เข้ามาก่อนค่ะ" พอเห็นว่าเป็นใคร รุ่ยฉีก็เชิญเข้าบ้านแล้วพาไปที่ห้องรับแขกเจียวจูพอเห็นว่าครูใหญ่มาก็เอาน้ำออกมาต้อนรับ พอเสร็จก็ออกจากห้องรับแขกทั
บทที่ 49 บรรยากาศแปลก ๆหลังจากที่กลับมาจากชุมชนแออัดในวันนั้น รุ่ยฉีก็พาทั้งครอบครัวครูใหญ่และแม่ลูกที่อยู่ข้างบ้านมาด้วย พร้อมหนังสือหย่าและหนังสือตัดขาดติดมาด้วย ส่วนแม่ของเด็กขอมาช่วยทำงานบ้านกับแม่บ้านที่รุ่ยฉีจ้างไว้ แต่แม่บ้านจะมาทำงานตอนเช้า ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน เพราะรุ่ยฉีต้องการความเป็นส่วนตัวเวลาอยู่กับครอบครัวตอนนี้รุ่ยฉีกำลังยืนดูเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นกันโดยมีแกนนำคือแม่เล็กและครูเล็กอีกนั่นแหละ อาทิตย์หน้าโรงเรียนของเธอก็จะเปิดเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว เอกสาร อุปกรณ์การเรียน ทุกอย่างมีครบแล้ว ก็ได้การสนับสนุนจากเพื่อนต่างมิติอีกนั่นแหละ ตอนนี้คะแนนรุ่ยฉีติดลบแล้วติดลบอีก ดีที่ผูกสัญญากับระบบ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่ระบบจอมงกจะให้เธอติดหนี้หรอก"คุณหลงครับ ผมเอาแผนการเรียนทั้งหมดมาให้คุณช่วยดูครับ" ครูใหญ่เห็นรุ่ยฉีเลยรีบเอาเอกสารมาให้ดู"คนช่วยทำงานพอไหมคะครูใหญ่"รุ่ยฉีหยิบเอกสารมาอ่านแล้วเอ่ยถามครูใหญ่ออกไป ตอนนี้งานล้นมือกันทั้งนั้น ส่วนคนทำงานก็ต้องเลือกก่อน ส่วนมากได้นายทหารและครอบครัวทหารที่ปลดประจำการมาช่วยทำงาน ตอนนี้สวนผักของรุ่ยฉีก็ได้เริ่มเพาะปลูกแล้ว ทุกอย่างเริ่
บทที่ 48 ชุมชนแออัดรุ่ยฉีกำลังนั่งดูเอกสารข้อมูลที่ทางระบบจัดส่งมาให้ ตอนนี้มีคนมาสมัครเป็นครูทั้งที่มาด้วยตัวเองและคนที่รุ่ยฉีต้องออกไปหามาด้วย ตอนนี้ครูมีพร้อมแล้ว ขาดแต่ครูใหญ่ที่รุ่ยฉีจะต้องไปตามหาคนที่ระบบระบุมาว่ามีคุณสมบัติที่ดีพร้อม"ระบบ ถ้าคนที่ตามหาอยู่ไกลสุดขอบโลก ฉันจะทำยังไง... ใช้งานเก่งเหลือเกิน พวกระบบเนี่ย"[โฮสต์... คนที่ให้ตามอยู่ในเมืองนี้ อย่าคิดไปเอง]"สมมุติไง" รุ่ยฉีแย้งงานก็สั่งจัง... ให้ตามภารกิจแบบนั้นแบบนี้ แต่ที่ยื่นขอให้เป็นภารกิจ ป่านนี้ยังไม่อนุมัติ มันก็ทำให้คนทำงานท้อเป็นธรรมดาตอนนี้เฟยหรงและรุ่ยฉีมาอยู่ที่ชุมชนแออัด ที่เรียกแบบนั้นเพราะมันมีบ้านที่อยู่ติด ๆ กัน และมีคนอาศัยอยู่เยอะมาก วันนี้ที่รุ่ยฉีมาก็เพื่อมาตามหาว่าที่ครูใหญ่ที่ทางระบบให้มาหา รุ่ยฉีเดินไปตามทางที่ระบบแจ้ง เดินเข้าไปในซอยเล็ก ๆ และระยะทางไกลพอสมควร ทุกคนที่เห็นเฟยหรงกับรุ่ยฉีเดินผ่านต่างก็หยุดมอง อาจเพราะแปลกหน้าหรือเพราะอะไรไม่แน่ใจ แต่ส่วนมากเขาจะมองและกระซิบกระซาบกันพอไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่ดูไม่ใหญ่มากนัก รุ่ยฉีก็เคาะประตูเพราะระบบยืนยันว่าคือบ้านหลังนี้ ถ้าไม่ใช่แล้วโดนไล่ต
บทที่ 47 อาณาจักร 'หลง'เฟยหรงและภรรยากำลังช่วยกันจัดวางตึกและอาคารบ้านพักตามแผนผังที่วางไว้ ด้านหน้ารุ่ยฉีทำเป็นสำนักงาน ส่วนบ้านพักของรุ่ยฉีอยู่ด้านในสุดของพื้นที่ติดกับภูเขา ซึ่งบ้านอยู่ห่างจากตึกอาคารด้านนอกประมาณ 2 กิโลเมตร มันเลยดูเป็นส่วนตัว ไม่ต้องกลัวความวุ่นวาย รุ่ยฉีใช้เวลาในการจัดวางตึกอาคารตามแผนผังเกือบอาทิตย์หนึ่ง จนวันนี้วันสุดท้ายที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เช็กความเรียบร้อยแค่นั้น"ฉีฉีครับ ผมแค่สงสัยนะ"พอรุ่ยฉีเดินตรวจดูความเรียบร้อยเสร็จ เฟยหรงที่มองภรรยาอยู่ก็ทนความสงสัยของตัวเองไม่ได้"สงสัยอะไรเหรอคะ" รุ่ยฉีถามกลับ เธอคิดว่าเฟยหรงจะสงสัยในสิ่งที่เธอทำก็ไม่น่าใช่ เพราะทุกอย่างก็ปรึกษากันก่อนลงมือทำตลอด"คือ... ฉีฉีเลิกคุมจริง ๆ ใช่ไหม" เขาพยายามมาหลายเดือนแล้ว ทำไมภรรยาเขาไม่ท้องสักที "ใช่ค่ะ... คุณสงสัยว่าฉันยังกินยาคุมอยู่เหรอ" รุ่ยฉีตอบและถามกลับ"ครับ... แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณคุมไว้ก่อนเพราะคุณทำงานหนักมาก ถ้ามีตอนนี้มันอาจทำให้คุณเหนื่อยมากกว่าเดิมอีก" ในเมื่อทำทุกคืนเน้น ๆ ตลอด ไหน ๆ ลูกสาวขี้อายก็ยังไม่มา เขาเลยอยากให้ภรรยาคุมไว้ก่อน แค่นี้เธอก็ไม่มี