บทที่ 2
ร่างกายนี้มอบให้ท่าน
“เย่วเล่อ เจ้าลุกออกมาได้แล้ว” เย่เจียวหั่วเอ่ยเรียกหญิงสาวที่นอนหลับตาอย่างสุขใจด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“อ๊ะ!!”
ร่างระหงพลันลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อารมณ์ของเย่เจียวหั่วพลันพลุ่งพล่านด้วยแรงปรารถนา จู่ ๆ ก็มีสตรีที่มีใบหน้างดงามยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าจะไม่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ได้อย่างไร
เขาเองก็เป็นชายชาตรีทั้งแท่ง ไม่ใช่ผู้ทรงศีลเสียเมื่อไหร่
เฮือก!!
น้ำลายเหนียวข้นกลืนลงคออย่างยากลำบาก ใบหูทั้งสองข้างของชายหนุ่มแดงก่ำจนร้อนฉ่า
ผิวกายขาวละเอียดดั่งน้ำนม ส่วนเว้าส่วนโค้งของสตรีเพศที่งดงามยืนอยู่ตรงหน้า หน้าอกอวบใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่วจนมือของเขาแทบจะกำรอบ แต่สะโพกผายกลับกลมกลึงยิ่งนัก
ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เลือดลมของเขาร้อนผ่าว กึ่งกลางกายที่เคยสงบนิ่งพลันแข็งขืนขึ้นมาทันใด
“ฮูหยินกำลังทดสอบความอดทนของข้าเช่นนั้นหรือ” ในที่สุดเย่เจียวหั่วก็เอ่ยทำลายความเงียบ
ห่าวเย่วเล่อที่เพิ่งตื่นกำลังงงงวยพลันกระจ่างแจ้ง เมื่อเห็นสายตาร้อนแรงของเขาที่มองมา หญิงสาวรีบทรุดตัวลงนั่งที่อ่างไม้ตามเดิม ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาปิดหน้าด้วยความอับอาย
ใบหน้างามร้อนฉ่ากับเหตุการณ์เมื่อครู่ นี่นางเปิดเผยร่างกายนี้ให้เขาเห็นทั้งหมดเลยหรือ
ตายแล้ว!! เย่วเล่อ เช่นนี้เขาคงจะมองว่านางกำลังยั่วยวนเขาใช่หรือไม่
“น้ำเย็นแล้ว เจ้ารีบลุกออกมาเถอะ”
“เอ่อ เจ้าค่ะ ท่านหันหน้าไปทางอื่นก่อนได้หรือไม่”
“เมื่อครู่ข้าเห็นจนหมดแล้ว เจ้ารีบขึ้นมา ข้าจะได้อาบน้ำบ้าง เหนียวตัวจะแย่แล้ว” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างหงุดหงิด แต่ร่างสูงกลับยกยิ้มมุมปากกับท่าทางขี้อายของหญิงสาว
เจ้าคนหน้าหนา! ห่าวเย่วเล่อฮึดฮัดในใจ แต่เพราะตอนนี้นางเริ่มหนาวสั่นขึ้นมาบ้างแล้ว จึงจำใจลุกขึ้นยืนออกมา
เขาอยากเห็น นางก็จะให้เห็นเต็มสองตา ดูสิว่าเขาจะทำอย่างไร?
ห่าวเย่วเล่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตน ร่างเพรียวระหงเดินออกมาจากถังไม้ โดยมีสายตาคมมองตามไม่ห่าง นางเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวบางเข้ามาสวมร่างกายงาม
ใบหน้างามร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย แม้จะทำใจกล้าเช่นนั้น แต่นางก็ยังรู้สึกอับอายมากอยู่ดี คนผู้นั้นก็ยิ่งมองมาทางนางด้วยสายตาร้อนแรง ราวกับจะกลืนกินนางเสียอย่างนั้น
ขณะที่ห่าวเย่วเล่อจะเดินออกไปจากห้องอาบน้ำ เย่เจียวหั่วเอ่ยรั้งไว้เสียก่อน
“ฮูหยินช่วยอาบน้ำให้ข้าหน่อยได้หรือไม่” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย
“เอ่อ ให้ข้าเรียกสาวใช้มาดีกว่าเจ้าค่ะ”
“เจ้าเป็นฮูหยินของข้า หน้าที่อาบน้ำให้กับสามีสมควรเป็นฮูหยินสิ หรือว่าเจ้าอยากจะให้หญิงอื่นมามองร่างกายของสามีตัวเอง”
“ข้าอาบให้ท่านก็ได้เจ้าค่ะ”
หญิงสาวเดินเข้าไปหาร่างสูงแล้วหยิบผ้าขัดตัวมาถือไว้ เมื่อเขานั่งในถังอาบน้ำแล้ว นางจึงเดินอ้อมไปทางด้านหลัง ค่อย ๆ ขัดแผ่นหลังที่กว้างใหญ่ราวกับหินผาอย่างขะมักเขม้น
“ฮูหยินไม่มีแรงหรือ”
ห่าวเย่วเล่อไม่ตอบ แต่เพิ่มแรงขัดแผ่นหลังขึ้นไปอีก นางถูอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ จนแผ่นหลังแกร่งเกิดรอยแดงจนเห็นได้ชัด
เย่เจียวหั่วเองก็รู้สึกว่ามือของนางหนักเช่นกัน ตอนนี้แผ่นหลังของเขาก็เริ่มรู้สึกแสบ ๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว
“ด้านหลังพอแล้ว ด้านหน้าด้วย”
ห่าวเย่วเล่อขยับกายมาทางด้านหน้า แล้วจึงเอื้อมมือไปขัดที่หน้าอกแกร่งของเขา โดยหลีกเลี่ยงตรงหัวนม ใบหน้าของนางยิ่งร้อนผ่าวมากขึ้น เมื่อเห็นเรือนกายของบุรุษ
เย่เจียวหั่วที่มองการกระทำของนางยิ่งรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ ท่าทางที่ดูจริงจังของนางก็ดูน่าเอ็นดูไม่น้อย คิ้วเรียวยาวที่โค้งดั่งพระจันทร์เสี้ยวขมวดมุ่นไปมายามที่เขาออกคำสั่งให้ขัดตรงนี้ ตรงนั้นไปมา
ความรู้สึกที่ได้จัดการหญิงสาวตรงหน้า และเห็นหน้าตาที่ไม่ชอบใจของนางก็ดูสำราญไม่น้อยเลยทีเดียว
แววตาคมที่มองใบหน้าของนางพลันเลื่อนสายตาต่ำลงไปที่ลำคอระหง นางคงไม่รู้ตัวว่าตลอดเวลาที่ก้ม ๆ เงย ๆ นั้น สาบเสื้อจะเริ่มคลายตัวออกจากกัน จนเขาที่นั่งดูอยู่มองเห็นเม็ดทับทิมสีแดงน่ากินแอบซ่อนตัวอยู่ภายใน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไป กอปรกับกลิ่นกายหอมละมุนที่แตะจมูกตลอดเวลา จึงทำให้ความอดทนของเขาขาดสะบั้นลง
“พอแล้ว” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยสั่งหญิงสาวตรงหน้า
ห่าวเย่วเล่อเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ นางยังขัดไม่ทั่วเลยนะ
เมื่อเห็นสายตาที่ดูสงสัย เขาจึงแย้มยิ้มออกมา “หน้าที่อาบน้ำพอแค่นี้แหละ เพราะคืนนี้ฮูหยินยังต้องดูแลข้าตลอดทั้งคืน”
“อะไรนะเจ้าคะ”
หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว เย่เจียวหั่วพลันลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้ามาช้อนร่างของห่าวเย่วเล่อเข้ามาในวงแขนแข็งแรง เขาเดินพานางไปวางที่เตียงนอนหลังใหญ่ที่ประดับด้วยผ้าแพรสีแดง
ร่างสูงตามมาทาบทับร่างระหงไม่ให้หลีกหนี แววตาของนางตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อเข้าใจอะไรได้ ที่แท้ท่านโหวก็เหมือนกับบุรุษทั่วไป ที่พอเห็นหญิงงามอยู่ตรงหน้าก็อดใจไม่ไหว
นางเองก็เป็นแค่สตรีบรรณาการ เขาจะกระทำอย่างไรกับนางก็ย่อมได้
“เจ้าไม่พอใจหรือ” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบถามที่ใบหูเล็ก เมื่อเห็นแววตาสั่นไหวของอีกฝ่ายห่าวเย่วเล่อสูดลมหายใจเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา “ข้าแค่ตกใจเจ้าค่ะ ข้าแต่งมาเป็นฮูหยินของท่านโหว ย่อมต้องมอบใจและร่างกายนี้ให้กับท่านโหวอยู่แล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงแว่วหวานเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมานางเองก็ไม่ใช่สตรีในห้องหอ คงไม่ต้องเสแสร้งแกล้งพูดคำหวานหูหรอก“ดี เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็ทำหน้าที่ของฮูหยินจวนโหวให้ดีแล้วกัน” คิ้วเข้มกระตุกไปมาเมื่อได้ยินคำพูดของคนใต้ร่างเมื่อนางเต็มใจและเตรียมกายมาแล้ว เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำตัวเป็นสุภาพชน นางคือฮูหยินบรรณาการของเขานี่ เขาจะทำอย่างไรกับนางก็ได้จมูกโด่งดอมดมที่ซอกคอขาวหอมกรุ่น ริมฝีปากหนาขบเม้มจนผิวกายขาวผ่องเกิดรอยแดงจนเด่นชัดเพียงแค่เขาสูดดมความหอมหวานจากกายสาว แท่งหยกของเขาก็แข็งขืนขึ้นมา จนหญิงสาวสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ดุนดันตรงหว่างขา พลันรู้สึกความร้อนขุมหนึ่งแล่นพล่านไปทั่วกายสาว“อื้อ...”ริมฝีปากหนาเปลี่ยนไปบดจูบที่เรียวปากอวบอิ่ม เขาดูดดึงลิ้นเล็กที่หลบหลีกเป็นพัลวัน ก่อนจะไล่ต้อนจนอีกฝ่ายจนมุม ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากหวาน รสสัมผัสของนาง
บทที่ 3ไม่เคยพอเย่เจียวหั่วพลันผละกายออกจากมือเล็ก แล้วจับแก่นกายของตนถูไถที่ร่องหวานที่บัดนี้มีน้ำหวานไหลเยิ้มออกมา เขาไม่ได้เร่งรีบเพราะรู้ดีว่าครั้งแรกของสตรีจะเจ็บมาก เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับนางปลายหัวหยักถูไถที่ปากทางคับแคบ เพียงแค่หัวของมันแทรกดันไปที่ร่องรักอ่อนนุ่ม ร่างระหงพลันผวาด้วยความเจ็บปวด สะโพกมนขยับกายถอยหนี แต่มือหนากลับจับตรึงเอาไว้แน่น“อื้อ...เจ็บ เจ็บมาก” น้ำตาสีใสพลันไหลรินจากหางตาเย่เจียวหั่วเห็นเช่นนั้นก็อดจะสงสารนางไม่ได้ เขาเองก็ปวดหนึบจนจะระเบิด แต่เพราะไม่อยากกระทำตัวราวกับสัตว์ป่าจึงไม่ได้ดุนดันเข้าไป เพื่อลดอาการเกร็งจากคนใต้ร่างมือหนาจึงเอื้อมไปบีบเคล้นที่เต้าอวบ ทั้งยังก้มหน้าไปจูบซับที่กรอบใบหน้างามที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายออกมา ริมฝีปากหนาไล้จูบไปทั่วใบหน้า ตั้งแต่เปลือกตางาม จมูกโด่ง แก้มขาวเนียนใส ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอออกมา“ข้าจะทำเบา ๆ ฮูหยินเชื่อใจข้านะ” ใบหน้าคมกระซิบที่ใบหูเล็กพร้อมกับงับติ่งหูเล่นอย่างหยอกเย้าเมื่อเห็นว่านางเริ่มปรับอารมณ์และเริ่มมัวเมาไปกับสัมผัสของเขา ร่างสูงจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปในโพรงอ่อนนุ่มกะทันห
หากเขาบอกว่าเขายังไม่อิ่ม ยังอยากจะกลืนกินนางอีกสักหลาย ๆ รอบ นางก็คงจะไม่ว่าอะไรกระมัง เพราะถึงอย่างไรนางก็แต่งเป็นฮูหยินให้กับเขาแล้วสามีว่าอย่างไร ภรรยาก็ต้องว่าอย่างนั้นสินะฝ่ามือหนาเลื่อนมาลูบไล้ที่แผ่นหลังเล็กขาวเนียน กายสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตื่นตระหนก“ท่าน!...ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยระโหยโรยแรงใบหน้างามหันมาเอ่ยห้ามชายหนุ่ม แต่เมื่อสบตาที่ร้อนแรงนั้น ขนกายของนางกลับขนลุกซู่ด้วยความเสียวสะท้าน“ฮูหยินแค่นอนเฉย ๆ เท่านั้น ที่เหลือข้าจัดเอง”เขายอมรับว่าตอนนี้เขาเสพติดกับร่างกายของห่าวเย่วเล่อ ไม่ว่าส่วนใดเขาก็ชมชอบทั้งสิ้น ริมฝีปากหยักกดจูบที่แผ่นหลังเล็กที่ชื้นเหงื่อ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกอบกุมหน้าอกนิ่มหยุ่นที่มันใหญ่เสียจนล้นมือของเขา“อื้อ...ท่าน ข้า อ่า...” ห่าวเย่วเล่อผงกหน้าร้องครางเสียงหวานจะให้นางนอนนิ่ง ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเล่นมาแตะต้องร่างกายของนางเช่นนี้ หญิงสาวจึงพลิกกายหันกลับมา แล้วเป็นฝ่ายคล้องแขนที่ลำคอหนาให้ก้มหน้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากของนางลิ้นเล็กสอดแทรกเข้าไปที่โพรงปากอุ่นของเขาอย่างเงอะงะ แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้กับชายหนุ่ม“อ่า
บทที่ 4คารวะแม่สามีดวงตะวันโผล่พ้นเหนือขอบฟ้า แสงสว่างสาดแสงทุกสรรพสิ่งบนผืนแผ่นดินกว้าง ผืนดินที่ขาวโพลนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เริ่มละลายลงเมื่อต้องแสงตะวันอันเจิดจ้า อากาศที่หนาวเย็นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นแต่สำหรับห่าวเย่วเล่อที่นอนอยู่บนที่นอนอันอบอุ่นนั้น นางไม่อยากจะหยัดกายลุกออกจากที่นอนนี้เลย ความอุ่นสบายเป็นครั้งแรกในชีวิตทำให้หญิงสาวไม่จากจะลุกกายจากไปสาวใช้ด้านนอกที่ได้ยินเสียงขยับกายด้านใน จึงได้ส่งเสียงเรียกขึ้นมา“ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ”“อืม” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยตอบรับเสียงประตูถูกผลักออกมา พร้อมกับสาวใช้กว่าสิบนางที่เดินเข้ามายังห้องแห่งนี้ พวกนางถูกพ่อบ้านประจำจวนโหวให้เข้ามาดูแลฮูหยินน้อยคนใหม่ของท่านโหวสาวใช้ทั้งสิบล้วนเป็นหญิงสาวที่อายุไม่เกินยี่สิบปี เมื่อพวกนางเข้ามาเห็นห้องหอที่ราวกับเพิ่งถูกพายุพัดผ่าน ต่างก็พากันใบหน้าแดงกันเป็นแถบท่านโหวของพวกนางช่างดุดันนัก ขณะตอนนี้ฮูหยินยังไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเดินด้วยตัวเองเลย ร่องรอยฝากรักที่ท่านโหวทิ้งไว้ที่เรือนร่างของฮูหยิน ล้วนมีทุกพื้นที่ จนพวกนางยังรู้สึกเขินอายแทนเจ้านายสาวข่าวลือที่บอกว่าฮูหยินไม
“ขออภัยท่านโหวเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามเดินให้เร็วกว่านี้”นางก้าวเดินเร็วขึ้น แต่นั่นกลับสร้างความปวดแปลบเข้าสู่ใจกลางสาว สองขาสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด แข็งขาพลันดูอ่อนแรงเย่เจียวหั่วพ่นลมหายใจอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตรงเข้ามาช้อนร่างระหงเข้ามาในอ้อมแขน ขายาว ๆ ของเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงยังเรือนของหลิวเถียน ฮูหยินใหญ่ของจวนโหว มารดาผู้ให้กำเนิดของท่านโหวคนปัจจุบันร่างสูงว่างร่างของห่าวเย่วเล่อลงกับพื้น พร้อมกับประคองแขนเล็กพากันเดินเข้าไปยังห้องโถง ที่ซึ่งมีหลิวเถียนกำลังนั่งรอทั้งสองคนอยู่ก่อนแล้ว“กว่าจะมากันได้ น้ำชาที่เตรียมเอาไว้เย็นชืดไปเสียแล้ว”สตรีวัยกลางคนบนเก้าอี้ไม้เนื้อหอม เอ่ยตำหนิซึ่งหน้า แต่สายตาของนางกลับทอดมองห่าวเย่วเล่อ ราวกับจะประกาศว่าเป็นความผิดของนาง“ขออภัยฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”ปัง!!ฝ่ามือเรียวตบที่โต๊ะอย่างมีโทสะ ดวงตาของหลิวเถียนมองมาทางสะใภ้ด้วยความกรุ่นโกรธ“เจ้ากำลังผายลมอะไรกัน ถึงเจ้าจะไม่คิดว่าตนคือคนของจวนโหว แต่ข้าก็เป็นแม่สามีของเจ้า เจ้าควรเรียกขานว่าท่านแม่ด้วยความนอบน้อม หากเรื่องที่เจ้าเรียกข้าด้วยถ้อยคำที่ห่างเหินเช่นนี้แพร่ออ
บทที่ 1เจ้าสาวแห่งเผ่าห่าวอู๋หิมะสีขาวพิสุทธิ์โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย มีบางส่วนตกลงมาบนเกี้ยวเจ้าสาวที่ตกแต่งด้วยผ้ามงคลสีแดงสด แม้จะมีหิมะตกลงมาไม่หยุดหย่อน จนพื้นดินกลายสีขาวโพลนที่เต็มไปด้วยหิมะ แต่ก็มิอาจจะหยุดงานรื่นเริงมงคลแห่งแดนเหนือได้เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนเจียวหย่งโหวแห่งแดนเหนือ ตลอดสองฝั่งถนนมีผู้คนในเมืองเจียวออกมายืนดูเกี้ยวเจ้าสาวกันอย่างเนืองแน่นข่าวว่าเจ้าสาวคือบุตรีของหัวหน้าเผ่าห่าวอู๋ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากเมืองเจียว เพราะเผ่าห่าวอู๋ประสบปัญหาขาดแคลนเสบียงเนื่องจากภัยหนาว และจากการรุกรานของชนเผ่าทุ่งหญ้า ทำให้หัวหน้าเผ่าตัดสินใจมอบบุตรีที่รักยิ่งมาเป็นบรรณาการให้แก่ฮ่องเต้แคว้นเป่ย เพื่อแลกกับความคุ้มครองและเสบียงอาหารฮ่องเต้ทรงเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะลดทอนอำนาจของแดนเหนือ จึงพระราชทานงานมงคลสมรสให้แก่ ‘เย่เจียวหั่ว’ ผู้ปกครองแดนเหนือ โดยเจ้าสาวคือสตรีที่ได้รับบรรณาการจากเผ่าห่าวอู๋ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่นักมุ่งหน้าสู่จวนเจียวหย่งโหว ด้านข้างมีขันทีหนุ่มผู้เป็นมือขวาของขันทีผู้รับใช้ฮ่องเต้ สายตาของเขากวาดตามองทุกอย่างโดยรอบ ตัวเขาถู
ร่างระหงเดินหายเข้าไปยังห้องอาบน้ำ จัดการปลดอาภรณ์สีแดงอันหนักอึ้งออกจากร่างกายขาวผ่อง หากว่าชาวเมืองเจียวมีผิวกายที่ขาวผ่องแล้ว แต่ห่าวเย่วเล่อกลับมีผิวกายที่เนียนละเอียดมากกว่า ผิวกายของนางยามต้องแสงจันทร์ที่สาดแสงเข้ามานั้นดูระยิบระยับจนตาพร่าหญิงสาวเดินลงไปแช่ตัวในถังอาบน้ำใบใหญ่ แม้น้ำจะเริ่มเย็นลงแต่นางก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังคงอาบน้ำชะล้างกลิ่นกายอยู่เช่นนั้น ความรู้สึกหนักอึ้งตลอดหลายวันที่ผ่านมาพลันเบาบางลงยามที่นางได้อาบน้ำแช่ตัวจะทำให้หัวสมองปลอดโปร่งขึ้นมาชั่วขณะ ทำให้จิตใจที่สับสนคล้ายกับมีเวลาขบคิดเรื่องราวที่ผ่านมาในเมื่อนางไม่เป็นที่ต้องการของจวนโหว สิ่งที่นางทำได้เวลานี้ก็คือการวางตัวนิ่งเฉย ถึงจวนโหวจะไม่ชมชอบนาง แต่เขาก็มิอาจจะกระทำการหยามหมิ่นเกียรติของนางได้ เพราะนางคือสตรีที่ฝ่าบาททรงพระราชทาน ถึงอย่างไรจวนโหวก็ต้องหวั่นเกรงในอำนาจของฝ่าบาทดวงตาเรียวหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องแต่เช้า และความเครียดที่ก่อตัวขึ้นมาหลายวันนี้ จึงทำให้นางผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้นเย่เจียวหั่วกำลังร่ำสุรากับสหายสนิทผู้เป็นกุนซือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ใบหน้าคมเข้มถอน
“ขออภัยท่านโหวเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามเดินให้เร็วกว่านี้”นางก้าวเดินเร็วขึ้น แต่นั่นกลับสร้างความปวดแปลบเข้าสู่ใจกลางสาว สองขาสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด แข็งขาพลันดูอ่อนแรงเย่เจียวหั่วพ่นลมหายใจอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตรงเข้ามาช้อนร่างระหงเข้ามาในอ้อมแขน ขายาว ๆ ของเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงยังเรือนของหลิวเถียน ฮูหยินใหญ่ของจวนโหว มารดาผู้ให้กำเนิดของท่านโหวคนปัจจุบันร่างสูงว่างร่างของห่าวเย่วเล่อลงกับพื้น พร้อมกับประคองแขนเล็กพากันเดินเข้าไปยังห้องโถง ที่ซึ่งมีหลิวเถียนกำลังนั่งรอทั้งสองคนอยู่ก่อนแล้ว“กว่าจะมากันได้ น้ำชาที่เตรียมเอาไว้เย็นชืดไปเสียแล้ว”สตรีวัยกลางคนบนเก้าอี้ไม้เนื้อหอม เอ่ยตำหนิซึ่งหน้า แต่สายตาของนางกลับทอดมองห่าวเย่วเล่อ ราวกับจะประกาศว่าเป็นความผิดของนาง“ขออภัยฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”ปัง!!ฝ่ามือเรียวตบที่โต๊ะอย่างมีโทสะ ดวงตาของหลิวเถียนมองมาทางสะใภ้ด้วยความกรุ่นโกรธ“เจ้ากำลังผายลมอะไรกัน ถึงเจ้าจะไม่คิดว่าตนคือคนของจวนโหว แต่ข้าก็เป็นแม่สามีของเจ้า เจ้าควรเรียกขานว่าท่านแม่ด้วยความนอบน้อม หากเรื่องที่เจ้าเรียกข้าด้วยถ้อยคำที่ห่างเหินเช่นนี้แพร่ออ
บทที่ 4คารวะแม่สามีดวงตะวันโผล่พ้นเหนือขอบฟ้า แสงสว่างสาดแสงทุกสรรพสิ่งบนผืนแผ่นดินกว้าง ผืนดินที่ขาวโพลนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เริ่มละลายลงเมื่อต้องแสงตะวันอันเจิดจ้า อากาศที่หนาวเย็นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นแต่สำหรับห่าวเย่วเล่อที่นอนอยู่บนที่นอนอันอบอุ่นนั้น นางไม่อยากจะหยัดกายลุกออกจากที่นอนนี้เลย ความอุ่นสบายเป็นครั้งแรกในชีวิตทำให้หญิงสาวไม่จากจะลุกกายจากไปสาวใช้ด้านนอกที่ได้ยินเสียงขยับกายด้านใน จึงได้ส่งเสียงเรียกขึ้นมา“ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ”“อืม” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยตอบรับเสียงประตูถูกผลักออกมา พร้อมกับสาวใช้กว่าสิบนางที่เดินเข้ามายังห้องแห่งนี้ พวกนางถูกพ่อบ้านประจำจวนโหวให้เข้ามาดูแลฮูหยินน้อยคนใหม่ของท่านโหวสาวใช้ทั้งสิบล้วนเป็นหญิงสาวที่อายุไม่เกินยี่สิบปี เมื่อพวกนางเข้ามาเห็นห้องหอที่ราวกับเพิ่งถูกพายุพัดผ่าน ต่างก็พากันใบหน้าแดงกันเป็นแถบท่านโหวของพวกนางช่างดุดันนัก ขณะตอนนี้ฮูหยินยังไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเดินด้วยตัวเองเลย ร่องรอยฝากรักที่ท่านโหวทิ้งไว้ที่เรือนร่างของฮูหยิน ล้วนมีทุกพื้นที่ จนพวกนางยังรู้สึกเขินอายแทนเจ้านายสาวข่าวลือที่บอกว่าฮูหยินไม
หากเขาบอกว่าเขายังไม่อิ่ม ยังอยากจะกลืนกินนางอีกสักหลาย ๆ รอบ นางก็คงจะไม่ว่าอะไรกระมัง เพราะถึงอย่างไรนางก็แต่งเป็นฮูหยินให้กับเขาแล้วสามีว่าอย่างไร ภรรยาก็ต้องว่าอย่างนั้นสินะฝ่ามือหนาเลื่อนมาลูบไล้ที่แผ่นหลังเล็กขาวเนียน กายสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตื่นตระหนก“ท่าน!...ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยระโหยโรยแรงใบหน้างามหันมาเอ่ยห้ามชายหนุ่ม แต่เมื่อสบตาที่ร้อนแรงนั้น ขนกายของนางกลับขนลุกซู่ด้วยความเสียวสะท้าน“ฮูหยินแค่นอนเฉย ๆ เท่านั้น ที่เหลือข้าจัดเอง”เขายอมรับว่าตอนนี้เขาเสพติดกับร่างกายของห่าวเย่วเล่อ ไม่ว่าส่วนใดเขาก็ชมชอบทั้งสิ้น ริมฝีปากหยักกดจูบที่แผ่นหลังเล็กที่ชื้นเหงื่อ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกอบกุมหน้าอกนิ่มหยุ่นที่มันใหญ่เสียจนล้นมือของเขา“อื้อ...ท่าน ข้า อ่า...” ห่าวเย่วเล่อผงกหน้าร้องครางเสียงหวานจะให้นางนอนนิ่ง ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเล่นมาแตะต้องร่างกายของนางเช่นนี้ หญิงสาวจึงพลิกกายหันกลับมา แล้วเป็นฝ่ายคล้องแขนที่ลำคอหนาให้ก้มหน้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากของนางลิ้นเล็กสอดแทรกเข้าไปที่โพรงปากอุ่นของเขาอย่างเงอะงะ แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้กับชายหนุ่ม“อ่า
บทที่ 3ไม่เคยพอเย่เจียวหั่วพลันผละกายออกจากมือเล็ก แล้วจับแก่นกายของตนถูไถที่ร่องหวานที่บัดนี้มีน้ำหวานไหลเยิ้มออกมา เขาไม่ได้เร่งรีบเพราะรู้ดีว่าครั้งแรกของสตรีจะเจ็บมาก เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับนางปลายหัวหยักถูไถที่ปากทางคับแคบ เพียงแค่หัวของมันแทรกดันไปที่ร่องรักอ่อนนุ่ม ร่างระหงพลันผวาด้วยความเจ็บปวด สะโพกมนขยับกายถอยหนี แต่มือหนากลับจับตรึงเอาไว้แน่น“อื้อ...เจ็บ เจ็บมาก” น้ำตาสีใสพลันไหลรินจากหางตาเย่เจียวหั่วเห็นเช่นนั้นก็อดจะสงสารนางไม่ได้ เขาเองก็ปวดหนึบจนจะระเบิด แต่เพราะไม่อยากกระทำตัวราวกับสัตว์ป่าจึงไม่ได้ดุนดันเข้าไป เพื่อลดอาการเกร็งจากคนใต้ร่างมือหนาจึงเอื้อมไปบีบเคล้นที่เต้าอวบ ทั้งยังก้มหน้าไปจูบซับที่กรอบใบหน้างามที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายออกมา ริมฝีปากหนาไล้จูบไปทั่วใบหน้า ตั้งแต่เปลือกตางาม จมูกโด่ง แก้มขาวเนียนใส ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอออกมา“ข้าจะทำเบา ๆ ฮูหยินเชื่อใจข้านะ” ใบหน้าคมกระซิบที่ใบหูเล็กพร้อมกับงับติ่งหูเล่นอย่างหยอกเย้าเมื่อเห็นว่านางเริ่มปรับอารมณ์และเริ่มมัวเมาไปกับสัมผัสของเขา ร่างสูงจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปในโพรงอ่อนนุ่มกะทันห
“เจ้าไม่พอใจหรือ” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบถามที่ใบหูเล็ก เมื่อเห็นแววตาสั่นไหวของอีกฝ่ายห่าวเย่วเล่อสูดลมหายใจเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา “ข้าแค่ตกใจเจ้าค่ะ ข้าแต่งมาเป็นฮูหยินของท่านโหว ย่อมต้องมอบใจและร่างกายนี้ให้กับท่านโหวอยู่แล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงแว่วหวานเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมานางเองก็ไม่ใช่สตรีในห้องหอ คงไม่ต้องเสแสร้งแกล้งพูดคำหวานหูหรอก“ดี เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็ทำหน้าที่ของฮูหยินจวนโหวให้ดีแล้วกัน” คิ้วเข้มกระตุกไปมาเมื่อได้ยินคำพูดของคนใต้ร่างเมื่อนางเต็มใจและเตรียมกายมาแล้ว เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำตัวเป็นสุภาพชน นางคือฮูหยินบรรณาการของเขานี่ เขาจะทำอย่างไรกับนางก็ได้จมูกโด่งดอมดมที่ซอกคอขาวหอมกรุ่น ริมฝีปากหนาขบเม้มจนผิวกายขาวผ่องเกิดรอยแดงจนเด่นชัดเพียงแค่เขาสูดดมความหอมหวานจากกายสาว แท่งหยกของเขาก็แข็งขืนขึ้นมา จนหญิงสาวสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ดุนดันตรงหว่างขา พลันรู้สึกความร้อนขุมหนึ่งแล่นพล่านไปทั่วกายสาว“อื้อ...”ริมฝีปากหนาเปลี่ยนไปบดจูบที่เรียวปากอวบอิ่ม เขาดูดดึงลิ้นเล็กที่หลบหลีกเป็นพัลวัน ก่อนจะไล่ต้อนจนอีกฝ่ายจนมุม ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากหวาน รสสัมผัสของนาง
บทที่ 2ร่างกายนี้มอบให้ท่าน“เย่วเล่อ เจ้าลุกออกมาได้แล้ว” เย่เจียวหั่วเอ่ยเรียกหญิงสาวที่นอนหลับตาอย่างสุขใจด้วยเสียงที่ดังขึ้น“อ๊ะ!!”ร่างระหงพลันลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อารมณ์ของเย่เจียวหั่วพลันพลุ่งพล่านด้วยแรงปรารถนา จู่ ๆ ก็มีสตรีที่มีใบหน้างดงามยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าจะไม่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ได้อย่างไรเขาเองก็เป็นชายชาตรีทั้งแท่ง ไม่ใช่ผู้ทรงศีลเสียเมื่อไหร่เฮือก!!น้ำลายเหนียวข้นกลืนลงคออย่างยากลำบาก ใบหูทั้งสองข้างของชายหนุ่มแดงก่ำจนร้อนฉ่าผิวกายขาวละเอียดดั่งน้ำนม ส่วนเว้าส่วนโค้งของสตรีเพศที่งดงามยืนอยู่ตรงหน้า หน้าอกอวบใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่วจนมือของเขาแทบจะกำรอบ แต่สะโพกผายกลับกลมกลึงยิ่งนักภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เลือดลมของเขาร้อนผ่าว กึ่งกลางกายที่เคยสงบนิ่งพลันแข็งขืนขึ้นมาทันใด“ฮูหยินกำลังทดสอบความอดทนของข้าเช่นนั้นหรือ” ในที่สุดเย่เจียวหั่วก็เอ่ยทำลายความเงียบห่าวเย่วเล่อที่เพิ่งตื่นกำลังงงงวยพลันกระจ่างแจ้ง เมื่อเห็นสายตาร้อนแรงของเขาที่มองมา หญิงสาวรีบทรุดตัวลงนั่งที่อ่างไม้ตามเดิม ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาปิดหน้าด้วยความอับอายใบหน้างามร้อนฉ่ากับเห
ร่างระหงเดินหายเข้าไปยังห้องอาบน้ำ จัดการปลดอาภรณ์สีแดงอันหนักอึ้งออกจากร่างกายขาวผ่อง หากว่าชาวเมืองเจียวมีผิวกายที่ขาวผ่องแล้ว แต่ห่าวเย่วเล่อกลับมีผิวกายที่เนียนละเอียดมากกว่า ผิวกายของนางยามต้องแสงจันทร์ที่สาดแสงเข้ามานั้นดูระยิบระยับจนตาพร่าหญิงสาวเดินลงไปแช่ตัวในถังอาบน้ำใบใหญ่ แม้น้ำจะเริ่มเย็นลงแต่นางก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังคงอาบน้ำชะล้างกลิ่นกายอยู่เช่นนั้น ความรู้สึกหนักอึ้งตลอดหลายวันที่ผ่านมาพลันเบาบางลงยามที่นางได้อาบน้ำแช่ตัวจะทำให้หัวสมองปลอดโปร่งขึ้นมาชั่วขณะ ทำให้จิตใจที่สับสนคล้ายกับมีเวลาขบคิดเรื่องราวที่ผ่านมาในเมื่อนางไม่เป็นที่ต้องการของจวนโหว สิ่งที่นางทำได้เวลานี้ก็คือการวางตัวนิ่งเฉย ถึงจวนโหวจะไม่ชมชอบนาง แต่เขาก็มิอาจจะกระทำการหยามหมิ่นเกียรติของนางได้ เพราะนางคือสตรีที่ฝ่าบาททรงพระราชทาน ถึงอย่างไรจวนโหวก็ต้องหวั่นเกรงในอำนาจของฝ่าบาทดวงตาเรียวหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องแต่เช้า และความเครียดที่ก่อตัวขึ้นมาหลายวันนี้ จึงทำให้นางผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้นเย่เจียวหั่วกำลังร่ำสุรากับสหายสนิทผู้เป็นกุนซือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ใบหน้าคมเข้มถอน
บทที่ 1เจ้าสาวแห่งเผ่าห่าวอู๋หิมะสีขาวพิสุทธิ์โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย มีบางส่วนตกลงมาบนเกี้ยวเจ้าสาวที่ตกแต่งด้วยผ้ามงคลสีแดงสด แม้จะมีหิมะตกลงมาไม่หยุดหย่อน จนพื้นดินกลายสีขาวโพลนที่เต็มไปด้วยหิมะ แต่ก็มิอาจจะหยุดงานรื่นเริงมงคลแห่งแดนเหนือได้เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนเจียวหย่งโหวแห่งแดนเหนือ ตลอดสองฝั่งถนนมีผู้คนในเมืองเจียวออกมายืนดูเกี้ยวเจ้าสาวกันอย่างเนืองแน่นข่าวว่าเจ้าสาวคือบุตรีของหัวหน้าเผ่าห่าวอู๋ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากเมืองเจียว เพราะเผ่าห่าวอู๋ประสบปัญหาขาดแคลนเสบียงเนื่องจากภัยหนาว และจากการรุกรานของชนเผ่าทุ่งหญ้า ทำให้หัวหน้าเผ่าตัดสินใจมอบบุตรีที่รักยิ่งมาเป็นบรรณาการให้แก่ฮ่องเต้แคว้นเป่ย เพื่อแลกกับความคุ้มครองและเสบียงอาหารฮ่องเต้ทรงเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะลดทอนอำนาจของแดนเหนือ จึงพระราชทานงานมงคลสมรสให้แก่ ‘เย่เจียวหั่ว’ ผู้ปกครองแดนเหนือ โดยเจ้าสาวคือสตรีที่ได้รับบรรณาการจากเผ่าห่าวอู๋ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่นักมุ่งหน้าสู่จวนเจียวหย่งโหว ด้านข้างมีขันทีหนุ่มผู้เป็นมือขวาของขันทีผู้รับใช้ฮ่องเต้ สายตาของเขากวาดตามองทุกอย่างโดยรอบ ตัวเขาถู