บทที่ 3
ไม่เคยพอ
เย่เจียวหั่วพลันผละกายออกจากมือเล็ก แล้วจับแก่นกายของตนถูไถที่ร่องหวานที่บัดนี้มีน้ำหวานไหลเยิ้มออกมา เขาไม่ได้เร่งรีบเพราะรู้ดีว่าครั้งแรกของสตรีจะเจ็บมาก เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับนาง
ปลายหัวหยักถูไถที่ปากทางคับแคบ เพียงแค่หัวของมันแทรกดันไปที่ร่องรักอ่อนนุ่ม ร่างระหงพลันผวาด้วยความเจ็บปวด สะโพกมนขยับกายถอยหนี แต่มือหนากลับจับตรึงเอาไว้แน่น
“อื้อ...เจ็บ เจ็บมาก” น้ำตาสีใสพลันไหลรินจากหางตา
เย่เจียวหั่วเห็นเช่นนั้นก็อดจะสงสารนางไม่ได้ เขาเองก็ปวดหนึบจนจะระเบิด แต่เพราะไม่อยากกระทำตัวราวกับสัตว์ป่าจึงไม่ได้ดุนดันเข้าไป เพื่อลดอาการเกร็งจากคนใต้ร่าง
มือหนาจึงเอื้อมไปบีบเคล้นที่เต้าอวบ ทั้งยังก้มหน้าไปจูบซับที่กรอบใบหน้างามที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายออกมา ริมฝีปากหนาไล้จูบไปทั่วใบหน้า ตั้งแต่เปลือกตางาม จมูกโด่ง แก้มขาวเนียนใส ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอออกมา
“ข้าจะทำเบา ๆ ฮูหยินเชื่อใจข้านะ” ใบหน้าคมกระซิบที่ใบหูเล็กพร้อมกับงับติ่งหูเล่นอย่างหยอกเย้า
เมื่อเห็นว่านางเริ่มปรับอารมณ์และเริ่มมัวเมาไปกับสัมผัสของเขา ร่างสูงจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปในโพรงอ่อนนุ่มกะทันหัน จนคนใต้ร่างร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด สายตาคมหวานมองคนบนร่างด้วยความขุ่นเคือง
อะไรคือบอกจะทำเบา ๆ กัน เมื่อครู่นี้กระแทกเข้ามาเต็มแรงมิใช่หรือไร
เย่เจียวหั่วอดจะหัวเราะไม่ได้ เมื่อเห็นใบหน้างามมองค้อนเขาเช่นนั้น “ฮูหยินโปรดอย่าเคือง เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปแตะขอบสวรรค์แล้ว”
เอ่ยจบร่างสูงก็ขยับสะโพกสอบเข้าหาโพรงอ่อนนุ่ม จากคราแรกเป็นจังหวะเนิบนาบแต่กระแทกกระทั้นโดนจุดเสียวกระสันของอีกฝ่าย จนเรียกเสียงครางหวานที่ดังขึ้นไม่ขาดสาย
ความรู้สึกคับแน่นจากช่วงท้องจึงทำให้ร่างระหงจิกเล็บไปที่บ่ากว้างของชายหนุ่ม สะโพกกลมกลึงกระดกขึ้นรับการกระแทกจากอีกฝ่าย
มุมปากสูงกระตุกยิ้มด้วยความพอใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนจังหวะเป็นรัวเร็ว ทั้งยังดุเดือดจนร่างระหงโยกคลอนไปมาตามจังหวะการนำของชายหนุ่ม สายตาคมมองเห็นหน้าอกอิ่มที่กระเพื่อมขึ้นลงไปมาจึงอดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงไปคลอเคลียและดูดดึงผิวเนื้อขาวผ่องจนขึ้นรอยแดง
เย่เจียวหั่วเป็นผู้ชักนำหญิงสาวให้คล้อยตามไปกับเขา ไม่ว่าเขาจะเร่งจังหวะเป็นรัวเร็วหรือเนิบช้า หญิงสาวก็จะขยับสะโพกตามมาเสมอ นี่ยิ่งสร้างความสุขให้กับเขา ราวกับทั้งสองกำลังประลองกระบี่กัน โดยมีความสุขสมเป็นการเดิมพัน!!
ร่างทั้งสองกอดก่ายกันไปมา เรียวขายาวกอดก่ายสะโพกสอบที่กระแทกส่วนนั้นเข้าที่ร่องรักของนางอย่างไม่ออมแรง จากที่เจ็บปวดคราแรก ตอนนี้นางกลับพบความหฤหรรษ์ของการร่วมรัก ทั่วทั้งกายสาวเสียดเสียวทรมานแต่ก็มีความรู้สึกซาบซ่านเช่นกัน
ความรู้สึกแปลกใหม่นี้ ช่างทำให้นางกำลังรู้สึกสุขสมราวกับจะขาดใจตาย
“อ่าส์...ฮูหยิน ข้าใกล้แล้ว” ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นครางเสียงแหบพร่า กล้ามท้องหดตัวเกร็งแน่น เมื่อเขาใกล้จะเสร็จสม
“อ่า...ข้า ข้าก็จะเสร็จแล้ว...”
ห่าวเย่วเล่อเองก็คล้ายรู้สึกช่วงล่างของนางกระตุกเกร็งถี่ยิบ ร่างของนางกระตุกถี่ ๆ จนในที่สุดก็เสร็จสมไปพร้อมกับคนบนร่าง แท่งหยกร้อนฉีดพ่นน้ำรักสีขาวขุ่นเข้าไปที่โพรงอ่อนนุ่มทุกหยาดหยด ร่างระหงเองก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนที่เข้ามาในร่างกายของนาง
เย่เจียวหั่วซบหน้าที่หน้าอกนุ่มนิ่มของหญิงสาว เสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของทั้งคู่ดังประสานกันทั่วห้องหอ ตัวตนของชายหนุ่มยังคงฝังที่ร่องรักของหญิงสาว
“อื้อ...หนัก” เสียงหวานร้องประท้วงกับความอึดอัด
“หึ...” ร่างสูงหัวเราะพลางลุกขึ้นออกจากร่างที่หอมกรุ่น หยาดเหงื่อเกาะพราวทั่วร่างของทั้งสองจนเหนียวเหนอะหนะ
ห่าวเย่วเล่อพรูลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหอบ นางรีบหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย แล้วนอนคว่ำหน้าในทันที บัดนี้ใบหน้าของนางเห่อร้อนกับความสุขที่ได้รับเป็นครั้งแรก
ทั้งที่นางเพียงนอนนิ่งและตอบรับสัมผัสของเขาเท่านั้น แต่ร่างกายตรงใจกายสาวกับเจ็บร้าวระบมราวกับร่างจะฉีกทึ้ง ความปวดหน่วงแล่นพล่านไปทั่วกลีบดอกไม้งาม แม้ไม่ได้ก้มหน้าไปดูก็รู้ว่าตอนนี้ดอกไม้งามของนางคงจะบวมช้ำน่าดู
เขาช่างรุนแรงนัก ร่างกายทั้งใหญ่โตถึงเพียงนี้ ยังโหมแรงกระหน่ำมาที่ร่องรักของนางไม่หยุดหย่อน...บุรุษผู้นี้ช่างร้อนแรงยิ่ง!
เย่เจียวหั่วรู้สึกสุขสมจนยากจะพรรณนาได้ เขาเองก็เป็นบุรุษวัยฉกรรจ์ที่อายุอานามก็ปาไป 25 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีฮูหยินข้างกาย หากต้องการปลดปล่อยอารมณ์กำหนัดก็แค่ไปที่หอโคมแดงอันขึ้นชื่อของเมืองเจียว
จ่ายเงินค่าตัวหญิงคณิกาแล้วสุขสมกับนางเพียงข้ามคืน จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้าย ไม่ต้องผูกมัดซึ่งกันและกัน ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายบนสนามรบทำให้เขาไม่อยากจะมีสตรีข้างกาย
แต่เหมือนสวรรค์ไม่เป็นใจ ฮ่องเต้จึงได้ส่งสตรีบรรณาการมาเป็นฮูหยินให้แก่เขา ใจของเขายังคงคลางแคลงใจตัวของนาง แต่บทรักเมื่อครู่นี้กลับทำให้ในโพลงอกเต้นกระหน่ำราวกับกลองศึกในสนามรบ
หากเขาบอกว่าเขายังไม่อิ่ม ยังอยากจะกลืนกินนางอีกสักหลาย ๆ รอบ นางก็คงจะไม่ว่าอะไรกระมัง เพราะถึงอย่างไรนางก็แต่งเป็นฮูหยินให้กับเขาแล้วสามีว่าอย่างไร ภรรยาก็ต้องว่าอย่างนั้นสินะฝ่ามือหนาเลื่อนมาลูบไล้ที่แผ่นหลังเล็กขาวเนียน กายสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตื่นตระหนก“ท่าน!...ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยระโหยโรยแรงใบหน้างามหันมาเอ่ยห้ามชายหนุ่ม แต่เมื่อสบตาที่ร้อนแรงนั้น ขนกายของนางกลับขนลุกซู่ด้วยความเสียวสะท้าน“ฮูหยินแค่นอนเฉย ๆ เท่านั้น ที่เหลือข้าจัดเอง”เขายอมรับว่าตอนนี้เขาเสพติดกับร่างกายของห่าวเย่วเล่อ ไม่ว่าส่วนใดเขาก็ชมชอบทั้งสิ้น ริมฝีปากหยักกดจูบที่แผ่นหลังเล็กที่ชื้นเหงื่อ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกอบกุมหน้าอกนิ่มหยุ่นที่มันใหญ่เสียจนล้นมือของเขา“อื้อ...ท่าน ข้า อ่า...” ห่าวเย่วเล่อผงกหน้าร้องครางเสียงหวานจะให้นางนอนนิ่ง ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเล่นมาแตะต้องร่างกายของนางเช่นนี้ หญิงสาวจึงพลิกกายหันกลับมา แล้วเป็นฝ่ายคล้องแขนที่ลำคอหนาให้ก้มหน้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากของนางลิ้นเล็กสอดแทรกเข้าไปที่โพรงปากอุ่นของเขาอย่างเงอะงะ แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้กับชายหนุ่ม“อ่า
บทที่ 4คารวะแม่สามีดวงตะวันโผล่พ้นเหนือขอบฟ้า แสงสว่างสาดแสงทุกสรรพสิ่งบนผืนแผ่นดินกว้าง ผืนดินที่ขาวโพลนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เริ่มละลายลงเมื่อต้องแสงตะวันอันเจิดจ้า อากาศที่หนาวเย็นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นแต่สำหรับห่าวเย่วเล่อที่นอนอยู่บนที่นอนอันอบอุ่นนั้น นางไม่อยากจะหยัดกายลุกออกจากที่นอนนี้เลย ความอุ่นสบายเป็นครั้งแรกในชีวิตทำให้หญิงสาวไม่จากจะลุกกายจากไปสาวใช้ด้านนอกที่ได้ยินเสียงขยับกายด้านใน จึงได้ส่งเสียงเรียกขึ้นมา“ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ”“อืม” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยตอบรับเสียงประตูถูกผลักออกมา พร้อมกับสาวใช้กว่าสิบนางที่เดินเข้ามายังห้องแห่งนี้ พวกนางถูกพ่อบ้านประจำจวนโหวให้เข้ามาดูแลฮูหยินน้อยคนใหม่ของท่านโหวสาวใช้ทั้งสิบล้วนเป็นหญิงสาวที่อายุไม่เกินยี่สิบปี เมื่อพวกนางเข้ามาเห็นห้องหอที่ราวกับเพิ่งถูกพายุพัดผ่าน ต่างก็พากันใบหน้าแดงกันเป็นแถบท่านโหวของพวกนางช่างดุดันนัก ขณะตอนนี้ฮูหยินยังไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเดินด้วยตัวเองเลย ร่องรอยฝากรักที่ท่านโหวทิ้งไว้ที่เรือนร่างของฮูหยิน ล้วนมีทุกพื้นที่ จนพวกนางยังรู้สึกเขินอายแทนเจ้านายสาวข่าวลือที่บอกว่าฮูหยินไม
“ขออภัยท่านโหวเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามเดินให้เร็วกว่านี้”นางก้าวเดินเร็วขึ้น แต่นั่นกลับสร้างความปวดแปลบเข้าสู่ใจกลางสาว สองขาสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด แข็งขาพลันดูอ่อนแรงเย่เจียวหั่วพ่นลมหายใจอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตรงเข้ามาช้อนร่างระหงเข้ามาในอ้อมแขน ขายาว ๆ ของเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงยังเรือนของหลิวเถียน ฮูหยินใหญ่ของจวนโหว มารดาผู้ให้กำเนิดของท่านโหวคนปัจจุบันร่างสูงว่างร่างของห่าวเย่วเล่อลงกับพื้น พร้อมกับประคองแขนเล็กพากันเดินเข้าไปยังห้องโถง ที่ซึ่งมีหลิวเถียนกำลังนั่งรอทั้งสองคนอยู่ก่อนแล้ว“กว่าจะมากันได้ น้ำชาที่เตรียมเอาไว้เย็นชืดไปเสียแล้ว”สตรีวัยกลางคนบนเก้าอี้ไม้เนื้อหอม เอ่ยตำหนิซึ่งหน้า แต่สายตาของนางกลับทอดมองห่าวเย่วเล่อ ราวกับจะประกาศว่าเป็นความผิดของนาง“ขออภัยฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”ปัง!!ฝ่ามือเรียวตบที่โต๊ะอย่างมีโทสะ ดวงตาของหลิวเถียนมองมาทางสะใภ้ด้วยความกรุ่นโกรธ“เจ้ากำลังผายลมอะไรกัน ถึงเจ้าจะไม่คิดว่าตนคือคนของจวนโหว แต่ข้าก็เป็นแม่สามีของเจ้า เจ้าควรเรียกขานว่าท่านแม่ด้วยความนอบน้อม หากเรื่องที่เจ้าเรียกข้าด้วยถ้อยคำที่ห่างเหินเช่นนี้แพร่ออ
บทที่ 1เจ้าสาวแห่งเผ่าห่าวอู๋หิมะสีขาวพิสุทธิ์โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย มีบางส่วนตกลงมาบนเกี้ยวเจ้าสาวที่ตกแต่งด้วยผ้ามงคลสีแดงสด แม้จะมีหิมะตกลงมาไม่หยุดหย่อน จนพื้นดินกลายสีขาวโพลนที่เต็มไปด้วยหิมะ แต่ก็มิอาจจะหยุดงานรื่นเริงมงคลแห่งแดนเหนือได้เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนเจียวหย่งโหวแห่งแดนเหนือ ตลอดสองฝั่งถนนมีผู้คนในเมืองเจียวออกมายืนดูเกี้ยวเจ้าสาวกันอย่างเนืองแน่นข่าวว่าเจ้าสาวคือบุตรีของหัวหน้าเผ่าห่าวอู๋ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากเมืองเจียว เพราะเผ่าห่าวอู๋ประสบปัญหาขาดแคลนเสบียงเนื่องจากภัยหนาว และจากการรุกรานของชนเผ่าทุ่งหญ้า ทำให้หัวหน้าเผ่าตัดสินใจมอบบุตรีที่รักยิ่งมาเป็นบรรณาการให้แก่ฮ่องเต้แคว้นเป่ย เพื่อแลกกับความคุ้มครองและเสบียงอาหารฮ่องเต้ทรงเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะลดทอนอำนาจของแดนเหนือ จึงพระราชทานงานมงคลสมรสให้แก่ ‘เย่เจียวหั่ว’ ผู้ปกครองแดนเหนือ โดยเจ้าสาวคือสตรีที่ได้รับบรรณาการจากเผ่าห่าวอู๋ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่นักมุ่งหน้าสู่จวนเจียวหย่งโหว ด้านข้างมีขันทีหนุ่มผู้เป็นมือขวาของขันทีผู้รับใช้ฮ่องเต้ สายตาของเขากวาดตามองทุกอย่างโดยรอบ ตัวเขาถู
ร่างระหงเดินหายเข้าไปยังห้องอาบน้ำ จัดการปลดอาภรณ์สีแดงอันหนักอึ้งออกจากร่างกายขาวผ่อง หากว่าชาวเมืองเจียวมีผิวกายที่ขาวผ่องแล้ว แต่ห่าวเย่วเล่อกลับมีผิวกายที่เนียนละเอียดมากกว่า ผิวกายของนางยามต้องแสงจันทร์ที่สาดแสงเข้ามานั้นดูระยิบระยับจนตาพร่าหญิงสาวเดินลงไปแช่ตัวในถังอาบน้ำใบใหญ่ แม้น้ำจะเริ่มเย็นลงแต่นางก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังคงอาบน้ำชะล้างกลิ่นกายอยู่เช่นนั้น ความรู้สึกหนักอึ้งตลอดหลายวันที่ผ่านมาพลันเบาบางลงยามที่นางได้อาบน้ำแช่ตัวจะทำให้หัวสมองปลอดโปร่งขึ้นมาชั่วขณะ ทำให้จิตใจที่สับสนคล้ายกับมีเวลาขบคิดเรื่องราวที่ผ่านมาในเมื่อนางไม่เป็นที่ต้องการของจวนโหว สิ่งที่นางทำได้เวลานี้ก็คือการวางตัวนิ่งเฉย ถึงจวนโหวจะไม่ชมชอบนาง แต่เขาก็มิอาจจะกระทำการหยามหมิ่นเกียรติของนางได้ เพราะนางคือสตรีที่ฝ่าบาททรงพระราชทาน ถึงอย่างไรจวนโหวก็ต้องหวั่นเกรงในอำนาจของฝ่าบาทดวงตาเรียวหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องแต่เช้า และความเครียดที่ก่อตัวขึ้นมาหลายวันนี้ จึงทำให้นางผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้นเย่เจียวหั่วกำลังร่ำสุรากับสหายสนิทผู้เป็นกุนซือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ใบหน้าคมเข้มถอน
บทที่ 2ร่างกายนี้มอบให้ท่าน“เย่วเล่อ เจ้าลุกออกมาได้แล้ว” เย่เจียวหั่วเอ่ยเรียกหญิงสาวที่นอนหลับตาอย่างสุขใจด้วยเสียงที่ดังขึ้น“อ๊ะ!!”ร่างระหงพลันลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อารมณ์ของเย่เจียวหั่วพลันพลุ่งพล่านด้วยแรงปรารถนา จู่ ๆ ก็มีสตรีที่มีใบหน้างดงามยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าจะไม่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ได้อย่างไรเขาเองก็เป็นชายชาตรีทั้งแท่ง ไม่ใช่ผู้ทรงศีลเสียเมื่อไหร่เฮือก!!น้ำลายเหนียวข้นกลืนลงคออย่างยากลำบาก ใบหูทั้งสองข้างของชายหนุ่มแดงก่ำจนร้อนฉ่าผิวกายขาวละเอียดดั่งน้ำนม ส่วนเว้าส่วนโค้งของสตรีเพศที่งดงามยืนอยู่ตรงหน้า หน้าอกอวบใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่วจนมือของเขาแทบจะกำรอบ แต่สะโพกผายกลับกลมกลึงยิ่งนักภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เลือดลมของเขาร้อนผ่าว กึ่งกลางกายที่เคยสงบนิ่งพลันแข็งขืนขึ้นมาทันใด“ฮูหยินกำลังทดสอบความอดทนของข้าเช่นนั้นหรือ” ในที่สุดเย่เจียวหั่วก็เอ่ยทำลายความเงียบห่าวเย่วเล่อที่เพิ่งตื่นกำลังงงงวยพลันกระจ่างแจ้ง เมื่อเห็นสายตาร้อนแรงของเขาที่มองมา หญิงสาวรีบทรุดตัวลงนั่งที่อ่างไม้ตามเดิม ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาปิดหน้าด้วยความอับอายใบหน้างามร้อนฉ่ากับเห
“เจ้าไม่พอใจหรือ” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบถามที่ใบหูเล็ก เมื่อเห็นแววตาสั่นไหวของอีกฝ่ายห่าวเย่วเล่อสูดลมหายใจเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา “ข้าแค่ตกใจเจ้าค่ะ ข้าแต่งมาเป็นฮูหยินของท่านโหว ย่อมต้องมอบใจและร่างกายนี้ให้กับท่านโหวอยู่แล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงแว่วหวานเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมานางเองก็ไม่ใช่สตรีในห้องหอ คงไม่ต้องเสแสร้งแกล้งพูดคำหวานหูหรอก“ดี เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็ทำหน้าที่ของฮูหยินจวนโหวให้ดีแล้วกัน” คิ้วเข้มกระตุกไปมาเมื่อได้ยินคำพูดของคนใต้ร่างเมื่อนางเต็มใจและเตรียมกายมาแล้ว เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำตัวเป็นสุภาพชน นางคือฮูหยินบรรณาการของเขานี่ เขาจะทำอย่างไรกับนางก็ได้จมูกโด่งดอมดมที่ซอกคอขาวหอมกรุ่น ริมฝีปากหนาขบเม้มจนผิวกายขาวผ่องเกิดรอยแดงจนเด่นชัดเพียงแค่เขาสูดดมความหอมหวานจากกายสาว แท่งหยกของเขาก็แข็งขืนขึ้นมา จนหญิงสาวสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ดุนดันตรงหว่างขา พลันรู้สึกความร้อนขุมหนึ่งแล่นพล่านไปทั่วกายสาว“อื้อ...”ริมฝีปากหนาเปลี่ยนไปบดจูบที่เรียวปากอวบอิ่ม เขาดูดดึงลิ้นเล็กที่หลบหลีกเป็นพัลวัน ก่อนจะไล่ต้อนจนอีกฝ่ายจนมุม ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากหวาน รสสัมผัสของนาง
“ขออภัยท่านโหวเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามเดินให้เร็วกว่านี้”นางก้าวเดินเร็วขึ้น แต่นั่นกลับสร้างความปวดแปลบเข้าสู่ใจกลางสาว สองขาสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด แข็งขาพลันดูอ่อนแรงเย่เจียวหั่วพ่นลมหายใจอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตรงเข้ามาช้อนร่างระหงเข้ามาในอ้อมแขน ขายาว ๆ ของเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงยังเรือนของหลิวเถียน ฮูหยินใหญ่ของจวนโหว มารดาผู้ให้กำเนิดของท่านโหวคนปัจจุบันร่างสูงว่างร่างของห่าวเย่วเล่อลงกับพื้น พร้อมกับประคองแขนเล็กพากันเดินเข้าไปยังห้องโถง ที่ซึ่งมีหลิวเถียนกำลังนั่งรอทั้งสองคนอยู่ก่อนแล้ว“กว่าจะมากันได้ น้ำชาที่เตรียมเอาไว้เย็นชืดไปเสียแล้ว”สตรีวัยกลางคนบนเก้าอี้ไม้เนื้อหอม เอ่ยตำหนิซึ่งหน้า แต่สายตาของนางกลับทอดมองห่าวเย่วเล่อ ราวกับจะประกาศว่าเป็นความผิดของนาง“ขออภัยฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”ปัง!!ฝ่ามือเรียวตบที่โต๊ะอย่างมีโทสะ ดวงตาของหลิวเถียนมองมาทางสะใภ้ด้วยความกรุ่นโกรธ“เจ้ากำลังผายลมอะไรกัน ถึงเจ้าจะไม่คิดว่าตนคือคนของจวนโหว แต่ข้าก็เป็นแม่สามีของเจ้า เจ้าควรเรียกขานว่าท่านแม่ด้วยความนอบน้อม หากเรื่องที่เจ้าเรียกข้าด้วยถ้อยคำที่ห่างเหินเช่นนี้แพร่ออ
บทที่ 4คารวะแม่สามีดวงตะวันโผล่พ้นเหนือขอบฟ้า แสงสว่างสาดแสงทุกสรรพสิ่งบนผืนแผ่นดินกว้าง ผืนดินที่ขาวโพลนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เริ่มละลายลงเมื่อต้องแสงตะวันอันเจิดจ้า อากาศที่หนาวเย็นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นแต่สำหรับห่าวเย่วเล่อที่นอนอยู่บนที่นอนอันอบอุ่นนั้น นางไม่อยากจะหยัดกายลุกออกจากที่นอนนี้เลย ความอุ่นสบายเป็นครั้งแรกในชีวิตทำให้หญิงสาวไม่จากจะลุกกายจากไปสาวใช้ด้านนอกที่ได้ยินเสียงขยับกายด้านใน จึงได้ส่งเสียงเรียกขึ้นมา“ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ”“อืม” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยตอบรับเสียงประตูถูกผลักออกมา พร้อมกับสาวใช้กว่าสิบนางที่เดินเข้ามายังห้องแห่งนี้ พวกนางถูกพ่อบ้านประจำจวนโหวให้เข้ามาดูแลฮูหยินน้อยคนใหม่ของท่านโหวสาวใช้ทั้งสิบล้วนเป็นหญิงสาวที่อายุไม่เกินยี่สิบปี เมื่อพวกนางเข้ามาเห็นห้องหอที่ราวกับเพิ่งถูกพายุพัดผ่าน ต่างก็พากันใบหน้าแดงกันเป็นแถบท่านโหวของพวกนางช่างดุดันนัก ขณะตอนนี้ฮูหยินยังไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเดินด้วยตัวเองเลย ร่องรอยฝากรักที่ท่านโหวทิ้งไว้ที่เรือนร่างของฮูหยิน ล้วนมีทุกพื้นที่ จนพวกนางยังรู้สึกเขินอายแทนเจ้านายสาวข่าวลือที่บอกว่าฮูหยินไม
หากเขาบอกว่าเขายังไม่อิ่ม ยังอยากจะกลืนกินนางอีกสักหลาย ๆ รอบ นางก็คงจะไม่ว่าอะไรกระมัง เพราะถึงอย่างไรนางก็แต่งเป็นฮูหยินให้กับเขาแล้วสามีว่าอย่างไร ภรรยาก็ต้องว่าอย่างนั้นสินะฝ่ามือหนาเลื่อนมาลูบไล้ที่แผ่นหลังเล็กขาวเนียน กายสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตื่นตระหนก“ท่าน!...ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยระโหยโรยแรงใบหน้างามหันมาเอ่ยห้ามชายหนุ่ม แต่เมื่อสบตาที่ร้อนแรงนั้น ขนกายของนางกลับขนลุกซู่ด้วยความเสียวสะท้าน“ฮูหยินแค่นอนเฉย ๆ เท่านั้น ที่เหลือข้าจัดเอง”เขายอมรับว่าตอนนี้เขาเสพติดกับร่างกายของห่าวเย่วเล่อ ไม่ว่าส่วนใดเขาก็ชมชอบทั้งสิ้น ริมฝีปากหยักกดจูบที่แผ่นหลังเล็กที่ชื้นเหงื่อ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกอบกุมหน้าอกนิ่มหยุ่นที่มันใหญ่เสียจนล้นมือของเขา“อื้อ...ท่าน ข้า อ่า...” ห่าวเย่วเล่อผงกหน้าร้องครางเสียงหวานจะให้นางนอนนิ่ง ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเล่นมาแตะต้องร่างกายของนางเช่นนี้ หญิงสาวจึงพลิกกายหันกลับมา แล้วเป็นฝ่ายคล้องแขนที่ลำคอหนาให้ก้มหน้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากของนางลิ้นเล็กสอดแทรกเข้าไปที่โพรงปากอุ่นของเขาอย่างเงอะงะ แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้กับชายหนุ่ม“อ่า
บทที่ 3ไม่เคยพอเย่เจียวหั่วพลันผละกายออกจากมือเล็ก แล้วจับแก่นกายของตนถูไถที่ร่องหวานที่บัดนี้มีน้ำหวานไหลเยิ้มออกมา เขาไม่ได้เร่งรีบเพราะรู้ดีว่าครั้งแรกของสตรีจะเจ็บมาก เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับนางปลายหัวหยักถูไถที่ปากทางคับแคบ เพียงแค่หัวของมันแทรกดันไปที่ร่องรักอ่อนนุ่ม ร่างระหงพลันผวาด้วยความเจ็บปวด สะโพกมนขยับกายถอยหนี แต่มือหนากลับจับตรึงเอาไว้แน่น“อื้อ...เจ็บ เจ็บมาก” น้ำตาสีใสพลันไหลรินจากหางตาเย่เจียวหั่วเห็นเช่นนั้นก็อดจะสงสารนางไม่ได้ เขาเองก็ปวดหนึบจนจะระเบิด แต่เพราะไม่อยากกระทำตัวราวกับสัตว์ป่าจึงไม่ได้ดุนดันเข้าไป เพื่อลดอาการเกร็งจากคนใต้ร่างมือหนาจึงเอื้อมไปบีบเคล้นที่เต้าอวบ ทั้งยังก้มหน้าไปจูบซับที่กรอบใบหน้างามที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายออกมา ริมฝีปากหนาไล้จูบไปทั่วใบหน้า ตั้งแต่เปลือกตางาม จมูกโด่ง แก้มขาวเนียนใส ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอออกมา“ข้าจะทำเบา ๆ ฮูหยินเชื่อใจข้านะ” ใบหน้าคมกระซิบที่ใบหูเล็กพร้อมกับงับติ่งหูเล่นอย่างหยอกเย้าเมื่อเห็นว่านางเริ่มปรับอารมณ์และเริ่มมัวเมาไปกับสัมผัสของเขา ร่างสูงจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปในโพรงอ่อนนุ่มกะทันห
“เจ้าไม่พอใจหรือ” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบถามที่ใบหูเล็ก เมื่อเห็นแววตาสั่นไหวของอีกฝ่ายห่าวเย่วเล่อสูดลมหายใจเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา “ข้าแค่ตกใจเจ้าค่ะ ข้าแต่งมาเป็นฮูหยินของท่านโหว ย่อมต้องมอบใจและร่างกายนี้ให้กับท่านโหวอยู่แล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงแว่วหวานเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมานางเองก็ไม่ใช่สตรีในห้องหอ คงไม่ต้องเสแสร้งแกล้งพูดคำหวานหูหรอก“ดี เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็ทำหน้าที่ของฮูหยินจวนโหวให้ดีแล้วกัน” คิ้วเข้มกระตุกไปมาเมื่อได้ยินคำพูดของคนใต้ร่างเมื่อนางเต็มใจและเตรียมกายมาแล้ว เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำตัวเป็นสุภาพชน นางคือฮูหยินบรรณาการของเขานี่ เขาจะทำอย่างไรกับนางก็ได้จมูกโด่งดอมดมที่ซอกคอขาวหอมกรุ่น ริมฝีปากหนาขบเม้มจนผิวกายขาวผ่องเกิดรอยแดงจนเด่นชัดเพียงแค่เขาสูดดมความหอมหวานจากกายสาว แท่งหยกของเขาก็แข็งขืนขึ้นมา จนหญิงสาวสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ดุนดันตรงหว่างขา พลันรู้สึกความร้อนขุมหนึ่งแล่นพล่านไปทั่วกายสาว“อื้อ...”ริมฝีปากหนาเปลี่ยนไปบดจูบที่เรียวปากอวบอิ่ม เขาดูดดึงลิ้นเล็กที่หลบหลีกเป็นพัลวัน ก่อนจะไล่ต้อนจนอีกฝ่ายจนมุม ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากหวาน รสสัมผัสของนาง
บทที่ 2ร่างกายนี้มอบให้ท่าน“เย่วเล่อ เจ้าลุกออกมาได้แล้ว” เย่เจียวหั่วเอ่ยเรียกหญิงสาวที่นอนหลับตาอย่างสุขใจด้วยเสียงที่ดังขึ้น“อ๊ะ!!”ร่างระหงพลันลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อารมณ์ของเย่เจียวหั่วพลันพลุ่งพล่านด้วยแรงปรารถนา จู่ ๆ ก็มีสตรีที่มีใบหน้างดงามยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าจะไม่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ได้อย่างไรเขาเองก็เป็นชายชาตรีทั้งแท่ง ไม่ใช่ผู้ทรงศีลเสียเมื่อไหร่เฮือก!!น้ำลายเหนียวข้นกลืนลงคออย่างยากลำบาก ใบหูทั้งสองข้างของชายหนุ่มแดงก่ำจนร้อนฉ่าผิวกายขาวละเอียดดั่งน้ำนม ส่วนเว้าส่วนโค้งของสตรีเพศที่งดงามยืนอยู่ตรงหน้า หน้าอกอวบใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่วจนมือของเขาแทบจะกำรอบ แต่สะโพกผายกลับกลมกลึงยิ่งนักภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เลือดลมของเขาร้อนผ่าว กึ่งกลางกายที่เคยสงบนิ่งพลันแข็งขืนขึ้นมาทันใด“ฮูหยินกำลังทดสอบความอดทนของข้าเช่นนั้นหรือ” ในที่สุดเย่เจียวหั่วก็เอ่ยทำลายความเงียบห่าวเย่วเล่อที่เพิ่งตื่นกำลังงงงวยพลันกระจ่างแจ้ง เมื่อเห็นสายตาร้อนแรงของเขาที่มองมา หญิงสาวรีบทรุดตัวลงนั่งที่อ่างไม้ตามเดิม ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาปิดหน้าด้วยความอับอายใบหน้างามร้อนฉ่ากับเห
ร่างระหงเดินหายเข้าไปยังห้องอาบน้ำ จัดการปลดอาภรณ์สีแดงอันหนักอึ้งออกจากร่างกายขาวผ่อง หากว่าชาวเมืองเจียวมีผิวกายที่ขาวผ่องแล้ว แต่ห่าวเย่วเล่อกลับมีผิวกายที่เนียนละเอียดมากกว่า ผิวกายของนางยามต้องแสงจันทร์ที่สาดแสงเข้ามานั้นดูระยิบระยับจนตาพร่าหญิงสาวเดินลงไปแช่ตัวในถังอาบน้ำใบใหญ่ แม้น้ำจะเริ่มเย็นลงแต่นางก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังคงอาบน้ำชะล้างกลิ่นกายอยู่เช่นนั้น ความรู้สึกหนักอึ้งตลอดหลายวันที่ผ่านมาพลันเบาบางลงยามที่นางได้อาบน้ำแช่ตัวจะทำให้หัวสมองปลอดโปร่งขึ้นมาชั่วขณะ ทำให้จิตใจที่สับสนคล้ายกับมีเวลาขบคิดเรื่องราวที่ผ่านมาในเมื่อนางไม่เป็นที่ต้องการของจวนโหว สิ่งที่นางทำได้เวลานี้ก็คือการวางตัวนิ่งเฉย ถึงจวนโหวจะไม่ชมชอบนาง แต่เขาก็มิอาจจะกระทำการหยามหมิ่นเกียรติของนางได้ เพราะนางคือสตรีที่ฝ่าบาททรงพระราชทาน ถึงอย่างไรจวนโหวก็ต้องหวั่นเกรงในอำนาจของฝ่าบาทดวงตาเรียวหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องแต่เช้า และความเครียดที่ก่อตัวขึ้นมาหลายวันนี้ จึงทำให้นางผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้นเย่เจียวหั่วกำลังร่ำสุรากับสหายสนิทผู้เป็นกุนซือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ใบหน้าคมเข้มถอน
บทที่ 1เจ้าสาวแห่งเผ่าห่าวอู๋หิมะสีขาวพิสุทธิ์โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย มีบางส่วนตกลงมาบนเกี้ยวเจ้าสาวที่ตกแต่งด้วยผ้ามงคลสีแดงสด แม้จะมีหิมะตกลงมาไม่หยุดหย่อน จนพื้นดินกลายสีขาวโพลนที่เต็มไปด้วยหิมะ แต่ก็มิอาจจะหยุดงานรื่นเริงมงคลแห่งแดนเหนือได้เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนเจียวหย่งโหวแห่งแดนเหนือ ตลอดสองฝั่งถนนมีผู้คนในเมืองเจียวออกมายืนดูเกี้ยวเจ้าสาวกันอย่างเนืองแน่นข่าวว่าเจ้าสาวคือบุตรีของหัวหน้าเผ่าห่าวอู๋ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากเมืองเจียว เพราะเผ่าห่าวอู๋ประสบปัญหาขาดแคลนเสบียงเนื่องจากภัยหนาว และจากการรุกรานของชนเผ่าทุ่งหญ้า ทำให้หัวหน้าเผ่าตัดสินใจมอบบุตรีที่รักยิ่งมาเป็นบรรณาการให้แก่ฮ่องเต้แคว้นเป่ย เพื่อแลกกับความคุ้มครองและเสบียงอาหารฮ่องเต้ทรงเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะลดทอนอำนาจของแดนเหนือ จึงพระราชทานงานมงคลสมรสให้แก่ ‘เย่เจียวหั่ว’ ผู้ปกครองแดนเหนือ โดยเจ้าสาวคือสตรีที่ได้รับบรรณาการจากเผ่าห่าวอู๋ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่นักมุ่งหน้าสู่จวนเจียวหย่งโหว ด้านข้างมีขันทีหนุ่มผู้เป็นมือขวาของขันทีผู้รับใช้ฮ่องเต้ สายตาของเขากวาดตามองทุกอย่างโดยรอบ ตัวเขาถู