“ขออภัยท่านโหวเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามเดินให้เร็วกว่านี้”
นางก้าวเดินเร็วขึ้น แต่นั่นกลับสร้างความปวดแปลบเข้าสู่ใจกลางสาว สองขาสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด แข็งขาพลันดูอ่อนแรง
เย่เจียวหั่วพ่นลมหายใจอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตรงเข้ามาช้อนร่างระหงเข้ามาในอ้อมแขน ขายาว ๆ ของเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงยังเรือนของหลิวเถียน ฮูหยินใหญ่ของจวนโหว มารดาผู้ให้กำเนิดของท่านโหวคนปัจจุบัน
ร่างสูงว่างร่างของห่าวเย่วเล่อลงกับพื้น พร้อมกับประคองแขนเล็กพากันเดินเข้าไปยังห้องโถง ที่ซึ่งมีหลิวเถียนกำลังนั่งรอทั้งสองคนอยู่ก่อนแล้ว
“กว่าจะมากันได้ น้ำชาที่เตรียมเอาไว้เย็นชืดไปเสียแล้ว”
สตรีวัยกลางคนบนเก้าอี้ไม้เนื้อหอม เอ่ยตำหนิซึ่งหน้า แต่สายตาของนางกลับทอดมองห่าวเย่วเล่อ ราวกับจะประกาศว่าเป็นความผิดของนาง
“ขออภัยฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”
ปัง!!
ฝ่ามือเรียวตบที่โต๊ะอย่างมีโทสะ ดวงตาของหลิวเถียนมองมาทางสะใภ้ด้วยความกรุ่นโกรธ
“เจ้ากำลังผายลมอะไรกัน ถึงเจ้าจะไม่คิดว่าตนคือคนของจวนโหว แต่ข้าก็เป็นแม่สามีของเจ้า เจ้าควรเรียกขานว่าท่านแม่ด้วยความนอบน้อม หากเรื่องที่เจ้าเรียกข้าด้วยถ้อยคำที่ห่างเหินเช่นนี้แพร่ออกไป จวนโหวของเราจะมิอับอายหรือ”
ร่างระหงทรุดกายโขกศีรษะลงกับพื้นไม้เย็นเยียบเสียงดัง
ตุ๊บ!
“สะ สะใภ้โง่เขลาเจ้าค่ะ สะใภ้ไม่เคยคิดเช่นนั้น เพียงแต่เกรงว่าถ้าไม่ได้รับคำอนุญาตจากท่านแม่เสียก่อน สะใภ้ก็มิบังอาจเอ่ยเรียกท่านแม่เจ้าค่ะ ขอท่านแม่ได้โปรดอย่ามีโทสะเพราะสะใภ้ผู้นี้เลยเจ้าค่ะ” น้ำเสียงแว่วหวานเอ่ยสั่นเทาด้วยความสำนึกผิด
หลิวเถียนเองก็พยักหน้าพึงพอใจ อย่างน้อยนางก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
“เจ้ารีบลุกขึ้นเถอะ คราวหน้าก็อย่าทำเช่นนี้อีก ถึงเจ้าจะเป็นสตรีบรรณาการแต่ตอนนี้เจ้าก็คือคนของจวนโหว พึงระลึกไว้เสมอว่าหน้าที่ของเจ้าคือสิ่งใด”
“ขอบคุณท่านแม่ที่สั่งสอนเจ้าค่ะ”
มามาผู้อาวุโสเดินเข้าไปประคองห่าวเย่วเล่อ จากนั้นคู่สามีภรรยาจึงได้ยกน้ำชาให้แก่หลิวเถียน นางเองก็เตรียมของขวัญรับขวัญทั้งคู่เช่นเดียวกัน
กล่องไม้ใบใหญ่ถูกนำมามอบให้กับห่าวเย่วเล่อ ภายในบรรจุเครื่องประดับทองมีฝังอัญมณีสีอำพัน ดูงดงามและหรูหราควรค่าแก่เมืองเจียว เครื่องประดับชุดนี้คือของตกทอดจากฮูหยินเอกของจวนโหวที่จะส่งมอบให้แก่สะใภ้เอก
“เจ้าเป็นคนของจวนโหวโดยสมบูรณ์แล้ว พรุ่งนี้ยามเฉินมาที่เรือนของข้า ข้าจะให้มามาอาวุโสคอยสอนงานของจวนโหวให้แก่เจ้า”
“สะใภ้ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
“อาหั่วเจ้าเองก็ดูแลนางให้ดี และให้ดีคือรีบมีหลานให้แม่จะดีที่สุด แม่อยากฟังข่าวดีก่อนงานวันไหว้บรรพชน”
“ลูกจะพยายามอย่างเต็มที่ขอรับ”
“แม่เหนื่อยแล้ว พวกเจ้าทั้งสองออกไปเถอะ”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
ทั้งสองยอบกายคารวะ แล้วจึงเดินจากไปโดยเย่เจียวหั่วยังคอยประคองฮูหยินของเขาตลอดเวลา
คล้อยหลังของหนุ่มสาว มามาผู้อาวุโสอดจะเอ่ยถามเจ้านายของตนไม่ได้ นางอยู่รับใช้หลิวเถียนตั้งแต่เด็ก จึงพอรู้ใจมาอยู่บ้าง แต่การกระทำครั้งนี้ของเจ้านายกลับแปลกไปจนนางประหลาดใจ
“ฮูหยินใหญ่ยอมรับฮูหยินน้อยแล้วหรือเจ้าคะ”
“เปล่า ข้าแค่กำลังให้โอกาสนาง เด็กคนนี้ไม่ได้โง่เขลาอย่างที่นางแสดงหรอกนะ นางรู้จักอ่านสถานการ์ณและยังสามารถโอนอ่อนได้เป็นอย่างดี นางดูคล้ายนางจิ้งจอกที่กำลังห่มหนังแกะเสียมากกว่า”
“จะให้บ่าวตามดูฮูหยินน้อยไหมเจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก อาหั่วส่งคนของเขาไปแล้ว บุตรชายของข้าเขาโชคดีที่ได้รับการสั่งสอนจากท่านปู่และท่านย่าของเขา หากเขาเหมือนกับบิดา ข้าคงปวดใจมากกว่านี้”
หลิวเถียนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อนึกถึงสามีผู้ล่วงลับของตนเอง หากว่าเขาหนักแน่นและฉลาดมากกว่านี้ คงจะไม่ต้องมาจบชีวิตเช่นนี้เป็นแน่
“คุณหนูหลิวมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้หน้าห้องเดินเข้ามารายงาน
“ให้นางเข้ามาเร็วเข้า” น้ำเสียงของหลิวเถียนกระตือรือร้นยิ่งนัก สีหน้าที่เคยเศร้าหมองพลันยิ้มแย้มขึ้นมาทันใด
ไม่นานสตรีนางหนึ่งก็ย่างกรายเข้ามายังในห้องโถงหลัก ท่วงท่าการเดินเหินของนางดั่งคุณหนูในห้องหอที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี ฝีเท้าเงียบกริบ แผ่นหลังเล็กยืดตรง ใบหน้าหวานเชิดขึ้นแต่ก็ยังคงความอ่อนน้อม สองมือประสานกันที่ระดับเอว ทุกก้าวย่างชายกระโปรงของนางแทบไม่ขยับเลย
“คารวะท่านป้าเจ้าค่ะ”
สตรีสะคราญโฉมที่มีใบหน้างดงามหมดจดยอบกายคารวะฮูหยินใหญ่หลิวเถียนด้วยความนอบน้อม ใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องประทินโฉมแย้มยิ้มบางเบา
“เหตุใดถึงมาเช้านักเล่า วันนี้เจ้าไม่ได้มีเรียนพิณหรือ”
หลิวเถียนทอดมองสตรีรุ่นลูกด้วยความเอ็นดู น้ำเสียงของนางที่เอ่ยถามมีความเอื้ออาทรต่อ ‘หลิวหนิงอัน’ บุตรสาวของพี่ชายต่างมารดาแห่งจวนตระกูลหลิว
“ท่านอาจารย์ขอลาหยุดหนึ่งวันเจ้าค่ะ วันนี้ข้าถือโอกาสทำน้ำแกงปลามาฝากท่านป้า และอยากให้ท่านพี่เจียวหั่วชิมด้วยเจ้าค่ะ”
“อาหั่วเพิ่งกลับออกไปไม่นาน เจ้าเอาไปให้เขาที่เรือนเถอะ”
“เจ้าค่ะท่านป้า”
เมื่อเป้าหมายสำเร็จผล หลิวหนิงอันจึงฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดี นางรีบหมุนกายเดินไปทางเรือนหลักทันที
บทที่ 1เจ้าสาวแห่งเผ่าห่าวอู๋หิมะสีขาวพิสุทธิ์โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย มีบางส่วนตกลงมาบนเกี้ยวเจ้าสาวที่ตกแต่งด้วยผ้ามงคลสีแดงสด แม้จะมีหิมะตกลงมาไม่หยุดหย่อน จนพื้นดินกลายสีขาวโพลนที่เต็มไปด้วยหิมะ แต่ก็มิอาจจะหยุดงานรื่นเริงมงคลแห่งแดนเหนือได้เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนเจียวหย่งโหวแห่งแดนเหนือ ตลอดสองฝั่งถนนมีผู้คนในเมืองเจียวออกมายืนดูเกี้ยวเจ้าสาวกันอย่างเนืองแน่นข่าวว่าเจ้าสาวคือบุตรีของหัวหน้าเผ่าห่าวอู๋ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากเมืองเจียว เพราะเผ่าห่าวอู๋ประสบปัญหาขาดแคลนเสบียงเนื่องจากภัยหนาว และจากการรุกรานของชนเผ่าทุ่งหญ้า ทำให้หัวหน้าเผ่าตัดสินใจมอบบุตรีที่รักยิ่งมาเป็นบรรณาการให้แก่ฮ่องเต้แคว้นเป่ย เพื่อแลกกับความคุ้มครองและเสบียงอาหารฮ่องเต้ทรงเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะลดทอนอำนาจของแดนเหนือ จึงพระราชทานงานมงคลสมรสให้แก่ ‘เย่เจียวหั่ว’ ผู้ปกครองแดนเหนือ โดยเจ้าสาวคือสตรีที่ได้รับบรรณาการจากเผ่าห่าวอู๋ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่นักมุ่งหน้าสู่จวนเจียวหย่งโหว ด้านข้างมีขันทีหนุ่มผู้เป็นมือขวาของขันทีผู้รับใช้ฮ่องเต้ สายตาของเขากวาดตามองทุกอย่างโดยรอบ ตัวเขาถู
ร่างระหงเดินหายเข้าไปยังห้องอาบน้ำ จัดการปลดอาภรณ์สีแดงอันหนักอึ้งออกจากร่างกายขาวผ่อง หากว่าชาวเมืองเจียวมีผิวกายที่ขาวผ่องแล้ว แต่ห่าวเย่วเล่อกลับมีผิวกายที่เนียนละเอียดมากกว่า ผิวกายของนางยามต้องแสงจันทร์ที่สาดแสงเข้ามานั้นดูระยิบระยับจนตาพร่าหญิงสาวเดินลงไปแช่ตัวในถังอาบน้ำใบใหญ่ แม้น้ำจะเริ่มเย็นลงแต่นางก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังคงอาบน้ำชะล้างกลิ่นกายอยู่เช่นนั้น ความรู้สึกหนักอึ้งตลอดหลายวันที่ผ่านมาพลันเบาบางลงยามที่นางได้อาบน้ำแช่ตัวจะทำให้หัวสมองปลอดโปร่งขึ้นมาชั่วขณะ ทำให้จิตใจที่สับสนคล้ายกับมีเวลาขบคิดเรื่องราวที่ผ่านมาในเมื่อนางไม่เป็นที่ต้องการของจวนโหว สิ่งที่นางทำได้เวลานี้ก็คือการวางตัวนิ่งเฉย ถึงจวนโหวจะไม่ชมชอบนาง แต่เขาก็มิอาจจะกระทำการหยามหมิ่นเกียรติของนางได้ เพราะนางคือสตรีที่ฝ่าบาททรงพระราชทาน ถึงอย่างไรจวนโหวก็ต้องหวั่นเกรงในอำนาจของฝ่าบาทดวงตาเรียวหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องแต่เช้า และความเครียดที่ก่อตัวขึ้นมาหลายวันนี้ จึงทำให้นางผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้นเย่เจียวหั่วกำลังร่ำสุรากับสหายสนิทผู้เป็นกุนซือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ใบหน้าคมเข้มถอน
บทที่ 2ร่างกายนี้มอบให้ท่าน“เย่วเล่อ เจ้าลุกออกมาได้แล้ว” เย่เจียวหั่วเอ่ยเรียกหญิงสาวที่นอนหลับตาอย่างสุขใจด้วยเสียงที่ดังขึ้น“อ๊ะ!!”ร่างระหงพลันลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อารมณ์ของเย่เจียวหั่วพลันพลุ่งพล่านด้วยแรงปรารถนา จู่ ๆ ก็มีสตรีที่มีใบหน้างดงามยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าจะไม่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ได้อย่างไรเขาเองก็เป็นชายชาตรีทั้งแท่ง ไม่ใช่ผู้ทรงศีลเสียเมื่อไหร่เฮือก!!น้ำลายเหนียวข้นกลืนลงคออย่างยากลำบาก ใบหูทั้งสองข้างของชายหนุ่มแดงก่ำจนร้อนฉ่าผิวกายขาวละเอียดดั่งน้ำนม ส่วนเว้าส่วนโค้งของสตรีเพศที่งดงามยืนอยู่ตรงหน้า หน้าอกอวบใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่วจนมือของเขาแทบจะกำรอบ แต่สะโพกผายกลับกลมกลึงยิ่งนักภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เลือดลมของเขาร้อนผ่าว กึ่งกลางกายที่เคยสงบนิ่งพลันแข็งขืนขึ้นมาทันใด“ฮูหยินกำลังทดสอบความอดทนของข้าเช่นนั้นหรือ” ในที่สุดเย่เจียวหั่วก็เอ่ยทำลายความเงียบห่าวเย่วเล่อที่เพิ่งตื่นกำลังงงงวยพลันกระจ่างแจ้ง เมื่อเห็นสายตาร้อนแรงของเขาที่มองมา หญิงสาวรีบทรุดตัวลงนั่งที่อ่างไม้ตามเดิม ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาปิดหน้าด้วยความอับอายใบหน้างามร้อนฉ่ากับเห
“เจ้าไม่พอใจหรือ” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบถามที่ใบหูเล็ก เมื่อเห็นแววตาสั่นไหวของอีกฝ่ายห่าวเย่วเล่อสูดลมหายใจเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา “ข้าแค่ตกใจเจ้าค่ะ ข้าแต่งมาเป็นฮูหยินของท่านโหว ย่อมต้องมอบใจและร่างกายนี้ให้กับท่านโหวอยู่แล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงแว่วหวานเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมานางเองก็ไม่ใช่สตรีในห้องหอ คงไม่ต้องเสแสร้งแกล้งพูดคำหวานหูหรอก“ดี เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็ทำหน้าที่ของฮูหยินจวนโหวให้ดีแล้วกัน” คิ้วเข้มกระตุกไปมาเมื่อได้ยินคำพูดของคนใต้ร่างเมื่อนางเต็มใจและเตรียมกายมาแล้ว เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำตัวเป็นสุภาพชน นางคือฮูหยินบรรณาการของเขานี่ เขาจะทำอย่างไรกับนางก็ได้จมูกโด่งดอมดมที่ซอกคอขาวหอมกรุ่น ริมฝีปากหนาขบเม้มจนผิวกายขาวผ่องเกิดรอยแดงจนเด่นชัดเพียงแค่เขาสูดดมความหอมหวานจากกายสาว แท่งหยกของเขาก็แข็งขืนขึ้นมา จนหญิงสาวสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ดุนดันตรงหว่างขา พลันรู้สึกความร้อนขุมหนึ่งแล่นพล่านไปทั่วกายสาว“อื้อ...”ริมฝีปากหนาเปลี่ยนไปบดจูบที่เรียวปากอวบอิ่ม เขาดูดดึงลิ้นเล็กที่หลบหลีกเป็นพัลวัน ก่อนจะไล่ต้อนจนอีกฝ่ายจนมุม ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากหวาน รสสัมผัสของนาง
บทที่ 3ไม่เคยพอเย่เจียวหั่วพลันผละกายออกจากมือเล็ก แล้วจับแก่นกายของตนถูไถที่ร่องหวานที่บัดนี้มีน้ำหวานไหลเยิ้มออกมา เขาไม่ได้เร่งรีบเพราะรู้ดีว่าครั้งแรกของสตรีจะเจ็บมาก เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับนางปลายหัวหยักถูไถที่ปากทางคับแคบ เพียงแค่หัวของมันแทรกดันไปที่ร่องรักอ่อนนุ่ม ร่างระหงพลันผวาด้วยความเจ็บปวด สะโพกมนขยับกายถอยหนี แต่มือหนากลับจับตรึงเอาไว้แน่น“อื้อ...เจ็บ เจ็บมาก” น้ำตาสีใสพลันไหลรินจากหางตาเย่เจียวหั่วเห็นเช่นนั้นก็อดจะสงสารนางไม่ได้ เขาเองก็ปวดหนึบจนจะระเบิด แต่เพราะไม่อยากกระทำตัวราวกับสัตว์ป่าจึงไม่ได้ดุนดันเข้าไป เพื่อลดอาการเกร็งจากคนใต้ร่างมือหนาจึงเอื้อมไปบีบเคล้นที่เต้าอวบ ทั้งยังก้มหน้าไปจูบซับที่กรอบใบหน้างามที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายออกมา ริมฝีปากหนาไล้จูบไปทั่วใบหน้า ตั้งแต่เปลือกตางาม จมูกโด่ง แก้มขาวเนียนใส ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอออกมา“ข้าจะทำเบา ๆ ฮูหยินเชื่อใจข้านะ” ใบหน้าคมกระซิบที่ใบหูเล็กพร้อมกับงับติ่งหูเล่นอย่างหยอกเย้าเมื่อเห็นว่านางเริ่มปรับอารมณ์และเริ่มมัวเมาไปกับสัมผัสของเขา ร่างสูงจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปในโพรงอ่อนนุ่มกะทันห
หากเขาบอกว่าเขายังไม่อิ่ม ยังอยากจะกลืนกินนางอีกสักหลาย ๆ รอบ นางก็คงจะไม่ว่าอะไรกระมัง เพราะถึงอย่างไรนางก็แต่งเป็นฮูหยินให้กับเขาแล้วสามีว่าอย่างไร ภรรยาก็ต้องว่าอย่างนั้นสินะฝ่ามือหนาเลื่อนมาลูบไล้ที่แผ่นหลังเล็กขาวเนียน กายสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตื่นตระหนก“ท่าน!...ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยระโหยโรยแรงใบหน้างามหันมาเอ่ยห้ามชายหนุ่ม แต่เมื่อสบตาที่ร้อนแรงนั้น ขนกายของนางกลับขนลุกซู่ด้วยความเสียวสะท้าน“ฮูหยินแค่นอนเฉย ๆ เท่านั้น ที่เหลือข้าจัดเอง”เขายอมรับว่าตอนนี้เขาเสพติดกับร่างกายของห่าวเย่วเล่อ ไม่ว่าส่วนใดเขาก็ชมชอบทั้งสิ้น ริมฝีปากหยักกดจูบที่แผ่นหลังเล็กที่ชื้นเหงื่อ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกอบกุมหน้าอกนิ่มหยุ่นที่มันใหญ่เสียจนล้นมือของเขา“อื้อ...ท่าน ข้า อ่า...” ห่าวเย่วเล่อผงกหน้าร้องครางเสียงหวานจะให้นางนอนนิ่ง ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเล่นมาแตะต้องร่างกายของนางเช่นนี้ หญิงสาวจึงพลิกกายหันกลับมา แล้วเป็นฝ่ายคล้องแขนที่ลำคอหนาให้ก้มหน้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากของนางลิ้นเล็กสอดแทรกเข้าไปที่โพรงปากอุ่นของเขาอย่างเงอะงะ แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้กับชายหนุ่ม“อ่า
บทที่ 4คารวะแม่สามีดวงตะวันโผล่พ้นเหนือขอบฟ้า แสงสว่างสาดแสงทุกสรรพสิ่งบนผืนแผ่นดินกว้าง ผืนดินที่ขาวโพลนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เริ่มละลายลงเมื่อต้องแสงตะวันอันเจิดจ้า อากาศที่หนาวเย็นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นแต่สำหรับห่าวเย่วเล่อที่นอนอยู่บนที่นอนอันอบอุ่นนั้น นางไม่อยากจะหยัดกายลุกออกจากที่นอนนี้เลย ความอุ่นสบายเป็นครั้งแรกในชีวิตทำให้หญิงสาวไม่จากจะลุกกายจากไปสาวใช้ด้านนอกที่ได้ยินเสียงขยับกายด้านใน จึงได้ส่งเสียงเรียกขึ้นมา“ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ”“อืม” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยตอบรับเสียงประตูถูกผลักออกมา พร้อมกับสาวใช้กว่าสิบนางที่เดินเข้ามายังห้องแห่งนี้ พวกนางถูกพ่อบ้านประจำจวนโหวให้เข้ามาดูแลฮูหยินน้อยคนใหม่ของท่านโหวสาวใช้ทั้งสิบล้วนเป็นหญิงสาวที่อายุไม่เกินยี่สิบปี เมื่อพวกนางเข้ามาเห็นห้องหอที่ราวกับเพิ่งถูกพายุพัดผ่าน ต่างก็พากันใบหน้าแดงกันเป็นแถบท่านโหวของพวกนางช่างดุดันนัก ขณะตอนนี้ฮูหยินยังไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเดินด้วยตัวเองเลย ร่องรอยฝากรักที่ท่านโหวทิ้งไว้ที่เรือนร่างของฮูหยิน ล้วนมีทุกพื้นที่ จนพวกนางยังรู้สึกเขินอายแทนเจ้านายสาวข่าวลือที่บอกว่าฮูหยินไม
“ขออภัยท่านโหวเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามเดินให้เร็วกว่านี้”นางก้าวเดินเร็วขึ้น แต่นั่นกลับสร้างความปวดแปลบเข้าสู่ใจกลางสาว สองขาสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด แข็งขาพลันดูอ่อนแรงเย่เจียวหั่วพ่นลมหายใจอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตรงเข้ามาช้อนร่างระหงเข้ามาในอ้อมแขน ขายาว ๆ ของเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงยังเรือนของหลิวเถียน ฮูหยินใหญ่ของจวนโหว มารดาผู้ให้กำเนิดของท่านโหวคนปัจจุบันร่างสูงว่างร่างของห่าวเย่วเล่อลงกับพื้น พร้อมกับประคองแขนเล็กพากันเดินเข้าไปยังห้องโถง ที่ซึ่งมีหลิวเถียนกำลังนั่งรอทั้งสองคนอยู่ก่อนแล้ว“กว่าจะมากันได้ น้ำชาที่เตรียมเอาไว้เย็นชืดไปเสียแล้ว”สตรีวัยกลางคนบนเก้าอี้ไม้เนื้อหอม เอ่ยตำหนิซึ่งหน้า แต่สายตาของนางกลับทอดมองห่าวเย่วเล่อ ราวกับจะประกาศว่าเป็นความผิดของนาง“ขออภัยฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”ปัง!!ฝ่ามือเรียวตบที่โต๊ะอย่างมีโทสะ ดวงตาของหลิวเถียนมองมาทางสะใภ้ด้วยความกรุ่นโกรธ“เจ้ากำลังผายลมอะไรกัน ถึงเจ้าจะไม่คิดว่าตนคือคนของจวนโหว แต่ข้าก็เป็นแม่สามีของเจ้า เจ้าควรเรียกขานว่าท่านแม่ด้วยความนอบน้อม หากเรื่องที่เจ้าเรียกข้าด้วยถ้อยคำที่ห่างเหินเช่นนี้แพร่ออ
บทที่ 4คารวะแม่สามีดวงตะวันโผล่พ้นเหนือขอบฟ้า แสงสว่างสาดแสงทุกสรรพสิ่งบนผืนแผ่นดินกว้าง ผืนดินที่ขาวโพลนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เริ่มละลายลงเมื่อต้องแสงตะวันอันเจิดจ้า อากาศที่หนาวเย็นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นแต่สำหรับห่าวเย่วเล่อที่นอนอยู่บนที่นอนอันอบอุ่นนั้น นางไม่อยากจะหยัดกายลุกออกจากที่นอนนี้เลย ความอุ่นสบายเป็นครั้งแรกในชีวิตทำให้หญิงสาวไม่จากจะลุกกายจากไปสาวใช้ด้านนอกที่ได้ยินเสียงขยับกายด้านใน จึงได้ส่งเสียงเรียกขึ้นมา“ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ”“อืม” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยตอบรับเสียงประตูถูกผลักออกมา พร้อมกับสาวใช้กว่าสิบนางที่เดินเข้ามายังห้องแห่งนี้ พวกนางถูกพ่อบ้านประจำจวนโหวให้เข้ามาดูแลฮูหยินน้อยคนใหม่ของท่านโหวสาวใช้ทั้งสิบล้วนเป็นหญิงสาวที่อายุไม่เกินยี่สิบปี เมื่อพวกนางเข้ามาเห็นห้องหอที่ราวกับเพิ่งถูกพายุพัดผ่าน ต่างก็พากันใบหน้าแดงกันเป็นแถบท่านโหวของพวกนางช่างดุดันนัก ขณะตอนนี้ฮูหยินยังไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเดินด้วยตัวเองเลย ร่องรอยฝากรักที่ท่านโหวทิ้งไว้ที่เรือนร่างของฮูหยิน ล้วนมีทุกพื้นที่ จนพวกนางยังรู้สึกเขินอายแทนเจ้านายสาวข่าวลือที่บอกว่าฮูหยินไม
หากเขาบอกว่าเขายังไม่อิ่ม ยังอยากจะกลืนกินนางอีกสักหลาย ๆ รอบ นางก็คงจะไม่ว่าอะไรกระมัง เพราะถึงอย่างไรนางก็แต่งเป็นฮูหยินให้กับเขาแล้วสามีว่าอย่างไร ภรรยาก็ต้องว่าอย่างนั้นสินะฝ่ามือหนาเลื่อนมาลูบไล้ที่แผ่นหลังเล็กขาวเนียน กายสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตื่นตระหนก“ท่าน!...ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยระโหยโรยแรงใบหน้างามหันมาเอ่ยห้ามชายหนุ่ม แต่เมื่อสบตาที่ร้อนแรงนั้น ขนกายของนางกลับขนลุกซู่ด้วยความเสียวสะท้าน“ฮูหยินแค่นอนเฉย ๆ เท่านั้น ที่เหลือข้าจัดเอง”เขายอมรับว่าตอนนี้เขาเสพติดกับร่างกายของห่าวเย่วเล่อ ไม่ว่าส่วนใดเขาก็ชมชอบทั้งสิ้น ริมฝีปากหยักกดจูบที่แผ่นหลังเล็กที่ชื้นเหงื่อ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกอบกุมหน้าอกนิ่มหยุ่นที่มันใหญ่เสียจนล้นมือของเขา“อื้อ...ท่าน ข้า อ่า...” ห่าวเย่วเล่อผงกหน้าร้องครางเสียงหวานจะให้นางนอนนิ่ง ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเล่นมาแตะต้องร่างกายของนางเช่นนี้ หญิงสาวจึงพลิกกายหันกลับมา แล้วเป็นฝ่ายคล้องแขนที่ลำคอหนาให้ก้มหน้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากของนางลิ้นเล็กสอดแทรกเข้าไปที่โพรงปากอุ่นของเขาอย่างเงอะงะ แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้กับชายหนุ่ม“อ่า
บทที่ 3ไม่เคยพอเย่เจียวหั่วพลันผละกายออกจากมือเล็ก แล้วจับแก่นกายของตนถูไถที่ร่องหวานที่บัดนี้มีน้ำหวานไหลเยิ้มออกมา เขาไม่ได้เร่งรีบเพราะรู้ดีว่าครั้งแรกของสตรีจะเจ็บมาก เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับนางปลายหัวหยักถูไถที่ปากทางคับแคบ เพียงแค่หัวของมันแทรกดันไปที่ร่องรักอ่อนนุ่ม ร่างระหงพลันผวาด้วยความเจ็บปวด สะโพกมนขยับกายถอยหนี แต่มือหนากลับจับตรึงเอาไว้แน่น“อื้อ...เจ็บ เจ็บมาก” น้ำตาสีใสพลันไหลรินจากหางตาเย่เจียวหั่วเห็นเช่นนั้นก็อดจะสงสารนางไม่ได้ เขาเองก็ปวดหนึบจนจะระเบิด แต่เพราะไม่อยากกระทำตัวราวกับสัตว์ป่าจึงไม่ได้ดุนดันเข้าไป เพื่อลดอาการเกร็งจากคนใต้ร่างมือหนาจึงเอื้อมไปบีบเคล้นที่เต้าอวบ ทั้งยังก้มหน้าไปจูบซับที่กรอบใบหน้างามที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายออกมา ริมฝีปากหนาไล้จูบไปทั่วใบหน้า ตั้งแต่เปลือกตางาม จมูกโด่ง แก้มขาวเนียนใส ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอออกมา“ข้าจะทำเบา ๆ ฮูหยินเชื่อใจข้านะ” ใบหน้าคมกระซิบที่ใบหูเล็กพร้อมกับงับติ่งหูเล่นอย่างหยอกเย้าเมื่อเห็นว่านางเริ่มปรับอารมณ์และเริ่มมัวเมาไปกับสัมผัสของเขา ร่างสูงจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปในโพรงอ่อนนุ่มกะทันห
“เจ้าไม่พอใจหรือ” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบถามที่ใบหูเล็ก เมื่อเห็นแววตาสั่นไหวของอีกฝ่ายห่าวเย่วเล่อสูดลมหายใจเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา “ข้าแค่ตกใจเจ้าค่ะ ข้าแต่งมาเป็นฮูหยินของท่านโหว ย่อมต้องมอบใจและร่างกายนี้ให้กับท่านโหวอยู่แล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงแว่วหวานเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมานางเองก็ไม่ใช่สตรีในห้องหอ คงไม่ต้องเสแสร้งแกล้งพูดคำหวานหูหรอก“ดี เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็ทำหน้าที่ของฮูหยินจวนโหวให้ดีแล้วกัน” คิ้วเข้มกระตุกไปมาเมื่อได้ยินคำพูดของคนใต้ร่างเมื่อนางเต็มใจและเตรียมกายมาแล้ว เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำตัวเป็นสุภาพชน นางคือฮูหยินบรรณาการของเขานี่ เขาจะทำอย่างไรกับนางก็ได้จมูกโด่งดอมดมที่ซอกคอขาวหอมกรุ่น ริมฝีปากหนาขบเม้มจนผิวกายขาวผ่องเกิดรอยแดงจนเด่นชัดเพียงแค่เขาสูดดมความหอมหวานจากกายสาว แท่งหยกของเขาก็แข็งขืนขึ้นมา จนหญิงสาวสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ดุนดันตรงหว่างขา พลันรู้สึกความร้อนขุมหนึ่งแล่นพล่านไปทั่วกายสาว“อื้อ...”ริมฝีปากหนาเปลี่ยนไปบดจูบที่เรียวปากอวบอิ่ม เขาดูดดึงลิ้นเล็กที่หลบหลีกเป็นพัลวัน ก่อนจะไล่ต้อนจนอีกฝ่ายจนมุม ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากหวาน รสสัมผัสของนาง
บทที่ 2ร่างกายนี้มอบให้ท่าน“เย่วเล่อ เจ้าลุกออกมาได้แล้ว” เย่เจียวหั่วเอ่ยเรียกหญิงสาวที่นอนหลับตาอย่างสุขใจด้วยเสียงที่ดังขึ้น“อ๊ะ!!”ร่างระหงพลันลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อารมณ์ของเย่เจียวหั่วพลันพลุ่งพล่านด้วยแรงปรารถนา จู่ ๆ ก็มีสตรีที่มีใบหน้างดงามยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าจะไม่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ได้อย่างไรเขาเองก็เป็นชายชาตรีทั้งแท่ง ไม่ใช่ผู้ทรงศีลเสียเมื่อไหร่เฮือก!!น้ำลายเหนียวข้นกลืนลงคออย่างยากลำบาก ใบหูทั้งสองข้างของชายหนุ่มแดงก่ำจนร้อนฉ่าผิวกายขาวละเอียดดั่งน้ำนม ส่วนเว้าส่วนโค้งของสตรีเพศที่งดงามยืนอยู่ตรงหน้า หน้าอกอวบใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่วจนมือของเขาแทบจะกำรอบ แต่สะโพกผายกลับกลมกลึงยิ่งนักภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เลือดลมของเขาร้อนผ่าว กึ่งกลางกายที่เคยสงบนิ่งพลันแข็งขืนขึ้นมาทันใด“ฮูหยินกำลังทดสอบความอดทนของข้าเช่นนั้นหรือ” ในที่สุดเย่เจียวหั่วก็เอ่ยทำลายความเงียบห่าวเย่วเล่อที่เพิ่งตื่นกำลังงงงวยพลันกระจ่างแจ้ง เมื่อเห็นสายตาร้อนแรงของเขาที่มองมา หญิงสาวรีบทรุดตัวลงนั่งที่อ่างไม้ตามเดิม ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาปิดหน้าด้วยความอับอายใบหน้างามร้อนฉ่ากับเห
ร่างระหงเดินหายเข้าไปยังห้องอาบน้ำ จัดการปลดอาภรณ์สีแดงอันหนักอึ้งออกจากร่างกายขาวผ่อง หากว่าชาวเมืองเจียวมีผิวกายที่ขาวผ่องแล้ว แต่ห่าวเย่วเล่อกลับมีผิวกายที่เนียนละเอียดมากกว่า ผิวกายของนางยามต้องแสงจันทร์ที่สาดแสงเข้ามานั้นดูระยิบระยับจนตาพร่าหญิงสาวเดินลงไปแช่ตัวในถังอาบน้ำใบใหญ่ แม้น้ำจะเริ่มเย็นลงแต่นางก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังคงอาบน้ำชะล้างกลิ่นกายอยู่เช่นนั้น ความรู้สึกหนักอึ้งตลอดหลายวันที่ผ่านมาพลันเบาบางลงยามที่นางได้อาบน้ำแช่ตัวจะทำให้หัวสมองปลอดโปร่งขึ้นมาชั่วขณะ ทำให้จิตใจที่สับสนคล้ายกับมีเวลาขบคิดเรื่องราวที่ผ่านมาในเมื่อนางไม่เป็นที่ต้องการของจวนโหว สิ่งที่นางทำได้เวลานี้ก็คือการวางตัวนิ่งเฉย ถึงจวนโหวจะไม่ชมชอบนาง แต่เขาก็มิอาจจะกระทำการหยามหมิ่นเกียรติของนางได้ เพราะนางคือสตรีที่ฝ่าบาททรงพระราชทาน ถึงอย่างไรจวนโหวก็ต้องหวั่นเกรงในอำนาจของฝ่าบาทดวงตาเรียวหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องแต่เช้า และความเครียดที่ก่อตัวขึ้นมาหลายวันนี้ จึงทำให้นางผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้นเย่เจียวหั่วกำลังร่ำสุรากับสหายสนิทผู้เป็นกุนซือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ใบหน้าคมเข้มถอน
บทที่ 1เจ้าสาวแห่งเผ่าห่าวอู๋หิมะสีขาวพิสุทธิ์โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย มีบางส่วนตกลงมาบนเกี้ยวเจ้าสาวที่ตกแต่งด้วยผ้ามงคลสีแดงสด แม้จะมีหิมะตกลงมาไม่หยุดหย่อน จนพื้นดินกลายสีขาวโพลนที่เต็มไปด้วยหิมะ แต่ก็มิอาจจะหยุดงานรื่นเริงมงคลแห่งแดนเหนือได้เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนเจียวหย่งโหวแห่งแดนเหนือ ตลอดสองฝั่งถนนมีผู้คนในเมืองเจียวออกมายืนดูเกี้ยวเจ้าสาวกันอย่างเนืองแน่นข่าวว่าเจ้าสาวคือบุตรีของหัวหน้าเผ่าห่าวอู๋ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากเมืองเจียว เพราะเผ่าห่าวอู๋ประสบปัญหาขาดแคลนเสบียงเนื่องจากภัยหนาว และจากการรุกรานของชนเผ่าทุ่งหญ้า ทำให้หัวหน้าเผ่าตัดสินใจมอบบุตรีที่รักยิ่งมาเป็นบรรณาการให้แก่ฮ่องเต้แคว้นเป่ย เพื่อแลกกับความคุ้มครองและเสบียงอาหารฮ่องเต้ทรงเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะลดทอนอำนาจของแดนเหนือ จึงพระราชทานงานมงคลสมรสให้แก่ ‘เย่เจียวหั่ว’ ผู้ปกครองแดนเหนือ โดยเจ้าสาวคือสตรีที่ได้รับบรรณาการจากเผ่าห่าวอู๋ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่นักมุ่งหน้าสู่จวนเจียวหย่งโหว ด้านข้างมีขันทีหนุ่มผู้เป็นมือขวาของขันทีผู้รับใช้ฮ่องเต้ สายตาของเขากวาดตามองทุกอย่างโดยรอบ ตัวเขาถู