"พูดให้มันดีๆ ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปีนะ"
"i am sorry ค่า พอดีว่าฉันอยู่เมืองนอกเมืองนามันหลายสิบปี แบบนี้ที่เมืองนอกใครๆ เขาก็ทำกันค่ะ" "เฮ้อ...แล้วคิดจะทำงานบ้านบ้างไหม?" "ไม่อ่ะ ทำไมต้องทำด้วยล่ะ?" เธอตอบหน้าตาเฉย "ตอนนี้เธอแต่งงานเป็นเมียฉันแล้ว หน้าที่แม่บ้านดูแลเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านก็เป็นหน้าที่ของเธอไง" "ก็คนมันทำไม่เป็นอ่ะจะให้ทำยังไง" "ไม่เป็นก็หัดสิ เดี๋ยวฉันจะให้คนมาสอน" "จิ๊! น่าเบื่อ" "อยู่บ้านก็อยู่ดีๆ อย่าเดินไปที่ไหนมั่วซั่ว แถวนี้มันเป็นป่างูเงี้ยวเขี้ยวขอมันเยอะ" "ฉันว่าฉันไม่โดนงูกัดตายหรอก จะโดนใครบางคนกัดจนตายมากกว่า" "บอกแล้วไงว่าให้พูดดีๆ ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปีนะ" "แล้วพูดไม่ดีตรงไหน? ลองตอบให้ฟังชัดๆ หน่อยสิคะคุณนายหัวไกร...?" "....." "ว่าแต่ แม่ของฉันขอคุยกับคุณ เรื่องอะไรหรอ จะให้ฉันกลับไปอยู่ที่กรุงเทพแล้วใช่ไหม?" "เปล่า..." "เอ้า แล้วคุยอะไรกันอ่ะ" "ท่านบอกว่าให้เราสองคนรีบมีลูกด้วยกัน" "ห๊ะ!!!" ***************** ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ "ทำหน้าให้มันดีๆ สิลูกวันนี้วันดีนะ" "วันดีของคุณแม่แต่ไม่ใช่วันดีของหนูนะคะ" "โถ่ลูกสาวแม่ ถ้าแม่ไม่ทำแบบนี้ลูกก็คงไม่คิดจะกลับมาที่บ้านเลย อีกอย่างแม่ก็รับประกันว่าไกรเนี่ยเขาถึงเป็นคนดีอบอุ่นมากๆ เลยล่ะ แม่ก็อยากให้ลูกสาวคนเดียวของแม่ได้มีคู่ชีวิตที่ดี" "แต่ไม่ใช่คู่ชีวิตที่เลือกเอง.." นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการเลย ฉันถูกเรียกตัวกลับมาเพราะคุณแม่บอกว่ามีเรื่องด่วน ทั้งที่ฉันไม่ได้อยากกลับเลย ฉันมีความสุขกับการที่ได้อยู่ต่างประเทศมากกว่า เพราะหลายๆ อย่างมันดีกว่าการที่ฉันต้องอยู่ที่บ้าน แล้วโดนห้ามทำแบบนั้นแบบนี้ ฉันเป็นผู้หญิงและก็เป็นลูกคนเดียว เพราะแบบนั้นคุณแม่กับคุณพ่อจึงมักจะห้ามไม่ให้ฉันทำเรื่องบลาๆ เพราะเขามักจะบอกเสมอว่ามันไม่ดี แต่ฉันก็มีสิทธิ์ตัดสินใจที่จะทำอะไรนี่นา เพราะแบบนี้ไงฉันถึงไม่อยากกลับ หลังจากได้ไปเรียนต่างประเทศฉันก็อยู่ที่นั่นถาวรเลย เพราะมีหลายๆ อย่างที่ฉันชอบและฉันก็มีความสุขมาก สามเดือนก่อนหน้านั้น "อะไรนะคะ หนูต้องกลับจริงๆ หรอ ปกติที่บ้านมีงานอะไรหนูก็ไม่กลับอยู่แล้วนี่นา ทำไมครั้งนี้ต้องกลับด้วยล่ะ?" ( ต้องกลับมาให้ได้นะลูก แม่มีเรื่องสำคัญที่จะต้องพูดกับลูก แล้วก็มีคนที่จะแนะนำให้รู้จักด้วย ) "ใครกันคะ?" ( กลับมาเดี๋ยวลูกก็รู้เอง รีบกลับมานะ ) สุดท้ายฉันก็ต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วกลับไปที่บ้าน ก่อนจะพบว่าเรื่องสำคัญที่คุณแม่บอกมันเป็นเรื่องที่ฉันจะต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนึง และฉันก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลยด้วย เพราะแบบนี้คุณแม่ถึงไม่ยอมบอกกับฉันผ่านโทรศัพท์ เพราะถ้าบอกกับฉันก่อนฉันจะไม่มีทางจองตั๋วเครื่องบินแล้วกลับมาเด็ดขาด ฉันแค่ไม่อยากแต่งงาน ฉันไม่อยากมีครอบครัว ฉันอยากใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ การที่ฉันตัวคนเดียวมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอะไรสักหน่อย ฉันมีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบนี้ "ลูกสาวของคุณหญิงเนี่ย สวยจริงๆ เลยนะคะ สวยเหมือนกับคุณหญิงสมัยสาวๆ เลย" "ขอบคุณมากนะคะ เชิญเข้าไปข้างในก่อนค่ะ" แต่งงานโดยที่ไม่รู้ตัวยังไม่พอ แถมงานแต่งก็ยังถูกจัดขึ้นใหญ่โตโอ่อ่าอีกต่างหาก ญาติของคุณแม่และญาติของคุณพ่อไหนจะนักธุรกิจต่างๆ มารวมตัวกันเยอะแยะมากมาย และนั่นฉันก็แผลงฤทธิ์อะไรไม่ได้เลย ใจจริงอยากจะชิ่งหนีออกไปทั้งชุดงานแต่งแบบนี้เลยด้วย "เข้าไปข้างในกันเถอะลูก" "ค่ะ" หลังจากที่ยืนรับแขกกันได้สักพักใหญ่ๆ คุณแม่ก็พาฉันกลับเข้าไปด้านใน เตรียมตัวที่จะเข้าพิธีงานแต่ง ก๊อกๆๆๆ "ทางฝั่งของเจ้าบ่าวมาถึงแล้วค่ะคุณหญิง" "โอเคจ้ะขอบใจมากนะ" "เฮ้อ..." "อะไรกันลูก อย่าถอนหายใจแบบนี้สิ แม่อยากเห็นเรายิ้มออกมานะ ยิ้มให้แม่ดูหน่อยสิ" "ลองให้คุณแม่มาถูกบังคับเหมือนหนูบ้างคุณแม่จะยิ้มออกไหมคะ?" ฉันเดินออกมาจากห้องพักโดยมีคุณแม่เดินตามหลังมา "ไงลูกสาวพ่อ" "มารับหรอคะ?" "ใช่ เกาะแขนพ่อสิ" "ค่ะ" ฉันกอดแขนคุณพ่อแล้วเดินลงไปด้วยกัน ภาพแรกที่ฉันเห็นคือทุกคนกำลังตะลึงในขณะที่ฉันกำลังลงไป และสิ่งต่อมาที่ฉันเห็นคือผู้ชายในชุดขาวซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านล่าง ถ้าเดาไม่ผิดเขาคงจะเป็นเจ้าบ่าวที่คุณแม่หามาให้ฉันแต่งงานด้วย เขาหล่อและดูดีมาก จะบอกว่าเป็นสเปคฉันเลยก็ได้ แต่เราสองคนยังไม่รู้จักกันเลย คนเราจะแต่งงานกันก็ต้องผ่านการคบกันเป็นแฟนหรือว่าขอแต่งงานก่อนสิ ต่อให้เขาจะหล่อเพอร์เฟคมากแค่ไหนฉันก็ไม่ได้คิดที่จะข้ามเส้นก้าวผ่านเรื่องพวกนั้นไป งานแต่งราบรื่นไปได้ด้วยดีโดยที่ฉันไม่ได้แผลงฤทธิ์หรือสร้างความวุ่นวาย แต่ก่อนตอนเด็กๆ ฉันบอกกับคุณแม่เสมอว่าฉันไม่อยากมีงานวันเกิดไม่อยากจัดงานอะไรเลย ฉันชอบความเงียบ ชอบการอยู่คนเดียว มีครั้งนึงที่คุณแม่จัดงานวันเกิดและเชิญผู้คนมากมายมาร่วมงาน และฉันก็หนีออกจากบ้านเพราะไม่อยากมีงานวันเกิด ฉันมักจะทำแบบนั้น แต่ตอนนี้ฉันโตแล้ว ฉันพอจะรู้ว่าฉันควรทำยังไงเพื่อไม่ให้พ่อแม่ต้องอับอาย หลังจากแต่งงานฉันก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านของผู้ชายคนนั้น บ้านของเขาก็เป็นสไตล์บ้านคนรวยเพียงแต่อยู่ในหุบเขาในป่าหน่อย โดยรวมแล้วคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวชอบตัวคนเดียวแบบฉันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเลย "ห้องนอนของเธออยู่ตรงโน้น ส่วนห้องนอนของฉันอยู่อีกฝั่งนึง อยากได้อะไรเพิ่มเติมก็บอกแม่บ้าน พวกเขาจะจัดหามาให้ ยกเว้นของแพงๆแบรนด์หรูที่เธอเคยใช้ตามห้าง เพราะที่นี่ไม่มีใช้และไม่มีที่ให้ซื้อด้วย" "อะ..." "อีกอย่างถ้ามืดแล้วห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด ที่นี่อันตราย และในสวนจะมีเวรยามเฝ้าตลอดพวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร เพราะฉะนั้นห้ามออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า" "แล้วทำไมถึงต้องมีเวรยามด้วยล่ะ?" "ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องมาอธิบาย บอกอะไรไปเธอก็ฟังด้วยก็แล้วกัน พวกเขามีอาวุธครบมืออย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นถ้าพวกเขาจะยิงเธอข้อหาที่เธอบุกรุกยามวิกาลมันก็ไม่ผิด พวกเขามีหน้าที่เฝ้าและระวังไม่ให้คนแปลกหน้าเข้ามาในสวน" "ค่ะ" ให้ตายสินี่ฉันต้องอยู่ในบ้านที่มีแต่กฎมากมายแบบนี้จริงๆ เหรอ แล้วฉันจะมีโอกาสออกไปสู่โลกภายนอกบ้างหรือเปล่าล่ะเนี่ย "ฉันอยากได้รถ" "ไม่มี อยากไปไหนทำอะไรมีคนขับรถให้คุณ แถวนี้มันอันตราย คุณไม่คุ้นชินเส้นทางอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้" "แล้วจะให้ฉันอยู่แต่บ้านอย่างเดียวเลยงั้นหรอ? ฉันไม่ใช่คนอยู่ติดบ้านนะ ฉันก็อยากออกไปเที่ยวห้างทำอะไรส่วนตัวของฉันบ้างไม่ใช่ให้อยู่แต่บ้าน" "ออกไปได้ แต่ก็ต้องมีคนออกไปด้วย" "....." ฉันอยากจะแหกปากร้องให้มันดังๆ นี่มันบ้านหรือคุกกันแน่เนี่ย บ้านหลังใหญ่โตก็จริง แต่กลับเดินไปไหนมาไหนไม่ค่อยได้ "พรุ่งนี้ฉันจะเรียกคนงานทุกคนมาเพื่อแนะนำเธอให้รู้จัก พวกเขาจะได้รู้จักเธอ และถ้าเธอจะออกไปไหนพวกเขาจะได้ไม่ต้องคิดว่าเป็นโจรหรือขโมย" "หน้าตาฉันมันออกแบบนั้นรึไง?" "ต่อให้หน้าตาดี ก็ใช่ว่านิสัยจะดี" "....." โอ๊ะ! อีตาบ้านี่กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉันเนี่ย รู้จักฤทธิ์คนอย่างฉันน้อยไปซะแล้วเช้าวันต่อมา เมื่อคืนฉันนอนหลับสบายมากๆ คงเป็นเพราะเมื่อตอนกลางวันฉันใช้แรงเยอะมากไปหน่อย ไหนจะต้องปั้นหน้ายิ้มใส่คนที่มาร่วมงานอีก บรรยากาศที่นี่ก็ถือว่าใช้ได้เลยไม่ร้อนอบอ้าว แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนกลางวันจะร้อนหรือเปล่านะ "นี่คุณ ตอนเช้ามีอะไรกิน?""ก็ไปถามแม่บ้านเอาสิ""แล้วคุณจะออกไปไหน?""ฉันจะออกไปทำงาน เย็นๆ ถึงจะกลับมา อยากกินอะไรอยากได้อะไรก็บอกแม่บ้าน" ".....""อ้อ...อย่าแผลงฤทธิ์ล่ะ" "....." อีตาบ้าคนนี้กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉันเนี่ย สงสัยคุณแม่ต้องเล่าให้ฟังแน่ๆ เลยเรื่องที่ฉันแสบซ่าไม่ยอมใคร "นายหัวกินข้าวก่อนสิจ๊ะ กับข้าวเสร็จพอดี" "มีอะไรกินบ้างล่ะ?" "แกงไตปลากับคั่วกลิ้งจ้ะ" "อย่างอื่นไม่มีหรอ ฉันไม่เคยกินของพวกนี้" "ไม่มีแล้วจ้ะคุณนาย" "ห๊ะ ไม่มีอย่างอื่นเลยหรอ ฉันกินอาหารใต้ไม่เป็น" จะว่าฉันเรื่องมากก็ได้ แต่ฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยนาน และฉันก็ไม่ค่อยคุ้นชินกับอาหารไทยสักเท่าไร และก็พอจะรู้มาว่าอาหารใต้รสชาติค่อนข้างแรง ฉันไม่กินเผ็ดนี่สิ "จะเรื่องมากทำไม กับข้าวก็ไม่ได้ทำเอง ที่นี่มีอะไรเขาก็กินอันนั้นกันนั่นแหละ""ฉันไม่ได้เรื่องมากนะ ฉันกินเผ็ดไม่ได้ ทำไมต้
ตกดึกคืนหนึ่ง กึกๆ แก๊กๆ ครืดด~ ปึก! เสียงคล้ายกับใครบางคนกำลังรื้อคนข้าวของ ทำให้นายหัวไกรที่ยังไม่ได้นอนหลับค่อยๆ เดินลงมาพร้อมกับปืนพกสั้นในมือ เพราะคิดว่าเป็นโจรที่แอบเข้ามาลักขโมยของหรือเปล่า"ใครน่ะ?""ว๊าย!""เธอลงมาทำอะไรกลางค่ำกลางคืนแบบนี้?!" ชายหนุ่มตวาดออกไปด้วยอารมณ์โกรธ แม้มันจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบแต่เขาก็ห้ามไม่ได้แล้ว "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย" "ก็ถ้าฉันคิดว่าเธอเป็นขโมยฉันคงลั่นไกใส่เธอไปแล้ว" "อะไรเนี่ย จะขู่กันแบบนี้อย่างเดียวเลยหรือไง ฉันก็แค่ลงมาหาขวดน้ำจะเอาใส่น้ำขึ้นไปกิน ตอนดึกๆ จะได้ไม่ต้องลงมา" "แล้วทำไมถึงไม่เปิดไฟ?""ก็ฉันหาสวิตช์ไฟไม่เจอ มีแต่ไฟโทรศัพท์เนี่ยแหละ" ".....""นี่ ขวดน้ำอยู่ตรงไหนมาช่วยหาหน่อยสิ""นี่ไงขวดน้ำ" "เอ้า อยู่ตรงนี้ได้ไงหาตั้งนาน""เธอมันเซ่อซ่าเองหรือเปล่า?""จิ๊ คนปาก..""ถ้าเธอว่าฉันปากหมาอีกคำเดียว ฉันจูบเธอแน่!""กล้าไหมล่ะ เอาสี้ถ้ากล้า แม่จะยืนให้จูบแลกลิ้นเลย" "....."จังหวะที่ชายหนุ่มเงียบไป หญิงสาวก็ฉายแสงโทรศัพท์ไปที่ตรงหน้าของเขา และเธอก็ได้เห็นว่าคนตรงหน้าไม่ได้ใส่เสื้อและท่อนล่างก็มีเพียงผ้าขาวม้าลายสก๊อตสีแดงพ
ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งรถไปตลาดด้วยกัน เขมิกาพยายามมองไปตามทางและจดจำว่าออกมาและเลี้ยวตรงไหนบ้าง แต่รอบข้างก็ยังเต็มไปด้วยป่าที่เป็นสวนเต็มไปหมด และมันก็เหมือนๆ กันจนเธอรู้สึกสับสนไปหมด “บอกแล้วว่ามันเป็นป่า เธอออกมาคนเดียวก็หลง”“ถ้าฉันได้ออกมาบ่อยๆ ฉันก็ไม่หลงหรอกน่า คุณก็ให้ฉันออกมาบ่อยๆ สิจะได้คุ้นชินกับเส้นทาง”“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป”“รู้ทั้งรู้ว่ามันอันตราย แต่ก็ยังมาสร้างบ้านอยู่กลางป่าแบบนี้" ".....""แล้วอีกนานไหมเนี่ยกว่าจะออกไปถึงข้างนอก" "ก็สักพักล่ะ" "ไปถึงแล้วช่วยจอดแถวๆ ตู้เอทีเอ็มให้ฉันด้วยนะ" "จะกดเงินเหรอ?" "ซื้อไก่ย่างมั้ง" "ถามดีๆ ก็ตอบให้มันดีๆ บ้าง" "แล้วมันใช่เรื่องที่ต้องถามไหมล่ะ ฉันให้คุณไปจอดที่นั่นก็น่าจะรู้อยู่แล้วไหมว่าให้ไปทำไม" "ถ้าอยากได้เงินมาเอาที่ฉัน ไม่ต้องไปกดเอง""ทำไม?" "ค่าใช้จ่ายของเธอทุกอย่างฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง อยากได้อะไรซื้ออะไรให้มาบอก" "ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวถ้าฉันซื้ออะไรมากไปแพงไปคุณก็จะมาว่าฉันอีก ฉันใช้เงินของตัวเองดีกว่าสบายใจกว่าตั้งเยอะ" "ตามใจ"ไม่นานทั้งสองก็มาถึงยังตลาดในเมือง แต่ถึงอย่างนั้นอะไรต่อมิอะไรก็ไม่ได
เวลาผ่านไป ฉันอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้รับรู้อะไรโลกภายนอกเลยมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะขังฉันเหมือนหมูหมากาไก่ไม่ให้ออกไปข้างนอก จะมีบ้างที่ฉันได้ออกไปข้างนอกโดยที่มีเขาเป็นคนพาไป "คุณนาย""วันนี้มีอะไรกินบ้าง""มีคั่วกลิ้ง มีแกงส้มไข่ปลา แต่ภาพยายามทำไม่ให้เผ็ดแล้วนะจ๊ะคุณนายน่าจะกินได้" "อื้ม..." "นั่งลงสิเธอไม่กินข้าวหรือไง""ฉันต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่?""ทำไมถึงถามแบบนี้" "แล้วฉันจะไม่มีโอกาสมีชีวิตเป็นของตัวเองเลยหรอ ฉันต้องอยู่ที่นี่แล้วฟังคำสั่งจากคุณ คุณห้ามทำอะไรฉันก็ต้องไม่ทำ คุณสั่งให้ฉันทำอะไรฉันก็ต้องทำ เหมือนฉันเป็นสัตว์เลี้ยงที่โดนคุณล่ามโซ่เอาไว้อยู่" "แล้วเธอจะออกไปทำงานอะไร อยู่ที่นี่ก็ดีแล้วคอยจัดการเรื่องบัญชีให้ฉัน แม่ของเธอบอกว่าเธอเก่งเรื่องคณิตศาสตร์" "....." ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขากับแม่ของฉันคุยกันบ่อยขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจสืบเรื่องราวของฉันจากแม่ของฉันมาโดยเฉพาะเลย "ฉันต้องออกไปทำงาน พักกลางวันอาจจะกลับมา เตรียมกับข้าวกลางวันไว้ด้วยล่ะ""จะกลับมาทำไมปกติคุณก็ไม่ได้กลับนี่" "วันนี้ออกไปทำที่สวนใกล้ๆไม่อยากจะห่อข้าวไป กลับมากินที่
เวลาผ่านไป ฉันอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้รับรู้อะไรโลกภายนอกเลยมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะขังฉันเหมือนหมูหมากาไก่ไม่ให้ออกไปข้างนอก จะมีบ้างที่ฉันได้ออกไปข้างนอกโดยที่มีเขาเป็นคนพาไป "คุณนาย""วันนี้มีอะไรกินบ้าง""มีคั่วกลิ้ง มีแกงส้มไข่ปลา แต่ภาพยายามทำไม่ให้เผ็ดแล้วนะจ๊ะคุณนายน่าจะกินได้" "อื้ม..." "นั่งลงสิเธอไม่กินข้าวหรือไง""ฉันต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่?""ทำไมถึงถามแบบนี้" "แล้วฉันจะไม่มีโอกาสมีชีวิตเป็นของตัวเองเลยหรอ ฉันต้องอยู่ที่นี่แล้วฟังคำสั่งจากคุณ คุณห้ามทำอะไรฉันก็ต้องไม่ทำ คุณสั่งให้ฉันทำอะไรฉันก็ต้องทำ เหมือนฉันเป็นสัตว์เลี้ยงที่โดนคุณล่ามโซ่เอาไว้อยู่" "แล้วเธอจะออกไปทำงานอะไร อยู่ที่นี่ก็ดีแล้วคอยจัดการเรื่องบัญชีให้ฉัน แม่ของเธอบอกว่าเธอเก่งเรื่องคณิตศาสตร์" "....." ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขากับแม่ของฉันคุยกันบ่อยขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจสืบเรื่องราวของฉันจากแม่ของฉันมาโดยเฉพาะเลย "ฉันต้องออกไปทำงาน พักกลางวันอาจจะกลับมา เตรียมกับข้าวกลางวันไว้ด้วยล่ะ""จะกลับมาทำไมปกติคุณก็ไม่ได้กลับนี่" "วันนี้ออกไปทำที่สวนใกล้ๆไม่อยากจะห่อข้าวไป กลับมากินที่
ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งรถไปตลาดด้วยกัน เขมิกาพยายามมองไปตามทางและจดจำว่าออกมาและเลี้ยวตรงไหนบ้าง แต่รอบข้างก็ยังเต็มไปด้วยป่าที่เป็นสวนเต็มไปหมด และมันก็เหมือนๆ กันจนเธอรู้สึกสับสนไปหมด “บอกแล้วว่ามันเป็นป่า เธอออกมาคนเดียวก็หลง”“ถ้าฉันได้ออกมาบ่อยๆ ฉันก็ไม่หลงหรอกน่า คุณก็ให้ฉันออกมาบ่อยๆ สิจะได้คุ้นชินกับเส้นทาง”“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป”“รู้ทั้งรู้ว่ามันอันตราย แต่ก็ยังมาสร้างบ้านอยู่กลางป่าแบบนี้" ".....""แล้วอีกนานไหมเนี่ยกว่าจะออกไปถึงข้างนอก" "ก็สักพักล่ะ" "ไปถึงแล้วช่วยจอดแถวๆ ตู้เอทีเอ็มให้ฉันด้วยนะ" "จะกดเงินเหรอ?" "ซื้อไก่ย่างมั้ง" "ถามดีๆ ก็ตอบให้มันดีๆ บ้าง" "แล้วมันใช่เรื่องที่ต้องถามไหมล่ะ ฉันให้คุณไปจอดที่นั่นก็น่าจะรู้อยู่แล้วไหมว่าให้ไปทำไม" "ถ้าอยากได้เงินมาเอาที่ฉัน ไม่ต้องไปกดเอง""ทำไม?" "ค่าใช้จ่ายของเธอทุกอย่างฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง อยากได้อะไรซื้ออะไรให้มาบอก" "ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวถ้าฉันซื้ออะไรมากไปแพงไปคุณก็จะมาว่าฉันอีก ฉันใช้เงินของตัวเองดีกว่าสบายใจกว่าตั้งเยอะ" "ตามใจ"ไม่นานทั้งสองก็มาถึงยังตลาดในเมือง แต่ถึงอย่างนั้นอะไรต่อมิอะไรก็ไม่ได
ตกดึกคืนหนึ่ง กึกๆ แก๊กๆ ครืดด~ ปึก! เสียงคล้ายกับใครบางคนกำลังรื้อคนข้าวของ ทำให้นายหัวไกรที่ยังไม่ได้นอนหลับค่อยๆ เดินลงมาพร้อมกับปืนพกสั้นในมือ เพราะคิดว่าเป็นโจรที่แอบเข้ามาลักขโมยของหรือเปล่า"ใครน่ะ?""ว๊าย!""เธอลงมาทำอะไรกลางค่ำกลางคืนแบบนี้?!" ชายหนุ่มตวาดออกไปด้วยอารมณ์โกรธ แม้มันจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบแต่เขาก็ห้ามไม่ได้แล้ว "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย" "ก็ถ้าฉันคิดว่าเธอเป็นขโมยฉันคงลั่นไกใส่เธอไปแล้ว" "อะไรเนี่ย จะขู่กันแบบนี้อย่างเดียวเลยหรือไง ฉันก็แค่ลงมาหาขวดน้ำจะเอาใส่น้ำขึ้นไปกิน ตอนดึกๆ จะได้ไม่ต้องลงมา" "แล้วทำไมถึงไม่เปิดไฟ?""ก็ฉันหาสวิตช์ไฟไม่เจอ มีแต่ไฟโทรศัพท์เนี่ยแหละ" ".....""นี่ ขวดน้ำอยู่ตรงไหนมาช่วยหาหน่อยสิ""นี่ไงขวดน้ำ" "เอ้า อยู่ตรงนี้ได้ไงหาตั้งนาน""เธอมันเซ่อซ่าเองหรือเปล่า?""จิ๊ คนปาก..""ถ้าเธอว่าฉันปากหมาอีกคำเดียว ฉันจูบเธอแน่!""กล้าไหมล่ะ เอาสี้ถ้ากล้า แม่จะยืนให้จูบแลกลิ้นเลย" "....."จังหวะที่ชายหนุ่มเงียบไป หญิงสาวก็ฉายแสงโทรศัพท์ไปที่ตรงหน้าของเขา และเธอก็ได้เห็นว่าคนตรงหน้าไม่ได้ใส่เสื้อและท่อนล่างก็มีเพียงผ้าขาวม้าลายสก๊อตสีแดงพ
เช้าวันต่อมา เมื่อคืนฉันนอนหลับสบายมากๆ คงเป็นเพราะเมื่อตอนกลางวันฉันใช้แรงเยอะมากไปหน่อย ไหนจะต้องปั้นหน้ายิ้มใส่คนที่มาร่วมงานอีก บรรยากาศที่นี่ก็ถือว่าใช้ได้เลยไม่ร้อนอบอ้าว แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนกลางวันจะร้อนหรือเปล่านะ "นี่คุณ ตอนเช้ามีอะไรกิน?""ก็ไปถามแม่บ้านเอาสิ""แล้วคุณจะออกไปไหน?""ฉันจะออกไปทำงาน เย็นๆ ถึงจะกลับมา อยากกินอะไรอยากได้อะไรก็บอกแม่บ้าน" ".....""อ้อ...อย่าแผลงฤทธิ์ล่ะ" "....." อีตาบ้าคนนี้กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉันเนี่ย สงสัยคุณแม่ต้องเล่าให้ฟังแน่ๆ เลยเรื่องที่ฉันแสบซ่าไม่ยอมใคร "นายหัวกินข้าวก่อนสิจ๊ะ กับข้าวเสร็จพอดี" "มีอะไรกินบ้างล่ะ?" "แกงไตปลากับคั่วกลิ้งจ้ะ" "อย่างอื่นไม่มีหรอ ฉันไม่เคยกินของพวกนี้" "ไม่มีแล้วจ้ะคุณนาย" "ห๊ะ ไม่มีอย่างอื่นเลยหรอ ฉันกินอาหารใต้ไม่เป็น" จะว่าฉันเรื่องมากก็ได้ แต่ฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยนาน และฉันก็ไม่ค่อยคุ้นชินกับอาหารไทยสักเท่าไร และก็พอจะรู้มาว่าอาหารใต้รสชาติค่อนข้างแรง ฉันไม่กินเผ็ดนี่สิ "จะเรื่องมากทำไม กับข้าวก็ไม่ได้ทำเอง ที่นี่มีอะไรเขาก็กินอันนั้นกันนั่นแหละ""ฉันไม่ได้เรื่องมากนะ ฉันกินเผ็ดไม่ได้ ทำไมต้
"พูดให้มันดีๆ ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปีนะ""i am sorry ค่า พอดีว่าฉันอยู่เมืองนอกเมืองนามันหลายสิบปี แบบนี้ที่เมืองนอกใครๆ เขาก็ทำกันค่ะ" "เฮ้อ...แล้วคิดจะทำงานบ้านบ้างไหม?""ไม่อ่ะ ทำไมต้องทำด้วยล่ะ?" เธอตอบหน้าตาเฉย "ตอนนี้เธอแต่งงานเป็นเมียฉันแล้ว หน้าที่แม่บ้านดูแลเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านก็เป็นหน้าที่ของเธอไง" "ก็คนมันทำไม่เป็นอ่ะจะให้ทำยังไง" "ไม่เป็นก็หัดสิ เดี๋ยวฉันจะให้คนมาสอน" "จิ๊! น่าเบื่อ" "อยู่บ้านก็อยู่ดีๆ อย่าเดินไปที่ไหนมั่วซั่ว แถวนี้มันเป็นป่างูเงี้ยวเขี้ยวขอมันเยอะ" "ฉันว่าฉันไม่โดนงูกัดตายหรอก จะโดนใครบางคนกัดจนตายมากกว่า" "บอกแล้วไงว่าให้พูดดีๆ ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปีนะ""แล้วพูดไม่ดีตรงไหน? ลองตอบให้ฟังชัดๆ หน่อยสิคะคุณนายหัวไกร...?" "....." "ว่าแต่ แม่ของฉันขอคุยกับคุณ เรื่องอะไรหรอ จะให้ฉันกลับไปอยู่ที่กรุงเทพแล้วใช่ไหม?" "เปล่า...""เอ้า แล้วคุยอะไรกันอ่ะ""ท่านบอกว่าให้เราสองคนรีบมีลูกด้วยกัน""ห๊ะ!!!" *****************ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ "ทำหน้าให้มันดีๆ สิลูกวันนี้วันดีนะ""วันดีของคุณแม่แต่ไม่ใช่วันดีของหนูนะคะ""โถ่ลูกสาวแม่ ถ้าแม่ไม่ทำแบบนี้ลูกก