ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งรถไปตลาดด้วยกัน เขมิกาพยายามมองไปตามทางและจดจำว่าออกมาและเลี้ยวตรงไหนบ้าง แต่รอบข้างก็ยังเต็มไปด้วยป่าที่เป็นสวนเต็มไปหมด และมันก็เหมือนๆ กันจนเธอรู้สึกสับสนไปหมด
“บอกแล้วว่ามันเป็นป่า เธอออกมาคนเดียวก็หลง” “ถ้าฉันได้ออกมาบ่อยๆ ฉันก็ไม่หลงหรอกน่า คุณก็ให้ฉันออกมาบ่อยๆ สิจะได้คุ้นชินกับเส้นทาง” “ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป” “รู้ทั้งรู้ว่ามันอันตราย แต่ก็ยังมาสร้างบ้านอยู่กลางป่าแบบนี้" "....." "แล้วอีกนานไหมเนี่ยกว่าจะออกไปถึงข้างนอก" "ก็สักพักล่ะ" "ไปถึงแล้วช่วยจอดแถวๆ ตู้เอทีเอ็มให้ฉันด้วยนะ" "จะกดเงินเหรอ?" "ซื้อไก่ย่างมั้ง" "ถามดีๆ ก็ตอบให้มันดีๆ บ้าง" "แล้วมันใช่เรื่องที่ต้องถามไหมล่ะ ฉันให้คุณไปจอดที่นั่นก็น่าจะรู้อยู่แล้วไหมว่าให้ไปทำไม" "ถ้าอยากได้เงินมาเอาที่ฉัน ไม่ต้องไปกดเอง" "ทำไม?" "ค่าใช้จ่ายของเธอทุกอย่างฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง อยากได้อะไรซื้ออะไรให้มาบอก" "ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวถ้าฉันซื้ออะไรมากไปแพงไปคุณก็จะมาว่าฉันอีก ฉันใช้เงินของตัวเองดีกว่าสบายใจกว่าตั้งเยอะ" "ตามใจ" ไม่นานทั้งสองก็มาถึงยังตลาดในเมือง แต่ถึงอย่างนั้นอะไรต่อมิอะไรก็ไม่ได้มีมากมายเหมือนกับในเมืองกรุงจริงๆ "อยากได้อะไรก็ซื้อเอา" "อืม...ว่าแต่คุณจะมาซื้ออะไรล่ะไม่เห็นออกไปซื้อ" "ฉันไม่ได้มาซื้ออะไรแค่เห็นเธอบอกว่าอยากจะออกมาฉันก็เลยพาออกมาแค่นั้นเอง" "งั้นคุณจะไปซื้ออะไรก็ไปสิไม่เห็นต้องมาเดินตามหลังแบบนี้เลย" "ฉันกลัวหมามันหลุดน่ะยิ่งออกจากกรงมาแล้วด้วย" "เอ๊ะ! นี่คุณว่าฉันเป็นหมาหรอ?" "ฉันยังไม่ทันได้พูดสักคำเลยนะ อ้อ...ฉันขอพูดอย่างนึงนะฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปี ช่วยพูดกับคนที่อายุมากกว่าให้มันดีๆหน่อย" "แก่แต่อายุหรือเปล่า" "....." "เอ๊ะแต่ไม่นะ หน้าก็แก่ด้วย สรุปแล้วแก่ทั้งหน้าแก่ทั้งอายุ แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ได้แก่ไปหมด เพราะส่วนนั้นชอบสั่งการมาทะเลาะกับเด็กที่อายุน้อยกว่า" "เธอนี่มันปากจัดได้ใครนะ!" "แซ่บจัดจ้านใช่ไหมล่า" "....." เขมิกาเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าของผู้หญิง ส่วนนายหัวไกรก็ยืนรออยู่ด้านนอก "แม่ค้าคะ เสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่?" "ตัวละร้อยเก้าเก้าจ้ะ" "สวยแฮะ งั้นเอาตัวนี้ตัวนึง ตัวนี้ด้วยแล้วก็กางเกง เอาทั้งหมดที่เลือกมานี้เลยค่ะ" "ได้เลยจ้ะ สักครู่นะจ๊ะ" หลังจากที่เลือกเสื้อผ้าได้เสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินออกมาจากร้านเสื้อผ้าแล้วแวะไปที่ร้านอื่นต่อ จนกระทั่งนายหัวไกรถือถุงเสื้อผ้าที่เธอซื้อมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด "ฉันจำได้ว่าตอนที่มาเธอก็ขนเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบเบ้อเริ่มมาตั้งหลายใบนะ" "แล้วไง?" "แล้วเธอจะซื้อเสื้อผ้าไปทำไมอีก" "คุณไม่รู้หรอว่าการซื้อเสื้อผ้าซื้อของมันคือความสุขของผู้หญิง มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะจำเป็นหรือไม่จำเป็น รู้แค่ว่ามันเป็นความสุขของฉันก็พอ และถ้าคุณไม่มีความสุขก็กลับไปรอที่รถเสร็จแล้วฉันจะกลับไปเองไม่ต้องมาตาม" "เฮ้อ..." "ไม่ต้องมาถอนหายใจด้วย ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณตามมาคุณเป็นคนตามฉันมาเอง" "อ้าวนายหัวไกร มาทำอะไรถึงที่นี่เลย มาซื้อของเข้าบ้านหรอ" "ครับป้า" "ว่าแต่นังหนูนี่ใครล่ะ" "อ๋อ นี่เขมเมียผมเองครับ เพิ่งแต่งงานกันแล้วก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน" "อ๋อๆ" "ใครล่ะคุณ ไม่คิดจะแนะนำให้ฉันรู้จักบ้างหรอ" หญิงสาวพูดกระซิบ เพราะตั้งแต่มาที่นี่เธอยังไม่รู้จักญาติพี่น้องหรือว่าคนรู้จักของเขาคนไหนเลยนอกจากแม่บ้านที่อยู่ในบ้าน "คนนี้ป้าไพร เป็นคนรู้จักของพ่อกับแม่น่ะ" "ตาเรานี่ถึงนะได้แฟนสวยเชียว" "แหะๆ ครับป้า" "ว่าแต่อยู่ที่บ้านสวนกันหรอ" "ครับ ผมย้ายไปอยู่ที่นั่นถาวรแล้วเพราะแต่งงานแล้วด้วย อีกอย่างถ้าไปอยู่ใกล้ๆ สวนก็จะได้ดูแลสวนด้วย จะได้ไม่ต้องคอยเดินทางไปกลับมันเสียเวลา" "ก็จริง" "ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับป้าพอดีว่าต้องไปซื้อของต่อ" "จ้ะๆ" "อะไรเนี่ยคุณฉันจะซื้อเสื้อผ้าฉันไม่ได้จะไปกับคุณสักหน่อย ปล่อยฉันนะฉันจะเลือกซื้อเสื้อผ้าฉันต่อ" "มาเถอะน่า" "นี่นายหัวไกร" "ครับ" "ระวังนะ เถียงกันเก่งทะเลาะกันบ่อยแบบนี้ โบราณเขาถือว่าจะมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง" "ไม่มีทางหรอกค่ะป้า เราสองคนไม่มีวันมีอื้อ...อ่อยนะ!!" "ผมไปก่อนนะครับป้าพอดีว่าต้องรีบไปซื้อของเดี๋ยวร้านมันจะปิดซะก่อนสวัสดีครับ" "อ่าๆ ขับรถกลับกันดีๆ ล่ะ" ชายหนุ่มพาหญิงสาวเดินกลับไปที่รถ และเพราะถูกปิดปากไม่ให้พูดอะไรจึงทำให้เธอเอาแต่ดิ้นพร้อมกับส่งเสียงโวยวายอู้อี้ในลำคอ "อื้อ! อะไรของคุณเนี่ย ทำแบบนี้กับฉันทำไม" "แล้วใครใช้ให้เธอไปพูดแบบนั้นล่ะ" "ฉันพูดผิดตรงไหน" "อยากให้คนอื่นรู้หรอว่าเราแต่งงานกันเพราะถูกจับคลุมถุงชนไม่ได้แต่งงานกันเพราะรักกัน" "แล้วทำไมต้องไปโกหกคนอื่นด้วยล่ะฉันไม่ใช่พวกเสแสร้งแกล้งปั้นหน้าใส่ใครสักหน่อย มีอะไรก็พูดไปตามตรงสิพูดความจริงน่ะไม่รู้จักหรอ" "อยู่ที่นี่เธอยังมีอะไรที่เธอยังไม่ได้เรียนรู้อีกมาก เพราะงั้นอย่าพูดอะไรซี้ซั้ว ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี" "ทำไม! คุณกลัวว่ากิ๊กคุณจะรู้หรอ ฉันจำได้นะก่อนหน้านั้นคุณบอกว่าคุณไม่ยอมให้ฉันไปไหนไม่ยอมหย่ากับฉันเพราะจะให้ฉันเป็นไม้กันหมาให้กับคุณ" "เลิกพูดแล้วขึ้นรถได้แล้วจะได้กลับกัน" "ห๊ะ? อะไร ทำไมรีบกลับขนาดนั้น นี่มันเพิ่งจะบ่ายสองเองนะ" "ฉันพาเธอออกมาซื้อของก็จริง แต่เธอเอาแต่เลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างเดียวเลยไม่ไปที่ไหนเลย แล้วเธอก็เลือกซื้อนานด้วย" "ฉันถามว่าทำไมถึงรีบกลับ" "กว่าจะกลับไปถึงอีก ขับรถตอนกลางคืนมันอันตราย" "ฉันไม่อยากกลับฉันจะซื้อของต่อ" "นี่ วันพระไม่ได้มีหนเดียวหรอกนะ เดี๋ยววันหยุดหน้าฉันจะพาเธอออกมาอีก" "....." "เอาน่าฉันสัญญา ต่อไปฉันจะไม่ขัดใจเธออีกแล้ว" "คุณนี่มาแปลกอีกแล้วนะ ต้องการอะไรจากฉันหรือเปล่าเนี่ย!" "เปล่าๆ ไปขึ้นรถได้แล้ว" "อือๆ! ไปก็ไป ชิ! น่าหงุดหงิดชะมัดเลย"เวลาผ่านไป ฉันอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้รับรู้อะไรโลกภายนอกเลยมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะขังฉันเหมือนหมูหมากาไก่ไม่ให้ออกไปข้างนอก จะมีบ้างที่ฉันได้ออกไปข้างนอกโดยที่มีเขาเป็นคนพาไป "คุณนาย""วันนี้มีอะไรกินบ้าง""มีคั่วกลิ้ง มีแกงส้มไข่ปลา แต่ภาพยายามทำไม่ให้เผ็ดแล้วนะจ๊ะคุณนายน่าจะกินได้" "อื้ม..." "นั่งลงสิเธอไม่กินข้าวหรือไง""ฉันต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่?""ทำไมถึงถามแบบนี้" "แล้วฉันจะไม่มีโอกาสมีชีวิตเป็นของตัวเองเลยหรอ ฉันต้องอยู่ที่นี่แล้วฟังคำสั่งจากคุณ คุณห้ามทำอะไรฉันก็ต้องไม่ทำ คุณสั่งให้ฉันทำอะไรฉันก็ต้องทำ เหมือนฉันเป็นสัตว์เลี้ยงที่โดนคุณล่ามโซ่เอาไว้อยู่" "แล้วเธอจะออกไปทำงานอะไร อยู่ที่นี่ก็ดีแล้วคอยจัดการเรื่องบัญชีให้ฉัน แม่ของเธอบอกว่าเธอเก่งเรื่องคณิตศาสตร์" "....." ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขากับแม่ของฉันคุยกันบ่อยขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจสืบเรื่องราวของฉันจากแม่ของฉันมาโดยเฉพาะเลย "ฉันต้องออกไปทำงาน พักกลางวันอาจจะกลับมา เตรียมกับข้าวกลางวันไว้ด้วยล่ะ""จะกลับมาทำไมปกติคุณก็ไม่ได้กลับนี่" "วันนี้ออกไปทำที่สวนใกล้ๆไม่อยากจะห่อข้าวไป กลับมากินที่
"พูดให้มันดีๆ ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปีนะ""i am sorry ค่า พอดีว่าฉันอยู่เมืองนอกเมืองนามันหลายสิบปี แบบนี้ที่เมืองนอกใครๆ เขาก็ทำกันค่ะ" "เฮ้อ...แล้วคิดจะทำงานบ้านบ้างไหม?""ไม่อ่ะ ทำไมต้องทำด้วยล่ะ?" เธอตอบหน้าตาเฉย "ตอนนี้เธอแต่งงานเป็นเมียฉันแล้ว หน้าที่แม่บ้านดูแลเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านก็เป็นหน้าที่ของเธอไง" "ก็คนมันทำไม่เป็นอ่ะจะให้ทำยังไง" "ไม่เป็นก็หัดสิ เดี๋ยวฉันจะให้คนมาสอน" "จิ๊! น่าเบื่อ" "อยู่บ้านก็อยู่ดีๆ อย่าเดินไปที่ไหนมั่วซั่ว แถวนี้มันเป็นป่างูเงี้ยวเขี้ยวขอมันเยอะ" "ฉันว่าฉันไม่โดนงูกัดตายหรอก จะโดนใครบางคนกัดจนตายมากกว่า" "บอกแล้วไงว่าให้พูดดีๆ ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปีนะ""แล้วพูดไม่ดีตรงไหน? ลองตอบให้ฟังชัดๆ หน่อยสิคะคุณนายหัวไกร...?" "....." "ว่าแต่ แม่ของฉันขอคุยกับคุณ เรื่องอะไรหรอ จะให้ฉันกลับไปอยู่ที่กรุงเทพแล้วใช่ไหม?" "เปล่า...""เอ้า แล้วคุยอะไรกันอ่ะ""ท่านบอกว่าให้เราสองคนรีบมีลูกด้วยกัน""ห๊ะ!!!" *****************ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ "ทำหน้าให้มันดีๆ สิลูกวันนี้วันดีนะ""วันดีของคุณแม่แต่ไม่ใช่วันดีของหนูนะคะ""โถ่ลูกสาวแม่ ถ้าแม่ไม่ทำแบบนี้ลูกก
เช้าวันต่อมา เมื่อคืนฉันนอนหลับสบายมากๆ คงเป็นเพราะเมื่อตอนกลางวันฉันใช้แรงเยอะมากไปหน่อย ไหนจะต้องปั้นหน้ายิ้มใส่คนที่มาร่วมงานอีก บรรยากาศที่นี่ก็ถือว่าใช้ได้เลยไม่ร้อนอบอ้าว แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนกลางวันจะร้อนหรือเปล่านะ "นี่คุณ ตอนเช้ามีอะไรกิน?""ก็ไปถามแม่บ้านเอาสิ""แล้วคุณจะออกไปไหน?""ฉันจะออกไปทำงาน เย็นๆ ถึงจะกลับมา อยากกินอะไรอยากได้อะไรก็บอกแม่บ้าน" ".....""อ้อ...อย่าแผลงฤทธิ์ล่ะ" "....." อีตาบ้าคนนี้กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉันเนี่ย สงสัยคุณแม่ต้องเล่าให้ฟังแน่ๆ เลยเรื่องที่ฉันแสบซ่าไม่ยอมใคร "นายหัวกินข้าวก่อนสิจ๊ะ กับข้าวเสร็จพอดี" "มีอะไรกินบ้างล่ะ?" "แกงไตปลากับคั่วกลิ้งจ้ะ" "อย่างอื่นไม่มีหรอ ฉันไม่เคยกินของพวกนี้" "ไม่มีแล้วจ้ะคุณนาย" "ห๊ะ ไม่มีอย่างอื่นเลยหรอ ฉันกินอาหารใต้ไม่เป็น" จะว่าฉันเรื่องมากก็ได้ แต่ฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยนาน และฉันก็ไม่ค่อยคุ้นชินกับอาหารไทยสักเท่าไร และก็พอจะรู้มาว่าอาหารใต้รสชาติค่อนข้างแรง ฉันไม่กินเผ็ดนี่สิ "จะเรื่องมากทำไม กับข้าวก็ไม่ได้ทำเอง ที่นี่มีอะไรเขาก็กินอันนั้นกันนั่นแหละ""ฉันไม่ได้เรื่องมากนะ ฉันกินเผ็ดไม่ได้ ทำไมต้
ตกดึกคืนหนึ่ง กึกๆ แก๊กๆ ครืดด~ ปึก! เสียงคล้ายกับใครบางคนกำลังรื้อคนข้าวของ ทำให้นายหัวไกรที่ยังไม่ได้นอนหลับค่อยๆ เดินลงมาพร้อมกับปืนพกสั้นในมือ เพราะคิดว่าเป็นโจรที่แอบเข้ามาลักขโมยของหรือเปล่า"ใครน่ะ?""ว๊าย!""เธอลงมาทำอะไรกลางค่ำกลางคืนแบบนี้?!" ชายหนุ่มตวาดออกไปด้วยอารมณ์โกรธ แม้มันจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบแต่เขาก็ห้ามไม่ได้แล้ว "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย" "ก็ถ้าฉันคิดว่าเธอเป็นขโมยฉันคงลั่นไกใส่เธอไปแล้ว" "อะไรเนี่ย จะขู่กันแบบนี้อย่างเดียวเลยหรือไง ฉันก็แค่ลงมาหาขวดน้ำจะเอาใส่น้ำขึ้นไปกิน ตอนดึกๆ จะได้ไม่ต้องลงมา" "แล้วทำไมถึงไม่เปิดไฟ?""ก็ฉันหาสวิตช์ไฟไม่เจอ มีแต่ไฟโทรศัพท์เนี่ยแหละ" ".....""นี่ ขวดน้ำอยู่ตรงไหนมาช่วยหาหน่อยสิ""นี่ไงขวดน้ำ" "เอ้า อยู่ตรงนี้ได้ไงหาตั้งนาน""เธอมันเซ่อซ่าเองหรือเปล่า?""จิ๊ คนปาก..""ถ้าเธอว่าฉันปากหมาอีกคำเดียว ฉันจูบเธอแน่!""กล้าไหมล่ะ เอาสี้ถ้ากล้า แม่จะยืนให้จูบแลกลิ้นเลย" "....."จังหวะที่ชายหนุ่มเงียบไป หญิงสาวก็ฉายแสงโทรศัพท์ไปที่ตรงหน้าของเขา และเธอก็ได้เห็นว่าคนตรงหน้าไม่ได้ใส่เสื้อและท่อนล่างก็มีเพียงผ้าขาวม้าลายสก๊อตสีแดงพ
เวลาผ่านไป ฉันอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้รับรู้อะไรโลกภายนอกเลยมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะขังฉันเหมือนหมูหมากาไก่ไม่ให้ออกไปข้างนอก จะมีบ้างที่ฉันได้ออกไปข้างนอกโดยที่มีเขาเป็นคนพาไป "คุณนาย""วันนี้มีอะไรกินบ้าง""มีคั่วกลิ้ง มีแกงส้มไข่ปลา แต่ภาพยายามทำไม่ให้เผ็ดแล้วนะจ๊ะคุณนายน่าจะกินได้" "อื้ม..." "นั่งลงสิเธอไม่กินข้าวหรือไง""ฉันต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่?""ทำไมถึงถามแบบนี้" "แล้วฉันจะไม่มีโอกาสมีชีวิตเป็นของตัวเองเลยหรอ ฉันต้องอยู่ที่นี่แล้วฟังคำสั่งจากคุณ คุณห้ามทำอะไรฉันก็ต้องไม่ทำ คุณสั่งให้ฉันทำอะไรฉันก็ต้องทำ เหมือนฉันเป็นสัตว์เลี้ยงที่โดนคุณล่ามโซ่เอาไว้อยู่" "แล้วเธอจะออกไปทำงานอะไร อยู่ที่นี่ก็ดีแล้วคอยจัดการเรื่องบัญชีให้ฉัน แม่ของเธอบอกว่าเธอเก่งเรื่องคณิตศาสตร์" "....." ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขากับแม่ของฉันคุยกันบ่อยขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจสืบเรื่องราวของฉันจากแม่ของฉันมาโดยเฉพาะเลย "ฉันต้องออกไปทำงาน พักกลางวันอาจจะกลับมา เตรียมกับข้าวกลางวันไว้ด้วยล่ะ""จะกลับมาทำไมปกติคุณก็ไม่ได้กลับนี่" "วันนี้ออกไปทำที่สวนใกล้ๆไม่อยากจะห่อข้าวไป กลับมากินที่
ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งรถไปตลาดด้วยกัน เขมิกาพยายามมองไปตามทางและจดจำว่าออกมาและเลี้ยวตรงไหนบ้าง แต่รอบข้างก็ยังเต็มไปด้วยป่าที่เป็นสวนเต็มไปหมด และมันก็เหมือนๆ กันจนเธอรู้สึกสับสนไปหมด “บอกแล้วว่ามันเป็นป่า เธอออกมาคนเดียวก็หลง”“ถ้าฉันได้ออกมาบ่อยๆ ฉันก็ไม่หลงหรอกน่า คุณก็ให้ฉันออกมาบ่อยๆ สิจะได้คุ้นชินกับเส้นทาง”“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป”“รู้ทั้งรู้ว่ามันอันตราย แต่ก็ยังมาสร้างบ้านอยู่กลางป่าแบบนี้" ".....""แล้วอีกนานไหมเนี่ยกว่าจะออกไปถึงข้างนอก" "ก็สักพักล่ะ" "ไปถึงแล้วช่วยจอดแถวๆ ตู้เอทีเอ็มให้ฉันด้วยนะ" "จะกดเงินเหรอ?" "ซื้อไก่ย่างมั้ง" "ถามดีๆ ก็ตอบให้มันดีๆ บ้าง" "แล้วมันใช่เรื่องที่ต้องถามไหมล่ะ ฉันให้คุณไปจอดที่นั่นก็น่าจะรู้อยู่แล้วไหมว่าให้ไปทำไม" "ถ้าอยากได้เงินมาเอาที่ฉัน ไม่ต้องไปกดเอง""ทำไม?" "ค่าใช้จ่ายของเธอทุกอย่างฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง อยากได้อะไรซื้ออะไรให้มาบอก" "ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวถ้าฉันซื้ออะไรมากไปแพงไปคุณก็จะมาว่าฉันอีก ฉันใช้เงินของตัวเองดีกว่าสบายใจกว่าตั้งเยอะ" "ตามใจ"ไม่นานทั้งสองก็มาถึงยังตลาดในเมือง แต่ถึงอย่างนั้นอะไรต่อมิอะไรก็ไม่ได
ตกดึกคืนหนึ่ง กึกๆ แก๊กๆ ครืดด~ ปึก! เสียงคล้ายกับใครบางคนกำลังรื้อคนข้าวของ ทำให้นายหัวไกรที่ยังไม่ได้นอนหลับค่อยๆ เดินลงมาพร้อมกับปืนพกสั้นในมือ เพราะคิดว่าเป็นโจรที่แอบเข้ามาลักขโมยของหรือเปล่า"ใครน่ะ?""ว๊าย!""เธอลงมาทำอะไรกลางค่ำกลางคืนแบบนี้?!" ชายหนุ่มตวาดออกไปด้วยอารมณ์โกรธ แม้มันจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบแต่เขาก็ห้ามไม่ได้แล้ว "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย" "ก็ถ้าฉันคิดว่าเธอเป็นขโมยฉันคงลั่นไกใส่เธอไปแล้ว" "อะไรเนี่ย จะขู่กันแบบนี้อย่างเดียวเลยหรือไง ฉันก็แค่ลงมาหาขวดน้ำจะเอาใส่น้ำขึ้นไปกิน ตอนดึกๆ จะได้ไม่ต้องลงมา" "แล้วทำไมถึงไม่เปิดไฟ?""ก็ฉันหาสวิตช์ไฟไม่เจอ มีแต่ไฟโทรศัพท์เนี่ยแหละ" ".....""นี่ ขวดน้ำอยู่ตรงไหนมาช่วยหาหน่อยสิ""นี่ไงขวดน้ำ" "เอ้า อยู่ตรงนี้ได้ไงหาตั้งนาน""เธอมันเซ่อซ่าเองหรือเปล่า?""จิ๊ คนปาก..""ถ้าเธอว่าฉันปากหมาอีกคำเดียว ฉันจูบเธอแน่!""กล้าไหมล่ะ เอาสี้ถ้ากล้า แม่จะยืนให้จูบแลกลิ้นเลย" "....."จังหวะที่ชายหนุ่มเงียบไป หญิงสาวก็ฉายแสงโทรศัพท์ไปที่ตรงหน้าของเขา และเธอก็ได้เห็นว่าคนตรงหน้าไม่ได้ใส่เสื้อและท่อนล่างก็มีเพียงผ้าขาวม้าลายสก๊อตสีแดงพ
เช้าวันต่อมา เมื่อคืนฉันนอนหลับสบายมากๆ คงเป็นเพราะเมื่อตอนกลางวันฉันใช้แรงเยอะมากไปหน่อย ไหนจะต้องปั้นหน้ายิ้มใส่คนที่มาร่วมงานอีก บรรยากาศที่นี่ก็ถือว่าใช้ได้เลยไม่ร้อนอบอ้าว แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนกลางวันจะร้อนหรือเปล่านะ "นี่คุณ ตอนเช้ามีอะไรกิน?""ก็ไปถามแม่บ้านเอาสิ""แล้วคุณจะออกไปไหน?""ฉันจะออกไปทำงาน เย็นๆ ถึงจะกลับมา อยากกินอะไรอยากได้อะไรก็บอกแม่บ้าน" ".....""อ้อ...อย่าแผลงฤทธิ์ล่ะ" "....." อีตาบ้าคนนี้กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉันเนี่ย สงสัยคุณแม่ต้องเล่าให้ฟังแน่ๆ เลยเรื่องที่ฉันแสบซ่าไม่ยอมใคร "นายหัวกินข้าวก่อนสิจ๊ะ กับข้าวเสร็จพอดี" "มีอะไรกินบ้างล่ะ?" "แกงไตปลากับคั่วกลิ้งจ้ะ" "อย่างอื่นไม่มีหรอ ฉันไม่เคยกินของพวกนี้" "ไม่มีแล้วจ้ะคุณนาย" "ห๊ะ ไม่มีอย่างอื่นเลยหรอ ฉันกินอาหารใต้ไม่เป็น" จะว่าฉันเรื่องมากก็ได้ แต่ฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยนาน และฉันก็ไม่ค่อยคุ้นชินกับอาหารไทยสักเท่าไร และก็พอจะรู้มาว่าอาหารใต้รสชาติค่อนข้างแรง ฉันไม่กินเผ็ดนี่สิ "จะเรื่องมากทำไม กับข้าวก็ไม่ได้ทำเอง ที่นี่มีอะไรเขาก็กินอันนั้นกันนั่นแหละ""ฉันไม่ได้เรื่องมากนะ ฉันกินเผ็ดไม่ได้ ทำไมต้
"พูดให้มันดีๆ ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปีนะ""i am sorry ค่า พอดีว่าฉันอยู่เมืองนอกเมืองนามันหลายสิบปี แบบนี้ที่เมืองนอกใครๆ เขาก็ทำกันค่ะ" "เฮ้อ...แล้วคิดจะทำงานบ้านบ้างไหม?""ไม่อ่ะ ทำไมต้องทำด้วยล่ะ?" เธอตอบหน้าตาเฉย "ตอนนี้เธอแต่งงานเป็นเมียฉันแล้ว หน้าที่แม่บ้านดูแลเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านก็เป็นหน้าที่ของเธอไง" "ก็คนมันทำไม่เป็นอ่ะจะให้ทำยังไง" "ไม่เป็นก็หัดสิ เดี๋ยวฉันจะให้คนมาสอน" "จิ๊! น่าเบื่อ" "อยู่บ้านก็อยู่ดีๆ อย่าเดินไปที่ไหนมั่วซั่ว แถวนี้มันเป็นป่างูเงี้ยวเขี้ยวขอมันเยอะ" "ฉันว่าฉันไม่โดนงูกัดตายหรอก จะโดนใครบางคนกัดจนตายมากกว่า" "บอกแล้วไงว่าให้พูดดีๆ ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปีนะ""แล้วพูดไม่ดีตรงไหน? ลองตอบให้ฟังชัดๆ หน่อยสิคะคุณนายหัวไกร...?" "....." "ว่าแต่ แม่ของฉันขอคุยกับคุณ เรื่องอะไรหรอ จะให้ฉันกลับไปอยู่ที่กรุงเทพแล้วใช่ไหม?" "เปล่า...""เอ้า แล้วคุยอะไรกันอ่ะ""ท่านบอกว่าให้เราสองคนรีบมีลูกด้วยกัน""ห๊ะ!!!" *****************ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ "ทำหน้าให้มันดีๆ สิลูกวันนี้วันดีนะ""วันดีของคุณแม่แต่ไม่ใช่วันดีของหนูนะคะ""โถ่ลูกสาวแม่ ถ้าแม่ไม่ทำแบบนี้ลูกก